"รออะไรหรือว่ารอจะเห็นสีหน้าสำนึกผิดของข้าบอกไว้ก่อน ไม่มีใครจะได้เห็นมัน”
“เจี้ยนหลินฝ่าบาทให้เจ้ากับเสี่ยวหลินประลองฝีมือกัน เพื่อตำแหน่งไท่จือเฟย”
“ลูกเข้าใจแล้ว”ใต้เท้าหลิน ส่ายหน้าจากไป
วันประลอง
“คุณหนูใหญ่ ข้าน้อยเตรียมกระบี่เนื้อดี คมที่สุดไว้ให้แล้ว”
หยางเพ่ยตง รองแม่ทัพเพ่ยตงส่งกระบี่ในมือให้กับเจี้ยนหลิงอย่างนอบน้อม แม้ท่าทีองอาจของเขาจะไม่เหมาะแก่การนอบน้อมก็ตาม แต่หากเป็นคนอื่นก็คงไม่ได้เห็นท่าทีเช่นนี้ของเขามีเพียงเจี้ยนหลิงที่ได้เห็นมัน
“เพ่ยตงข้าควรออมมือหรือไม่”
“คุณหนูคุณหนูรู้ดีข้อนี้ ข้าน้อยไม่ควรออกความเห็น”
“ดี ..ไปกันเถอะ”
“พี่สาว”
เพ่ยตงถอยหลังไปยืนห่างๆ เมื่อ เสี่ยวหลินก้าวขาเข้ามาขวางหน้าไว้
“ท่าน ..กับข้า เราจะต้องประลองกันจริงๆ หรือ”
น้ำเสียงหวานปนเศร้า เพ่ยตงเบือนหน้าหนีเสีย เจี้ยนหลิงยิ้มบางๆ
“เสี่ยวหลินเจ้าเป็นน้องสาวของข้า อย่างไรก็ไม่อาจเป็นอื่น เราสองคนยังเป็นพี่น้องกัน ไปกันเถอะทุกอย่างจะได้จบลงเสียที”ตัดสินใจแน่วแน่
“เดี๋ยว” ฮูหยินใหญ่ส่งเสียงมาแต่ไกล เสี่ยวหลินย่อกาย ก้าวเดินสวนทางกับฮูหยินใหญ่ด้วยความเกรงขาม
“ท่านแม่”
เจี้ยนหลิงประสานมือพร้อมกับกระบี่ในมือท่าทีไม่ต่างจากบุรุษ
“คงรู้ดีว่าจะต้องชนะการประลองเท่านั้น แม่คาดหวังในตัวเจ้ายิ่งนัก เจี้ยนหลิง ตำแหน่งไท่จือเฟยจะต้องเป็นของเจ้าเท่านั้น”
เพ่ยตง หลุบตามองพื้นเหมือนกับเป็นความผิดของเขา
“ไปได้แล้วอย่าให้ข้าต้องขายหน้า”เจี้ยนหลิงประสานมือ ก้าวเดินด้วยทีที่มั่นใจอย่างที่สุด
วังหลวง ณ.ลานประลอง
“การประลองเริ่มได้ ด่านแรกเป็นการงานฝีมือเป็นอันดับแรก”
หลินเจี้ยนหลิง ยังกอดกระบี่ไว้เช่นเดิมไม่ได้เร่งรีบอะไร ต่างกับเสี่ยวหลินที่หยิบเอาเข็มและผ้าขึ้นมานั่งบนโต๊ะ เตรียมพร้อมในทันทีเพ่ยตงกอดอกมองเจี้ยนหลิงนิ่ง
“ต่อไปเป็นการประลองการปักลวดลายบนผืนผ้า อาศัยความงดงามและความหมายที่เป็นมงคล ของคำว่ามังกรครองฟ้า หงสาร่ายรำ ...อีกทั้งยังต้องอาศัยความรวดเร็วในการปัก ลวดลายในการปักที่มีเวลาให้แค่เพียงสองชั่วยาม" เจี้ยนหลิงยกผ้าในพับขึ้นมาบนโต๊ะ นั่งลงบนเก้าอี้ตั้งหน้าตั้งตาปักลวดลายด้วยความมั่นใจอย่างยิ่งท่าทีมิได้มีความเรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนเสี่ยวหลินที่แทบจะกลายเป็นท่วงท่าร่ายรำก็ว่าได้ ผ่านไปถึงสองชั่วยามเหล่าขุนนางล้วนต่างเปิดปากหาว เพ่ยตงยังยืนนิ่งมองเจี้ยนหลินเช่นเดิม
"หมดเวลาแล้ว นำงานปักของพวกนางมาให้ฝ่าบาทตัดสิน"
ขุนนางต่างฮือฮารอชมการตัดสิน งานปักของทั้งสองคนถูกนำมาวางตรงหน้าฮ่องเต้ ลวดลายบนผ้าสีน้ำเงินสีประจำตัวของไท่จือ เสี่ยวหลินปักมันอย่างอ่อนช้อยเหมือนดังมีชีวิตเป็นรูปมังกรที่ เหยียบบนหลังหงส์ เปรียบเหมือนความยิ่งใหญ่ของมังกร แม้หงส์จะอยู่ต่ำลงมาแต่หงส์กับดูงดงามและโดดเด่นกว่ามังกร ฮ่องเต้มองลวดลายบนผ้าแสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
แต่ก็ไม่อาจแสดงท่าทีได้มากกว่าการนิ่งเฉยเสีย
ผ้าปักของเจี้ยนหลิงเป็นรูปมังกรกอดรัดพันเกลียวกับหงส์ฟ้า ไม่ได้สูงต่ำหรือใช้สีสันด้อยไปกว่ากันมองเพียงผิวเผินงดงามน่าค้นหา แต่เมื่อมองอย่างตั้งใจจึงรู้ว่า ลวดลายบนผ้าพยายามชี้ให้เห็นว่า หงส์ความจริงนั้นพยายามเกื้อหนุนมังกรอยู่
"สมกับเป็นบุตรีของใต้เท้าหลินเสียจริง เห็นได้ชัดว่าลวดลายในผ้าสวยงามอีกทั้งยังมีความหมายเหมาะสม"
ฮ่องเต้เอ่ยออกมากับขันทีข้างกาย
"พ่ะย่ะค่ะ ของคุณหนูเจี้ยนหลิงมองเพียงครู่ก็รู้ว่าความสามารถด้านงานเย็บปักไม่ธรรมดาไหนใครๆ ต่างพูดกันว่า คุณหนูใหญ่เจี้ยนหลิงองอาจเช่นดังบุรุษอีกทั้งยังฉลาดเกินใคร เช่นนี้ก็พูดได้ว่าความสามารถรอบด้าน ส่วนคุณหนูรองเสี่ยวหลินงดงามอ่อนหวานงานปักชิ้นนี้จึงดูไม่เบื่อ ยากที่จะตัดสินให้ใครแพ้ชนะ"หยางฟงหยางฮ่องเต้ยิ้ม
"หลินเสี่ยวหลิน ลวดลายบนผ้าของเจ้าสื่อความหมายเช่นไร"
เสี่ยวหลินยิ้มอ่อนหวานดวงตาเป็นประกายน่ามอง อีกทั้งใบหน้าที่งดงามอ่อนหวานนั้นชวนให้หลงใหลที่สุด
"ฝ่าบาท..ลวดลายบนผ้า มังกรขี่หลังหงส์ที่คอยส่งเสริมให้มังกรอยู่บนจุดที่สูงสุดเปรียบดังไท่จือเฟยที่ส่งเสริมไท่จือแม้จะต้องแบกรับความยากลำบากก็ต้องพร้อมที่จะส่งเสริมสามี สีสันมังกรที่แม้ไม่ได้สดใสหรือสะดุดตาเท่าหงส์นั่นเป็นเพราะ ไม่ว่ามังกรจะสำคัญแค่ไหนหงส์ก็ล้วนแต่สำคัญเช่นกัน ไม่มีหงส์จึงไม่มีมังกร แต่มังกรก็ย่อมจะสูงส่งกว่าหงส์"
ฮ่องเต้พยักหน้า เหล่าขุนนางต่างยิ้มกับคำตอบที่เสี่ยวหลินพูดออกมา ล้วนเป็นความจริงอย่างที่สุดการแต่งตั้งไท่จือเฟยจึงต้องคำนึงถึง ทั้งความเหมาะสมและชาติตระกูลของไท่จือเฟยที่จะส่งเสริมไท่จือไปพร้อมกัน แม้ไท่จือเฟยจะเป็นเพียงแค่บุตรีขุนนางก็ตาม
"เจ้าเล่าหลินเจี้ยนหลิน ลายปักบนผ้าของเจ้า มีความหมายเช่นไร"
"ฝ่าบาท"เจี้ยนหลิงประสานมือแทนที่จะย่อกาย
"ลวดลายบนผ้าของข้า หมายถึงการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน ไท่จือสูงส่งทว่าเหยียบย่ำคนข้างกายจึงไม่เหมาะนัก ไท่จือกับไท่จือเฟยหากประสานร่วมแรง จึงจะช่วยคลายกังวลให้กับฝ่าบาทได้มาก อีกทั้งยังเป็นแบบอย่างให้กับราษฏรเช่นนั้นการคนที่จะมารั้งตำแหน่งไท่จือเฟยต้องเป็นคนที่พร้อมเคียงข้างหนักเบาไม่เกี่ยงงอนอาศัยเกื้อกูลสามีอีกทั้งไท่จือเองก็จะต้องผ่อนหนักเบาเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เหมือนลวดลายบนผ้าที่ต่างสำคัญ เท่าๆ กันทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครเหนือกว่าใคร"ฮ่องเต้ถอนหายใจ
"ครั้งนี้ให้หลินเจี้ยนหลิงเป็นฝ่ายชนะด้วยลายปักในผ้าถูกใจข้ายิ่ง อีกทั้งคำพูดคำจาของนางล้วน ถูกแปดในสิบส่วน"
"การปักผ้าเป็นคุณหนูใหญ่หลินเจี้ยนหลิงเป็นฝ่ายชนะ"
เพ่ยตงขยับเปลี่ยนอิริยาบถ เจี้ยนหลิงยังมีสีหน้าเรียบเฉยแต่ภายในใจโล่งอกยิ่งนัก ผิดกับเสี่ยวหลินที่รู้สึกผิดหวังอย่างที่สุดเพราะเห็นได้ชัดว่าเจี้ยนหลิงไม่เคยได้ฝึกฝนการเย็บปัก ปกติงานพวกนี้ล้วนเป็นของเสี่ยวหลินกับมารดา แต่เจี้ยนหลิงมีหน้าที่เพียงร่ำเรียนกลยุทธ์ต่างๆ ดั่งเช่นบุรุษ หาใช่สิ่งที่หญิงงามควรทำไม่
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน