Masukเอาล่ะค่ะ ไม่ว่าต่อจากนี้ฉันจะต้องเจอกับอะไร ตอนนี้ฉันก็เริ่มทยอยแอบเอาของใช้ที่จำเป็นขึ้นมาบนดาดฟ้าทีละอย่างสองอย่างโดยไม่ให้อาม่ารู้ เพราะอาม่าไม่อนุญาตให้ฉันขึ้นมานอนที่ห้องเก็บของบนดาดฟ้าน่ะสิคะ แต่ก็เอาเถอะ กว่าอาม่าจะรู้นะ ฉันคงย้ายของมาหมดห้องแล้วแหละเนอะ
ฉันใช้เวลาหลายวันเอาเรื่องเลยค่ะ กับการแอบย้ายของและค่อยๆ แอบทำความสะอาดห้องเก็บของบนดาดฟ้าเพื่อดัดแปลงเป็นห้องนอน แต่พอทำเสร็จจนได้ผลลัพธ์เป็นห้องนอนลับๆ เล็กๆ มันก็น่าภูมิใจบอกไม่ถูกนะคะ ฉันรักห้องนี้มาก เพราะมันคือห้องนอนที่อยู่บนดาดฟ้าอย่างที่ฉันต้องการ
แถมระยะนี้ดูเหตุการณ์ต่างๆ บนดาดฟ้าจะสงบดีค่ะ ไม่มีโชว์หวือหวาอะไรมารบกวนฉันอีกเลยตั้งแต่วันที่มีฝนดาวตก ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญเลยนะที่ทำให้ฉันไม่ตัดใจที่จะขึ้นมาทำห้องนอนบนดาดฟ้าเนี่ย
“โอ้โห เอาจริงแฮะ”
“อ่าว เจ้ มาเงียบๆ ตกใจหมด แล้วช่วยพูดเบาๆ หน่อยได้มั้ย เดี๋ยวอาม่าก็ได้ยินหรอก”
พี่สาวฉันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันนี่รีบวิ่งออกจากห้องไปปิดประตูเหล็กแทบจะทันที
“บ้า อาม่าอยู่ตั้งชั้นลอยจะได้ยินได้ไง”
...เออ นั่นสิ ระแวงไปนะฉัน...
“แล้วเจ้มีอะไร ขึ้นมาเพื่อ...”
“ก็ขึ้นมาดู ว่าทำอะไร ยังไง ถึงไหนแล้ว... จะว่าไป ห้องก็น่าอยู่นะ น่ายืมนอนเวลาชวนคุณบรรณารักษ์มาค้างที่บ้านจังเลย”
นั่นไง... วางแผนจะยึดห้องนอนฉันเป็นรังรัก ฝันไปเถอะเจ๊...
“เรื่องอะไรล่ะ หมวยไม่ให้ยืมห้องยืมเตียงทำสวีทติดเรทกันหรอกนะ”
“แหม มาทำเป็นรังเกียจ ยังกะตัวเองไม่เคย... เออแฮะ น้องเจ้ยังซิงอยู่นี่ เจ้ลืมไป”
...เหอะๆ เจ้ฉัน น่าจับฆ่าหมกห้องเก็บของซะจริงเชียว บังอาจมาแซวเรื่องซิง... ฉันเพิ่งสิบหกนะ จะให้รีบเสียไปไหนคะเจ๊...
แก๊ก! แอ๊ดดดดดดดด...
