รอบกายพร่ามัวแม้กระทั่งสายตาผิดหวังอย่างยิ่งของหลินซูหลานองค์หญิงสามของฮ่องเต้องค์ก่อนมีเพียงจุดที่หยางฟงฉีกับเสี่ยวหลินยืนอยู่เท่านั้นที่เจี้ยนหลิงเห็นมันเด่นชัด หยางฟงฉียิ้มสุขสมกับเสี่ยวหลินที่มีท่าทีเอียงอาย ผู้คนล้วนแซ่ซ้องกับความเหมาะสมกันดังสุริยันเคียงคู่จันทราในวันที่จันทร์ค้างฟ้าสดใส
"เจี้ยนหลิง หลิงเจี้ยนหลิง"
ร่างดั่งหุ่นไม้ สะบัดผ้าคลุมหน้าปาลงกับพื้น
สุรามงคลถูกแจกจ่าย ไท่จือกับไท่จือเฟยคล้องแขนแลกกันดื่มสุราในมือชื่นมื่น
"คุณหนู….หลินเจี้ยนหลิง"
เพ่ยตงดึงสติเจี้ยนหลิงมิใช่แค่เพียงดึงสติเขายังดึงร่างบางให้ออกจากความอัปยศตรงหน้า
ไม่แม้แต่จะหลุดคำกล่าวใดออกมาไม่มีน้ำตาแต่ใจก็แหลกสลายด้วยความผิดหวังได้ไม่ยาก
"ไปร่ำสุราที่โรงเตี๊ยมเดียวดายของเยว่ฉีจะดีไหม"
เพ่ยตงชักชวน คิดถึงโรงเตี๊ยมเดียวดายร้างไร้ผู้คนที่ล้วนมีสุรารสเลิศหมักบ่มด้วยมือของแม่นางเยว่ฉี เจี้ยนหลิงเหมือนหุ่นไม้ที่ไร้ความรู้สึกนึกคิด อนาคตข้างหน้าไม่อาจคาดเดา ทว่ากับต้องพบกับเรื่องใดบ้างเจี้ยนหลิงก็ต้องรับมันให้ได้สายตาผิดหวังจากมารดา เป็นสิ่งที่เจี้ยนหลิงไม่อยากเห็นมัน ต่อจากนั่นมารดาจะปฏิบัติอย่างไรกับเจี้ยนหลิงก็เพียงแค่ก้มหน้ารับมัน
หยางฟงฉีกุมมือเสี่ยวหลินมองสบตาคม
"ข้ารู้ว่าจะต้องเป็นเจ้า และจะต้องเป็นเจ้าเท่านั้น"
เสียงโห่ร้องดังออกไปด้านนอกวังหลวง เจี้ยนหลิงก้าวเดินนำเพ่ยตงยังเดินตามเช่นทุกวันผ่านมา
ตระกูลหลิน
ไม้เรียวใหญ่ฟาดลงบนหลังของเจี้ยนหลิงอย่างแรง
"ฮูหยินใหญ่ พี่หญิงโปรดระงับโทสะด้วยได้โปรด"หลินลี่หลิน
ฮูหยินรองวิ่งเขากอดเจี้ยนหลิงไว้เอาตัวบังไม้เรียวที่หวดมาสุดแรงแต่เมื่อเห็นว่าเป็นฮูหยินรองกลับยั้งมือไว้ทัน
"ได้โปรดพี่หญิงไม่ใช่ความผิดคุณหนูใหญ่ ….เพียงแค่ไท่จือหมายหมั่นว่าต้องเป็นเสี่ยวหลิน"
คำพูดตอกย้ำ ดวงตาของหลินซูหลานยิ่งมีประกายโกรธเคืองยิ่งกว่าเดิม
โยนไม้เรียวในมือทิ้ง
"หุบปากเจ้าเสีย พานางไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่มีลูกเช่นนางอีกต่อไป"
เจี้ยนหลิงนั่งนิ่งไม่ยอมขยับกาย
"คุณหนูใหญ่ ไปเถอะค่ะ"
"ท่านแม่ ท่านลงโทษข้าเถอะแต่อย่าได้เฉยชากับข้าเช่นนี้ ท่านแม่"
หลินซูหลานสะบัดกายเดินหนีไป
เพ่ยตงดึงเจี้ยนหลิงให้ลุกขึ้นอีกครั้ง
"คุณหนู อีกไม่นานนายหญิงก็จะหายโกรธ เพียงแค่ให้เวลานายหญิงได้ไตร่ตรอง"
"หลินเจี้ยนหลิงรับราชโองการ"
ขันทีอัญเชิญราชโองการมาคลี่ออกตรงหน้า ฮูหยินรองกำลังจะก้าวขาออกจากห้องไปถึงกับชะงักงัน ทุกคนต่างทรุดกายลงรอรับราชโองการ
"ด้วยหลินเจี้ยนหลินเป็นผู้ที่มากความสามารถ อีกทั้งยังฉลาดเฉลียวยังความเสียดาย หากจะไม่ได้รับใช้ราชสำนัก ฝ่าบาทจึงได้มีราชโองการ แต่งตั้งหลินเจี้ยนหลิงให้ดำรงตำแหน่ง องครักษ์หญิงข้างกายทำงานรับใช้ใกล้ชิดคอยรับบัญชา และถ่ายทอดพระบัญชาของฝ่าบาท หลินเจี้ยนหลิงรับราชโองการ…"
ขันทีชรายื่นราชโองการใส่ในมือของเจี้ยนหลิงที่ยื่นมือออกมารับราชโองการด้วยสีหน้างงงัน
"ท่านองครักษ์หญิง ยินดีด้วยเป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องจารึกไว้เลยทีเดียวแคว้นของเรา ไม่เคยมีองครักษ์หญิงมาก่อน อืมท่านองครักษ์ฝ่าบาทให้ท่านเข้าเฝ้าในบ่ายวันนี้เพื่อรับของกำนัลพระราชทานและตราประจำตำแหน่งที่สั่งทำเพื่อท่านองครักษ์โดยเฉพาะ"ขันทีชรายิ้ม
"ขอบคุณกงกง เจี้ยนหลิงรับบัญชาฝ่าบาท"ประสานมือ รู้สึกตื้นตันยิ่งนัก
ฮูหยินรองตรงเข้ากุมมือเจี้ยนหลิง
"คุณหนูใหญ่ยินดีด้วย ยินดีด้วย ..เด็กๆ นำเรื่องน่ายินดีนี้ไปรายงานนายท่านกับฮูหยินใหญ่เดี๋ยวนี้"เจี้ยนหลิงยิ้ม เพ่ยตงเร้นกายหายไป
วังหลวง
เสี่ยวหลิน ชะเง้อชะแง้รอการมาของเจี้ยนหลิงเมื่อเกี้ยวหยุดที่หน้าประตูวัง ย่อกายลงช้าๆ เจี้ยนหลิงถอนหายใจ ตรงเข้าพยุงเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้นมิใช่ความแค้นระหว่างพี่น้องแต่เป็นความเจ็บช้ำจากคนที่ปฏิเสธเจี้ยนหลิง ซึ่งไม่ใช่เสี่ยวหลินที่ต้องมาถูกความเจ็บช้ำครั้งนี้ถาโถมเข้าใส่
"เจ้าเป็นถึงไท่จื่อเฟย จะมาย่อกายให้ข้าทำไมกัน"
"พี่สาวข้า แค่อยากเลี้ยงน้ำชาท่าน"
"ข้ามารับบัญชาฝ่าบาท ไว้วันอื่น"
"ข้า ...อยากคุยกับท่านวันนี้ เมื่อคืนข้านอนไม่หลับ หากยังไม่ได้เอ่ยคำเสียใจกับท่าน"
น้ำเสียงออดอ้อนแววตาเศร้าสร้อยเช่นที่เคยทำเป็นประจำ
หน้าบัลลังก์สูง
ใต้เท้าหลินยืนอยู่ตรงหน้าแวดล้อมด้วยเหล่าขุนนางที่แสดงความยินดี
บิดามีสีหน้าเรียบเฉยมิได้ยินดียินร้ายด้วยรู้ว่าอย่างไรตำแหน่งไท่จือเฟยก็เป็นของตระกูลหลิน แต่ความคาดหวังในตัวของ เจี้ยนหลินมีมากกว่า
"องครักษ์หญิงหลินเจี้ยนหลิง"เสียงขันทีขานดังๆ
เหล่าขุนนางต่างหันเหความสนใจมาที่เจี้ยนหลิง
"ยินดีด้วย ท่านองครักษ์หญิงยินดีด้วย"
เสียงขุนนางที่ต่างแย่งกันพูดด้วยตำแหน่งนี้มักยึดติดกับเหล่าบุรุษเท่านั้น
"บุตรีมากควาสามารถใต้เท้าหลินกับไม่เคยให้ใครได้รู้ มาบัดนี้ข้าแต่งตั้งหลินเจี้ยนหลิงในตำแหน่งพิเศษ ต่อไปหวังว่าความสามารถนางจะไม่สูญเปล่า ช่วยกันรับใช้ราชสำนักต่อไป หลินเจี้ยนหลิงป้ายหยกนี่มอบให้เจ้าแทนตัวข้า เห็นป้ายหยกเสมือนเห็นข้าคำพูดเจ้าล้วนเป็นบัญชาข้าเมื่อแสดงป้ายหยก"
เสียงฮือฮาจากเหล่าขุนนางที่ต่างสงสัยในอำนาจของเจี้ยนหลิงว่าได้มาด้วยใบหน้าที่งดงามของนางทำให้ฮ่องเต้หลงใหลต้องการนางไว้ข้างกาย เพื่อการอื่นหรือไม่
เจี้ยนหลิงย่อกายรับเอาป้ายหยกไว้ในมือ
"ขุนนางหญิงในราชสำนักหาได้ยากยิ่ง ขุนนางทั่วไปล้วนขาดความรอบคอบ ในครั้งนี้ข้าเห็นควรว่าหลินเจี้ยนหลิงจะช่วยสะสางเรื่องที่ไม่ถูกต้องแทนข้า"
เดิมเรื่องราวในวังหลวงไม่เคยผ่านหู เจี้ยนหลิงสงสัยยิ่งนักยังมีเรื่องไหนให้สะสาง
เสียงอื้ออึงเงียบลงใครจะกล้าสงสัยอีกในเมื่อ ฮ่องเต้อวยเจี้ยนหลิงเพียงนี้
ตำหนักบูรพา
"พี่สาวในที่สุดท่านก็มา"
เสี่ยวหลินออกมารับด้านหน้า เจี้ยนหลิงจำได้ว่าเสี่ยวหลินไม่นิยมสีขาว แต่วันนี้นางกลับสวมอาภรณ์สีขาว
"พี่สาวชาดี กับขนมที่ข้าสั่งให้ห้องเครื่องทำขนมเปี๊ยะของโปรดท่านกินกับชาดี"เลื่อนจานขนมตรงหน้าเจี้ยนหลิงอย่างเอาใจ
"มีเรื่องใด ไท่จือเฟยรีบกล่าวมา"เสี่ยวหลินยิ้มเศร้าๆ
"พี่สาว เสี่ยวหลินขอโทษท่าน"
ทรุดกายคุกเข่าลงกับพื้น เจี้ยนหลิงถอนหายใจ ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเสี่ยวหลินอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นท่าทีของนางเช่นนี้จึงยิ่งทำให้รู้สึก ว่าไม่ควร
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน