ท่ามกลางความเงียบสงบยามค่ำคืน เสียงฝีเท้าของคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งไล่เด็กสาวไปตามซอกซอยต่าง ๆ ที่เปลี่ยวคนอย่างไม่ลดละ หมายจับตัวเธอตามคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้า
หลังจากตามหาตัวเธออยู่นานกว่าเกือบหกเดือน ในที่สุดจึงได้พบเบาะแสคนที่กล้าทำร้ายร่างกายหัวหน้าอย่างเจ็บแสบในคืนนั้นได้ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้แน่นอน
นลิน เด็กสาวอายุเพียงสิบหกปี วิ่งหนีคนพวกนั้นสุดกำลังเท่าที่จะทำได้ หากแต่ว่าร่างกายของเธอและจิตใจนั้นเหนื่อยล้าจนแทบอยากทิ้งตัวล้มกับพื้น ทั้งยังไม่มีทางรู้ได้เลยว่าชีวิตอันเส็งเคร็งแบบนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด
แม่ผู้เป็นที่รักจากไปด้วยโรคร้าย ส่วนพ่อที่ไม่เคยสนใจใยดี บางครั้งโผล่หน้ามา บางครั้งหนีหายไปเป็นเดือน หลายปี ยังเอาแต่สร้างเรื่องและทิ้งหนี้สินเอาไว้ให้เธอรับผิดชอบมากมาย
แม้จะพยายามทำงานแลกเงินมาได้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอเพราะหนี้สินที่พ่อก่อนั้นเพิ่มพูนอย่างไม่มีขีดจำกัด ชีวิตประสบแต่ปัญหาจนเธอต้องหนีครั้งแล้วครั้งเล่า
ใบหน้าของนลินยามนี้ไม่เหลือร่องรอยของความสุขแม้เพียงสักนิด เธอคิดแต่ว่าครั้งนี้จะต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางข้างหน้าบางทีอาจจะยังมีความหวังน้อยนิดให้เธอได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว เธอตระหนักได้ว่าสิ่งที่รออยู่ปลายทางมีแต่ความผิดหวังเท่านั้น
เหนื่อยเหลือเกิน
เมื่อไหร่จะจบเสียที
พลันความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในใจ นลินไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย
เหนื่อยขนาดนี้แล้วจะทนอยู่ทำไมนะ
เมื่อนั้นเองรอยยิ้มมุมปากจึงปรากฏขึ้นประดับใบหน้าเศร้าสร้อยราวกับหาหนทางสุดท้ายได้แล้ว เธอเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีเพียงเมฆหนาปกคลุมไร้แสงจันทร์คิดถึงแม่ที่จากไป
"แม่คะ คิดถึงแม่เหลือเกิน อยู่ข้างบนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แม่จะว่าอะไรไหม ถ้าตอนนี้หนูอยากไปหาแม่"
น้ำตาที่เคยอดกลั้นต่อความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาตลอดหนึ่งปีรินไหล นับตั้งแต่ที่แม่ของเธอจากไป นลินไม่มีแม้แต่เวลาที่จะนั่งรำพึงรำพันคิดถึงแม่เลย วันทุกวันหากไม่ทำงานก็คือหนีจากพวกเจ้าหนี้ของพ่อและอยู่ด้วยความหวาดระแวง
"หยุดอยู่ตรงนั้นนะ" เสียงตะโกนจากหนึ่งในกลุ่มคนที่ไล่ล่าตามหลังนลินทำให้เธอรีบสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปก่อน
เวลานี้สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องหนีเพราะไม่อย่างนั้นแล้วแม้แต่ความตายอย่างสงบ เธอคงไม่สามารถเลือกเองได้
ในขณะที่อีกฟากหนึ่ง
ชายหนุ่มนักศึกษาอายุยี่สิบปีอย่างนราวิชญ์กำลังสังสรรค์อยู่ที่งานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนร่วมรุ่นอย่างสนุกสนานในคลับวีวีไอพีซึ่งเป็นแหล่งซ่องสุมชั้นดีของทายาทเศรษฐีไม่เอาอ่าว
ใคร ๆ ต่างรู้กันไปทั่วว่าที่แห่งนี้อุดมไปด้วยเหล้า ยา ผู้หญิง เรียกได้ว่าครบจบตามตำราชีวิตเสเพล ดังนั้นแล้วบริเวณภายนอกคลับจึงมักจะมีสายตาของนักข่าวผู้จรดปลายปากกาตีแผ่เรื่องราวอื้อฉาวของลูกหลานคนดังอยู่เป็นว่าเล่น
นราวิชญ์ผู้เป็นทายาทบริษัทก่อสร้าง โนวา คอนสตรัคชั่น นับว่ามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบเพียบพร้อม แต่บ่อยครั้งมักจะเห็นเขาโผล่หน้ามางานเลี้ยงจำพวกนี้อยู่บ่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียวคือแสร้งทำตัวเหลวแหลกนอกคอกเพื่อต่อต้านพ่อของตัวเอง
เรื่องใดที่พ่อห้าม เขาจะเลือกทำตรงข้าม สิ่งใดที่ดีอยู่แล้ว เขาจะทำให้มันพังทลายลง ผู้เป็นพ่อจึงต้องคอยเก็บกวาดจัดการเรื่องราวอื้อฉาวไม่ให้เข้าหูนักข่าวอยู่ร่ำไป
ทว่า การที่เขาเอาตัวเองมาพัวพันกับคนเหล่านี้ก็เพียงเพื่อยั่วโมโหพ่อก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะยุ่งกับสิ่งมอมเมาตรง ๆ เสียเมื่อไหร่ ทั้งยังมองอีกว่าพวกคนในงานก็เป็นแค่ขยะที่ย่อยสลายไม่ได้แล้ว
นราวิชญ์ปรากฏตัวขึ้นสร้างความวุ่นวายเล็กน้อยพอเป็นพิธีให้นักข่าวที่จับตามองเขาอยู่ได้มีเรื่องไปเรียกเอาค่าปิดปากกับพ่อของเขาแล้วฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหลบคนของพ่อออกมาข้างนอก เดินเตร็ดเตร่เพียงลำพังไปตามถนนแคบ ๆ ไร้ผู้คน
"ค่อยเงียบหูหน่อย" เขาพึมพำคนเดียว สายตามองไปรอบตัว ก่อนจะได้เห็นว่าข้างหน้านั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขา
แสงไฟสลัวจากหลอดเก่า ๆ พอจะทำให้เขามองเห็นใบหน้าของเธออย่างเลือนราง แต่กระนั้นหัวใจกลับจำได้ชัดเจนว่าคนตรงหน้าคือใคร พลันรายละเอียดอื่น ๆ ปรากฏในห้วงความทรงจำ
ดวงตาสีเขียวอมเทาอันแสนหม่นหมอง เรือนผมยาวสีน้ำตาลอ่อนมัดหางม้าพริ้วไสว คนที่เขาเคยพบเจอเมื่อหกเดือนก่อนหน้านั้น
ผู้หญิงราวกับรักแรกที่ติดอยู่ในใจเรื่อยมา เวลานี้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขาอีกครั้ง
“เฮ้ย!!!” ชายฉกรรจ์ตะโกนไล่หลังเธอด้วยน้ำเสียงเหี้ยมโหดจนเขาเองรู้สึกถึงอันตรายด้วยเช่นกัน
นลินมองซ้ายขวาแล้วรีบหักมุมเลี้ยวไปในตรอกแห่งหนึ่งก่อนจะถึงจุดที่นราวิชญ์ยืนอยู่ สีหน้าหวาดกลัวเพราะคนเหล่านั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
พวกนั้นแยกย้ายกันเป็นสองฝ่าย กลุ่มหนึ่งตาม ส่วนอีกกลุ่มล่วงหน้าไปดักอีกทาง
นราวิชญ์ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เพราะไม่อยากคลาดจากเธอคนนั้นอีกครั้งจึงเร่งฝีเท้าตามโดยไม่รีรอ
“หายไปไหนแล้ว” เขากระหืดหอบไม่เห็นแม้แต่วี่แววของใครสักคน หนทางรอบตัวเงียบงันจนได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจของตัวเอง
ในใจคิดว่าพลาดอีกแล้ว ครั้งนี้ปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีกแล้วอยู่ซ้ำ ๆ อารมณ์พลันเศร้าหมองลงในทันใดจึงเดินคอตกไปตามทาง เอ้อระเหยอยู่พักหนึ่งเผื่อจะมีโอกาสอีกสักครั้ง
จู่ ๆ หูสองข้างได้ยินเสียงกุกกักจากทางด้านหลังจึงรีบหันขวับไปมอง พลันได้เห็นว่ามีเงาร่างบางจากที่ไกล ๆ กำลังวิ่งโซซัดโซเซมุ่งไปข้างหน้า
เขาไม่รู้หรอกว่าใช่เธอคนที่เขาตามหาอยู่หรือเปล่า แต่เพราะใจสั่งให้วิ่งจึงทำตามโดยไม่รอช้า พลันได้เห็นว่าเธอหยุดยืนตรงรั้วขอบสะพาน ทำท่าราวกับจะปีนขึ้นไป
ไม่นะ คงไม่ใช่หรอกมั้ง นราวิชญ์คิดในใจ
ภาพเช่นนี้ย้ำเตือนให้เขานึกถึงเรื่องราวในอดีตอันแสนเจ็บปวดของตัวเองจึงตะโกนห้ามคนตรงหน้าไม่รู้ตัว
“อย่านะ!!!” เสียงของเขาเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา นลินไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว เธอเหนื่อยกับชีวิตที่ผ่านมามากเกินกว่าจะทนรับอะไรได้อีก การวิ่งหนีกลุ่มคนเมื่อครู่ก็เหมือนกัน คิดแต่เพียงว่าอย่างน้อยขอเลือกวิธีตายให้ตัวเองเสียหน่อยก็ยังดี
“อย่าทำแบบนั้นเลยนะ” เขายังคงตะโกนไม่หยุดระหว่างที่วิ่งเข้ามาหาเธอ
ขาข้างซ้ายของนลินก้าวข้ามรั้วขั้นบนสุดของสะพาน ไม่ทันได้คิดเลยว่าจะมีมือของใครบางคนโอบรั้งตัวเธอเอาไว้
“ปล่อย!!!” นลินตกใจร้องลั่นคิดว่าคนพวกนั้นตามเธอได้ทัน “ปล่อยนะ” พลางดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นแต่ไม่อาจสู้แรงของเขาได้
“อย่าฆ่าตัวตายนะ” เขาโพล่งออกมา “อย่าทำแบบนี้เลย”
“...” นลินไม่รู้ว่าทำไมคนตรงหน้าพูดอะไรแบบนั้น
“ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร มาคุยกันก่อนนะ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนถึงขนาดนั้นแต่นลินไม่อาจไว้ใจได้เลยว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะอะไร
เธอรู้แต่เพียงว่าไม่มีใครหวังดีกับเธอจริง ๆ และทุกคนเสแสร้งแกล้งสงสาร แสดงท่าทีห่วงใยนั่นเพราะต้องการสิ่งแลกเปลี่ยน
รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นมา ถามคนแปลกหน้าที่รั้งไม่ยอมปล่อย “นายต้องการอะไรจากฉันล่ะ ฉันไม่มีเงินหรอกนะ ส่วนร่างกายนี้ อย่าหวังว่าจะได้แตะต้อง” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวราวกับตัดสินใจได้แล้วพูดขึ้นพลางถอนหายใจครั้งสุดท้าย
--------
นิยายสั้นแนวโรแมนติกดราม่า ลงทุกสองวันจนจบนะคะ
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานราวิชญ์จึงกลับเข้ามาทำงานในบริษัทด้วยตำแหน่งรองประธานเหมือนเดิมและหากวันใดที่เขามีประสบการณ์มากกว่านี้แล้ว ธรันคงจะยอมสละตำแหน่งประธานให้หลานชายได้บริหารต่อเพราะเชื่อว่าคนมีฝีมืออย่างเขาจะทำให้บริษัทที่ตนเองลงทุนลงแรงสร้างมาเติบโตมากยิ่งขึ้นในอนาคตใครเล่าจะรู้ว่าเจ้าเด็กที่ทำตัวเสเพลในวันวานพอกาลเวลาผ่านไปกลับเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาเสียอย่างนั้นแม้จะมีช่วงหนึ่งที่หายไปแล้วฝากให้ภิญโญเป็นคนดูแลแทนแต่เขาก็กลับมาต่องานได้อย่างไร้รอยต่อสร้างความเชื่อมั่นให้คนของฝ่ายตัวเองได้เป็นอย่างดีนอกจากเรื่องงานแล้ว ชีวิตความรักของรองประธานก็ไปได้สวยเช่นเดียวกัน นลินยอมกลับมาอยู่บ้านเล็กที่เคยใช้ชีวิตอยู่กับเขาตอนนั้นแค่ตื่นมาแล้วเห็นเธออยู่ข้าง ๆ กลับบ้านไปแล้วเห็นเธอรอรับอยู่ห
ครั้นวิ่งกระหืดกระหอบมาจนถึงหน้าร้านดอกไม้แล้วจู่ ๆ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลพรากเป็นสาย พึมพำแผ่วเบา “นลิน”ดวงตาของหญิงสาวเบิกโตไม่คิดว่าจะเห็นเขาที่นี่จึงพูดอะไรไม่ออก“พี่ขอโทษ อย่าทิ้งพี่ไปเลยนะนลิน พี่ผิดไปแล้ว” น้ำเสียงสะอื้นที่เธอเห็นในครั้งนี้ราวกับคลับคล้ายคลับคลาตอนที่เขาพยายามรั้งตัวเธอไม่ให้กระโดดสะพานในตอนนั้นยิ่งนัก“...”“พี่จะไม่ทำให้นลินอึดอัดใจหรือเสียใจอีกแล้ว จะไม่มาให้เห็นหน้าแล้ว ไม่ต้องยกโทษให้พี่ก็ได้ ขอแค่ให้พี่ได้รู้ข่าวนลินบ้างเดือนละครั้ง ไม่สิ ปีละครั้งก็ยังดี” เขาพร่ำบอกคนตรงหน้า พรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างที่จะโน้มน้าวใจนลินได้ออกมาจนไม่เหลืออะไรมาต่อรองแล้ว “ถ้านลินจะมีคนอื่น พี่จะไม่ห้ามแล้วจริง ๆ ขอแค่ให้พี่รู้ว่านลินสบายดี มีความสุขก็พอ แล้วก็
หลังจากนราวิชญ์หายหน้าเข้าไปในห้องน้ำนานกว่าปกตินลินจึงเคาะประตูเรียกแต่ไม่ได้ยินเสียงคนข้างในขานตอบจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูเข้าไปดูสถานการณ์ข้างในชายหนุ่มนั่งพิงผนังห้องน้ำหลับใหลราวกับแค่เปลี่ยนที่นอนแห่งใหม่ไม่ให้เปียกฝน เธอจึงต้องคอยถอดเสื้อผ้าที่เขาใส่ออกทีละชิ้นแล้วอาบน้ำให้ เช็ดตัวแล้วลากออกมานอนเตียงข้างนอก เรียกได้ว่าหมดแรงไปไม่น้อยทั้งยังต้องคอยวัดไข้ เช็ดตัวแล้วเฝ้าเขาอีกทั้งคืนจนเธอไม่ได้หลับไม่ได้นอนรุ่งเช้า นราวิชญ์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้ายเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดช่วงหลังจากที่นลินหนีเขาไป แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังอยู่ตรงหน้าก็โล่งอกที่อย่างน้อยวันนี้หาเธอเจอแล้วจนเผลอเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าคนที่กำลังนอนหลับอย่างอ่อนโยน กระซิบบอกว่า “พี่คิดถึงนลิน”
นราวิชญ์รีบลงจากรถวิ่งไปหาหญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้ทันที หัวใจพองโตราวกับความสุขของเขาหวนกลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้กันมากขึ้น เขาผ่อนฝีเท้าลงเล็กน้อย รอยยิ้มที่ประดับใบหน้าค่อย ๆ จางลงเพราะเห็นใครบางคนยื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้เธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้มนลินรับดอกไม้ช่อนั้นมาพลางยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย สายตาละมุนเหมือนที่เคยมองเขาในอดีตเผลอทำให้นราวิชญ์นึกถึงคำพูดของพ่อ“สุดท้ายแล้วแกคงจะเป็นได้แค่คนในอดีตที่ยืนมองอีกฝ่ายจากที่ไกล ๆ เพราะไม่มีช่องว่างให้แกแทรกเข้าไปในชีวิต”ชายหนุ่มตรงดิ่งเข้าไปหาเธอด้วยสีหน้าหลากหลายอารมณ์ในเวลานี้ เอื้อมมือออกไปเพราะอยากสัมผัสไออุ่นจากเธอที่โหยหามานานแต่ถูกใครคนนั้นเข้ามาขวางเอาไว้“คุณเป็นใคร” เขาเอ่ยถาม สายตาไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมานราวิชญ์แทบจะเป็นบ้าที่จู่ ๆ ก็ถูกนลินทิ้งไปอย่างไรเยื่อใย เขาพยายามค้นหาหญิงสาวด้วยอำนาจทุกอย่างที่มีอยู่ในมือจนกมลาและน้องสาวเริ่มสงสัยความรู้สึกของเขาขึ้นมาระหว่างที่ออกตามหานลิน ตัวเขาเองก็ได้รู้ความจริงบางอย่างขึ้นมาจนรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่ทั้งโง่และบ้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดความเสียใจต่อสิ่งที่ได้กระทำและคำพูดร้าย ๆ ที่เคยพร่ำบอกนลินถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ก่อเกิดเป็นความเศร้าในใจจนไม่เป็นอันทำงานและใช้ชีวิตเมื่อประธานใหญ่เรียกเข้าพบ เขาแทบไม่หลงเหลือเค้าโครงของนราวิชญ์คนเดิม แม้จะโดนตบหน้าเรียกสติแต่กลับไม่เป็นผลเพราะในใจนึกแต่เรื่องของนลิน คิดแต่ว่าควรทำอย่างไรถึงจะหาเธอเจอ“คุณชายไม่แตะอาหารมื้อนี้เลยค่ะ” ป้าอุษาบอกกับปณัย เลขาส่วนตัวของเ
ทันทีที่ได้ยินดังนั้นนลินแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงใด ๆ อีกแล้ว ในใจคิดแต่ว่าเขาเกลียดเธอมากขนาดนั้นเลยหรือ เสี้ยวหนึ่งของหัวใจที่เคยบอกว่ารักเป็นแค่เรื่องหลอกลวงจริง ๆ หรือในเมื่อวันนี้จะไม่มีใครมาช่วยเธอแล้ว เจ้าตัวก็ไม่คิดยอมแพ้ง่าย ๆ เรื่องราวในวันนี้ก็เหมือนวันวานที่เธอเคยวิ่งหนีพวกเจ้าหนี้นั่นแหละสายตาของหญิงสาวมองหาทิศทางพลันได้ยินเสียงดังมาจากทางด้านหน้าทำให้พวกคนร้ายที่ยืนประจำจุดตรงนี้รีบวิ่งออกไปทางต้นเสียงนลินจึงสบโอกาสเตะผ่าหมากคนที่คุมตัวเธอเอาไว้อย่างรุนแรงแล้วออกแรงวิ่งไม่คิดชีวิตแม้หนทางรอบตัวจะเป็นป่าหนาทึบก็ตาม“ไปจับมันมา!!!” ชายคนนั้นนอนกุมเป้ากางเกง สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดสั่งการลูกน้องระดับต่ำกว่าอีกสองคนให้ตามนลินไปติด ๆ&nbs