"ต่อไปเป็นการประลองเพลงกระบี่ ครั้งนี้คุณหนูทั้งสองจะต้องประลองฝีมือด้านการต่อสู้ ใครทำกระบี่หลุดมือเสียก่อนนับว่าพ่ายแพ้แก่คนที่สามารถถือกระบี่ไว้ในมือ เตรียมพร้อม"
เสี่ยวหลินหันหน้าหันหลังหลายปีมานี้แม้จะได้ร่ำเรียนเพลงกระบี่หลังจากที่เจี้ยนหลิงขอร้องให้เสี่ยวหลินออกมาฝึกวิชากระบี่ไว้เพื่อป้องกันตัวแต่หาได้คืบหน้าไม่ ไม่เกินสามกระบวนท่าต้องพ่ายแพ้ให้กับเจี้ยนหลิงอย่างแน่นอน
"ฝ่าบาท เจี้ยนหลิงรู้ดีว่าน้องสาวเสี่ยวหลินไม่อาจเอาชนะเจี้ยนหลิงได้ ซึ่งการประลองเพลงกระบี่ครั้งนี้จึงไม่เป็นการยุติธรรม น้องเดิมปักผ้าเย็บถุงหอมไม่เคยได้ออกไปไหน ผิดกับเจี้ยนหลิงที่พอจะเคยมีโอกาสได้ถือกระบี่บ้างเป็นครั้งคราวอีกอย่างเสี่ยวหลินอ่อนแอตั้งแต่เด็กๆ นางแค่ถือกระบี่ยังไม่มีแรงเช่นนั้นการประลองครั้งนี้ขอเป็นเจี้ยนหลิงที่ต้องประลองกับ.กับ....ไท่จือ"ฮ่องเต้เลิกคิ้วสูง
หันไปกระซิบกระซาบกับขันที่ข้างกาย
“ได้ ตามไท่จือที่ลานประลอง”
องครักษ์ประสานมือออกจากลานประลองไปในทันที เสี่ยวหลินยืนก้มหน้าอยากจะคัดค้านแต่อีกใจกับคิดว่าเป็นการดี หากเสี่ยวหลินแพ้ถึงสองครั้งทั้งเพลงกระบี่และารปักผ้า ก็คงหน้าอายไม่น้อยแต่หากว่าเจี้ยนหลิงแพ้ไท่จือนั่นก็เท่ากับยังพอมีโอกาส อยู่ๆก็รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนสับปลับในเมื่อพูดกับเจี้ยนหลิงว่าไม่ต้องการแต่งกับไท่จือตั้งแต่ต้นแต่ทำไมเมื่อถึงคราวต้องประลองกับรู้สึกว่าหลายอย่างไม่ยุติธรรม ใครกันเป็นคนเสนอให้มีการประลองหากไม่มีคนเสนอ คาดว่าป่านนี้เสี่ยวหลินคงได้แต่งกับไท่จือไปแล้ว“เพลงกระบี่ของไท่จือร่ำเรียนมาจากท่านปรมาจารย์ของแคว้นเหวิ่น เจ้าคิดว่าจะประมือกับไท่จือได้สักกี่กระบวนท่า ข้าจะได้กำหนดกติกาขึ้นเสียใหม่เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการบาดเจ็บ เพราะการประลองครั้งนี้แค่เพียงอยากให้เจ้าทั้งสองได้แสดงความสามารถ ให้เหล่าขุนนางและราษฎรได้เห็นว่าไท่จือเฟยมิได้ได้มาเพราะเป็นแค่เพียงบุตรีของขุนนางใหญ่เท่านั้น ล้วนต้องอาศัยความสามารถเช่นกัน”
“เจี้ยนหลิง เดิมเคยร่ำเรียนเพลงกระบี่เช่นกัน ทว่ายังไม่เชี่ยวชาญในเพลงกระบี่เท่าที่ควร จึงขอประมือกับไท่จือเพียงสามกระบวนท่าแพ้ชนะในสามกระบวนท่านั้นตัดสินกันไป”
น้ำเสียงอ่อนหวานถ่อมตน ทว่าแววตามุ่งมั่น อย่างที่เพ่ยตงเคยเห็นอยู่เป็นประจำ หลินเจี้ยนหลิงจับกระบี่ตั้งแต่ห้าขวบ ร่ายรำเพลงกระบี่ได้แคล่วคล่อตั้งแต่แปดขวบ นางเพียงแค่ถ่อมตน เพื่อ...เพื่อสิ่งใดกัน
ไท่จือก้าวขายาวๆ เข้ามาในลานประลอง รูปร่างองอาจ ใบหน้าหล่อเหลาหาใครเทียบได้ยาก สายตาคมกริบจ้องที่หลินเจี้ยนหลิง รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก
หลินเสี่ยวหลิน เบิกตากว้างด้วยไท่จือมีใบหน้าหล่อเหลาท่าทีองอาจอย่างที่สุดหญิงร้อยคน หากพบหน้าไท่จือก็คงมีอาการไม่ต่างจากเสี่ยวหลิน จะมีเพียงหนึ่งทในร้อยที่มีอาการเช่นเดียวกับเจี้ยนหลิงนั่นคือนิ่งเฉยไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับใบหน้าหล่อเหลานั้น
“ไท่จือ เจ้าเตรียมตัวมาหรือยัง หลินเจี้ยนหลิงนางไม่อยากประลองกับน้องสาวของตนเองจึงอยากให้ไท่จือช่วยมาร่วมประลองกับนางสักสามกระบวนท่า”ยิ้มมุมปาก
“ลูกยินดีอย่างยิ่ง”
ในใจรู้ดีว่าหากเป็นเสี่ยวหลิน คงต้องพ่ายแพ้ย่อยยับก็นางอ่อนหวานเพียงนั้น เมื่อเขาพบนางครั้งแรกถึงกับไม่อาจละสายตาจากท่าทีเยื้องย่างที่แสนจะอ่อนหวานชดช้อย
เจี้ยนหลิง ดึงกระบี่ออกจากฝัก ตั้งท่าคอยรับมือเพลงกระบี่ของไท่จือหยางฟงฉี ดึงกระบี่ออกจากฝักด้วยท่าทีงดงาม ราวภาพวาดกวักมือเรียกให้หลินเจี้ยนหลิง ที่ทะยานเข้าใส่ดั่งคนขี้โมโห เสียงคมกระบี่ในมือคนทั้งสองปะทะกันเกิดประกายไฟแล่บแปล็บปลาบ ร่างสูงของไท่จือดันร่างเล็กของ เจี้ยนหลิงไถลไปกับพื้นแต่ทว่า หาได้ล้มลุกคลุกคลานอย่างที่หยางฟงฉีคิดไว้แต่แรกว่าเพียงกระบวนท่าเดียวนางจะต้องแพ้ไม่เป็นท่าแต่ด้วยการรับมือของนางในตอนนี้นับว่าเขาคาดผิดไป กระบี่ในมือพลิกสะบัด พัวพันหลบหลีกจนหลุดออกจาการกลางกั้นของอีกฝ่าย
กระบวนท่าแรกผ่านไปง่ายดาย ไม่ได้หนักหนาอย่างที่หยางฟงฉีคิดว่านางจะต้องแทบกระอักเลือด
กระบวนท่าที่สอง ถูกร่ายรำขึ้นอีกครั้งคราวนี้ หลบหลีกราวกับสายลมแต่ก็แข็งแกร่งดุจหินผาตวัดรัดล้อมเข้าหาศัตรูจนจนมุม แต่เจี้ยนหลิงกลับพลิกตัวหลบทะยานออกจากกับดักเพลงกระบี่ เจี้ยนหลิงยังมีสีหน้าเรียบเฉย หยางฟงฉีรู้สึกใจเสียอย่างเห็นได้ชัด
ท่าร่ายรำกระบี่ที่ขาดความมั่นใจมีหรือเจี้ยนหลิงจะมองไม่ออก กระบวนท่าที่สามถูกโถมเข้าใส่ อย่างบ้าคลั่งรุนแรงคลายจะให้อีกฝ่ายแดดิ้นด้วยอารมณ์คุกรุ่น รู้สึกว่าถูกดูถูกฝีมือจากสาวงามรูปร่างบอบบางเช่นเจี้ยนหลิง ฮ่องเต้ถึงกับขมวดคิ้ว
เพ่ยตงเลิกคิ้วสูงด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าไท่จือเป็นรองเจี้ยนหลิง เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่ายังคิดว่าจะชนะเจี้ยนหลิงได้อีกหรือในเมื่อเห็นได้ชัดว่าเป็นรองขนาดนี้
หยางฟงฉีทะยานขึ้นด้านบนจ่อคมกระบี่ตวัดเข้าหา อยู่ๆเจี้ยนหลิงก็ปล่อยกระบี่หลุดทรุดกายลงคุกเข่ายอมให้คมกระบี่จ่อที่คอหอยพอดี
ขันทีรีบขานโดยเร็ว
“ไท่จือเป็นฝ่ายชนะ”
กลัวว่าเจี้ยนหลิงจะเปลี่ยนใจ คนไม่รู้ก็ไม่มีทางมองออกทว่าเพ่ยตงรู้ดีว่าเจี้ยนหลิงแค่ยอมอ่อนข้อให้ เหมือนดังหงส์ในลายปักไม่มีผิด หยางฟงฉีเหลือบตามองเจี้ยนหลิงด้วยความรู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางไม่ปล่อยกระบี่หากจะรับมือเขามีหรือจะทำไม่ได้ เพียงแต่นางแสร้งทิ้งกระบี่ในมือเสียหลินเจี้ยนหลิงคนนี้ ทำเอาเขาแปลกใจไม่น้อย
“การประลองจบสิ้นลงแล้วการแต่งตั้งไท่จือเฟยจะมีขึ้นอีกในสองวัน”ขันทีรีบขานขึ้นดังๆ หลินเจี้ยนหลิงโยนกระบี่ในมือให้กับเพ่ยตง ก้าวขาย่อกายลงเบื้องหน้าฮ่องเต้ ไท่จือที่จ้องมองท่าทีองอาจของเจี้ยนหลิงคิดไม่ถึงว่า หญิงงามอย่างเจี้ยนหลิงที่เขาประเมินนางไว้เพียงแค่ไม้ประดับ แต่บัดนี้กับต้องคิดเสียใหม่
หลินเสี่ยวหลินเหลือบตามอง ไท่จือด้วยท่าทีอ่อนหวาน รอยยิ้มหวานหยดถูกส่งไปยังหยางฟงฉีไท่จือ ที่ก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าของเสี่ยวหลิน
“ข้าเลือกเจ้า”
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน