Home / อื่น ๆ / เส้นทางเชื่อมใจ / บทที่ 5 สะพานไม้สุดท้ายก่อนล้ม

Share

บทที่ 5 สะพานไม้สุดท้ายก่อนล้ม

Author: Bosskerr
last update Last Updated: 2025-06-13 00:06:08

ชีวิตในแต่ล่ะวันของแทนไทยังคงเป็นไปตามปกติ เขายังคงไปทำงานที่ไซต์งานก่อสร้างเหมือนเดิม และพอตกเย็นเลิกงานก็ตรงกลับบ้านทันที นิสัยของแทนไทไม่ค่อยเหมือนกับคนส่วนมากที่อยู่วัยเดียวกัน เขาไม่เคยเถลไถลไปที่อื่น เวลาวันหยุดหรือวันเงินเดือนก็ไม่เคยไปสังสรรค์ต่อที่ไหน แทนไทมักปฏิเสธตลอด จนทุกคนนั้นเป็นอันรู้กันและต่างก็เลิกชวนไปโดยปริยาย แต่ถึงอย่างนั้นแทนไทก็ยังคงเป็นที่รักใคร่ของทั้งเจ้านายและบรรดาเพื่อนฝูง ด้วยความที่เป็นคนขยันขันแข็งทำงาน หนักเอาเบาสู้ เวลาใครใช้ให้ช่วยเหลือหรือหยิบจับอะไรก็ไม่เคยบ่ายเบี่ยง น้ำใจของแทนไทนั้นเป็นที่ประจักษ์ในสายตาของทุกคนมานานแล้ว

“เฮ้ย! แทน เดี๋ยววันนี้พี่วานหน่อยได้ไหมวะ เลิกงานแล้วช่วยข้ามฝั่งเอาข้าวเอายาไปให้เมียพี่ที่บ้านพี่หน่อย” ชาญยุทธ์ เดินเข้ามาหาแทนไทในช่วงเวลาที่กำลังใกล้จะเลิกงาน

“พอดีวันนี้นายสั่งให้พี่เข้าไปรับวัสดุในเมือง ของมันขาด เมียพี่ท้องแก่มากแล้ว พี่ไม่อยากให้ออกมาเอง”

“อ๋อ ได้สิพี่ยุทธ์ เดี๋ยวผมเอาไปให้พี่พรเองครับ” เพราะรู้จักกับชาญยุทธ์มานานจึงค่อนข้างสนิทกับภรรยาของคนพี่ด้วย แถมยังเคยไปฝากท้องกินข้าวที่บ้านของชาญยุทธ์อยู่ 2-3 ครั้ง

“เออ ขอบใจมากนะ ฝากบอกพรมันด้วยว่าคืนนี้พี่น่าจะกลับมาดึกหน่อย ไม่ต้องให้มันอยู่รอ นอนไปก่อนได้เลย” ชาญยุทธ์เอ่ยสำทับอีกเล็กน้อย

“ได้ครับ”

หลังจากเลิกงานแล้วแทนไทก็ตรงไปที่บ้านของชาญยุทธ์ทันที เขาแวะซื้อกับข้าวเพิ่มเข้าไปให้พี่พรอีก 1-2 อย่าง คนท้องคนไส้แบบนี้บำรุงเยอะ ๆ หน่อยก็น่าจะดี

บ้านของชาญยุทธ์นั้นอยู่หมู่บ้านฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านของแทนไท ซึ่งสามารถไปได้ 2 ทาง... ทางแรกคือทางถนนปกติแต่ต้องอ้อมนิดหน่อย ส่วนอีกทางคือทางข้ามสะพานไม้เก่า ๆ ที่ใกล้ผุพังไป ด้านล่างนั้นคือสระบัวสีชมพูที่ออกดอกสวยงาม สะพานไม้แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก เป็นสะพานไม้ขนาดเล็กค่อนไปถึงกลาง สามารถสัญจรได้แค่รถคันเล็กอย่างจักรยานและจักรยานยนต์เท่านั้น รถใหญ่ไม่สามารถผ่านได้ และแทนไทเองก็เลือกใช้เส้นทางนี้เพราะว่าเขาไม่มีรถ

