"เสี่ยวหลินรู้ดีว่าตำแหน่งไท่จือเฟยสำคัญกับพี่สาวเพียงใด ท่านแม่บอกข้าว่า ท่านแม่...ของพี่สาวลงโทษพี่สาว ข้าเสี่ยวหลินรู้สึกผิดยิ่งนัก แต่ไม่ใช่ข้าที่เป็นผู้กะเกณฑ์เรื่องนี้ หากไม่ใช่ประสงค์ของไท่จือแต่ก็อีกนั่นแหละ ข้าเป็นไท่จือเฟยแล้วเป็นคนของไท่จือแล้ว ข้ารู้ว่าพี่สาวไม่ยอมรามือแน่ ข้ารู้จักท่านดี หากว่าท่านจะแค้นเคืองโปรดให้เป็นเสี่ยวหลินเถิด"
ถอนหายใจเบือนหน้าหนี
เจี้ยนหลิงลุกขึ้นยืนกอดอก ความจริงเมื่อฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์หญิงให้กับเจี้ยนหลิง ความบาดหมางเบาบางลงไป หากเสี่ยวหลินไม่มาพูดอะไรทำนองนี้อีก ตำแหน่งสำคัญนี้คงพอกู้หน้าให้กับมารดาของเจี้ยนหลิงได้
"ข้าไม่รับปาก"
ด้วยนิสัยของเจี้ยนหลิงจะยอมง่ายๆ ไม่ใช่เจี้ยนหลิงแต่น้องสาวไม่ได้ผิดอะไร
หันมาจับไหล่บางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้นแม้จากปากแข็งเพียงใดแต่เมื่อเป็นเสี่ยวหลินเจี้ยนหลิงมักจะยอมใจอ่อนเสมอ
"ข้าไม่ลุก จนกว่าท่านจะยอมรับปากว่าจะไม่แค้นเคืองไท่จือ"
เหมือนเข้ามานั่งในใจ หรือต้องการอวดความภักดีที่มีต่อไท่จือ
"ความจริงเป็นเจ้าที่สับปลับในตอนนั้น เป็นเจ้าที่บอกข้าว่าไม่อยากรับตำแหน่งไท่จือเฟย ข้าจึงคาดหวังและทุ่มเท หากเจ้าไม่พูดเช่นนั้นยอมรับเสียว่าอยากเป็นไท่จือเฟยข้าคงไม่ต้องลงแรง ถึงคราวนี้จะมาบอกว่าให้ข้ารามือ จะไม่ง่ายไปหน่อยหรือไท่จือเฟย"
"พี่สาวไท่จือเป็นสามีข้าและข้าก็ ..ก็รักไท่จือ เราสองคนพี่น้องไม่ว่าใครเป็นไท่จือเฟย ก็ล้วนแต่เชิดชูตระกูลหลินท่านใจคอคับแคบเช่นนี้ ข้าก็คงจะต้องยืนยันว่าข้าจะคุกเข่าอยู่แบบนี้"
เจี้ยนหลิงหันหลังเดินหนีไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยของเสี่ยวหลินเกรงว่าจะอดใจอ่อนกับนางเสียไม่ได้
เสี่ยวหลินคลานเข่า ตามเจี้ยนหลิงยื้อยุดไม่ให้เจี้ยนหลิงไป
"พี่สาวท่านกำลังโกรธ ท่านไม่ยอมฟังเหตุผลของข้า"เสี่ยวหลินยื้อชายเสื้อของเจี้ยนหลิงไว้
"เจ้าอยู่ที่นี่ในตำแหน่งไท่จือเฟย ทำหน้าที่ของเจ้า ส่วนข้าก็จะทำหน้าที่ของข้าให้ดีเช่นกัน"
สะบัดมือดึงชายเสื้อคลุมด้วยความรำคาญ เสี่ยวหลินกับเซถลาด้วยแรงน้อยและไม่ทันระวังตัวหรือวาเสแสร้งไม่อาจดูออก ล้มลงกับพื้น เพียงพริบตาหยางฟงฉีมาจากไหนไม่รู้เข้าถึงตัวผลักเจี้ยนหลิงจนเซถลาไปอีกทางพยุงร่างบางของเสี่ยวหลินให้ลุกขึ้น
"เจ้า เจ้ามาตามราวีเสี่ยวหลินถึงนี่เลยหรือ ข้าคิดไว้ไม่มีผิดเจ้ามันช่างร้ายยิ่งนัก ร้ายสมกับคำร่ำลือ"
แววตาเกลียดชังของหยางฟงฉี ทำเอาเจี้ยนหลิงถึงกับยิ้มมุมปาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครกล้าด่าว่าเจี้ยนหลิงนอกจากมารดา
พุ่งตัวเข้าใส่ ตั้งใจซัดฝ่ามือเข้าที่อกของไท่จืออย่างแรง แต่ทว่าเสี่ยวหลินเหมือนจะรู้ทันความคิดของเจี้ยนหลิงพลิกตัวขวางไว้ ฝ่ามือของเจี้ยนหลิงซัดเข้าที่แผ่นหลังของเสี่ยวหลินเต็มเปาทั้งๆ ที่ยั้งมือไว้
"เจ้า"
หยางฟงฉีผลักเจี้ยนหลิงอีกครั้ง
"อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก อย่าได้อาศัยอำนาจและกำลังของเจ้ามารังแกไท่จือเฟยของข้า แล้วอย่าหาว่าข้าไม่เตือน"
เจี้ยนหลิงกำลังตกใจที่เผลอซัดฝ่ามือด้วยความโมโหใส่เสี่ยวหลินร้อยวันพันปีเจี้ยนหลิงไม่เคยลงมือกับเสี่ยวหลินมาก่อน
"ออกไปจากตำหนักบูรพาของข้าได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับเจ้า"
เจี้ยนหลิงยิ้มหยัน คิดหรือว่าเจี้ยนหลิงอยากมาที่นี่ คงคิดว่าเจี้ยนหลิงอยากเป็นไท่จือเฟยจนตัวสั่น คิดผิดแล้วหากไม่มีความคาดหวังของมารดา เจี้ยนหลิงไม่มีทางลงแรง ก้าวเดินออกจากตำหนักบูรพาด้วยความรู้สึกว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเจี้ยนหลิง
"เจ้าเจ็บตรงไหน ใครก็ได้ตามหมอหลวง"
เสียงของหยางฟงฉียังตามมาหลอกหลอน เจี้ยนหลิงยิ้มหยันเป็นเช่นนี้จึงดี จะได้รู้ดำรู้แดงกันไป
ใต้เท้าหลิน กับฮูหยินรองตระกูลหลิน
“ท่านพี่ เสี่ยวหลินไม่ได้มีเจตนาแย่งชิง”
“ข้ารู้แล้ว เจ้ากับลูกอยู่อย่างเจียมตัวมาตลอด ครั้งนี้เป็นที่ข้าและซูหลานที่คาดหวังในตัวของ เจี้ยนหลิงมากไป”
“ท่านพี่ ข้าสงสารคุณหนูใหญ่ นางถูกพี่หญิงเฆี่ยนตี ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า เสี่ยวหลินมีความสุขในตำแหน่งไท่จือเฟย คุณหนูใหญ่ที่ถูกเคี่ยวเข็ญมาตลอดกับต้องแบกรับความอัปยศไม่สู้เลี้ยงนางให้อ่อนหวานต้องตาบุรุษเช่นเสี่ยวหลิน ดีที่ฝ่าบาทมอบตำแหน่งองครักษ์ให้ปลอบใจ”
“ซูหลานเป็นถึงองค์หญิงมาก่อนเรื่องการเลี้ยงดูเจี้ยนหลิงข้าไม่อาจก้าวก่าย”
“ท่านพี่เช่นนั้นพี่หญิงก็จะคอยเฆี่ยนตีคุณหนูใหญ่อยู่แบบนั้น”
“เจ้าก็คอยปกป้องนางอยู่แล้วมิใช่หรือ เป็นเจ้าที่ตามใจนางยิ่งกว่าซูหลาน”ฃ
หลินลี่หลินหลบตาซ่อนความจริงในใจ
“ครั้งนี้ ฝ่าบาทประทานตำแหน่งพิเศษให้พี่หญิงคงจะพอใจไม่น้อย อย่างน้อยก็ลบคำครหาจากชาวบ้าน”
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน