Home / โรแมนติก / เสน่หา ซ่อนเร้น / ตอนที่ 8 ราตรีที่ลืมไม่ลง (1)

Share

ตอนที่ 8 ราตรีที่ลืมไม่ลง (1)

last update Last Updated: 2024-11-06 21:16:25

เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขา

ขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง

“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ฉันต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา

“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”

“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว

“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน

“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ

“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตู

ฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะออกจากห้องไป ฉันมองตามเธอที่เดินหายไปจนลับสายตา ความเงียบที่ตามมาหลังจากนั้นทำให้ความคิดเกี่ยวกับครูพีทและสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้เริ่มวนเวียนอยู่ในหัวของฉันอย่างไม่หยุดยั้ง

ฉันเลือกชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนที่มีลายดอกไม้เล็กๆ ทั่วทั้งชุด กระโปรงยาวคลุมเข่าและมีแขนเสื้อพองนิดๆ ที่ทำให้ฉันดูสดใสและน่ารักขึ้น ฉันแต่งหน้าเบาๆ และรวบผมครึ่งศีรษะด้วยโบว์เล็กๆ ที่เข้ากับชุด หวังว่าเสื้อผ้าหน้าผมในวันนี้จะดูดีพอสำหรับวันพิเศษนี้

เมื่อถึงเวลาสิบโมงตามนัด ฉันเดินออกมาจากหอพัก ครูพีทก็มารออยู่ที่หน้าประตูแล้ว เขายืนพิงรถของเขาและหันมายิ้มให้ฉัน รอยยิ้มนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่นและมั่นใจมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงยิ่งขึ้น

ครูพีทแต่งตัวเรียบง่ายแต่ดูดีมาก เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดที่เข้ารูปพอดีกับรูปร่างของเขา กางเกงสแล็คสีดำทำให้เขาดูสุภาพและมีเสน่ห์มากขึ้น เขาใส่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่เข้ากับบุคลิกของเขาอย่างลงตัว สายตาของฉันไม่สามารถละไปจากเขาได้เลย

แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็สังเกตเห็นว่าเขากำลังมองมาที่ฉันอย่างตั้งใจ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและความทึ่ง ราวกับว่าเขาไม่คาดคิดว่าฉันจะแต่งตัวน่ารักและสดใสแบบนี้ ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้าขณะที่เขามองฉัน

“ลิลลี่...วันนี้เธอสวยมากจริงๆ”

ครูพีทยกยิ้มมุมปาก แววตาที่อาบย้อมไปด้วยความปรารถนาใคร่อยากทำสิ่งที่มากกว่านี้ ทำให้ฉันรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง

“ขอบคุณค่ะครู คุณก็หล่อมากเหมือนกัน” ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย ความรู้สึกอายและตื่นเต้นปะปนกันอยู่ในใจ

ครูพีทยังคงมองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก สายตาของเขาที่มองฉันนั้นลึกซึ้งและอบอุ่น ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งอยู่ภายในใจ แต่เขาไม่ได้พูดออกมา

“อยู่ข้างนอกเรียกพี่พีทสิ” ครูพีทยิ้มกรุ้มกริ่ม

“จะดีเหรอคะ?” ฉันถามด้วยความไม่แน่ใจ

“ดีสิ” ครูพีทยิ้มกว้างให้ฉัน

“ค่ะ พี่พีท” ฉันตอบรับด้วยความเขินอาย

“ไปกันเถอะ” ครูพีทยิ้ม พร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถให้ฉัน

ขณะที่ฉันนั่งลงในรถและครูพีทขับรถออกไป ฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความตื่นเต้นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจตอนที่เขามองฉัน แต่มันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าฉันเป็นคนสำคัญสำหรับเขา และนั่นก็ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงไม่หยุด

เมื่อรถของครูพีทแล่นเข้าสู่ถนนที่เรียงรายด้วยต้นไม้ใหญ่ ฉันรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เต้นแรงอยู่ในอก ภายในรถเงียบสงบ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่เบาๆ กับเสียงหัวใจของฉันที่เต้นรัวจนฉันได้ยินชัดเจน ครูพีทนั่งขับรถอยู่ข้างๆ ฉัน สายตาของเขาจับจ้องไปยังถนนข้างหน้า ฉันแอบมองการแต่งตัวของครูพีท ที่ช่างดูเรียบง่ายแต่มีเสน่ห์สุดๆ ความคิดของฉันเตลิดไปเมื่อนึกถึงร่างกายภายใต้เสื้อผ้าของเขา

“ลิลลี่ มองฉันแบบนี้ เดี๋ยวฉันขับรถไม่ได้กันพอดี” เสียงของครูพีททำให้ฉันหยุดความคิดทั้งหมด เขาหันมามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะกลับไปสนใจถนนข้างหน้า

“เอ่อ..หนูตื่นเต้นน่ะค่ะ” ฉันตอบเสียงเบา ความรู้สึกหลายอย่างปะปนกันอยู่ในใจ ทั้งความตื่นเต้น ความคาดหวัง และความรู้สึกแปลกๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“นิทรรศการนี้พิเศษมากนะ เป็นการแสดงภาพถ่ายที่ถ่ายทอดเรื่องราวของวรรณคดีผ่านมุมมองของศิลปินหลายคน ฉันคิดว่าเธอต้องชอบแน่ๆ” ครูเจ้าเสน่ห์ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ฉันยิ้มบางๆ และพยักหน้า แม้ในใจจะรู้สึกประหม่า แต่ฉันก็รู้สึกว่าครูพีทเข้าใจในสิ่งที่ฉันรักและสนใจ นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีและรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงได้

เมื่อเราไปถึงหอศิลป์ ครูพีทจอดรถและเดินลงมาช่วยฉันเปิดประตูรถ ฉันรู้สึกถึงลมเย็นๆ ที่พัดผ่านผิวหน้า ทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวมากขึ้น

หอศิลป์แห่งนี้เป็นอาคารที่มีสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์น ดูเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหรา ภายในอาคารเงียบสงบ มีเพียงเสียงก้าวเดินเบาๆ ของผู้เข้าชมนิทรรศการ ฉันรู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยศิลปะและความงดงามที่ล้ำลึก

เมื่อเราเดินเข้าไปในห้องแสดงนิทรรศการ ฉันตะลึงกับภาพถ่ายที่จัดแสดงอยู่ ภาพถ่ายเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ภาพสวยงาม แต่แต่ละภาพล้วนสะท้อนถึงเนื้อหาของวรรณคดีอย่างลึกซึ้ง ทุกภาพเต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนอยู่ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ราวกับว่าแต่ละภาพกำลังเล่าเรื่องราวของมันเอง

“ฉันคิดว่าเธอคงชอบภาพนี้”

ครูพีทกล่าวขึ้นขณะที่เราหยุดยืนอยู่หน้าภาพถ่ายภาพหนึ่ง ภาพนั้นเป็นภาพของหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางป่า โดยมีแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านต้นไม้ลงมาส่องกระทบใบหน้าของเธอ แววตาของหญิงสาวเต็มไปด้วยความเศร้าและความฝัน ราวกับว่าเธอกำลังมองหาบางสิ่งที่หายไป

ฉันจ้องมองภาพนั้นอย่างไม่วางตา รู้สึกถึงความลึกซึ้งของภาพที่แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลาย มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเอง ความรู้สึกที่มักจะแฝงอยู่ในความเงียบ ความปรารถนาที่อยากจะค้นหาความหมายของชีวิต และการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด

“มันสวยมากค่ะ” ฉันพูดออกมาเบาๆ รู้สึกเหมือนเสียงของตัวเองแทบจะหลอมละลายไปกับบรรยากาศในห้องนั้น

“ภาพนี้ทำให้ฉันคิดถึงหลายๆ อย่าง... มันเหมือนกำลังเล่าเรื่องราวของคนที่กำลังตามหาความสุขในชีวิต”

ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันพูด

“เธอเข้าใจมันได้ดีเลยลิลลี่ ศิลปินที่สร้างภาพนี้ต้องการสื่อถึงความปรารถนาที่ลึกซึ้งของมนุษย์ ความต้องการที่จะค้นพบตัวเอง และการเดินทางที่เราทุกคนต้องเผชิญในชีวิต”

ฉันหันมามองครูพีท เขามองฉันด้วยสายตาที่ลึกซึ้งและอบอุ่น ฉันรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ไม่อาจอธิบายได้ระหว่างเรา มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้

หลังจากที่เราใช้เวลาเดินชมภาพถ่ายวรรณคดีในนิทรรศการอย่างเต็มที่ ครูพีทก็พาฉันไปยังร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ภายในหอศิลป์ ร้านอาหารนี้ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น เรียบง่าย แต่หรูหรา มีผนังที่เป็นกระจกใส มองเห็นสวนเล็กๆ ที่มีงานประติมากรรมตั้งอยู่เป็นจุดๆ ลมเย็นๆ พัดเข้ามาเบาๆ ผ่านบานหน้าต่างที่เปิดไว้ ทำให้บรรยากาศภายในร้านรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย

ครูพีทเลือกโต๊ะที่มุมหนึ่งของร้าน ซึ่งเป็นมุมที่เงียบสงบและมีวิวสวนที่สวยงามอยู่เบื้องหลัง ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้อย่างลงตัว ราวกับว่าที่นี่เป็นที่สำหรับเราสองคนโดยเฉพาะ

“ร้านนี้มีเมนูที่น่าลองหลายอย่าง” ครูพีทพูดพลางเปิดเมนูให้ฉันดู

“เธออยากลองอะไรเป็นพิเศษไหม?”

ฉันมองเมนูที่เต็มไปด้วยรายการอาหารที่มีชื่อเสียงและการนำเสนอที่สวยงาม ทุกอย่างดูน่าทานไปหมด แต่ฉันยังลังเลเล็กน้อย

“หนูไม่แน่ใจค่ะครู เอ่อ พี่พีท... ทุกอย่างดูน่าทานไปหมด” ฉันเปลี่ยนสรรพนามทันที เมื่อเห็นดวงตาคมกริบมองจ้องมา ครูพีทคลี่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“งั้นฉันจะช่วยเลือกให้แล้วกันนะ ฉันคิดว่าเธอน่าจะชอบลองชิมเมนูนี้” เขาชี้ไปที่เมนูพิเศษของร้าน ซึ่งเป็นสลัดที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่ที่ปลูกในสวนของหอศิลป์เอง ตามด้วยพาสต้าเส้นสดที่ปรุงด้วยซอสทรัฟเฟิลหอมกรุ่น

ฉันพยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ลองอาหารที่ครูพีทเลือกให้

ไม่นานนัก อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสลัดสดและซอสทรัฟเฟิลลอยขึ้นมาแตะจมูก ทำให้ฉันรู้สึกหิวมากขึ้น พอเริ่มทาน ฉันพบว่าอาหารนั้นอร่อยเกินกว่าที่ฉันคาดไว้ ความสดของวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารนี้สะท้อนถึงความพิถีพิถันของเชฟ ทำให้ทุกคำที่ฉันลิ้มรสนั้นเต็มไปด้วยความสุข

“รสชาติเหมือนที่ฉันบอกมั้ย?” ครูพีทถาม

“ค่ะ... อร่อยมากจริงๆ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มให้

ขณะที่เราทานอาหารไปพร้อมกับพูดคุยเรื่องวรรณคดีและศิลปะที่เราได้ชมในนิทรรศการ ครูพีทก็เปิดเผยเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขา เขาเล่าให้ฉันฟังถึงความรักในศิลปะและวรรณกรรมตั้งแต่วัยเด็ก และเหตุผลที่เขาตัดสินใจย้ายมาทำงานในประเทศไทย ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่าเราสองคนมีความเข้าใจและเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น

ฉันรับฟังเรื่องราวของเขาด้วยความสนใจและเคารพในตัวตนของเขามากขึ้น ในขณะที่ฉันก็เปิดใจเล่าเรื่องราวบางส่วนของตัวเองให้เขาฟัง แม้จะไม่ได้เปิดเผยทุกอย่างที่ฉันซ่อนอยู่ในใจ แต่ฉันก็รู้สึกว่าการได้พูดคุยกับเขาทำให้ฉันรู้สึกเบาสบาย และรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ฉันสามารถวางใจได้

บรรยากาศในร้านอาหารที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงพูดคุยเบาๆ ระหว่างเราสองคน และเสียงดนตรีคลอเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเรากำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของเราเอง

หลังจากทานอาหารเสร็จ ครูพีทก็พาฉันไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆ กับหอศิลป์ เป็นสวนที่มีบรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ สวนนี้เป็นสถานที่ที่คนเมืองมักจะมาใช้เวลาพักผ่อนในช่วงเย็น ฉันรู้สึกตื่นเต้นกับการได้ใช้เวลาเพิ่มเติมกับครูพีทในสถานที่ที่ดูผ่อนคลายและธรรมชาติแบบนี้

