หยุดเดินแต่ไม่ยอมหันมาเผชิญหน้าเจี้ยนหลิง
"อย่าเรียกข้าแบบนั้น สิ่งนี่เป็นความอัปยศที่สุดในชีวิตข้า"
"ไม่จริงหรอก เช่นนั้นองค์ชายจะอ้างความเป็นองค์ชายห้าทำไมกัน"
"เจ้าเคยเห็นคนขลาดเขลา เวลาเอาตัวรอดหรือไม่ คิดเรื่องใดไม่ออกมักจะอ้างสิ่งที่คิดว่าจะทำให้คนอื่นกลัว"
เจี้ยนหลิงยิ้ม รู้ดีว่าคนผู้นี้มิได้ขลาดเขลา
"เชิญองค์ชาย เจี้ยนหลิงหวังว่าโอกาสหน้าจะได้พบกันอีก"
หยางฟงเกาก้าวขาจากไป
"ไม่น่าต้องชักกระบี่ ปกติเพ่ยตงไม่ชักกระบี่ง่ายๆ "
"กลัวว่าคุณหนูจะเป็นอันตราย ข้าประเมินพวกมันสูงไปหน่อย"
กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เจี้ยนหลิงอมยิ้มส่ายหน้าไปมา
ตำหนักบูรพา
เสี่ยวหลินขยำเทียบเชิญในมือปาลงกับพื้น
"ไท่จือเฟย เพ่ยตงส่งเทียบเชิญ"
สาวใช้ที่ฮ่องเต้ประทานมาเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อม เสี่ยวหลินหันมายิ้มอ่อนหวาน
"เตรียมของฝากให้พี่สาว ข้าจะเลือกของที่ดีหน่อย เจ้ายกหีบเครื่องบรรณาการของไท่จือที่ต่างแคว้นนำมาถวายให้ข้าเลือกที คงต้องใช้เวลาเลือกเสียนานหน่อย สำหรับพี่สาวเจี้ยนหลิงจะต้องเป็นของที่คู่ควร"
สาวใช้จากไปเสี่ยวหลินเปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลใจยิ่งนัก
"นางตั้งใจเอาคืน"
เกี้ยวของตำหนักบูรพาหยุดนิ่งหน้าตระกูลหลิน ใต้เท้าหลิน หลินซูหลานและฮูหยินรองหลินลี่หลินที่ออกมารับหน้า ไท่จือในอาภรณ์สีขาวกับเสี่ยวหลินที่สวมใส่อาภรณ์สีขาวเหมือนกัน
"หลินเจี้ยนหลัวคารวะไท่จือ ไท่จือเฟย"
"ท่านพ่อตา ท่านแม่ทั้งสอง"หยางฟงแีเอ่ยปาก เสี่ยวหลินก้มหน้าย่อกาย
"ไท่จือเชิญด้านใน เจี้ยนหลิงกำลังเตรียมชายามบ่าย"
"พี่สาวชวนข้ากับไท่จือ เดิม….เราคิดว่าจะต้องดื่มชาเพียงแค่ข้าพี่สาวและไท่จือ"เหลือบตามองหยางฟงฉีที่มีสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้กัน เขาเองเตรียมการรับมือเจี้ยนหลิง เสี่ยวหลินนั้นเล่าเกิดความกังวลไปหลายวันเจี้บนหลิงมิใช่คนที่จะ ต่อกรง่ายดายนางล้วนเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวฉลาดเป็นกรด
"เจี้ยนหลินเป็นคุณหนูใหญ่อีกทั้งนางยังรับตำแหน่งพิเศษจากฝ่าบาทนางเป็นธุระปลีกตัวมารับรองพวกเจ้าตามธรรมเนียมพวกเจ้าจะต้องแวะมาดื่มชาที่บ้านหลินครั้งนี้ เจี้ยนหลินช่วยจัดการเรื่องที่พวกเจ้าหลงลืม ให้มาดื่มชาพร้อมกับครอบครัวฝั่งภรรยา"
หลินซูหลาน พูดเสียยืดยาวคล้ายจะตำหนิไท่จือที่ศักดิ์เป็นหลานและเสี่ยวหลินที่เหมือนไม่ให้เกียรติครอบครัวฝั่งภรรยา
"พี่หญิงเสี่ยวหลินกับไท่จือ คงจะใช้เวลาด้วยกันตามประสาคู่แต่งงานใหม่อีกทั้งเสี่ยวหลินยังเด็ก ไม่ได้อยู่แต่กับตำราเช่นคุณหนูใหญ่จึงอาจคิดไม่ถึงข้อนี้"
ซูหลานยิ้ม
"เพราะ อย่างนี้เจี้ยนหลินจึงเหมาะ สั่งการแทนฝ่าบาท แต่เสี่ยวหลินก็เหมาะแค่เพียงภรรยาที่ดี เข้าไปข้างในกันเถอะ น้ำต้มชาคงกำลังร้อนระอุแล้ว"
เจ็บจี๊ดไปในใจเสี่ยวหลินรู้ดีว่าทำได้เพียงก้มหน้า
เจี้ยนหลิงในอาภรณ์สีสดใสใบหน้าสวยใส ไม่ได้แต่งแต้มต่างจากเจี้ยนหลิงที่ใบหน้าซีดเซียว
"พี่สาว"ย่อกาย ไท่จือขมวดคิ้ว
"เจ้าเป็นไท่จือเฟย เช่นไรจึงย่อกายให้กับขุนนางตำแหน่งพิเศษที่เสด็จพ่อแค่เพียงกลัวว่าจะเสียของจึงแต่งตั้งนาง"
เจี้ยนหลิงยิ้มกว้างสดใสเสแสร้งว่ามิได้ขุ่นเคือง
"จริงแท้แน่นอน ตำแหน่งไท่จือเฟยได้มายากลำบาก ต้องแย่งชิง แต่ตำแหน่งขุนนางพิเศษของข้าแค่เพียงได้มาง่ายดาย เจ้าก็ไม่น่าทำแบบนี้ ก่อนหน้านั้นพี่สาวก็เคยบอกเจ้าแล้วว่าเจ้าเป็นถึงไท่จือเฟยไม่ควรย่อกายให้ข้า เลิกทำตัวอ่อนข้อให้กับคนนู้นคนนี้ได้แล้วเสี่ยวหลิน ความจริงเจ้าแข็งแกร่งกว่านั้นเยอะ"พูดเสียงดังฟังชัดบอกเป็นนัยๆว่าเจีัยนหลิงรู้ทันเสี่ยวหลิน
"คุณหนูใหญ่ลงแรงตักเตือนเจ้ายังไม่ขอบคุณพี่สาวอีก"
หลินลี่หลินพูดเหมือนจะให้คนอื่นรู้ว่าเจี้ยนหลิงไม่บังควรสั่งสอนเสี่ยวหลินที่เป็นถึงไท่จือเฟย เจี้ยนหลิงยิ้ม
"ไม่ต้อง ข้าขอห้าม"ไท่จือส่งเสียงดังปกป้องเสี่ยวหลิน
"ข้าไม่อาจตักเตือน แค่เพียงชี้ให้เห็นว่าหากเจ้ายังทำเป็นอ่อนข้อแบบนี้เกรงว่าจะเหมือนที่ผ่านมา ที่เจ้ายืนรอพบข้า ชวนข้าไปที่ตำหนักบูรพา แต่ข้ากับถูกกล่าวหาว่า ไปรังแกเจ้า"
หลินซูหลานขมวดคิ้ว
"มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ"
หลินซูหลานอดที่จะพูดไม่ได้
"เจี้ยนหลิงอย่าพูดพล่อยๆ ใครกันกล่าวหาเจ้า"
ใต้เท้าหลินตวาด หากมองผิวเผินต่างรู้ว่าทุกอย่างจะต้องเป็นเจี้ยนหลิงที่ทำแบบนั้น
"ลูก ไปตามคำร้องขอของไท่จือเฟยที่ไปดักรอพบลูก ก่อนเข้าไปในท้องพระโรง แต่หามีใครรับรู้ไม่ พอไปถึงเกิดการเข้าใจผิดกันขึ้น ลูกจึงตกเป็นคนผิด ครั้งนี้ลูกจึงต้องส่งเทียบเชิญเพื่อให้ทุกคนรู้ว่าไท่จือและไท่จือเฟยมาที่นี่หาได้ปิดบังการมาการไป หากเกิดอะไรขึ้นเจี้ยนหลิงจึงจะพ้นผิด"
เสี่ยวหลินขนลุกซู่ด้วยความกลัวจับใจ หยางฟงฉีหันมองเสี่ยวหลินที่ก้มหน้านิ่ง
"จริงอย่างที่พูดหรือ"ไท่จือถามขึ้น เสี่ยวหลินพยักหน้าขึ้นลง
"คุณหนูใหญ่ตั้งใจสั่งสอนน้อง ลี่หลินต้องขอบคุณแทนเสี่ยวหลินนางยังเด็ก จึงไม่อาจคิดได้เท่าคุณหนูใหญ่"
"คิดไม่ได้เท่า แต่กลับไม่แก้ต่างให้ปล่อยให้คนอื่นมองเจี้ยนหลิงในแง่ร้าย"
หลินซูหลานพูดขึ้น
"เอาล่ะ หมดเรื่องแล้วเจี้ยนหลิงเจ้าคงไม่ติดใจเอาความใช่ไหม ข้าจะไม่ถามว่าตอนนั้นเกิดการเข้าใจผิดอะไรขึ้นแต่เป็นพี่เป็นน้องหนักเบาข้าคิดว่าเจี้ยนหลิง คงพอแยกแยะได้ ครั้งนี้เจี้ยนหลิงเจ้าก็ได้แก้ต่างให้ตัวเองแล้วเสี่ยวหลินต่อไปจะทำสิ่งใดคิดให้มากกว่านี้เจ้าเป็นถึงไท่จือเฟย"
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน