“เราไม่รู้จริงๆ นะนนท์ว่าน้องอ้อนเขาแพ้แอลกอฮอล์ ก็เห็นพี่มิรันเขาบอกว่าน้องอ้อนอยากดื่มฉลองให้นนท์ พวกเราก็เลยให้น้องเขาดื่ม เราไม่รู้จริงๆ สาบานได้” เสียงของสาวๆ ในกลุ่มอธิบายยืดยาวพร้อมโบ้ยมาทางมิรันตีที่ยืนหน้าบิดเบ้ด้วยความกราดเกรี้ยวเมื่อเห็นว่าพวกที่หาได้เริ่มแปรพรรค
“ใช่ เราไม่รู้จริงๆ เอ่อ...ฉันว่ากลับก่อนนะนี่เริ่มดึกแล้วเดี๋ยวมาม้าเป็นห่วงไปๆ พวกเรากลับดีกว่าดึกแล้ว ใครจะกลับพร้อมฉันบ้าง มาๆๆ” แล้วเพื่อนๆ ที่เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องทำตัวเป็นลูกที่ดีก็เริ่มทยอยเอาตัวรอดเมื่อเห็นว่ารังสีอำมหิตเริ่มแผ่กระจายจนร้อนระอุ
“พี่ไม่รู้เหมือนกันนะคะน้องนนท์ ก็อ้อนเขาอยากดื่มเองพี่ก็แค่ทำตามความต้องการของอ้อนเขา แล้วแก้วนี้ก็สุดท้ายแล้วด้วย” มิรันตีบอกเสียงสะบัดนิดๆ เมื่อเห็นว่าแผนการของตนเริ่มจะผิดแผนเสียแล้ว
“เราก็แค่อยากให้น้องอ้อนสนุกเท่านั้น ก็พวกเราไม่เคยเห็นน้องอ้อนเขาเข้ากลุ่มกับพวกเราเลย” เธอรีบหาข้ออ้างที่พอจะได้พรรคพวกที่มีคนหมั่นไส้สาวน้อยที่เริ่มจะยืนไม่อยู่ตรงหน้า
“อ้อนไม่ดื่มเหล้า ผมรู้ดีและไม่มีทางที่จะทำแบบนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่ว่าจะมีคนจงใจให้อ้อนดื่มเพราะมีแผนการบางอย่าง” ชายหนุ่มพูดอย่างที่ใจนึกเพราะเขารู้สึกไม่ไว้ใจมิรันตีและภูริตา เมื่อครู่นั้นที่เขาตามภูริตาไปนึกว่าเธอจะมีเรื่องปรึกษาจริงๆ แต่กลับพบว่าหญิงสาวพูดแต่เรื่องแฟชั่นไร้สาระและพูดจาให้ร้ายอโนมาตลอดซึ่งเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่ เมื่อออกมาก็พบสาวน้อยอยู่กลางวงล้อมของเพื่อนๆ ของเขาที่แต่ละคนล้วนแต่จ้องจะกลั่นแกล้งอโนมาเพียงแค่เห็นว่าสาวน้อยหน้าหวานคนนี้ไม่ได้อยู่ในแวดวงคุณหนูเทวดาอย่างพวกเขาและมักจะถูกเพื่อนๆ ของเขาพูดจาถากถางอยู่บ่อยๆ
“ถ้างั้นแก้วนี้ฉันดื่มเองถ้ามันจะทำให้พวกนายคิดได้บ้างว่าทำเรื่องน่าอายที่แกล้งได้แม้แต่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เขาไม่ได้มีเหมือนพวกนาย” ว่าแล้วเครื่องดื่มสีสวยแต่รสชาติฝืดเฝื่อนไม่คุ้นลิ้นก็ไหลลงสู่ลำคอแกร่งจนหมดแก้ว แล้วอุ้มร่างบางของอโนมาซึ่งล้มพับไปแล้วในอ้อมแขนของเขา รัชชานนท์เดินดุ่มๆ ไปที่รถแล้วจัดแจงพาร่างบางเข้าไปนั่งก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องออกไป เมื่อภูริตากับมิรันตีเห็นว่ารถของรัชชานนท์กำลังจะขับเคลื่อนออกไปต่างก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะทุกอย่างเริ่มจะผิดแผนและส่อเค้าความวุ่นวาย ภูริตาก็รีบวิ่งไปดักหน้ารถยนต์คันหรูทันที
“นนท์ นนท์คะ จะพาแม่นี่ไปไหนน่ะ ลงมาก่อนค่ะ เดี๋ยวริต้าช่วยดูให้นะคะ” เธอเคาะกระจกรถเบาๆ หวังจะหยุดชายหนุ่มที่แอบรักหนักหนาไม่ให้ไปกับมารหัวใจ
“ถอยไปริต้าเดี๋ยวจะหาว่าผมใจร้าย” เขาเอ่ยเสียงเครียดเพราะเริ่มจะรู้สึกว่าร่างกายมีปฏิกิริยาที่แปลกไปจากเดิม
“ไม่ค่ะนนท์ต้องลงมาก่อนเดี๋ยวริต้าให้คนขับรถไปส่งอ้อนเอง”
“ไม่ต้อง ถอยไปริต้าผมรู้ว่าคุณไม่ได้หวังดีสักเท่าไหร่ อย่าให้ผมต้องพูดประจานผู้หญิงเลยนะ ถอยออกไปก่อนที่ผมจะไม่อยากมองหน้าคุณอีก...ตลอดชีวิต” คราวนี้เสียงเริ่มขุ่นเขาจงใจเน้นคำว่า ตลอดชีวิต ใส่ใบหน้างามที่ซีดเผือดของภูริตาที่ตอนนี้นิ่งงันด้วยความคาดไม่ถึง
ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มแดงก่ำเพราะความโกรธและความร้อนรุ่มที่เริ่มแผ่กระจายตามร่างกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าตัวเองกำลังเจอเรื่องยุ่งยากเข้าให้แล้ว และเขาจะผ่านมันไปได้หรือไม่ในคืนนี้...
ร่างบางที่อ่อนแรงสะลึมสะลือเพราะอาการแพ้แอลกอฮอล์เริ่มรู้สึกตัวเพราะแรงกระชากของรถซึ่งกระตุกเล็กน้อย เปลือกตาบางพยามยามลืมตามองหน้าชายหนุ่มซึ่งเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อผุดพราวและแรงหายใจหอบถี่ราวกับว่าเพิ่งวิ่งมาจากที่ๆ ไกลแสนไกล
“นนท์ เป็นอะไรรึเปล่า ท่าทางนนท์แย่จัง”
“ไม่เป็นไร อ้อนนอนเถอะถึงบ้านแล้วนนท์จะปลุก”
“แต่นนท์ดูแย่มากเลย ยังไงแวะคอนโดนนท์ก่อนมั้ย ถ้าขับรถต่อไปคงไมถึงบ้านทั้งสองคน” เธอไว้ใจเขาจึงบอกไปอย่างนั้นเพราะตลอดเวลารัชชานนท์เป็นสุภาพบุรุษเสมอ แต่วันนี้มันต่างออกไปแต่สาวน้อยก็มิอาจรู้ได้ว่าค่ำคืนนี้เธอต้องเจอกับสิ่งใด
“นะ นนท์ อ้อนกลัวท่าทางนนท์แย่มากเลย”
“อ้อนไม่รู้หรอกว่าหากนนท์แวะคอนโด อ้อนต้องเจอสิ่งที่น่ากลัวกว่า” เขากัดฟันบอกสาวน้อยที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
“อ้อนไม่รู้หรอกว่านนท์พยายามทำเพื่ออ้อน”
“ไม่หรอกนนท์ ตอนนี้ฝนทำท่าว่าจะตกแล้วนนท์ก็เป็นแบบนี้จะให้อ้อนไว้ใจอะไรได้ แล้วนนท์เป็นอะไรไปคะ” สาวน้อยพยายามพยุงกายเอื้อมมือมาแตะแขนแกร่งและรับรู้ได้ถึงแรงกระตุกของคนที่นั่งเหงื่อโทรมกาย “นนท์...เป็นอะไร?”
“อย่าแตะตัวนนท์ อ้อนถอยไปห่างๆ!” เขากระชากเสียงมองเธอตาขวาง
“เกิดอะไรบางอย่างกับนนท์ใช่มั้ย?”
“ใช่...นนท์กำลังจะคลั่งอ้อนไม่เข้าใจหรอก” ใช่...อโนมาไม่มีวันเข้าใจและไม่มีวันรู้ว่าอสูรร้ายที่ซ่อนอยู่ในตัวเขากำลังจะออกมา กำลังจะแสดงตัวตนที่น่ากลัวและน่าขยะแขยงยิ่งนักชายหนุ่มคิดอย่างหดหู่
“โธ่นนท์ ถ้าอ้อนช่วยได้ก็ให้อ้อนช่วยเถอะ นะ...”
“อ้อน นนท์ถูกวางยา มันเป็นยาปลุกอารมณ์อย่างว่าและตอนนี้นนท์ต้องการปลดปล่อย...อ้อนเข้าใจใช่ไหม ว่าเพราะอะไรนนท์ถึงไม่อยากให้อ้อนเข้ามาใกล้ และต้องไปส่งอ้อนที่บ้านให้เร็วที่สุด”
“ไม่จริงใช่มั้ย” สาวน้อยส่ายหน้าจนผมสลวยกระจาย
“แล้วต้องทำไง นนท์ถึงจะหาย”
“อ้อนอย่าถามได้มั้ย เพราะนนท์ไม่มีวันทำอย่างนั้น”
“แต่นนท์คะ ยังไงก็แวะคอนโดนนท์ก่อนละกัน ขืนฝืนร่างกายไปแบบนี้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”
“...” ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากที่แห้งผากแต่รัชชานนท์ก็ยอมเลี้ยวรถเข้าคอนโดหรู ที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของอยู่และมันก็เป็นทางผ่านก่อนไปบ้านสวนของอรุณนารีเพื่อนรักของอโนมาเพราะอโนมานั้นย้ายเข้าไปอาศัยอยู่บ้านเดียวกับเพื่อนรักได้เกือบปีแล้ว
เมื่อรถจอดสนิทร่างบางพยายามลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูรถอีกด้านเพื่อพยุงร่างสูงที่ตอนนี้เริ่มทุรนทุรายเพราะยาเริ่มออกฤทธิ์รุนแรงขึ้นแต่รัชชานนท์ก็พยายามฝืนจนใบหน้าหล่อเหลาเหยเกแดงสลับซีดจนน่ากลัว
ตอนที่ 140. อวสาน“มันผ่านไปแล้วริต้าตอนนี้เธอมีชีวิตที่สดใส และมีพวกเราอยู่ข้างๆ และตอนนี้เธอก็ได้ชดใช้มันแล้ว ไม่เอาไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆ แบบนั้นอีก” เนตรนาราปลอบ“นั่นสิริต้า ตอนนี้พวกเราผ่านพ้นเรื่องร้ายนั้นมาแล้วอย่าคิดมากนะยังไงเราก็ยังคงอยู่ด้วยกันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ปล่อยวางความเจ็บปวด ความอาฆาตพยาบาทที่มันไม่เคยให้คุณแก่ใคร” อโนมากุมมือผอมบางนั้นอย่างจริงใจทั้งน้ำเสียงและแววตาจนภูริต้าน้ำตาซึมด้วยความตื้นตันใจที่เธอโชคดีเหลือเกินที่พบเจอและได้หญิงสาวทั้งสามคนนี้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาจิตใจที่กระเจิดกระเจิงและเคยสกปรกของเธอด้วยความรักและจริงใจอย่างสม่ำเสมอ“ริต้าดีใจจัง”“พวกเราก็ดีใจที่ริต้ามีความสุขและหายดีแล้ว แล้วนี่ริต้าอยากจะออกไปอยู่กับพวกเราไหม” อโนมาถามด้วยความเป็นห่วงเธออยากให้ภูริตาไปอยู่ที่บ้านด้วยเพราะเห็นว่าภูริตาหายดีแล้ว“ไม่หรอกอ้อนขอบใจมากนะ ริต้าอยากอยู่ที่นี่ อยากช่วยเหลืออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ที่นี่ต้องการริต้า ริต้ารู้สึกอย่างนั้น เพราะมีหลายๆ คนที่เคยเป็นเหมือนริต้าหรือบางคนอาจเป็นมากกว่าด้วยซ้ำไป และบางทีเคยมีคนที่เคยเข้ารับการรัก
ตอนที่ 139.ไอรดาพูดยิ้มๆ และหัวเราะออกมาอย่างขบขันสามีที่ทำท่าราวน้องเก้าลูกชายชอบทำเวลาที่งอนง้อเธอ ไอ้ท่าชูนิ้วก้อยดุ๊กดิ๊ก ทำหน้าตาให้ดูเด็กและน่ารักอย่างที่สุด ถ้าน้องเก้าทำเธอคิดว่ามันก็น่ารักดี แต่พอสามีทำมันเหมือนตัวตลก แต่ก็น่ารักดีเหมือนกัน“นี่น้ำแข็งแกล้งพี่กันต์เหรอ” ชายหนุ่มร้องออกมาอย่างงอนๆ บ้างและทำหน้าบึ้งตึงจนดูตลก“โถๆๆ ก็สามีสุดหล่อน่ารักขนาดนี้น้ำแข็งจะใจร้ายแกล้ง หรือโกรธได้ยังไงล่ะคะ” ไอรดาหัวเราะท่าทางของสามีอย่างไม่เก็บอาการ“ว้าย! พี่กันต์บ้าทำอะไรคะ”แล้วเธอก็ต้องร้องเสียงดังอย่างตื่นตระหนกเมื่อร่างอวบอิ่มด้วยอายุครรภ์สี่เดือนในตอนนี้ถูกสามีอุ้มจนตัวลอย จนเธอเองต้องรีบโอบลำคอหนาด้วยกลัวตกแล้วหันมามองหน้าสามีอย่างตื่นตกใจ“พี่กันต์จะทำโทษคนเจ้าเล่ห์ขี้เกรงให้สามีน้อยใจ เสียใจ เพราะฉะนั้นเมียจ๋าต้องโดนทำโทษ หนักๆ”ชายหนุ่มเอ่ยชิดใบหน้างามที่ขึ้นสีเรื่ออย่างมีความหมาย ดวงตาคมกล้าเป็นประกายเต็มไปด้วยความต้องการปิดไม่มิด และคนที่จะถูกทำโทษรู้ดีว่าการลงโทษของสามีนั้นหวานฉ่ำและเร่าร้อนเพียงใด“บ้า คนหื่น ปล่อยน้ำแข็งเลยนะ น้ำแข็งจะไปดูน้องเก้า”“ไม่ต้องแล้วที่รัก
ตอนที่ 138.“ดูสิสองคนนี่ไม่รู้จักโตเล่นเป็นเด็กๆ ไปได้” อัคคีบ่นเบาๆ กับอโนมาอย่างระอาในความซุกซนและเล่นกันเหมือนเด็กของเนตรนารา ที่ในสายตาของผู้เป็นพี่ เนตรนาราไม่เคยโตเลยสักครั้ง“โธ่ยัยเนตรกับแมงปอน่ะเขาก็เล่นกันแบบนี้มานานแล้วล่ะคะพี่อัคคี”“ถึงว่าสิหาแฟนไม่ได้สักที เฮ้อนี่แล้วเมื่อไหร่สองคนนี่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กๆ เสียที” กันต์พลอยบ่นไปด้วย“เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะพี่กันต์ ดูสิลูกตัวเองนั่นแหละเชียร์เขาเหย็งๆ อยู่นั่นๆ แล้วยังเอานวมมาให้อาน้ำเล่นชกมวยด้วยดูสิซนจริงๆ”“แล้วนั่นน้องกระต่ายก็เอากับเขาด้วย ดูสิคะพี่อินคำลูกสาวเราน่าตีจริงๆ เลย” แม่เลี้ยงเกศราบ่นเหมือนไอรดาเมื่อทั้งน้องกระต่ายและน้องเก้าล้อมหน้าล้อมหลังเนตรนาราและเล่นชกกันที่สนามหญ้านุ่มอย่างสนุกสนาน “แม่ครับ พ่อครับ เมียผมไปไหน” กันต์วิ่งหน้าตื่นเข้ามาคุณการันกับคุณกานติมาซึ่งกำลังนั่งดูหลานชายสุดที่รักวาดรูประบายสีอยู่ในห้องนั่งเล่นอย่างเพลิดเพลิน“อะไรของแกอีกล่ะกันต์” คุณกานติมาเงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่หน้าตาตื่น เหงื่อแตกพลั่กอยู่ด้วยความระอา นับวันจะรักจะหวงภรรยาคนสวยจนแทบไม่เป็นอันกินอันนอน“ก็น้ำแข็งน่ะสิ หายไป
ตอนที่ 137.“ใช่ น่าเบื่อโดยเฉพาะยัยเด็กปลายฝนต้นหนาวนั่นน่าเบื่อมากๆ วันๆ ไม่พูดไม่จาเกาะแม่อ้อนแจ ประจบประแจงน่าดู ฉันไม่ชอบหน้าแม่นี่เลยนิสัยไม่ดี” อัคราเสริมคำพูดของสิงหราชเพื่อนรักที่ตอนนี้เขาทั้งสองกำลังจะไปเรียนเมืองนอกด้วยกัน อัคราเรียกอโนมาว่าแม่อ้อนตามน้องอิ่มอุ่นนับแต่อโนมาเข้ามาอยู่ในบ้านในฐานะของภรรยาของอัคคีอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอาจเป็นเพราะเขาต้องการใครสักคนและยิ่งเมื่อแม่ของเขามาตายจากไปเมื่อหลายปีก่อนเขายิ่งต้องการความรักและความอบอุ่น และแม่อ้อนของเขาก็คือคนที่เติมเต็มความรักความอบอุ่นนั้นให้เขาแม้มันจะไม่เต็มร้อยเสียทีเดียวแต่ความรักและความเอาใจใส่ที่อโนมามีให้เขาก็ชดเชยสิ่งที่เขาขาดได้มากพอที่จะทำให้ใจที่ว่างเปล่าของเขาไม่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวและไม่รู้สึกว่าเขาขาดความอบอุ่น“นายก็ว่าน้องฝนเขาเกินไป ฉันไม่เห็นว่าเขาจะเป็นอย่างที่นายว่า น้องฝนออกจะน่ารักและเรียบร้อยนิสัยดี พูดก็เพราะไม่เหมือนน้องอิ่มอุ่นเลยพูดก็ไม่เพราะซ้ำยังอวบระยะสุดท้ายด้วยโตขึ้นมีหวังเป็นโอ่งมังกรแหงๆ เลยฮ่าๆ”สิงหราชหนุ่มน้อยวัยสิบห้าตั้งใจเอ่ยเสียงดังให้สาวน้อยวัยเก้าขวบเศษตัวอ้วนกลมซึ่งนั่งหวีผมใ
ตอนที่ 136.“อ้าวไหงมาแขวะฉันได้ล่ะนี่เดี๋ยวไม่เป็นคนขับรถให้เลยนี่” เนตรนาราร้อนตัวทันทีสร้างความขบขันให้กับสองสามีภรรยาที่นั่งกอดกันกลมอยู่เบาะหลังปล่อยให้เธอทำหน้าที่คนขับรถ หญิงสาวมองภาพความสุขของเพื่อนรักกับพี่ชายคนเดียวของเธอด้วยความสุขเธอรู้สึกดีใจและปลื้มใจมากที่วันนี้คนที่เธอรักทั้งสองคนได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขซึ่งเธอเองก็ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าพี่ชายกับเพื่อนของเธอจะมาลงเอยด้วยการรักกันและใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้อย่างในวันนี้ วันนี้ฟ้าใสแล้วไม่มืดมัวและเจ็บปวดอย่างที่ผ่านมา เนตรนาราขับรถไปด้วยรอยยิ้ม“อุ้ย พี่อัคคีคะอ้อนปวดท้อง” อยู่ๆ อโนมาก็รู้สึกปวดหน่วงๆ ที่ท้องและรู้สึกเหมือนมีน้ำคร่ำไหลซึมออกมาเล็กน้อย“จริงหรืออ้อน แล้วพี่จะทำไงดีล่ะ ยัยน้ำๆ” อัคคีตื่นเต้นและทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการเป็นพ่อมาก่อน และตอนนี้เขาก็อยู่กลางถนนที่การจราจรคับคั่งเสียด้วย“ใจเย็นๆ เฮียไม่ต้องตื่นเต้น แหมไอ้ที่บวชๆ มาศึกษามากระเจิงเลยนะเฮียแค่เจอเมียเจ็บท้องเนี่ย” เนตรนาราไม่วายมีอารมณ์ขันแต่เธอก็พยายามหลบหลีกหาทางไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด“ยัยน้ำเรานี่มันจริงๆ เลยนะ เอ้ารีบเ
ตอนที่ 135.“ขอรับท่านประธานคนสวย เชิญขอรับกระผม...” เนตรนาราล้อเลียนเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มทะเล้นอโนมายิ้มรับด้วยความสุข หญิงสาวตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว หลังจากที่อัคคีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุและจำพรรษาอยู่ที่วัดประจำหมู่บ้านซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอที่เชียงรายเธอก็ได้แต่เพียงส่งข่าวผ่านเนตรนาราซึ่งขึ้นเหนือไปทุกๆ เดือนเพื่อไปทำบุญและดูความเป็นอยู่ของพระอัคคีและเณรอัคราด้วย แต่สิ่งที่อโนมาบอกเพื่อนรักให้ปกปิดไว้คือเรื่องที่เธอตั้งครรภ์เพราะไม่อยากให้ผู้ที่ครองผ้าไตรจีวรนั้นเกิดความวิตกหรืออาจจะทำให้เสียสมาธิหรือเสียความตั้งใจที่ตั้งใจในคราแรกสายลมหนาวที่พัดโบกโบยหอบเอาความแห้งและเย็นมาสู่มหานครอันแสนวุ่นวายคลาคล่ำด้วยผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ หลากหลายจากที่มา และสาขาอาชีพ ผู้คนที่พเนจรร่อนเร่หรือแม้แต่เศรษฐีผู้มีสมบัติมากมายว่ายวนวุ่นวายอยู่ในเมืองแห่งนี้ บางชีวิตสุขสบายหรูหราแต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยากไร้และแสนรำเค็ญ สถานที่บางแห่งสนุกสนานและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขสม แต่ในอีกสถานที่หนึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรมและความขมขื่น แต่ไฉนหลายชีวิตจึงดั้นด้นมาที่เมืองแห่งนี้“วันนี้หนาวจ