สองเดือนต่อมา
ใบหน้าเรียวสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงตอนนี้กำลังนั่งเคร่งเครียดอยู่ในรถยนต์คันหรู และมีอาเขยนั่งอยู่ข้างๆ คอยเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เธอฟังแบบย่อๆ
ปรางทิพย์ในวันนี้ไม่ใช่เด็กสาวที่อ่อนแอคนเดิมอีกต่อไป เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ สองเดือนต่อมา
ใบหน้าเรียวสวยที่ถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางราคาแพงตอนนี้กำลังนั่งเคร่งเครียดอยู่ในรถยนต์คันหรู และมีอาเขยนั่งอยู่ข้างๆ คอยเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เธอฟังแบบย่อๆ
ปรางทิพย์ในวันนี้ไม่ใช่เด็กสาวที่อ่อนแอคนเดิมอีกต่อไป เธอเติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ชื่อเสียง ฐานะ และชาติตระกูลที่ดี
หญิงสาวดูอ่อนโยนแต่ไม่ได้อ่อนแอ เธอดูฉลาดและเข้มแข็งทั้งในตอนเด็กและตอนโต
ปรางทิพย์ เป็นลูกสาวคนเล็กของคุณฉัตรชัยกับคุณหญิงประ อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก ชื่อเสียง ฐานะ และชาติตระกูลที่ดี
หญิงสาวดูอ่อนโยนแต่ไม่ได้อ่อนแอ เธอดูฉลาดและเข้มแข็งทั้งในตอนเด็กและตอนโต
ปรางทิพย์ เป็นลูกสาวคนเล็กของคุณฉัตรชัยกับคุณหญิงประไพพรรณ ซึ่งเธอมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ โปรดปราน พี่สาวของเธอสวย อ่อนหวาน เรียบร้อย และดูท่าทางใสซื่อเชื่อคนง่าย
เมื่อหลายสิบปีก่อนทุกคนที่เห็นจะบอกว่าน้องสาวสวยน้อยกว่าพี่สาว แต่ถ้าทุกคนได้เห็นปรางทิพย์ในตอนนี้ทุกคนจะต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันได้เลยว่าปรางทิพย์ก็สวยไม่ต่างจากโปรดปรานเลยสักนิด
ปรางทิพย์เรียนจบทางด้านการออกแบบที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในต่างประเทศ เธอชอบและรักในการออกแบบเสื้อผ้า เธอจึงตัดสินใจเปิดร้านเสื้อผ้ากับเพื่อนๆ อยู่ที่ต่างประเทศและไม่คิดที่จะกลับมาที่ประเทศไทยอีกจนกระทั่ง…
“สรุปคือพี่โปรดต้องตายเพราะอกหักจากผู้ชายคนนั้นเหรอคะ”
ปรางทิพย์นั่งนิ่งอย่างใช้ความคิด ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เมื่อพยายามนึกถึงวันสุดท้ายของพี่สาวที่เสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย โดย ที่ในโทรศัพท์มีภาพถ่ายคู่กับผู้ชายคนหนึ่งอยู่หลายภาพ และการตายของเธอก็สร้างความตกใจให้กับคนในสังคมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากเธอเป็นลูกสาวคนโตของนักธุรกิจชื่อดัง ที่ยอมจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตายเพียงเพราะความรัก และจากการพิสูจน์ศพนั้นพบว่าโปรดปรานตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว
ซึ่งไม่มีแม้การบอกลา ไม่มีแม้กระทั่งข้อความลาตายจากโปรดปรานเพื่อเป็นการยืนยันปัญหาที่เธอต้องคิดสั้น
มีเพียงโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่องที่มีภาพถ่ายคู่กับนักธุรกิจหนุ่มชื่อดังที่เป็นคู่ควงและเป็นเพื่อนสนิท จึงทำให้คนในครอบครัวคิดว่าเธอฆ่าตัวตายเพียงเพื่อหนีปัญหาการตั้งครรภ์กับ ไตรภพ อย่างแน่นอน…
..
คอมเมนท์ = กำลังใจ
“ฉันยอมรับนะคะว่าตอนแรกฉันทำไปเพราะต้องการที่จะแก้แค้น…” ปรางทิพย์ก้มหน้าไม่กล้าที่จะสบสายตากับชายหนุ่ม“แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเองแล้ว” หญิงสาวยังคงก้มหน้าก้มตาพูดออกมาเสียงเบา“หมายความว่ายังไงครับ” ไตรภพไม่เข้าใจในประโยคที่เธอพูดออกมาจึงเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย“เวลาที่ฉันได้อยู่กับคุณมันทำให้ฉันรู้สึกดีและมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน อีกอย่างฉันรู้สึกว่าฉันไม่ชอบเวลาที่คุณอยู่กับผู้หญิงคนอื่น” ปรางทิพย์อธิบายถึงแม้จะไม่พอใจกับภาพที่เห็น แต่อีกใจเธอก็ไม่อยากเสียไตรภพให้กับผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน“คุณจะบอกว่าคุณรักผมงั้นเหรอ” ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางทะเล้น“เปล่าค่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่มั่นใจในความรู้สึกตัวเองขนาดนั้น” ปรางทิพย์ปฏิเสธแบบอ้อมๆ ด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้เลยว่าความรู้สึกที่เธอมีให้เขานั้นเรียกว่าอะไรกันแน่“แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะมั่นใจ” ไตรภพยังคงถามต่อ เพราะเขาเองก็รู้สึกดีกับเธอไม่ต่างจากที่เธอรู้สึก“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมารัวๆ“แต่งงานกับผมไหม” ไตรภพเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบและท่าทางที่จริงจัง“อะไรนะ” ปรางทิพ
@บริษัทของไตรภพ“เป็นยังไงบ้าง พร้อมหรือเปล่า” ใบบัวถามขึ้นขณะที่เตชินทร์จอดรถอยู่ที่หน้าบริษัทของไตรภพซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายในครั้งนี้ปรางทิพย์ส่ายหน้ารัวๆ แทนคำตอบ ความมั่นใจที่มีก็เริ่มหายไปจนหมด“ไม่ต้องกลัวนะ” เตชินทร์พูดให้กำลังใจอีกคน“รู้สึกยังไงก็พูดออกมา ไม่ต้องคิดมากและไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น” ใบบัวยังคอยแนะนำและให้คำปรึกษาจนวินาทีสุดท้ายปรางทิพย์นั่งตัวตรงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเตรียมความพร้อม มือบางเอื้อมไปเปิดประตูรถก่อนจะก้าวลงจากรถ“สู้ๆ นะ” ใบบัวเลื่อนกระจกลงแล้วยกมือขึ้นสองนิ้วเพื่อให้กำลังใจปรางทิพย์ใบหน้าสวยยิ้มให้เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งรออยู่ในรถ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินตรงเข้าไปยังบริษัทใหญ่โตทันทีตึกตัก ตึกตักเสียงหัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัวและแรงขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในบริษัทที่มีพนักงานหลายคนต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นสายตาเดียวกัน“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานผู้หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขึ้นขณะที่ปรางทิพย์เดินเข้ามาหยุดยังหน้าฝ่ายประสานงาน“มาหาคุณไตรภพค่ะ” ปรางทิพย์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พยายามเก็บอาการเอาไว้ให้ดูปกติที่สุด“ได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” หญิงสาววัยกลางคนถาม
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ความจริงปรากฏและประวิทย์ถูกตำรวจจับไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันแบบเงียบๆ ถึงแม้ความจริงทุกอย่างจะกระจ่างแน่ชัดแล้ว แต่ก็ยังคงต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวกับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นปรางทิพย์เลือกที่จะเอางานมาทำที่บ้านและเอาแต่เก็บตัวไม่ยอมออกไปไหนตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก๊อก!! ก๊อก!!เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำงานดังขึ้นทำให้ปรางทิพย์ต้องละสายตาจากงานที่อยู่ตรงหน้ามาสนใจเสียงที่อยู่ด้านนอกแทน“เข้ามาค่ะ” หญิงสาวเอ่ยอนุญาตพร้อมกับจ้องมองที่ประตู“ขอโทษที่รบกวนนะคะ คุณเตชินทร์กับคุณใบบัวมารอพบที่ห้องรับแขกค่ะ” แม่บ้านรายงานขึ้นมาด้วยความเกรงใจ เพราะเห็นปรางทิพย์ตั้งใจทำงานแบบนี้ทุกวัน“ค่ะ เดี๋ยวปรางออกไป”นานแล้วเหมือนกันที่ปรางทิพย์ไม่ได้เจอเพื่อนและไม่ได้ออกไปเจอใครเลย หรือแม้แต่โทรศัพท์เธอยังเปลี่ยนเบอร์ใหม่เพื่อที่จะหนีจากเรื่องราวต่างๆทางด้านเตชินทร์กับใบบัวก็นั่งรออยู่ภายในห้องรับแขก ทั้งสองคนคิดถึงและเป็นห่วงปรางทิพย์จึงได้ชวนกันมาหาที่บ้านหลังใหญ่“ทำไมถึงมาพร้อมกันได้เนี่ย” ปรางทิพย์ถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาภายในห้องรับแขกและเห็นว่าเตชิ
“โทรหาอากิ่งให้แม่หน่อยสิ” คุณหญิงหันไปบอกลูกสาวทันที เพราะเรื่องแบบนี้จะปล่อยไว้นานไม่ได้“ค่ะ” ปรางทิพย์ตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะกดโทรหาคุณอากิ่งแก้วใช้เวลาไม่นานคุณอากิ่งแก้วก็เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ ใบหน้าดูสดใสมีความสุข“คุณพี่มีเรื่องด่วนอะไรเหรอคะ” กิ่งแก้วเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงที่โซฟาข้างๆ พี่สะใภ้“ทำไมถึงต้องทำหน้าซีเรียสขนาดนี้คะ” กิ่งแก้วถามขึ้นอีกครั้ง แล้วมองหน้าคุณหญิงประไพพรรณกับปรางทิพย์ที่ดูเคร่งเครียดจนเกินไป“ปรางกับคุณแม่มีเรื่องสำคัญจะบอกอากิ่งค่ะ” ปรางทิพย์พยายามพูดอย่างใจเย็นและมีสติ“เรื่องอะไรเหรอ” กิ่งแก้วถามด้วยความสงสัย ในใจเริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ราวกับเป็นรางสังหรณ์อะไรบางอย่าง“ก่อนที่คุณแม่จะพูด ปรางอยากให้อากิ่งตั้งสติให้ดีก่อนนะคะ” ปรางทิพย์บอกพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือของคุณอากิ่งแก้วเอาไว้เพื่อเป็นการให้กำลังใจจากนั้นคุณหญิงประไพพรรณก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กิ่งแก้วฟังอย่างละเอียดตามที่ปรางทิพย์เล่าให้ฟังกิ่งแก้วนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่แตกสลาย เมื่อได้รู้ความจริงทั้งหมดทุกอย่าง ความรักที่เธอมีความสุขตอนนี้
ปรางทิพย์ถึงกับนิ่งไปเมื่อคุณหญิงประไพพรรณบอกเรื่องที่ท่านไปหาไตรภพให้เธอรู้ ร่างบางถึงกับทำหน้าเศร้าและนึกสงสารเขาขึ้นมาในใจอย่างบอกไม่ถูก“คุณแม่ไม่น่าไปว่าเขาแบบนั้นเลยนะคะ” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบาด้วยความสงสารไตรภพ“ก็ลูกนั่นแหละที่ทำให้แม่ต้องทำแบบนี้ แต่ก็ดีเหมือนกันอัดอั้นอยากด่าคนมานานแล้ว ก็เลยถือโอกาสด่าซะเลย เพราะมันคนเดียวที่ทำให้ยัยโปรดต้องตาย” คุณหญิงประไพพรรณพูดออกมาเสียงเข็ง และแววตาก็เต็มไปด้วยความแค้นที่ไม่มีวันหายและไม่มีวันที่จะลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย“คุณแม่คะ…” ปรางทิพย์พูดออกมาเสียงเบา แววตาของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้า“มีอะไรเหรอลูก ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น” คุณหญิงประไพพรรณถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นสีหน้าและท่าทางของลูกสาวที่แสดงออกมา“ถ้าผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้เป็นต้นเหตุหรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของพี่โปรดล่ะคะ คุณแม่จะว่ายังไง” ปรางทิพย์เอ่ยถามคุณหญิงเสียงเศร้า“ไม่มีทาง!! ก็มีแค่มันคนเดียวที่อยู่ใกล้ชิดและสนิทกับยัยโปรดมากที่สุด ยังไงแม่ก็มั่นใจว่าเป็นมันแน่ๆ” คุณหญิงประไพพรรณยังคงพูดออกมาด้วยความโกรธแค้นที่มีอยู่ในใจ“ปรางว่าเรื่องนี้คุณแม่คงเข้าใจผิด
ในขณะเดียวกันคุณหญิงประไพพรรณก็ได้มายังบริษัทที่เป็นที่ทำงานของไตรภพ และคงไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้ดีว่าจุดประสงค์ของคุณหญิงคืออะไร“สวัสดีค่ะ มาหาใครเหรอคะ” เลขาสาวสวยที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องเอ่ยถามตามหน้าที่“มาหาเจ้าของบริษัทที่ชื่อไตรภพ”คุณหญิงตอบกลับก่อนจะมองสำรวจการแต่งตัวของหญิงสาวที่ดูวาบหวิวและเซ็กซี่จนเกินไป ไม่เหมาะกับการใส่มาทำงานเลยสักนิด เพราะแต่งตัวแบบนี้สิได้ถึงได้มาทำงานกับไตรภพได้ คุณหญิงได้แต่คิดในใจ“สักครู่นะคะ” เลขาสาวเอ่ยบอกก่อนจะกดโทรศัพท์เพื่อที่จะโทรรายงานเจ้านาย“เชิญด้านในค่ะ”เมื่อคุยกับเจ้านายเสร็จ หญิงสาวก็เดินไปเคาะประตูหน้าห้อง ก่อนจะเปิดประตูให้คุณหญิงเข้าไปในห้องทำงานใหญ่ไตรภพลุกขึ้นต้อนรับคุณหญิงประไพพรรณอย่างสุภาพก่อนที่จะเชิญให้ไปที่ห้องรับแขกของบริษัทที่ถูกตกแต่งไว้อย่างอลังการ ชายหนุ่มมองผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูกระชับกระเฉงดวงตาคมวาววับของท่านทำเอาไตรภพถึงกับรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ได้เหมือนกัน“คุณหญิงมาถึงที่นี่มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” ไตรภพเอ่ยทางถามคุณหญิงประไพพรรณด้วยน้ำเสียงและท่าทางสุภาพ“ฉันมาเพราะเรื่องของลูกสาวฉัน” คุณหญิงประไพพรรณไม่ปล่อยให้ไตร