เสียงเปิดประตูเหล็กทำให้ฉันกับพี่สาวสะดุ้งสุดตัว รีบออกจากห้องเก็บของมายืนมองประตูเหล็กทันที เพราะกลัวว่าอาม่าจะขึ้นมาตามไปกินข้าว ถ้าอาม่าเห็นว่าฉันขัดคำสั่งอาม่า เนรมิตห้องเก็บของให้กลายเป็นห้องนอนลับๆ ของฉันไปแล้ว ฉันจะซวยเอาน่ะสิ แต่ปรากฏว่า ประตูเหล็กบ้านฉันยังปิดสนิท
ส่วนต้นเสียงเปิดประตูเหล็กเมื่อครู่นี้ ความจริงแล้วดังมาจากดาดฟ้าของเพื่อนบ้านคนเดิม ที่เคยโชว์หวิวตอนมีฝนดาวตกนั่นแหละ ฉันเห็นเธอเดินออกมายืนค้ำขอบปูนฝั่งด้านหน้าตึก ทอดสายตามองถนนด้านล่างบ้าง ท้องฟ้ายามเย็นบ้าง รูปร่างสูงเพรียวกับผมยาวประบ่าของเธอช่างชวนมอง และฉันก็มองเธอจนพี่สาวฉันทักขึ้นว่า
“เฮ้ย... เอาล่ะสิน้องฉัน”
“เอาล่ะสิ อะไรอ่ะเจ้”
“เอาแฟนเป็นผู้หญิงไง”
“โว๊ะ... พูดไปเรื่อย ใครเขาใช้คำว่า เอาแฟน กันเล่า น่าเกลียด”
...เอาแฟนเป็นผู้หญิงงั้นเหรอ พูดอะไรก็ไม่รู้เจ้ฉัน...
ฉันโวยวายแล้วเดินไปเปิดประตูเหล็ก ฉันกับพี่สาวควรลงจากดาดฟ้าได้แล้ว ใกล้เวลามื้อเย็นเต็มที ฉันไม่อยากเสี่ยงให้อาม่าหรือใครนอกจากพี่สาวฉันขึ้นมาที่นี่
หลังมื้อเย็นฉันก็เก็บตัวอยู่ในห้อง รอเวลาให้ดึกพอที่อาม่าจะเข้านอนเรียบร้อยแล้วนั่นแหละ ฉันถึงคว้าโทรศัพท์มือถือย่องออกจากห้องโดยปิดประตูอย่างเบามือที่สุดเพื่อขึ้นไปบนดาดฟ้า คืนนี้จะเป็นคืนแรกที่ฉันนอนบนดาดฟ้าจนเช้าเลยค่ะ
...ดาดฟ้าจ๋า หมวยเล็กมาแล้ว!!!
“อื้ม... ซีด...”
เอ่อ... เสียง อะไร อีกแล้วเนี่ย? ว่าแต่มานึกครึ้มอะไรตอนที่ฉันขึ้นมาดาดฟ้าทุกทีเลยนะ ไม่สิ... ฉันต้องทนเสียงมลพิษประเภทนี้ให้ได้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องอยู่บนดาดฟ้ากันพอดี ตอนนี้ดึกแล้ว ไปนอนดีกว่า
ฉันกลั้นใจเดินเข้าห้องนอน จัดแจงทุกสิ่งอย่างให้พร้อมแล้วล้มตัวลงนอนทันที ความนุ่มสบายของที่นอน หมอนและ ผ้าห่ม ถูกใจฉันมาก เพียงแต่มันไม่ได้ช่วยให้โสตประสาทฉันหลุดไปจากเสียงบนดาดฟ้าของเพื่อนบ้านได้เลย ฉันพยายามนอนให้หลับแล้วนะคะ แต่มันหลับไม่ลงจริงๆ และไม่กี่นาทีหลังจากผุดลุกขึ้นนั่งกอดเข่าบนเตียง ก่อนที่ขาเจ้ากรรมจะพาฉันเดินไปทรุดลงนั่งที่มุมเดิมตรงข้างรั้วปูนที่กั้นระหว่างดาดฟ้าฉันกับดาดฟ้าของเพื่อนบ้าน
ฉันเห็นผู้หญิงผมยาวประบ่า สวมเสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาสั้นยืนอยู่ข้างๆ โซฟาเบดตัวใหญ่สีน้ำเงินเข้ม เธอกำลังรวบผมมัดขึ้นเป็นหางม้า และมีผู้หญิงอีกคนกำลังจัดชุดเดรสที่ยับยู่ยี่ให้เข้าที่ก่อนหันมาจุ๊บแก้มคนเสื้อเทาหนึ่งที
...ว้า ฉันมาไม่ทันดูเหรอเนี่ย...
อุ้ย... ล้อเล่นนะคะ ฉันไม่ได้อยากดูซะหน่อย แต่ว่านะ ผู้หญิงชุดเดรสนั่น มันคนละคนกับคนที่มาเมื่อวันที่มีฝนดาวตกนี่นา ชักจะยังไงๆ แล้วสิ คนเสื้อเทานี่ร้ายไม่เบาเลยแฮะ นอกใจแฟนสินะ อืม... แล้วคนไหนเป็นแฟนเธอกันล่ะ น่าสงสัยจริงๆ ...
...เดี๋ยวนะ คิดบ้าอะไรอยู่เนี่ยหมวยเล็กเอ๊ย...
ฉันมองไปที่โซฟาเบดตัวนั้นอีกครั้ง ตอนนี้ สงครามปะทุอีกรอบแล้วค่ะ แหม แล้วเมื่อกี๊ใส่เสื้อผ้ากันทำไมคะ อันที่จริง คือ แล้วฉันมานั่งแอบดูคนอื่นเขาทำไมกันละเนี่ย เฮ้อ...
ฉันถอยร่นจากรั้วปูนและแง้มประตู้เหล็กเพื่อแทรกตัวเข้าไปแบบเงียบๆ หวังว่า เธอทั้งสองคนนั้นจะไม่รู้ตัว ว่ามีคนๆ หนึ่งวางแผนขึ้นไปนอนบนดาดฟ้าแทบตายแต่อายเสียงครางของพวกเธอจนต้องหนีลงมานอนห้องนอนชั้นสามตามเดิม ฉันเข้าห้องนอนได้ก็พาร่างเพลียๆ ของตัวเองไปยืนสูดอากาศที่ระเบียงแต่พอผ่านไปสักพักฉันก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองขึ้นไปที่ดาดฟ้าตึกข้างๆ พลางคิดเบาๆ ว่า
...ป่านนี้สงครามจะสงบรึยังนะ...
ในคืนที่กรุงเทพคึกคักเป็นบางจุด เพราะใครต่อใครก็ต่างทยอยไปหาที่เคาท์ดาวน์กันหมดนั่นแหละ อาจเป็นเวทีคอนเสิร์ตตามห้างดังๆ สักแห่ง หรือ สถานที่เที่ยวฮิตๆ ต่างจังหวัด บางคนก็กลับบ้านไปรับลมหนาวนอกกรุง แถวละแวกบ้านฉันจึงเงียบสงบกว่ามากในคืนสิ้นปีแบบนี้อาม่าไม่อยู่ตั้งแต่สองวันก่อน โดยบอกไวเพียงแค่จะไปกินผัดไท ฉันเดาว่าคงเป็นร้านแถวบ้านเก่าพี่บอมส์แน่ๆ เลย ส่วนเจ้ก็ไปค้างกับคุณบรรณารักษ์ คนงานร้านข้าวมันไก่ลากลับบ้านกันหมด คืนนี้ฉันจึงนัดเคาท์ดาวน์กับพี่บอมส์ที่บนดาดฟ้าซะเลย แต่ฉันชวนวาวมาด้วยนะคะ และคงเพราะวาวก็มาด้วยนี่แหละมั้งคะที่เป็นเหตุให้พี่บีมบอกว่าจะมาเคาท์ดาวน์กับเราด้วยกว่าวาวจะมาถึงบ้านฉันก็ดึกพอควรแล้ว แถมคุณเพื่อนดันขออาบน้ำก่อนจะขึ้นดาดฟ้าอีกนะ ฉันเลยเดินขึ้นดาดฟ้าไปก่อนเลยค่ะ เพราะรอวาวอาบน้ำไม่ไหวจริงๆ เมื่อรู้ว่าพี่บอมส์รออยู่บนดาดฟ้าสักพักแล้ว ฉันหยิบผ้าห่มและถุงขนมที่ซื้อมาติดมือขึ้นไปด้วย และพอขึ้นไปถึง ฉันก็เจอพี่บีมที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดพวกเครื่องดื่มและอาหารให้พร้อมอยู่บนโต๊ะไม้เตี้ยๆ ใกล้ที่นอนปิกนิคขนาดใหญ่อย่างเงียบๆ เมื่อพี่บีมหันมาเห็นฉันเพราะได้ยินเสียงประ
หลังจากมื้อเย็นผ่านไป ทุกคนแยกย้ายกันพักผ่อน แล้วความอึ้งก็บังเกิดกับฉันอีกระลอก คือ พี่บอมส์เอ่ยปากขออนุญาตอาม่านอนค้างกับฉัน และอาม่าก็อนุญาตอย่างง่ายๆ จนฉันงง ฉะนั้นเมื่อได้อยู่กับพี่บอมส์ตามลำพังในห้องนอนของฉันที่ชั้นสาม คำถามมากมายในหัวฉันจึงถูกเอ่ยออกมาเพื่อหาคำตอบจากเธอ เนื่องจากเมื่อเย็นฉันมัวแต่อึ้งจนไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรใครเลย “พี่รู้จักอาม่ามานานแล้ว บ้านเก่าพี่อยู่ใกล้บ้านแฟนอาม่าน่ะ” พี่บอมส์ตอบมาอย่างนั้น เมื่อฉันถามว่า ทำไมเธอถึงได้ดูสนิทสนมกับอาม่านัก มันเป็นคำตอบที่สร้างความประหลาดใจต่อฉันมาก เพราะฉันเข้าใจว่า อาม่าของฉันเป็นโสดมาตลอด เพราะอาม่าไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของฉัน แต่รับภาระเลี้ยงฉันกับเจ้มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่พ่อกับแม่ของฉันเสียไปนั่นแหละ เนื่องด้วยอาม่าแท้ๆ ของฉันมีหลานชายอีกหลายคนที่ต้องดูแล และไม่มีใครในตระกูลว่างพอที่จะสืบทอดกิจการข้าวมันไก่เลย อาม่าของฉันซึ่งเป็นสาวโสดไร้ภาระลูกผัวจึงเข้ารับสืบทอดกิจการนี้เพียงคนเดียว ตั้งแต่ยังอายุไม่เข้าใกล้เลขสี่เลยด้วยซ้ำ “แฟนอาม่า...” ฉันทวนคำพูดพี่บอมส์อย่างครุ่นคิด “ใช่... สมัยนั้นพี่ยังเรียนประถมอยู่เลย ตอนที่อาม่ากับป
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนาน แต่หลังจากวันนั้นบนดาดฟ้า ชีวิตของฉันก็ยิ่งวุ่นมากขึ้น เพราะการเป็นแฟนพี่บอมส์มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะสามารถปลีกตัวจากเธอเพื่อหาเวลามาเล่าบรรยายให้คุณๆ ได้ฟังกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะบทลงโทษสองชั่วโมงที่พี่บอมส์คาดโทษฉันไว้เสียแน่นในคืนนั้นตามจริงแล้ว คืนนั้น ฉันถูกกักตัวไว้เกินสองชั่วโมงนะคะ แต่เราไม่ได้ทำอะไรต่ออะไรกันต่อเนื่องตลอดสองชั่วโมงหรอกค่ะ เพราะพี่บอมส์กับฉันมีเรื่องต้องคุยกันอีกเรื่อยๆ พี่บอมส์เลยใช้วิธีลงโทษแล้วพักคุยแล้วลงโทษอีก จนรวมเวลาลงโทษครบสองชั่วโมง ฉันแทบจะหลับสลบอยู่บนดาดฟ้านั่นแหละค่ะ ถ้าหากไม่นึกถึงวาวขึ้นมาได้และรีบขอตัวลงจากดาดฟ้ามาหาเพื่อนเอาตอนที่ฟ้าเริ่มจะสว่าง และช่างน่าอัศจรรย์เมื่อฉันพบว่าในเช้าวันนั้น วาวมีสภาพจิตใจดีขึ้นอย่างเห็นชัด ไม่มีน้ำตาให้ฉันต้องช่วยซับเลยสักหยด ฉันก็ดีใจนะคะที่เพื่อนดีขึ้น แม้จะสงสัยว่าดีขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีเวลามาซักไซ้เพื่อนมากนัก เพราะพักหลังๆ มานี่ฉันมีผู้ปกครองคนพิเศษคอยตามรับตามส่งที่โรงเรียนแทบทุกวันน่ะสิคะ ทุกเย็นวันธรรมดาที่ฉันเคยเดินกลับบ้านกับวาว นอกจากวาวจะชอบหายตัวไปบ่อยๆ ตอนนี้
“ไม่ได้ One night stand เหรอคะ” ฉันพูดทวนในสิ่งที่ได้ยินจากปากพี่บอมส์อีกรอบเลยค่ะ กลัวว่าฉันจะฟังผิดไป“อื้ม นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอเข้าใจว่าเรา One night stand กันน่ะ” พี่บอมส์ย้อนถาม ท่าทางเธอทึ่งมากๆ กับความเข้าใจของฉันที่เธอเพิ่งจะได้รับรู้“โธ่ หมวยเล็ก อันดับแรกนะ One night stand สำหรับพี่คือต้องไม่ซ้ำคนเพื่อไม่ให้เกิดความผูกพัน ต้องไม่ติดต่อกันอีกเลยไม่มีการโทรหรือแชทกันเด็ดขาด และที่สำคัญ พี่จะบอกกับทุกคนก่อนทำทุกครั้งให้เข้าใจว่า จะแค่ One night stand กันเท่านั้น เอาล่ะ ทีนี้ลองคิดดีๆ ทบทวนใหม่นะคะ เรามีอะไรกันกี่ครั้งแล้ว”...สาม...“พี่ขอเบอร์หมวยเล็กรึเปล่า” ...ขอ...“แล้วพี่พูดสักคำมั้ย ว่าเราจะแค่ One night stand กันอ่ะ”...อืม ไม่ได้พูดเลยค่ะ...“แล้ว ที่พี่ว่า ถ้าเจอกันเราคงทักทายกันเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะคะ” ฉันวกกลับไปถามเรื่องเก่าทันที ก็แหม ถึงฉันจะยอมจำนนในความเข้าใจผิดของตัวเอง แต่ฉันก็ยังไม่หมดข้อข้องใจนี่คะ“อ่อ ก็ตอนนั้นเรามีอะไรกันแล้วไง มีพยานรักแล้วด้วย จะให้คุยกัน ทักกัน เหมือนคนรู้จักเหมือนเพื่อนบ้านทั่วไปได้ไงล่ะ จริงๆ พี่เริ่มหาจังหวะจะขอหมวยเล็กเป็นแฟนตั้งแต
“แค่ก แค่กๆ ”เสียงที่แผ่วเบานั้น ดังชัดในความเงียบสงัด มันแทรกผ่านเสียงลมมากระทบโสตประสาทฉัน และดึงให้ฉันหยุดเดินได้สำเร็จ ฉันมองจ้องไปที่เก้าอี้นวมซึ่งยังคงวางชิดรั้วปูนอยู่ ซอฟต์ครีมโดดขึ้นมายืนบนรั้วและโดดลงมานั่งที่เก้าอี้นวมของฉัน ฉันเอื้อมมือไปเกาคางมันเบาๆ แต่ฉันรู้ค่ะ ว่าเมื่อครู่นี้มันไม่ใช่เสียงแมวแต่น่าจะเป็นเสียงคนมากกว่า จากที่ตอนแรกฉันจะถอยกลับเข้าหลังประตูเหล็ก เท้าฉันก็ก้าวพาตัวเองไปยืนเกาะรั้วปูน ชะโงกมองหาต้นเสียงจนพบพี่บอมส์นอนขดอยู่บนพื้นข้างเก้าอี้นวม เป็นสภาพที่น่าตกใจนะ พอฉันเห็นแบบนั้นก็แทบจะปีนข้ามรั้วไปหาเธอทันที แต่ซอฟต์ครีมเร็วกว่าฉัน มันทำให้พี่บอมส์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาด้วยการกระโดดข้ามรั้วปูนลงไปที่พื้นดาดฟ้าพี่บอมส์โดยเทคตัวถีบเท้าตรงกลางหลังพี่บอมส์ซะเต็มกำลังแมวเลยค่ะ “ปลุกดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องโยนแมวใส่กันเลยนี่” ประโยคทักทายจากพี่บอมส์ทำเอาฉันเลิกคิ้วก่อนหันมองไอ้แมวตัวแสบที่ตอนนี้กลับมานั่งบนรั้วปูนข้างๆ มือฉันที่จับค้ำกับรั้วปูนอยู่ ฉันโดนแมวหาคดีให้อีกกระทงซะงั้นแหละค่ะ“ไม่ได้โยน มันโดดไปเอง มันคงเห็นว่าเจ้านายมันเริ่มจะขี้เซากว่ามันแล้วมั้ง” ฉั
“คืนนี้สามทุ่ม เจอกันบนดาดฟ้า พี่จะนอนทั้งวัน หวังว่าจะหายไข้ มีแรง มีสติ มากพอจะคุยกันรู้เรื่องกว่านี้” พี่บอมส์ว่าอย่างนั้น ก่อนปล่อยฉันให้เป็นอิสระและมาโรงเรียนสักที แต่ก็เพราะอย่างนั้น ทั้งวันที่โรงเรียน ในหัวฉันถึงมีแต่เสียงพี่บอมส์ซึ่งบอกนัดหมายดังก้องอยู่ตลอดทุกชั่วโมงเรียนชั่วโมงพัก คืนนี้... จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ฉันไม่อยากคาดเดา เพราะหากเริ่มคิด ฉันคงแอบหวัง ว่าทุกอย่างจะเป็นไปทางที่ดี และอย่างที่เรารู้กันดี ความคาดหวังน่ะน่ากลัว ผิดหวังกันทีก็เสียหลักกันนานเป็นปีได้เลยมั้ง ฉันว่า ถ้าต้องเกลียดความรัก ฉันคงเกลียดมันเพราะข้อนี้แหละ บ่ายวันนี้ฉันไม่เจอวาวเลย นี่นานวันเข้า ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเพื่อนฉันถูกลักพาตัวแทบทุกวันเลยค่ะ วาวมักจะหายตัวไปแบบไม่บอกกล่าว และโผล่กลับมาเองจนฉันเริ่มชินไปแล้วค่ะ ฉันเลยไม่ค่อยห่วงกังวลอะไรนัก เพราะฉันรู้ดีว่า โจรลักพาตัวคือใคร ถ้าฉันจะห่วงวาวล่ะก็ ฉันห่วงเรื่องผลการเรียนของคุณเพื่อนมากกว่าค่ะ ตั้งแต่เจอพี่บีม วาวก็มีเหตุต้องขาดเรียนบ่อยเกินไปแล้ว ฉันคิดว่าฉันต้องเตือนคุณเพื่อนสักหน่อย ถ้าฉันหาตัววาวเจออ่ะนะคะ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ครู