ตลอดทางที่เดินผ่านนั้นแทนไทถูกคนร้องทักทายตลอด มีทั้งที่เขารู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ดูท่าว่าเรื่องที่เขาช่วยซ่อมถนนด้วยเงินส่วนตัวกับซ่อมท่อประปาแตกของชุมชนให้โดยไม่คิดเงินคงจะถูกเล่าปากต่อปากไปจนทั่วแล้ว

“อ้าวแทน มาได้ยังไง เข้ามาก่อน ๆ” พี่พรเมื่อเห็นแทนไทก็รีบเอ่ยทักพร้อมกับเชื้อเชิญให้เข้ามาข้างใน

“สวัสดีครับพี่พร” แทนไทกมือไหว้หญิงสาว

“พอดีพี่ยุทธ์ฝากให้ผมมาส่งข้าวให้ พี่ยุทธ์แกติดธุระต้องเข้าไปรับพวกวัสดุให้เถ้าแก่ที่ในเมืองครับ อาจจะกลับมาค่ำหน่อย พี่ยุทธ์ฝากบอกว่าไม่ต้องรอนะครับ ให้พี่กินข้าวเสร็จก็รีบพักผ่อนเลย”

พี่พรถือขันน้ำสะอาดมาวางไว้ตรงหน้าแทนไท “ดื่มน้ำดื่มท่าก่อน น้ำฝนเย็น ๆ”

“ขอบคุณครับ”

“ที่จริงแล้วเดี๋ยวพี่ออกไปหาซื้ออะไรกินเองก็ได้ เลยต้องลำบากแทนเลย ขอบใจมากนะจ๊ะ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่พร ไม่ได้ลำบากอะไรเลย อีกอย่างก็ใกล้แค่นี้ด้วย” แทนไทพูดยิ้ม ๆ สายตาก็มองท้องของพี่พรที่โตออกมา

“นี่กี่เดือนแล้วครับพี่พร”

“8 เดือนแล้วจ่ะ เดือนหน้าก็คลอดแล้วล่ะ” หญิงสาวใช้มือลูบที่ท้องของตัวเองเบา ๆ สีหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและดีใจ

  แทนไทพยักหน้า “ไว้รอหลานคลอดออกมาแล้วผมจะเอาของมารับขวัญนะครับ”

“โอ๊ย ไม่เป็นไรเลยแทน แค่มาเยี่ยมดูหน้าหลานพี่ก็ดีใจแล้ว”

ในระหว่างนั้นเองก็มีเสียงของชาวบ้านสองคนที่กำลังเดินพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติผ่านหน้าบ้านของพี่พร เมื่อเห็นหญิงสาวคนพวกนั้นก็หยุดเดิน

“นี่พร เอ็งน่ะอย่าเที่ยวไปเดินผ่านสะพานไม้นั่นล่ะ ทางมันไม่ค่อยดีแล้ว เมื่อกี้ก็มีคนเกือบตกลงไป”

หญิงวัยกลางคนร่างสูงคนหนึ่งร้องบอกพี่พรทันที และก็ตามด้วยหญิงวัยไล่เลี่ยที่เดินมาด้วยกันก็รีบสมทบต่อ

“ใช่ ๆ ข้าเห็นเอ็งชอบเดินข้ามไปซื้อของฝั่งโน้น เอ็งน่ะยิ่งท้องแก่แล้วด้วย เดี๋ยวหกล้มหกท่าไปเป็นเรื่องเลยนะ”

“เกิดอะไรขึ้นเหรอจ๊ะป้า” พี่พรยังคงมีท่าทางงง ๆ

“ก็ไอ้สะพานไม้ใกล้ผุพังข้ามคลองนั่นน่ะสิ เมื่อกี้มีคนเดินผ่านปรากฏว่าพื้นมันหักทะลุลงไป ดีนะที่ขาแค่ติดไม่ตกลงไปในคลองบัว”

“ตายจริง” พี่พรเมื่อได้ยินก็ยกมือทาบอก “แล้วเป็นอะไรมากไหมจ๊ะ”

“แค่ขาเคล็ดกับขาถลอกนิดหน่อย” หญิงคนแรกที่เล่าส่ายหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมา

“ไอ้สะพานนี่ก็นะ แจ้งไปทางหน่วยงานหลายทีแล้วให้มาช่วยดูหน่อย จนป่านนี้ก็ยังไม่เคยโผล่หัวมา ต้องรอให้มันหักพักไปทั้งสะพานก่อนล่ะมั้ง”

“แกก็รู้นะยายเล็กว่าไอ้พวกนี้มันไม่เคยสนใจเรื่องเดือนร้อนของชาวบ้านตาดำ ๆ หรอก บอกให้แต่รอ ๆ ให้รออะไรแม่งไม่รู้ของมัน” อีกคนที่เดินมาด้วยกันก็พยักหน้างึกงักอย่างเห็นด้วย พูดคุยกันต่ออีกสองสามประโยคจากนั้นคนทั้งสองก็เดินจากไป

“แทนเดินกลับทางนั้นใช่ไหม ยังไงก็เดินระวัง ๆ ด้วยล่ะ” พี่พรเอ่ยบอกแทนไท

“ครับพี่ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ” และไม่นานแทนไทเองก็ขอตัวกลับบ้านด้วยเหมือนกัน

ตอนที่แทนไทเดินข้ามสะพานไม้เขาก็สังเกตเห็นแผ่นไม้กลางทางแผ่นหนึ่งที่หักและทะลุลงไป และเมื่อสำรวจให้ดีก็จะเห็นว่าแผ่นอีก ๆ ก็เก่ามาก ๆ แล้วเช่นกัน

สะพานไม้แห่งนี้มีระยะทางประมาณ 50 เมตร ทางกว้างประมาณ 2.50 เมตร เป็นสะพานไม้โล่งไม่มีอะไรกั้น แม่บอกว่าสะพานไม้แห่งนี้มีมาตั้งแต่รุ่นตายาย และถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าสะพานแห่งนี้มีอายุเท่าไหร่กันแน่ แต่เท่าที่แทนไทจำได้ก็คือเขาเห็นสะพานที่ไม่มีชื่อเรียกแห่งนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว

“อันตรายจริง ๆ ด้วยแฮะ” แทนไทบ่นงึมงำเหมือนพูดกับตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นตลอดทางที่เดินกลับบ้านในหัวของเขากลับมีความคิดบางอย่าง

“เฮ้ยแทน ทำอะไรอยู่วะ ป่านนี้ยังไม่กลับบ้านอีก”

ชาญยุทธ์เอ่ยถามแทนไทเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวบริเวณกองไม้ด้านหลังไซต์งาน

“พี่ยุทธ์นี่เอง ผมตกใจหมด” แทนไทสะดุ้งเล็กน้อย

“ก็พี่เองสิวะจะใคร แล้วนี่ทำไมยังไม่กลับบ้านกับช่องอีก ป่านนี้พวกไอ้วิทย์มันไปกลับถึงบ้านไปตั้งวงเหล้ากันแล้วมั้ง”

ชาญยุทธ์เอ่ยหยอกก่อนจะพูดต่อ “เออ เมื่อวานนี้ขอบใจมากนะที่เอากับข้าวไปให้เมียพี่ แถมยังซื้อเผื่ออีก รบกวนเอ็งแล้ว”

“ไม่เป็นเลยพี่ เล็กน้อย”

“แล้วสรุปนี่เอ็งทำอะไรอยู่ มาหาอะไรแถวเศษซากไม้พวกนี้ล่ะ”  ชาญยุทธ์ถามในสิ่งที่ตัวเองสงสัยก่อนหน้านี้

“ไม้พวกนี้จะทิ้งเหรอครับพี่ ยังดี ๆ อยู่เลย” แทนไทเอ่ยถามชาญยุทธ์

“ใช่ มันใช้งานอะไรไม่ได้แล้วล่ะ เดี๋ยวอีก 2-3 วันก็จะให้พวกรับซื้อไม้มาชั่งกิโลไป”

แทนไทเงียบไปพักหนึ่ง “พี่ครับ ถ้าผมอยากจะซื้อต่อไม้พวกนี้เองล่ะครับ ต้องทำยังไง”

“แล้วเอ็งจะเอาไม้พวกนี้ไปทำอะไรล่ะ” เขายังคงสงสัยว่าไม้พวกนี้จะเอาไปใช้ทำอะไรได้

“ซ่อมสะพานครับ”

“ซ่อมสะพาน?”

“ครับ” ถึงแม้จะบอกว่ามันเป็นเพียงแค่เศษไม้ แต่สำหรับแทนไทแล้วกองไม้ที่วางพะเนินตรงหน้านั้นกลับไม่ได้เป็นเพียงแค่เศษไม้... ไม้พวกนี้เป็นส่วนเกินที่ถูกตัดออกมาจากสิ่งก่อสร้าง มันมีทั้งชิ้นส่วนขนาดใหญ่และเล็กประปรายกันไป และที่สำคัญคือมันยังใหม่มาก แทนไทคิดจะใช้เศษไม้พวกนี้ไปซ่อมทางเดินบนสะพาน อีกทั้งเขายังคิดออกแบบเพิ่มเติมให้มันปลอดภัยมากกว่านี้

“เอ็งหมายถึงสะพานไม้ทางเชื่อมข้ามคลองของหมู่บ้านเราน่ะเหรอ” ชาญยุทธ์ถามต่อ

“เมื่อวานนี้เมียพี่ก็เพิ่งบอกว่ามีคนเกือบตกสะพานไป”

“ใช่ครับ เท่าที่ผมดูแล้วพวกฐานและโครงสร้างยังคงแข็งแรงอยู่ ผมคิดว่าถ้าแค่ซ่อมพื้นสะพานในส่วนที่มันผุพังและก็ต่อเติมราวให้แข็งแรงปลอดภัยอีกหน่อยก็น่าจะดีครับ” แทนไทพยักหน้า

ชาญยุทธ์มองแทนไทด้วยแววตาชื่นชมแวบหนึ่ง “เอ็งเนี่ยนะ ถ้าไม่เป็นคนดีมีน้ำใจมากเกินไปก็เป็นพวกประเภทที่ชอบหาเรื่องเหนื่อย”

แทนไทหัวเราะ “ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ผมทำได้ครับ”

“เอาเถอะ เดี๋ยวพี่จะคุยกับเถ้าแก่ให้เรื่องไม้ ส่วนเรื่องซ่อมแซมสะพานพี่ก็จะหาคนมาช่วยด้วย เอ็งบอกพี่มาแล้วกันว่าจะให้พี่ทำอะไรบ้าง”

แทนไทได้ยินแบบนั้นก็ดีใจ “ขอบคุณนะครับพี่”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร ยังไงสะพานนั่นก็ถือว่าเป็นของหมู่บ้านเรา เอ็งไม่ต้องห่วง มีอะไรก็บอกได้เลย”

และเพราะแบบนั้นในอีก 1 อาทิตย์ต่อมาการซ่อมแซมสะพานไม้ของแทนไทจึงเกิดขึ้นมาจริง ๆ มีการแจ้งเตือนชาวบ้านล่วงหน้าและปิดถนนเพื่อซ่อมแซมสะพาน และยิ่งเถ้าแก่เจ้าของไซต์งานได้ทราบเรื่องจากชาญยุทธ์ถึงสิ่งที่แทนไทจะทำก็ยังช่วยสมทบทุนค่าวัสดุและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาเพิ่มอีก แถมยังส่งคงงานมาช่วยแทนไทด้วย

สะพานไม้ที่ถูกออกแบบโดยแทนไทค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในที่สุด พื้นทางเดินถูกเปลี่ยนใหม่หมดอีกทั้งยังเสริมรั่วกั้นขึ้นมาอย่างแน่นหนาด้วย จนกระทั่งจากสะพานไม้เก่า ๆ ที่ใกล้จะผุพังกลายมาเป็นสะพานไม้ทาด้วยสีฟ้าใหม่เอี่ยม... และสะพานไม้แห่งนี้ก็ถูกตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ว่า ‘สะพานแห่งน้ำใจ’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 16 ถนนที่แม่ไม่เคยเห็น

    แสงแดดยามเช้าส่องลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อนในบ้านไม้สองชั้นหลังเดิมของวิไล หญิงร่างเล็กในวัยชราเดินออกมายังระเบียงหน้าบ้าน หยิบวิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเก่าที่เปิดฟังเป็นประจำมานั่งฟังข่าวยามเช้า ท่ามกลางเสียงไก่ขัน เสียงลมพัดผ่านยอดไม้ วิไลทอดสายตามองไปยังถนนดินเล็ก ๆ ที่ทอดยาวออกจากหมู่บ้าน ผู้เป็นแม่เฝ้ามองอยู่ทุกวัน ไม่ใช่เพราะเธอคาดหวังจะเห็นลูกชายกลับบ้านโดยไม่บอกกล่าว แต่เพราะนั่นเป็นทางเดียวที่ลูกชายของเธอเคยใช้ก้าวออกไปสู่โลกกว้าง“แทน เอ็งสู้ไหวไหมลูก..” วิไลพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มองหน้าจอแชตกับลูกชายคนเดียวที่เธอรักที่สุดแทนไท ในวัยสามสิบปลาย ๆ เจ้าหน้าที่วิศวกรชำนาญการพิเศษของกรมทางหลวง หลังจากถูกตักเตือนอย่างเป็นทางการด้วยเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เขากลับไม่ได้เสียขวัญ หากแต่เขาได้นำเอาเหตุการณ์นั้นกลับมาเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมวิธีคิดและการวางแผนของเขาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้นเช้าวันนี้ แทนไทนั่งอยู่ในห้องทำงานเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยแผนที่ภูมิประเทศ กระดาษโน้ต และหนังสือวิชาการเกี่ยวกับวิศวกรรมโยธา เขาหยิบแผนที่เดิมขึ้นมาดูอีกครั้ง เส้นทางสายที่เขาอยาก

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 15 แสงดาวในยามใจหล่น

    แสงแดดยามเช้าของวันจันทร์ลอดผ่านม่านหน้าต่างห้องทำงานที่แทรกตัวอยู่กลางอาคารสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง แทนไทนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าหนักแน่นกว่าทุกวัน ถึงแม้เขาจะเพิ่งผ่านเหตุการณ์สะเทือนใจจากบทลงโทษทางวินัยในมาในช่วงก่อนหน้า แต่สายตาของเขายังคงเต็มเปี่ยมด้วยเป้าหมายและแรงผลักดันเหมือนเดิมเขาเปิดแฟ้มโครงการที่เคยนำเสนอลงบนโต๊ะ พลางไล่สายตาอ่านบันทึกการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับเปิดเครื่องบันทึกเสียงจากมือถือเพื่อทบทวนคำพูดที่ลุงทวีเคยพูดไว้“ในชีวิตข้าทำงานสายนี้มาก็หลายสิบปี ไอ้ที่สำคัญไม่ใช่แค่ถนนจะตัดตรงไหน แต่มันอยู่ที่ว่าเราทำเพื่อใครต่างหากล่ะ”คำพูดนั้นยังดังก้องอยู่ในใจของเขาเสมอเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น“แทน ผมขอเข้าไปหน่อยนะ” เสียงของหัวหน้าเอ่ยดังขึ้นจากหน้าห้อง“เชิญครับหัวหน้า” แทนไทลุกขึ้นยืนด้วยความเคารพหัวหน้าก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนตามแบบฉบับของผู้ที่ผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน“แทน ผมชี้แจงบทลงโทษเกี่ยวกับรายงานของจังหวัดนั้นแล้วนะ เรื่องที่เขาแจ้งเตือนพฤติกรรมคุณ”แทนไทพยักหน้ารับเบา ๆ“ผมผิดเองครับหัวหน้า ผมใจร้อนไปหน่อย ผมอยากให้ชาวบ้านมีทางเดิน

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 14 ลายเซ็นไม่มี สิ่งนี้ไม่เคยอนุมัติ

    ท้องฟ้ายามเช้าของเมืองหลวงยังคงครึ้มเทา แม้ไม่มีฝนตก แต่เมฆสีหม่นนั้นก็ทำให้บรรยากาศดูอึมครึมและกดดันไม่ต่างจากจิตใจของแทนไทในเวลานี้ รถยนต์คันเดิมที่เขาขับอยู่แล่นไปบนถนนด้วยความเร็วคงที่ ใจของเขาหนักอึ้งกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงหลายเดือนเมื่อคืนเขาใช้เวลาคิดอยู่ทั้งคืน ว่าเขาควรทำอย่างไรดีหลังจากที่ข่าวลือเริ่มแพร่สะพัดไปถึงระดับจังหวัดว่ามีวิศสวกรจากสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองคนหนึ่งลงมือสร้างถนนเส้นทางลัดในพื้นที่ยังไม่ผ่านการอนุมัติให้สร้าง ซึ่งนั่นหมายถึงตัวเขาโดยตรง และแทนไทก็ไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่จนนำไปสู่การฟ้องร้องหรือคดีความ เขาจึงตัดสินใจจะเดินทางไปที่สำนักงานจังหวัดในเช้าวันนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมยอมรับฟังทุกคำตักเตือนเมื่อรถของแทนไทมาถึงหน้าอาคารสำนักงาน เขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวออกจากรถพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องในมือ แม้จะรู้ดีว่าในทางระเบียบนั้นตนเองพลาดที่ลงมือก่อนคำอนุมัติ แต่หัวใจของเขาก็ยังมั่นคงว่าตนเองกระทำไปเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของชาวบ้านและส่วนรวมทั้งสิ้นเขาถูกเรียกให้เข้าไปยังห้องประชุมชั้นสามของอาคาร หน้าห้องมีป้ายเล็ก ๆ ติด

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 13 ถนนที่ไม่มีชื่อ

    ช่วงเช้าของวันหยุดยาว แทนไทขับรถกระบะเก่า ๆ ที่เขาผูกพันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในจังหวัดบ้านเกิด สองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจี ฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนก่อนทำให้ผิวดินยังชุ่มชื้นและมีกลิ่นสดชื่นของธรรมชาติอบอวลในอากาศบ้านของแทนไทอยู่ในชุมชนที่ชื่อว่า ‘บ้านดอนกลาง’ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากชายแดนของเขตอำเภอ พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านนี้เป็นทุ่งนา สวนผลไม้ และป่าชุมชนที่ยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติเอาไว้อย่างดี แทนไทจอดรถหน้าบ้านไม้ใต้ถุนสูงของแม่วิไล หญิงวัยหกสิบต้น ๆ ที่ยังแข็งแรงและขยันขันแข็งเหมือนเช่นทุกวัน“แม่! แทนมาแล้วครับ” แทนไทร้องเรียกขณะที่เดินขึ้นบันไดบ้าน กลิ่นข้าวสวยหอมกรุ่นลอยมากระทบจมูก“อ้าว แทนมาแล้วเหรอ มาทันกินข้าวพอดีเลย” วิไลยิ้มกว้าง รินน้ำใส่แก้วให้ลูกชาย ก่อนจะยกหม้อข้าวและแกงส้มมาวางลงบนโต๊ะไม้กลางบ้านหลังจากนั่งทานข้าวและพูดคุยถึงชีวิตในกรุงเทพฯ ได้สักพัก วิไลก็เปรยเรื่องหนึ่งที่ทำให้แทนไทตั้งใจฟังมากขึ้น“ช่วงนี้ผู้ใหญ่บ้านเขาไปยื่นเรื่องของงบประมาณเพื่อทำถนนจากโรงเรียนไปตลาดใหญ่นะลูก แต่ก็โดนปฏิเสธมาแล้วสอ

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 12 ก้าวใหม่ในเส้นทางเดิม

    แสงแดดยามเช้าลูบไล้ปลายใบไม้เบา ๆ ขณะที่สายลมฤดูร้อนพัดผ่านราวกับกำลังกระซิบบอกแทนไทว่า ถึงเวลาที่ต้องกลับมาลุยอีกครั้งแล้ว หลังจากใช้เวลาในภาคใต้เพื่อพักกายพักใจ เขาก็กลับมายังห้องทำงานเล็ก ๆ ในสำนักงานกรมโยธาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ สถานที่ที่เขาคุ้นเคย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นเพียงแค่ความคิดและหัวใจของเขาที่เปลี่ยนไปบนโต๊ะทำงานมีแผนที่เก่าใบหนึ่งที่เขาพับไว้อย่างทะนุถนอม มันคือแผนที่ที่ลุงทวีเคยส่งมอบให้ ซึ่งกลายเป็นเหมือนแสงไฟนำทางให้เขาอีกครั้งแทนไทเปิดแผนที่ใบนั้นออก กระดาษเก่ากรอบที่มีรอยพับตามกาลเวลาเผยให้เห็นลายเส้นทางเก่าที่บางส่วนถูกลืมไปจากระบบราชการปัจจุบัน เขาจ้องมองมันราวกับจะมองทะลุเข้าไปยังอดีตของถนนสายที่ไม่เคยได้ถูกสร้าง“ลุงครับ เส้นทางตรงจุดนี้ ถ้าผมต่อมันเข้ากับทางสายหลัก จะช่วยให้ชาวบ้านบนดอยเดินทางลงมาโรงพยาบาลได้สะดวกขึ้นจริง ๆ ใช่ไหมครับ” แทนไทเอ่ยถามผ่านสายโทรศัพท์เสียงของลุงทวีจากปลายสายฟังดูอบอุ่นแม้จะผ่านระยะทางไกล“ใช่ แถวนี้ลุงเคยลงพื้นที่เองเมื่อสิบกว่าปีก่อน มันเป็นทางดินเก่า บางช่วงเป็นแค่ทางเดินสัตว์ แต่ถ้าทำจริง มันจะเปลี่ยนชีวิตคนได้เลยนะ แค่ม

  • เส้นทางเชื่อมใจ   บทที่ 11 พักกายพักใจ ก่อนกลับไปสู้ใหม่อีกครั้ง

    เสียงลมหายใจของทะเลกระทบฝั่งดังเป็นจังหวะช้า ๆ แผ่วเบา แทนไทยืนอยู่บนชายหาด มองเส้นขอบฟ้าที่ค่อย ๆ กลืนแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเย็นเข้าไปในม่านฟ้าสีส้มอมชมพู หลังจากวันที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความคิด ฟ้าสีนี้คล้ายกับกำลังปลอบประโลมหัวใจของเขาให้เบาลง อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้“สวยใช่ไหมคะ” เสียงของดาวดังแว่วมาจากด้านข้าง หญิงสาวในชุดเดรสผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดตาเดินเท้าเปล่าลงบนผืนทราย เธอส่งยิ้มให้เขา เป็นรอยยิ้มที่ไม่ต้องพยายามแต่งแต้มมองทีไรก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนใจเขาสั่น“ครับ พี่ไม่เคยรู้เลยว่าแค่ฟังเสียงคลื่นกับดูพระอาทิตย์ตกมันจะทำให้รู้สึกสงบได้ขนาดนี้” แทนไทตอบ เขาไม่ได้พูดเล่นเลย ถึงแม้จะเคยเดินทางมาแทบทุกภาคของประเทศ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ความเหนื่อยล้าจะหลุดออกไปจากใจจากกายง่ายเท่าครั้งนี้ดาวยิ้มอีกครั้ง พลางเดินนำเขาไปนั่งที่เปลผ้าริมชายหาดใต้ต้นสนทะเลที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ เธอหยิบกระบอกน้ำไม้ไผ่ออกมายื่นส่งให้“น้ำสมุนไพรเย็น ๆ ค่ะ ดาวทำเอง รับประกันพี่จะสดชื่นหายเหนื่อยแน่นอน”แทนไทหัวเราะเบา ๆ “ขอบคุณครับ น้องดาวดูจะเตรียมตัวมาดีจัง”“แน่นอนสิคะ ดาวเป็นไกด์ประจำเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status