เมื่อเรามาถึงสวนสาธารณะ สายลมเย็นๆ ของยามเย็นพัดผ่าน ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและสดชื่น เราเดินไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินและล้อมรอบด้วยต้นไม้สูงที่ให้ร่มเงา เสียงนกร้องและเสียงลมพัดผ่านใบไม้ทำให้บรรยากาศในสวนดูเงียบสงบและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

“ลิลลี่ เธอชอบสถานที่นี่ไหม?” ครูพีทถามขณะที่เราหยุดยืนอยู่ริมบ่อน้ำเล็กๆ ที่มีดอกบัวเบ่งบานอยู่

“ชอบมากค่ะ” ฉันตอบพร้อมกับยิ้มออกมา

“มันทำให้ฉันรู้สึกสงบและผ่อนคลายมาก”

ครูพีทยิ้มตอบก่อนจะหันไปมองวิวรอบๆ “ฉันก็ชอบที่นี่มากเหมือนกัน เวลาที่รู้สึกเครียดหรือเหนื่อยจากงาน ฉันก็มักจะมาที่นี่ มันทำให้รู้สึกว่าสามารถปลดปล่อยความคิดและรีเซ็ตตัวเองได้”

เรายืนมองวิวทิวทัศน์รอบๆ บ่อน้ำอย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง จู่ๆ ลมก็เริ่มพัดแรงขึ้น พร้อมกับเมฆดำที่ลอยเข้ามาปกคลุมท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ฉันเริ่มรู้สึกถึงละอองฝนที่ตกลงมากระทบผิวหน้าของฉันเบาๆ ก่อนที่ฝนจะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็กลายเป็นพายุฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“ฝนตกหนักแล้ว เราต้องรีบหาที่หลบแล้วล่ะ!” ครูพีทพูดพร้อมกับพาฉันวิ่งไปที่รถ แต่ด้วยฝนที่ตกหนักและไม่มีที่หลบที่ใกล้พอ ทั้งฉันและครูพีทต่างเปียกปอนไปหมด ฝนที่ตกหนักทำให้เสื้อผ้าและผมของฉันชุ่มน้ำไปจนถึงผิวหนัง ฉันรู้สึกเย็นสั่นจากน้ำฝนที่ซึมเข้ามาทุกส่วนของร่างกาย แต่ก็ไม่สามารถห้ามความตื่นเต้นและสนุกที่เกิดขึ้นได้

เมื่อเราวิ่งมาถึงรถ ครูพีทรีบเปิดประตูและพาฉันเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็ว ฉันนั่งหายใจหอบเล็กน้อย ขณะที่ฝนยังคงกระหน่ำตกลงมากระทบกระจกหน้าต่างเสียงดัง ฝนที่ตกลงมาทำให้เสื้อผ้าตัวนอกของฉันเปียกปอนจนแนบไปกับผิว ร่างกายสั่นระริกด้วยความหนาว

“เธอเปียกหมดเลย”

สายตาของครูพีทกวาดตามร่างกายของฉันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เสื้อผ้าที่เปียกปอนแนบชิดไปกับผิวเผยให้เห็นสัดส่วนที่น่าทึ่ง เมื่อสายตาของเขาหยุดนิ่งอยู่ที่เสื้อชั้นในสีแดงเลือดหมูที่โผล่พ้นจากคอเสื้อที่เปียกชุ่ม ความร้อนในดวงตาของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาทันที ริมฝีปากกระชับแน่นราวกับกำลังกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้

“ฉันคงต้องหาที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ก่อนที่เธอจะเป็นหวัด”

“แต่เราจะไปไหนคะ?” ฉันถามด้วยความกังวล

ครูพีทนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นมา

“คอนโดฉันอยู่แค่นี้เอง เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและรอให้เสื้อผ้าแห้งก็แล้วกัน”

ฉันลังเลเล็กน้อย เพราะไม่เคยไปที่พักของครูพีทมาก่อน แต่สถานการณ์ตอนนี้ก็คงไม่มีทางเลือกมากนัก ฉันพยักหน้าตอบตกลง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสน่หา ซ่อนเร้น   ตอนที่ 61 จุดเริ่มต้นแห่งรักนิรันดร์

    ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางลอนดอนเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันอบอุ่นของผู้คนที่แต่งกายอย่างสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวเรียบหรูตัดกับแสงไฟระยิบระยับ พ่อเฮนรี่และพ่อของครูพีทยืนอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งสองทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงออร์เคสตราที่มุมห้อง เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายงดงามในชุดทางการ ผู้หญิงในชุดราตรียาวสวยหรู ส่วนผู้ชายในสูทตัดเย็บอย่างประณีตฉันยืนอยู่ด้านหลังม่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่า สวมชุดราตรีสีขาวงาช้างที่ออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ผ้าซาตินเนื้อดีจับเดรปอย่างประณีต โอบรับช่วงเอวให้ดูคอด ก่อนชายกระโปรงจะบานออกเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย ผมยาวของฉันถูกเกล้าเป็นมวยต่ำ ประดับด้วยไข่มุกเล็กๆ ที่จัดวางอย่างละเมียดละไม ต่างหูเพชรระยิบระยับที่แม่เลือกให้อย่างพิถีพิถัน ยิ่งช่วยขับความงดงามของลุคนี้ให้สมบูรณ์แบบฉันสูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตใจขณะเสียงพูดคุยจากห้องจัดเลี้ยงดังแว่วเข้ามาเสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ของแขก

  • เสน่หา ซ่อนเร้น   ตอนที่ 60 คู่หมั้น (3)

    “พี่พีท!!”เสียงอุทานของลิลลี่ดังขึ้น ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าทั้งงุนงงและไม่เชื่อสายตาของเธอ“ว่าไงครับ?คู่หมั้นของผม” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ พลางส่งยิ้มให้เธอ“ทะ...ทำไม?” ลิลลี่ยังคงอึ้งจนแทบพูดไม่ออก คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยปรากฏชัดในสายตาของเธอ“ยังจะปฏิเสธผมอีกมั้ย?” ผมถามยั่วเย้า รอยยิ้มของผมยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงซ่านของเธอผมยื่นมือขึ้น ลูบแก้มเธอเบาๆ ราวกับต้องการย้ำเตือนให้เธอรู้ว่านี่คือความจริง ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวอ่อนนุ่มของเธอ ความคิดถึงที่เก็บสะสมมานานพลุ่งพล่านขึ้นมาจนผมแทบระงับไว้ไม่อยู่“คิดถึงจะแย่แล้ว เธอล่ะ คิดถึงฉันมั้ย?”“คือ...หนู...งงไปหมดแล้ว...” ลิลลี่ยังคงมึนงง เธอพึมพำเหมือนยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น“หนูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ?” ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมด้วยความไม่แน่ใจ มือเรียวเล็กเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวผมเบาๆ ราวกับต้องการพิสูจน์ผมยิ้มอ่อนให้เธอ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ กดจูบลงบนริมฝีปากบางของเธอด้วยความอ่อนโยน ความคิดถึงทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านจูบนั้นริมฝีปากของเราส

  • เสน่หา ซ่อนเร้น   ตอนที่ 59 คู่หมั้น (2)

    เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกบังคับให้พบกับว่าที่คู่หมั้น และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขัดจังหวะความคิดในหัว ก่อนที่แม่บ้านจะเปิดประตูเข้ามา พร้อมสาวใช้ประจำตัวของฉันที่เดินตามหลัง“คุณหนูคะ คุณหญิงสั่งให้เราเตรียมตัวให้คุณดูดีที่สุดค่ะ” แม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม“ดูดีที่สุด?” ฉันทวนคำในใจอย่างขมขื่น ราวกับคำสั่งนี้ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่กำลังต่อต้าน“วันนี้คุณหญิงบอกว่ามีแขกคนสำคัญจะมาเยี่ยมค่ะ”สาวใช้พูดเสริม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดเดรสผ้าซาตินสีขาวออกมาชุดที่พวกเธอเลือกเป็นเดรสที่ดูเรียบหรู ตัดเย็บอย่างประณีต พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีเงินที่เข้ากัน ทุกอย่างดูงดงามและเหมาะสมเกินกว่าจะปฏิเสธพวกเธอช่วยฉันแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน เส้นผมยาวสลวยถูกจัดเป็นลอนคลายอย่างอ่อนหวาน และเกล้าครึ่งศีรษะอย่างประณีต ใบหน้าของฉันได้รับการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง

  • เสน่หา ซ่อนเร้น   ตอนที่ 58 คู่หมั้น (1)

    ชีวิตฉันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในฝันที่ทั้งสวยงามและวุ่นวายไปพร้อมกัน หลังจากได้รับรางวัลนักเขียนบทวรรณคดีดีเด่น งานเขียนและโปรเจกต์ใหม่ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉันพยายามจัดการทุกอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแสดงให้แม่เห็นว่าฉันสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือการติดต่อกับครูพีท เรายังคงแลกเปลี่ยนข้อความและวิดีโอคอลกันเสมอ ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อยล้าหรือรู้สึกท้อแท้ คำพูดที่แสนอบอุ่นของเขาก็เหมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ฉันยืนหยัดต่อไปแต่แล้ววันที่ฉันไม่เคยคาดคิดก็มาถึง...เย็นวันศุกร์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ฉันเพิ่งกลับมาจากงานสัมมนาวรรณกรรม ใบหน้าฉันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากคำชื่นชมที่ได้รับในวันนี้ แต่เมื่อฉันเปิดประตูห้องพักเข้าไป ฉันต้องชะงัก“แม่?” ฉันเรียกด้วยความประหลาดใจ“แม่มาได้ไงคะ?”“ลิลลี่ ไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แม่พูดเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องพักไป ทิ้งฉันไว้กับความงุนงง แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไปไม่นานนัก แม่ก็พาฉันมาถึงบ้านของพ่อเฮนรี่ บ้านหล

  • เสน่หา ซ่อนเร้น   ตอนที่ 57 บทใหม่ของชีวิต (2)

    ทันทีที่ฉันเปิดประตู ใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของฉัน“พี่พีท!!”เสียงของฉันแทบจะหลุดเป็นเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจและดีใจสุดขีด ราวกับว่าเวลาในตอนนั้นหยุดนิ่ง มีเพียงสายตาของเราที่สบกัน และหัวใจของฉันที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาครูพีทโน้มตัวลงมาจูบฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากร้อนทาบลงอย่างแนบแน่น มือใหญ่ประคองใบหน้าฉันไว้มั่น ก่อนจะดันตัวฉันเข้ามาในห้องพร้อมปิดและล็อคประตูเขาดันฉันไปชิดกับผนัง ริมฝีปากกดจูบอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนา ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนและดูดดุนลิ้นของฉันอย่างลึกซึ้ง จนหัวใจฉันเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะมือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของฉัน ปลดตะขอบราออกด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเลื่อนขึ้นมาสัมผัสอกอวบอิ่ม คลึงเบา ๆ จนยอดถันชูชันตอบรับต่อสัมผัสอันร้อนแรง“อื้ม..”ฉันครางเบา ๆ ในลำคอ ความเสียวซ่านพุ่งผ่านทุกอณูเมื่อปลายนิ้วของเขาบีบคลึงยอดถันกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านฉันดึงเสื้อของเขาออกจากศีรษะอย่างรวดเร็ว มือบางลูบไล้ไปตามลอนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามของเขา เราสบตากันชั่วครู่ก่อนริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง จูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับไม่มีสิ่งใดในโ

  • เสน่หา ซ่อนเร้น   ตอนที่ 56 บทใหม่ของชีวิต (1)

    เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูใจกลางลอนดอน ผู้คนในชุดทางการต่างลุกขึ้นยืนปรบมือแสดงความยินดี ฉันยืนอยู่บนเวทีด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มือข้างหนึ่งถือรางวัล “นักเขียนบทวรรณคดีดีเด่นแห่งปี” ส่วนอีกข้างยกขึ้นโบกมือให้กับผู้คนที่มาร่วมงานฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตในวัยเพียง 19 ปี จะพาฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้อ่านและนักวิจารณ์ นิตยสารชื่อดังต่างพูดถึงฉันในฐานะคนรุ่นใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในเจเนอเรชันเดียวกันหลังจากการมอบรางวัลสิ้นสุดลง ฉันเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้ม ทีมงานของผู้จัดงานพาฉันไปยังห้องรับรองเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างเดิน ฉันพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติและเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกสงบนิ่ง พร้อมที่จะเล่าถึงเส้นทางที่พาฉันมาถึงจุดนี้“คุณลิลลี่ อลิสา วัฒนชัย” มิเชล ผู้สัมภาษณ์คนแรกจาก The London Chronicle สำนักข่าววรรณกรรมชื่อดังแห่งลอนดอนกล่าวขึ้น ขณะนั่งลงตรงข้ามฉันในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา“คุณกลายเป็นบุคค

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status