“ฮึ หลิวอ้ายโหรว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกับจ้าวไห่ถังสมสู่กันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าตอนนั้นเขาแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับฉันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใครมาก่อนมาหลังให้กฎหมายตัดสินก็น่าจะรู้แล้วไหม ส่วนเรื่องลูกสาวของฉันจะคบกับใครก็ไม่เกี่ยวกับพวกเธอสองแม่ลูก และลูกสาวฉันก็หมั้นกับเขาแล้ว แค่นั่งข้างกันมันจะเป็นอะไรกันเชียว ลูกสาวเธอเสียอีกที่หมั้นตั้งแต่อายุแค่ 15 เธอยังมีหน้ามาว่าฉันขายลูกสาวเหมือนเธออีกเหรอ”
“กรี๊ด นังหนิงจิง แกกล้าว่าฉันขายลูกสาวเหรอ ฉันจะบอกแกให้นะว่าตระกูลหลงต่างหากที่ขอหมั้นลูกสาวฉันเอาไว้ก่อนน่ะ ไม่เหมือนพวกแกแม่ลูกหรอกที่เที่ยวเร่เอาตัวไปขายให้ตระกูลจ้าน”
“จ้านเกา บอกพวกเธอให้ป้าหน่อยว่าความจริงคืออะไร ก่อนจะไล่พวกเธอออกไป”
“ครับป้าซู พวกคุณฟังให้ดีนะครับ ผมจ้านเกา เป็นคนขอหมั้นน้องหนิงเซียวก่อนเอง ส่วนพวกคุณ ผมได้ข่าวว่าจ้าวไห่ถังกำลังจะหมดตัวนี่ครับ พวกคุณยังมีเวลามาอวดดีกับป้าซูและน้องหนิงเซียวได้ยังไงกัน แทนที่
จ้านเกาเห็นว่าตาของเขากับซูหนิงจิงเดินตามพนักงานไปอีกด้านแล้ว เขาจึงพาซูหนิงเซียวเดินดูนาฬิกาตู้อื่นไปเรื่อย ๆ แทน เผื่อคู่หมั้นตัวน้อยของเขาจะเจอของที่ชอบ เขาจะได้ซื้อให้เธอบ้าง ส่วนจ้านเซียงชิงก็พากู่ซิงไปดูนาฬิกาผู้หญิงอีกตู้หนึ่งไม่ไกลจากตู้ที่จ้านหย่งเหอกับซูหนิงจิงอยู่นัก บอดี้การ์ดทั้งหมดไม่ได้เข้าไปในร้านแต่ยืนเรียงแถวกันอยู่ที่หน้าร้านเพื่อไม่ให้มีคนเข้าไปรบกวนเวลาของเจ้านาย ขณะที่รอกันอยู่ พวกเขาส่งเพื่อนไปซื้อกาแฟมาแจกทุกคนเพื่อกินฆ่าเวลาระหว่างที่ด้านในยังเลือกนาฬิกากันอยู่ซูหนิงเซียวมองตู้กระจกที่เรียงรายเต็มไปด้วยนาฬิกาหลากหลายรูปแบบตรงหน้าจนแทบมึนงง เธอได้แต่ดึงมือจ้านเกาเอาไว้ก่อนที่จะเดินไปที่ตู้ต่อไป“พี่จ้านคะ เราค่อย ๆ ดูกันดีไหมคะ ตอนนี้หนูตาลายไปหมดแล้ว”“อ่า พี่พาน้องหนิงเซียวดูเร็วไปเหรอครับ ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าอย่างนั้นเรานั่งพักกันที่ตู้ข้าง ๆ ก่อนก็แล้วกัน”“ตกลงค่ะ เฮ้อ ที่นี่มีนาฬิกาสวย ๆ เยอะมา
“เปล่าคะ หนูชอบนาฬิกาที่พี่เลือกให้มากเลยค่ะ เพียงแต่ไม่รู้ว่าราคาจะแพงมากหรือเปล่า”“โธ่เอ้ย พี่ก็นึกว่าอะไร แค่น้องหนิงเซียวชอบ ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่พี่ก็จะซื้อนะครับ พี่ว่าเราเดินไปดูคุณตากับป้าซูกันดีกว่าว่าพวกท่านเลือกนาฬิกาได้กี่เรือนกันแล้ว กว่าพนักงานจะมาคงอีกสักพัก”“ตกลงค่ะ วันนี้คุณแม่น่าจะได้ความรู้และคงซื้อนาฬิกาไปสะสมหลายเรือนอีกแน่เลยค่ะ ครั้งก่อนคุณแม่ก็ซื้อหมดไปตั้งหลายสิบล้านหยวนเลยนะคะพี่จ้าน หนูอดเสียดายเงินแทนไม่ได้เลยล่ะค่ะ”“ฮ่า ฮ่า นี่เป็นการเก็งกำไรอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ พี่คิดว่าป้าซูคงรอขายทำกำไรในอนาคตถึงได้ซื้อนาฬิกาไปสะสม”“เฮ้อ หนูล่ะไม่เข้าใจคุณแม่เหมือนกันค่ะ พวกเครื่องเพชรกับนาฬิกาที่คุณแม่เริ่มสะสมมันจะมีมูลค่าเพิ่มมากพอที่เราจะยอมจ่ายแพงถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ”“แน่นอนสิครับน้องหนิงเซียว รออีกไม่กี่ปีถ้านาฬิกาที่ป้าซูซื้อเลิกผลิต เมื่อนั้นแหละ ราคาจะดีดตัวสูงมากกว่าสองถึงสามเท่าได้เลยนะครับ พี่ว่าน้องหนิงเซียวไม่ต้องกังวลมากไปหรอก ป้าซูต้องไม่ซื้อของสะสมเกินตั
“ฮึก… หนูแค่เสียดายเงินที่แม่กับพี่จ้านซื้อนาฬิกาวันนี้ค่ะ คราวหน้าพี่จ้านไม่ต้องซื้อของแพงขนาดนี้ให้หนูอีกนะคะ ฮึก.. หนูเสียดายเงินค่ะ”“โธ่ น้องหนิงเซียวครับ พี่ก็นึกว่าน้องเป็นอะไรไป เงินเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องเสียดายไปหรอกนะครับ อีกอย่างพี่อยากซื้อให้น้องหนิงเซียวใส่บ่อย ๆ จะได้คิดถึงพี่ยังไงล่ะครับ ไม่ร้องนะครับเด็กดี โอ๋ ๆ” ซูหนิงจิงกับจ้านหย่งเหอได้ยินสองหนุ่มสาวเข้าก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ พวกเขาไม่คิดว่าซูหนิงเซียวจะคิดมากเรื่องเงินขนาดนี้ ยังดีที่จ้านเกาคอยปลอบเธออยู่ ทั้งสองคนจึงไม่เข้าไปวุ่นวายนัก อย่างไรในอนาคตเด็กสองคนจะต้องช่วยเหลือประคับประคองครอบครัวของพวกเขาเอง ซูหนิงเซียวที่ถูกจ้านเกาปลอบก็รีบพยักหน้าพร้อมรอยน้ำตา ไม่นานนักเธอก็ปาดน้ำตาออกจนหมดแล้วสูดหายใจลึกเพื่อสงบจิตสงบใจ เธอรู้ว่าจ้านเกาเป็นห่วงเธอมากขนาดไหน ซูหนิงเซียวจึงไม่อยากทำให้เขากังวลอีก“หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะพี่จ้าน ขอบคุณนะคะที่ปลอบใจหนู แต่ทีหลังไม่เอาแล้วนะคะของแพง ๆ แบบนี้ หนูยังเด็กอยู่ ถ
ทุกคนที่เดินทางมาพอฟังจ้านหย่งเหอแล้วจึงเข้าไปพักผ่อนในห้องที่แม่บ้านนำกระเป๋าไปเก็บให้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจ้านหย่งเหอกับภรรยาพักที่ห้องนอนใหญ่ด้านล่าง ส่วนคนอื่น ๆ พักห้องนอนชั้นสองของตัวบ้านที่มีห้องพักอีกห้าห้อง ระหว่างที่บรรดาเจ้านายพักผ่อน พ่อบ้านกับคนอื่น ๆ ต่างช่วยกันเตรียมอาหารกลางวันจำนวนมากเผื่อให้กับเหล่าบอดี้การ์ดที่ตามมาด้วย มื้อเที่ยงนี้มีทั้งอาหารทะเลและอาหารจานเนื้อเผื่อว่าจะมีคนแพ้อาหารทะเล เพราะพ่อบ้านไม่ทราบว่าแขกที่มาด้วยนั้นสามารถทานอาหารทะเลได้หรือไม่ เขาไม่กล้าที่จะถามอย่างเสียมารยาท เพียงแต่เตรียมเผื่อเอาไว้แทน ก่อนเวลาอาหารเที่ยง 15 นาที จ้านหย่งเหอกับภรรยาออกมานั่งรอหลานชายกับพวกซูหนิงจิงที่ห้องรับแขก ไม่นานเด็ก ๆ ก็ทยอยกันออกจากห้องลงมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกก่อนถึงเวลาอาหาร“หลังอาหารเที่ยงเด็ก ๆ อยากทำอะไรกันหรือเปล่า ไหน ๆ ก็ได้มาเที่ยวทะเลกันแล้ว”“พวกเรายังคิดไม่ออกเลยค่ะคุณลุงว่าจะทำอะไรดี คงต้องให้อาเกาแนะนำแล้วล่ะค่ะ”“อืม
กว่าที่ทุกคนจะออกจากเกาะก็เกือบถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว นี่เพราะทุกคนมัวแต่สนุกกับการดำน้ำตื้นและถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินจนเลยเวลา โชคดีที่จ้านหย่งเหอกับภรรยามีของว่างและชานั่งดื่มดูเด็กๆ จึงไม่น่าเบื่อมากนัก พวกเขาอยากให้ทุกคนพักผ่อนกันให้สมกับที่เดินทางมาไกลจึงไม่ได้เร่งเร้าเด็ก ๆ ให้รีบกลับกันนัก อย่างไรอาหารเย็นวันนี้กินค่ำหน่อยก็ไม่เป็นอะไร ก่อนขึ้นเรือจ้านหย่งเหอสั่งพ่อบ้านเอาไว้แล้วว่ามื้อค่ำให้จัดเป็นอาหารปิ้งย่างและบาร์บีคิวที่ริมชายหาด พวกเขาจึงไม่คิดมากอะไรหากจะกลับค่ำสักหน่อย เมื่อทุกคนกลับไปถึงบ้านพัก พระอาทิตย์ก็ตกดินไปนานแล้ว จ้านหย่งเหอให้ทุกคนไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะมาทานอาหารที่ริมหาดซึ่งตอนนี้พ่อบ้านและคนงานต่างจัดสถานที่พร้อมกับมีอาหารย่างเอาไว้หลายจานรออยู่ พวกเขาใช้เวลาไม่นานก็ออกมานั่งกันที่โต๊ะอาหารด้านนอกบ้านพักกันแล้ว หลังจากทานอาหารไปได้นิดหน่อย จ้านเซียงชิงที่คุยกับสามีก่อนหน้านี้ก็เอ่ยปากคุยกับซูหนิงจิงเรื่องการแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจัง“แม่หนูซู ถ้าป้าอยากขอให้หนิงเซียวแต่
สองเดือนต่อมา หลังกลับจากการเที่ยวทะเลครั้งก่อน ทุกคนก็หมั่นไปทานข้าวกับจ้านหย่งเหอและจ้านเซียงชิงบ่อย ๆ โดยไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ไปค้างบ้านจ้านเหมือนทุกที เรื่องนี้จ้านเกาเป็นคนขอร้องเอาไว้ เพราะเขามีงานที่ต้องรับผิดชอบมากก่อนส่งมอบโครงการให้กับซูหนิงจิง ทำให้ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเธอยิ่งสนิทสนมจนเหมือนกลายเป็นครอบครัวเดียวกันไปเสียแล้ว อีกไม่กี่วันบริษัทของจ้านเกาและกวานจื้อจิวมีนัดที่จะส่งมอบโครงการให้กับซูหนิงจิงด้วย ซูหนิงเซียวที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับโครงการของซูหนิงจิงได้ถ่ายทำวิดีโอโฆษณา โดยกู่ซิงได้จ้างผู้กำกับและทีมงานซึ่งมีฝีมือในวงการมาช่วยถ่ายทำจนงานออกมาเป็นที่น่าพอใจหลังจากตัดต่อ เรื่องการโปรโมทจะมีทีมของจ้านเกาที่ซูหนิงจิงจ้างเอาไว้ก่อนหน้านี้เป็นผู้จัดการต่อไป ยิ่งใกล้วันส่งมอบโครงการมากขึ้นเท่าไหร่ ซูหนิงเซียวก็ยิ่งตื่นเต้นมากที่จะได้เข้าร่วมงานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ในครั้งนี้ แม่ของเธอยังพาไปเตรียมชุดที่เหมาะสมสำหรับงานใหญ่ที่จะมีสื่อมากมายเข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย &nb
หลิวอ้ายโหรวได้แต่มองกลุ่มของซูหนิงจิงอย่างหมั่นไส้ เธอเชื่อว่าการที่ซูหนิงจิงกับลูกได้เข้าไปรู้จักกลุ่มตระกูลใหญ่คงเพราะเธอขายลูกสาวให้ตระกูลจ้าน หลิวอ้ายโหรวเห็นภรรยาตระกูลรองต่างมองไปทางนั้นเช่นเดียวกัน เธอยิ้มร้ายออกมาก่อนจะชวนเจียวจูกับจ้าวลี่ลี่ไปพูดคุยกับคนพวกนั้น“สวัสดีคุณนายโหยว คุณนายไป๋ คุณนายเซียะและคุณนายทุกท่านค่ะ ดิฉันหลิวอ้ายโหรว ภรรยาของจ้าวไห่ถัง นี่ลูกสาวดิฉันและพี่สาวเจียวจูภรรยานายท่านหลงค่ะ” หลิวอ้ายโหรวส่งยิ้มประจบกลุ่มคนที่เธอพอจะรู้จักบ้างนิดหน่อย หลังจากแนะนำตัวกันได้ไม่นาน หลิวอ้ายโหรวก็เริ่มพูดถึงงานในวันนี้รวมถึงเรื่องของซูหนิงจิงขายลูกสาวให้ตระกูลจ้านด้วย“คุณน้องพูดจริงเหรอคะ? พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณจ้านเกาจะหมั้นหมายแล้ว อีกอย่างเด็กคนนั้นดูเหมือนยังเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ”“นั่นสิคะ พวกเราไม่เคยได้ยินข่าวนี้มาก่อน ถ้าซูหนิงจิงทำแบบนั้นเพื่อเข้าถึงตระกูลใหญ่ก็นับว่าเสียศักดิ์ศรีมากเลยนะ”“อืม ฉันว่าเรื่องนี้เราคงต้องไปถามสามีพวกเราก่อนว่ามีใครรู้
แขกในงานรวมถึงหลิวอ้ายโหรวต่างไม่อยากจะเชื่อว่าซูหนิงจิงจะมีเงินมากขนาดนั้น ยิ่งกับหลิวอ้ายโหรวแล้วเธอยิ่งไม่พอใจที่สิ่งที่คิดเอาไว้ไม่เป็นไปตามที่เธอต้องการ จ้าวไห่ถังเห็นเธอยังไม่ยอมนั่งลงก็พยายามจะดึงแขนเธอให้นั่งลงก่อนที่จะขายหน้าไปมากกว่านี้ แต่หลิวอ้ายโหรวกลับสะบัดมือออกแล้วก้าวออกไปไม่ไกลจากโต๊ะของเธอนัก“คุณจ้านพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนัก พวกเราแค่พูดออกมาตามที่คิดกันเท่านั้นเอง ในเมื่อไม่มีข่าวออกมาว่าลูกสาวเธอหมั้นหมายกับคุณมานานแล้ว พวกเราก็ไม่ผิดที่จะคิดว่าเธอกับลูกได้ประโยชน์จากการหมั้นครั้งนั้น ดิฉันไม่เชื่อว่าคนอย่างซูหนิงจิงจะมีเงินมากมายถึงขนาดสร้างโครงการที่นี่ได้ ในเมื่อเธอหย่าขาดจากสามีดิฉันมานานแล้ว และไม่มีส่วนในการบริหารบริษัทมาตลอดสิบกว่าปี เธอจะมีปัญญาหาเงินมากมายมาได้ยังไง จริงไหมคะทุกคน” หลิวอ้ายโหรวหันไปขอความเห็นเหล่าคนตระกูลรองที่เธอเพิ่งคุยกันก่อนหน้านี้“พวกเราก็คิดไม่ต่างกับคุณนายจ้าวเช่นกันครับ ทำไมจู่ ๆ ซูหนิงจิงที่หายไปจากเมืองหลวงสิบกว่าปีจะเกิดมีเงินจำนวนมากกว่าที่พวกเราหาได้โดยไม่มีข่าวอะไรเล็ดลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว”
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก
หลงฮ่าวกับเจียวจูรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเกือบ 8 ชั่วโมง กว่าที่หมอจะออกมาบอกว่าเจียวจิ้งเหอพ้นขีดอันตรายแล้ว เพียงแต่ต้องรอดูว่าหลังจากฟื้นขึ้นมา อวัยวะต่าง ๆ ของเจียวจิ้งเหอจะสามารถใช้งานได้เป็นปกติหรือไม่เท่านั้น หมอแจ้งอาการกับญาติเสร็จก็ให้พยาบาลเข็นเตียงของเจียวจิ้งเหอไปยังห้องพิเศษเพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดจนกว่าจะครบ 24 ชั่วโมง จึงจะมั่นใจว่าเขาสามารถพักฟื้นต่อได้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้แต่ต้องกลับไปก่อนและให้คนของเขาคอยเฝ้าดูอาการของเจียวจิ้งเหอแทน พวกเขาจึงจะมาเยี่ยมเจียวจิ้งเหออีกครั้ง เพราะหลงฮ่าวกำลังหาคนในของบริษัทจ้านเกาเพื่อสร้างความเสียหายแต่ก็ยังหาไม่ได้เสียที จ้าวไห่ถังที่รู้ข่าวความวุ่นวายของหกตระกูลก็คิดอยากถอนหมั้นลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนติดคุกติดตะรางอย่างหลงเอ้อหลางอีกต่อไป หลิวอ้ายโหรวที่ยุ่งอยู่กับการพาลูกชายไปทำงานก็ไม่ได้คัดค้านการตัดสินใจของสามี เธอในตอนนี้ไม่อยากให้ลูกชายเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้เช่นกัน หลังอาหารเย็นวันหนึ่ง จ้าวไห่ถังจึงเรียกลูกสาวมาคุยเรื่องนี้“พ่อคิดว่าตระกูลหลงจะให้เราถอนหมั้น
วันนี้เจียวจิ้งเหอมีนัดขึ้นให้การในชั้นศาลนัดแรก เขาให้คนของตนเองเตรียมตัวเดินทางหลังอาหารเช้า ส่วนคนของเติ้งโหย่วก็เตรียมการแล้วเช่นเดียวกัน พวกเขาหาที่กั้นทางเพื่อทำทีเป็นปรับปรุงถนนอยู่ให้เลี่ยงเส้นทางไปยังทางเปลี่ยว ทำให้ขบวนรถสามคันของเจียวจิ้งเหอต้องอ้อมทางไป คนของเติ้งโหย่วที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า พอเห็นขบวนรถของเจียวจิ้งเหอมาถึงก็เตรียมตัวกดระเบิดที่ฝังเอาไว้ใต้พื้นถนนเพื่อทำให้รถเกิดอุบัติเหตุแทนที่จะใช้ปืนกระหน่ำยิงเหมือนตอนที่เจียวจิ้งเหอสั่งลูกน้องไปจัดการจ้านเกา เมื่อรถคันแรกมาถึงบริเวณที่อานุภาพการทำลายล้างของระเบิดสามารถทำได้ หัวหน้ากลุ่มกะจังหวะกดระเบิดตอนที่รถของเจียวจิ้งเหอมาถึงจุดที่ระเบิดถูกวางเอาไว้พอดีบึ้ม!!! เอี๊ยด!!! โครม! รถของเจียวจิ้งเหอพลิกคว่ำในทันที ส่วนรถอีกสองคันที่โดนแรงระเบิดก็กระเด็นไถลไปคนละทิศละทาง คนที่อยู่ในรถต่างมึนงงและหูดับไปเพราะแรงระเบิดชั่วขณะ คนของเติ้งโหย่วอาศัยจังหวะนั้นหลบออกไปจากที่เกิดเหตุโดยหลีกเลี่ยงกล้องวงจรปิดอย่างรู้งาน พวกเข
หลังทานอาหารค่ำ ทุกคนก็มานั่งคุยรายละเอียดเรื่องงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคนอย่างจริงจังจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะจัดงานแต่งงานก่อนซูหนิงเซียวจะเปิดเทอมและขึ้นปีสามเพื่อความสะดวกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เหลือเวลาเตรียมงานไม่ถึงสามสัปดาห์ แน่นอนว่าสัปดาห์นี้ทุกคนยุ่งอยู่กับแผนการล้มหกตระกูลรอง จ้านหย่งเหอกับจ้านเซียงชิงจึงให้เริ่มเตรียมงานแต่งในสัปดาห์หน้าแทน โดยพวกเขาจะเรียกเจิ้งเหลียงฮวามาช่วยเรื่องทำบัตรเชิญเหมือนตอนงานหมั้น คืนนั้นกว่าทุกคนจะได้เข้านอนก็เกือบห้าทุ่มแล้ว พวกเขาต่างยิ้มแย้มที่กำลังจะมีงานมงคลในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ถึงแม้แต่ละคนจะมีงานล้นมืออยู่ก็ตามที สายวันต่อมา แผนการของซูหนิงจิงทำให้บริษัทใหญ่ทั้งหกไม่มีทางเลือกจนต้องเทขายหุ้นในมือก่อนที่จะขาดทุนไปมากกว่านี้ ซูหนิงจิงโทรหาไป่เฉิงให้เขากว้านซื้อหุ้นทั้งหมดเอาไว้ให้เธอ โดยเธอโอนเงินให้เขาเผื่อเอาไว้ 900 ล้านหยวน ต้องขอบคุณโครงการฟู่ซิงซินที่ขายหมดเร็วจนเธอมีกำไรจากโครงการนี้มากกว่าหนึ่งพันล้านหยวน ตระกูลทั้งหกที่เกี่ยวพันกับเรื่องของซูหนิงเซียวต่างนัดประชุมเ