“ฝ่าบาทคิดอะไรข้าไม่อาจคาดเดาได้ ตำแหน่งของเจี้ยนหลิงไม่ธรรมดา นางสามารถใช้คำพูดของตัวเองต่างคำบัญชาฝ่าบาทได้ อำนาจนี้แม้แต่ไท่จือกับฮองเฮายังไม่อาจเอื้อม”
หลินลี่หลินซ่อนความรู้สึกริษยา แกล้งยิ้มหวานกลบเกลื่อน
“นางเป็นหญิงแม้จะมีอำนาจแต่หากเหล่าขุนนางไม่ให้ความย้ำเกรงก็ ไม่อาจคลุมคนได้”
“เกรงว่าเป็นฝ่าบาทที่จะสั่งสอนเหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์โดยการยกย่องเจี้ยนหลิงและจะต้องมีใครสักคนเป็นตัวอย่างให้ขุนนางคร่ำครึเหล่านั้นรู้ว่า เจี้ยนหลิงมีอำนาจในมือจริงไม่ควรค่อนแคะนินทานาง”
"ท่านพี่เสี่ยวหลินจำเป็นต้องมีสาวใช้ติดตามที่รู้ใจคอยรับใช้ใกล้ชิดอยู่ที่ตำหนักบูรพาจะต้องไม่ให้ใครค่อนแคะได้ว่าไท่จือเฟยเป็นเพียงลูกอนุ""ส่งสาวใช้ในบ้านให้นางเสียสองคน คัดเอาคนที่สนิทชิดเชื้อกับ เสี่ยวหลินจึงดี"หลินลี่หลินยิ้มพราว
เพ่ยตงเดินกอดกระบี่ตามเจี้ยนหลิงในตลาดที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน
"นั่นอย่างไรเล่า บุตรีคนโตของบ้านหลิน ท่าดีทีเหลว ในครั้งแรกที่เห็นยิ่งใหญ่เหนือใครแต่สุดท้ายน้องสาวจากเมียอนุของใต้เท้าหลินก็รั้งตำแหน่งไท่จือเฟย"เจี้ยนหลิงยิ้มก้าวเข้าหาคนพูด
"เจ้าพูดถึงข้าใช้ไหม"
"ชะชะใช้ เจ้าจะทำไม"ยัยป้าร่างอ้วนปากยื่นปากยาว
"พูดมาให้หมด เพราะนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะได้พูด"
"ทำเป็นโอหัง ปากเจ้ายังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมด้วยซ้ำไป ทำวางท่าเหมือนตัวเองเป็นฮองเฮา"
เพื่อนป้าอีกคนดึงตัวไว้พยายามทำให้หยุดพูดกิติศัพท์ของเจี้ยนหลิง ใครบ้างไม่รู้
"ผลัวะ"
ร่างอ้วนเซถลาเมื่อเจี้ยนหลิงดึงกระบี่ที่เพ่ยตงกอดอยู่ใช้ด้ามกระบี่กระแทกไปที่ปากของนางหญิงอ้วนฟันร่วงกราวเลือดกบปากอ้วนๆ นั้น
"ข้าใช่คนที่มีความอดทนไม่ หมดหรือยังเรื่องที่เจ้าจะว่าข้า"
เพื่อนหนีไปแล้วหญิงอ้วนยกมือกุมปากที่เลือดกลบปากหันหน้าหันหลัง
"ไม่กล้าแล้วคุณหนูใหญ่ ข้าไม่กล้าแล้ว"
กระชากร่างอ้วนมาตรงหน้ากระซิบที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะผลักร่างอ้วนให้ลงไปกองกับพื้น ยายป้าปากมากร้องไห้โฮด้วยความขวัญเสีย
"เพ่ยตง"
ดึงเอาถุงเงินในอกเสื้อของเพ่ยตง โยนใส่ใบหน้าของหญิงอ้วนแล้วเชิดหน้าจากไป
หญิงอ้วนลนลานกอดขาเจี้ยนหลิงไว้แน่น
"คุณหนู คุณหนูใหญ่โปรดอภัยข้าสมควรตายคุณหนู ได้โปรด"
เพ่ยตงดึงร่างอ้วนออกจากขาของเจี้ยนหลิงเพราะรู้ว่าเจี้ยนหลงรำคาญไม่น้อย เจี้ยนหลิงถอนหายใจก้าวเดินจากไป เสียงอื้ออึ้งและคนที่มามุงดูต่างเผลอยกมือขึ้นปิดปากกล้วว่าจะเผลอกล่าวคำใดที่เจี้ยนหลิงไม่พอใจ
ใกล้จะถึงบ้านตระกูลหลิน สาวใช้สองคนหอบห่อผ้ามุ่งหน้ายังตำหนักบูรพา
"คุณหนูใหญ่ ข้าสงสัยว่าท่านกระซิบกับหญิงอ้วนคนนั้นว่าอย่างไร"
"อยากรู้จริงๆ หรือแค่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน"
เพ่ยตงยิ้มใบหน้าหล่อเหลากับสว่างใสเมื่อถูกเจี้ยนหลิงเหน็บแนม
"ไม่สนใจหากเป็นเรื่องของคนอื่น..."
อยากจะบอกว่าสนใจเฉพาะเรื่องของคุณหนูเท่านั้น
"ข้าแค่บอกกับนางว่า เมื่อครู่ข้าเห็นนางกำลังพลอดรักกับชู้รักของนางเช่นกัน ข้ายังไม่พูดเรื่องของนางเลย แต่หากนางยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้ ข้าจะส่งข่าวบอกสามีโง่งมของนางที่ยืนขายซาลาเปาที่ท้ายตลาด"
เพ่ยตงอมยิ้มถอนหายใจยอมรับความช่างสังเกตของเจี้ยนหลิงว่ามีมากกว่าใคร คนเช่นไรจึงสามารถเก็บรายละเอียดที่พบเห็นได้ดีเพียงนี้
"ส่งเทียบเชิญไท่จือ กับไท่จือเฟยดื่มน้ำชาที่บ้านหลินให้ข้าด้วย"
"คุณหนู ทำไมต้องเป็นเทียบเชิญจะไม่เป็นพิธีการไปหน่อยหรือไร"
"เพื่อความจริงใจของข้า ข้าไม่ชอบทำอะไรที่ไม่กระจ่างแจ้ง การมาของไท่จือกับไท่จือเฟยครั้งนี้ทุกคนต้องรู้ว่าข้าเชิญมา มิใช่เหมือนที่ไท่จือเคยเอ่ยปากว่าข้าไปราวีเสี่ยวหลินถึงตำหนักบูรพาทั้งๆ ที่เสี่ยวหลินเป็นคนชวนข้าไปที่นั่นในวันนั้นด้วยตัวเอง"
เพ่ยตงประสานมือ
ร่างสูงของใครบางคนวิ่งหัวซุกหัวซุนชนเข้ากับร่างบางของเจี้ยนหลิง เพ่ยตงกางมือกันเจี้ยนหลิงออกห่าง
"ยอมข้ายอมแล้ว อย่าทำร้ายข้าอีก ข้าเป็นถึงองค์ชายห้าเชียวนะ"
อาภรณ์ทำจากผ้าเนื้อดีคนสวมใส่แม้จะมองว่าขะมุกขะมอมแต่หากมองดีดีก็รู้ว่าคนผู้นี้หน้าตาผิวพรรณต่างจากชาวบ้านทั่วไป
"องค์ชายห้า ที่ติดหนี้พนันล้นตัวแล้วยังเมามาย พวกเจ้าจัดการให้เข็ดหลาบ"
"หยุดเดี๋ยวนี้"เจี้ยนหลิงตวาดลั่น
"นางหนู อย่ามายุ่งเรื่องของหอสุริยันพวกเจ้าจัดการ"
เพ่ยตงชักกระบี่ออกในทันทีคนเหล่านั้นถอยไปหลายก้าว
"เพ่ยตง"
เจี้ยนหลิงปรามแต่บุรุษร่างใหญ่ทั้งห้ากลับกรูกันเข้าใส่เพ่ยตงเพราะคิดว่ากำลังเหนือกว่า ชั่วเพียงกะพริบตา กระบี่ในมือก็สร้างบาดแผลให้คนทั้งห้าลงไปกองกับพื้นกุมบาดแผลคนละแห่งสองแห่ง เจี้ยนหลิงส่ายหน้า
คนของหอสุริยันพากับหนีหายไปจนสิ้น ร่างสูงของหยางฟงเกาลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัว
"เจ้าทั้งสองขอบคุณในไมตรี"ทำท่าจะเดินจากไป
"องค์ชาย"
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน