“หนูไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ค่ะ หนูว่า...” “แล้วหนูรังเกียจคนแก่รึเปล่า” “ก็...” เธอใช้เวลาทบทวนตัวเองเพียงสามวินาทีก็ได้คำตอบ “ไม่ได้รังเกียจหรอกค่ะ” “หนูยังไม่มีแฟนสินะ” “ไม่มีหรอกค่ะ หนูไม่เคยคิดเรื่องนี้ ว่าแต่ท่านจะสอบสวนหนูหน้าห้องน้ำในขณะที่...ไอ้นั่น” เธอชี้ที่ช่วงล่างของเขา “มันชี้หน้าหนูอยู่แบบนี้หรือคะ?” “มันไม่ได้แค่อยากชี้นะ” เขาเริ่มทะลึ่งกับเธอเรื่อยๆ สายตาของเขาจ้องเธออย่างมีเลศนัยน์ ราวกับกำลังกลืนกินเธอ “หนูอยากลองมั้ย”
View Moreนิยายเรื่องนี้ประกอบด้วยเรื่องสั้น 2 เรื่อง
ได้แก่
1.สามลุง
2.สวาทร้อนชำระหนี้
ปฐมบท
สามลุง
ครั้งแรกของเธอก็เจอเก้านิ้วเลยล่ะ...เก้านิ้วที่ทำให้เธอรู้ซึ้งถึงแรงปรารถนาที่ซุกซ่อนหลับใหลอยู่ภายในจิตวิญญาณราวกับภูเขาไฟที่รอวันปะทุ เก้านิ้วที่ปลุกความร่านลึกเร้นในตัวเธอให้ตื่นขึ้นอย่างงดงามและเบ่งบานราวกับดอกไม้ป่าในฤดูร้อน
เฟื่องฟ้าคือชื่อของเธอ เด็กสาววัยสิบแปดที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 ของโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ความฝันของเธอคือการสอบเข้าพยาบาล ส่วนความหวังของเธอก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
คุณหนูเฟื่องฟ้า ลูกสาวเสี่ยชัย เจ้าของอพาร์ตเม้นต์ให้เช่ากลางเมืองใหญ่ใกล้ทะเล ถูกเลี้ยงดูประคบประหงมดั่งไข่ในหิน แต่วันนี้เปลือกไข่ถูกกะเทาะออกอย่างแหลกละเอียด เพื่อให้ลูกเจี๊ยบตัวน้อยก้าวออกสู่โลกแห่งความเป็นจริง โลกที่เธอเคยโหยหา...
ตัวเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ความบริสุทธิ์ที่เธอเฝ้าทะนุถนอมดูแลรักษามาสิบแปดปีเต็ม ต้องพังทลายลงเพราะฝีมือของชายแก่คราวพ่อวัยห้าสิบปี ชายแก่สามคนผู้ต้องรสนิยมมีเพศสัมพันธ์กับเด็กวัยใส เซ็กส์หมูแบบสามต่อหนึ่งเปลี่ยนเด็กสาวรักเรียนให้กลายเป็นหญิงสาวเร่าร้อนเต็มตัว
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสามวันก่อนนี่เอง หลังจากพิธีฌาปนกิจศพพ่อของเธอที่วัดใกล้บ้านไปราวสามวัน เธอก็ได้รับประสบการณ์ที่ยากจะลืมลงจากชายแก่ที่มีชื่อว่าผู้การโกวิทย์
ครั้งแรกที่เธอได้เจอกับลุงวิทย์ก็ในงานศพพ่อของเธอนั่นเอง ลุงวิทย์เป็นตำรวจยศใหญ่ที่ทำคดีของพ่อเธอ ซึ่งถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกับเมียน้อยอันดับที่เท่าไหร่เธอก็ไม่รู้ ความจริงเธอไม่ค่อยเสียใจเรื่องการเสียชีวิตของพ่อสักเท่าไหร่ ยอมรับว่ายังโกรธเกลียดพ่ออยู่ที่เจ้าชู้ไม่เลือกหน้า จนทำให้แม่ของเธอเสียใจแล้วผูกคอตายไปเมื่อสามปีก่อน
แต่ถึงแม้เธอจะไม่เสียใจเรื่องพ่อเสียชีวิตกะทันหัน แต่เธอก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหงาเศร้าและอ้างว้างเมื่อต้องอยู่ตัวคนเดียว ตอนพ่ออยู่ อย่างน้อยเธอก็ได้กระวีกระวาดและโมโหใส่พ่อได้บ้างเพื่อระบายอารมณ์ แต่ตอนนี้เธอเหลือเพียงแมวหนึ่งตัวและมรดกที่เป็นอพาร์ตเม้นต์ราคาเกือบร้อยล้านที่พ่อทิ้งไว้ให้เท่านั้น
หลังจากฌาปนกิจพ่อไปสามวัน เธอเริ่มรู้ตัวว่าเป็นโรคเครียดและวิตกกังวลหนัก เพราะเริ่มหวาดกลัวว่าคนที่ยิงพ่อจะตามมายิงเธอด้วย อาจเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่งที่ทำให้ใจเธอฟุ้งซ่าน จนทำให้เธอไม่ค่อยมีสมาธิในการใช้ชีวิตสักเท่าไหร่ เธอแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการโทรศัพท์ไปปรึกษากับท่านผู้การโกวิทย์ ซึ่งท่านมีเมตตากับเธอมาก คอยปลอบประโลมและสัญญาว่าจะหาตัวคนร้ายมารับโทษโดยเร็วที่สุด
“เออ! กูรู้ แต่กูจะโกรธ! บอกให้เลือกตามที่ต้องการ แต่กลับหนีกูไป ให้เงินก็ฉีกทิ้ง ทั้งโง่ทั้งบ้า คิดจะทรมานกูไปถึงไหน”“ใจเย็น ๆ ครับนายหัว ที่คุณบัวหนีไปหนนี้ก็เพราะกลัวนายหัวจะกังวลอึดอัดน่ะครับ ก็นายหัวเล่นไปจัดงานแต่งที่นั่นเองนี่ครับ”“ยังไงกูก็จะยกเลิกงานแต่งอยู่แล้ว กูหาตัวผัวยัยอายที่ตามมาจากเมืองนอกเจอแล้ว มันบอกจะเข้าพิธีแทนกูเพื่อจะเซอร์ไพรซ์เมียมัน”“แล้วทำไมนายหัวไม่ไปอธิบายให้คุณบัวฟังล่ะครับ ไปสารภาพผิด ไปขอโทษเธอซะสิ พูดให้ผมฟังจะมีประโยชน์อะไร”“แต่ฉันทำกับเขาไว้แรง เขาจะให้อภัยฉันเหรอวะ”“ผมว่าคุณบัวก็มีใจให้นายหัวอยู่นะ”“จริงหรือวะ”“ไปหาเธอก่อนที่จะสายเกินไปนะครับ ไปบอกว่าคิดยังไงกับเธอ เพราะผมสืบจนรู้มาแล้วว่า...ตอนนี้คุณบัวเธอตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วครับ”“ว่าไงนะ!!! บัวท้องเหรอ!!!”หลังจากรู้ว่าบุษบงกชกำลังท้องลูกของเขาอยู่ ภาสกรก็อยู่ไม่ติด เขาทั้งหวงและห่วงเธอจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เขาใช้คนทั้งหมดของเขาออกตามหาเธอ ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้อยู่เฉยภาสกรขับรถออกนอกบ้านทุกวัน ขับรถตระเวนไปตามถนนหนทางอย่างไร้จุดหมาย เผื่อว่าโชคจะเข้าข้างเขาบ้าง เห็นแก่ความรักที่เขามีต
ตอนเช้า...เมื่อเธอไปถึงที่ทำงาน ในครัวเม้ามอยด์กันว่าโรงแรมกำลังจะมีงานใหญ่“งานแต่งงานระดับบิ๊กเลยแก...ลูกสาวนายก อบจ.กับนายหัวภาสกรไง”“จริงเหรอ งั้นเราก็จะได้เห็นหน้านายหัวภาสกรตัวจริงแล้วดิ...ไม่รู้หน้าตายังไงนะ”“ฉันได้ข่าวมาว่าก็หล่อไม่เบานะแก ว่าปะยัยบัว”“หือ...” บุษบงกชถูกปลุกจากภวังค์ หลังจากเหม่อไปพักหนึ่ง “ไม่รู้สิ”เหล่าพนักงานจะเม้าท์กันต่อ แต่หัวหน้างานเข้ามาเสียก่อน ทุกคนจึงแยกย้ายไปคนละทิศละทาง รวมทั้งบุษบงกชรซึ่งมีหน้าที่เสิร์ฟอาหาร“บัวไปรับออเดอร์ที่ห้องวีไอพีหน่อย”“ค่ะ” เธอหยิบสมุดจด แล้วเดินออกจากห้องครัว มุ่งตรงไปยังห้องวีไอพีของห้องอาหารอิตาเลี่ยนซึ่งเธอไม่คิดฝันเลยว่าลูกค้าสำคัญสองท่านที่นั่งสวีตกันอยู่จะเป็นพวกเขา...ภาสกรกับอารยาเข้ามาคุยเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงาน เสร็จเรื่องแล้วจึงแวะเข้ามารับประทานอาหารอิตาเลี่ยนตามคำเชิญของผู้จัดการโรงแรม“อ้าว...นั่น...แม่บ้านคุณนี่คะ”ขณะที่บุษบงกชยืนอึ้ง หน้าซีดเผือด อารยาหันมาเห็นเธอก่อน...ภาสกรจึงหันตามมา สายตาของเขาตะลึงไปหลายอึดใจเหมือนกัน“สวัสดีค่ะ ดิฉันมารับออเดอร์ค่ะ” เธอฝืนยิ้ม เพื่อให้บรรยากาศเป็นไปด้วยดี แ
“อะ..อะ...อะ...” เธอเจ็บจนแทบขาดใจ น้ำตาไหลพราก กายสั่นสะท้าน ทรมานอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“ฮือ...นายหัว...บัวเจ็บ”“เจ็บเหรอ...เธอจะเจ็บเท่าฉันได้ไง!” เธอยิ่งร้องบอก เขาก็ยิ่งตะบี้ตะบันทิ่มแทง หากเป็นมีดก็คงจะทะลุร่างเธอไปแล้วแต่ดุ้นเนื้อของเขาในเวลานี้ ก็คงไม่ต่างจากมีดสักเท่าไหร่นัก เพราะมันทั้งจ้วงแทงและกรีดหัวใจเธอจนเลือดไหลเป็นทาง...“อะ...” ความรุนแรงร้ายกาจที่เขาสาดใส่เธออย่างไร้สติแบบต่อเนื่องนานเกือบสามสิบนาที ทำให้เธอเริ่มรับไม่ไหว หัวใจที่เต้นเร็วเกินปกติมาหลายนาที ทำให้เธอช็อคตาค้าง ร่างเกร็ง“หึ...เป็นอะไร...นี่” เขาจับใบหน้าเธอแล้วเขย่า “บัว เป็นอะไรห๊า...นี่...อย่ามาลูกไม้นะ”เขาเรียกเท่าไหร่ เธอก็ยังนอนตาค้างแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น เขาตกใจหน้าซีด ขยับตัวออกจากเธอ จับแก้มจับคอแล้งเขย่าร่างเธออีกครั้ง“บัว! ตื่น! บัว! อย่าทำอย่างนี้นะ ไม่นะบัว” หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้นเมื่อคิดว่าเธออาจตายไปแล้ว ดวงตาคมดุแดงก่ำจ้องมองหญิงสาวตรงนิ่งงัน “บัว!”เขาก้มลงไปแล้วประกบริมฝีปากอิ่ม...เป่าลมใส่ปากเธอไปหลายครั้ง และมันก็ได้ผล ลมหายใจของเขาทำให้เธอหายใจได้อีกครั้ง“อ่า...”“บัว...ไม่เป็
“อะ...” บุษบงกชจะอ้าปากเรียกอารยา ขณะเจ้าหล่อนหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกไปด้านนอกอย่างอารมณ์ดี“หึ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังขึ้นอย่างสะใจ ก่อนหันมาชี้หน้าเธออย่างโกรธเกรี้ยว “อยากตายรึไง!!!”เขาขู่แค่นั้น ก่อนจะเดินหายไปอีกคน“โอ๊ย...ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ...เขาต้องฆ่าเราตายแน่ ทำยังไงดี...ทำยังไงดี...???”หญิงสาวหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ จึงกลับไปตั้ง หลักที่ห้องพัก ลงกลอนปิดประตูแน่นหนา“หรือว่า...หนีไปซ่อนในเรือนั่นซะเลย...ไม่ได้...ถ้าเขารู้ว่าเราหายไป เขาต้องออกคำสั่งให้ลูกน้องตามฆ่าเราแน่”เธอคิดจนหัวหมุน และผล็อยหลับไปในที่สุดก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูนั่นเองที่ปลุกเธอจากฝันร้าย หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมเหงื่อปรกหน้าก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง...หญิงสาวหันไปมองนาฬิกาติดฝาผนัง“ตี 1”บุษบงกชเข้าใจว่าเป็นธนาอย่างแน่นอน เพราะนายหัวของเขาคงไม่ว่างลงมาเคาะห้องคนใช้ในยามวิกาลเช่นนี้ ป่านนี้เขาคงมีความสุขอยู่กับคู่หมั้นแสนสวย“คุณ!”ภาสกรแทรกตัวเข้ามาในห้องของเธออย่างว่องไว แล้วจัดการปิดล็อคประตูด้วยตัวเอง“คุณมาทำไม คู่หมั้นคุณล่ะ”เขาไม่ตอบเรื่องคู่หมั้น
เธอหันหลังกำลังจะกลับไปที่ครัวเงียบ ๆ“เดี๋ยวสิคะ”เสียงของอารยาดังขึ้น เธอผละจากอ้อมกอดของนายหัวภาสกร หันมาสนใจแม่บ้านของเขาแทน เธอมองบุษบงกชตั้งแต่หัวจรดเท้า“ไม่ยักรู้ว่าคุณรับแม่บ้านเข้าทำงาน แล้วนี่แม่บ้านเขาแต่งตัวกันแบบนี้หรือคะ”“คือ...บัวเขาเป็นญาติของธนาน่ะ เขาแค่มาช่วยงานชั่วคราว จริงมั้ยธนา”เมื่อเจ้านายโยนขี้มา เขาก็ต้องอ้าปากรับสินะ“คะ...ครับ...นี่บัวน้องสาวผมเองครับคุณอาย”ตอนนี้เธอถูกเปลี่ยนฐานะจากแม่บ้านธรรมดา ๆ มาเป็นน้องสาวของธนาแล้วสินะ“ใช่ค่ะ พอดีฉันตกงานน่ะค่ะ ก็เลยมาของานนายหัวทำ ขออนุญาตไปเตรียมอาหารเช้าก่อนนะคะ”“เดี๋ยว”ทุกครั้งที่อารยาเรียกให้เธอหยุด หัวใจของทุกคนจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ครั้งนี้ก็เช่นกัน“ทำแซนวิสแบบคลีนมาให้ฉันด้วยนะ”“ค่ะ”เธอเหลือบสายตาไปมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินออกจากห้องรับประทานอาหารมาอย่างเร็ว ออกมาก่อนจะถูกจับได้ เพราะเซ้นส์ของผู้หญิงนั้นแรงแค่ไหนใครก็รู้“เฮ้อ...เธอกลับมาแล้ว...งั้นก็หมายความว่า...เวลากลับบ้านของเราก็เร็วขึ้นแล้วสิ”เธอควรจะดีใจใช่มั้ย?“บางที...วันนี้พวกเขาอาจะใช้วันพิเศษนี้ในการคุกเข่าขอแต่งงาน...แต่
เธอเริ่มชินชากับชีวิตที่อยู่ในอุ้งมือของจอมมาร เธอทำงานตามหน้าที่ แม้ยังเคอะเขินเรื่องบนเตียงอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เขาขาดเธอไม่ได้ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงแสดงท่าทางมึนตึง ดูถูก เย้ยหยันและตราหน้าว่าเธอมันก็แค่นางบำเรอไร้ราคาที่เขาใช้บำบัดความใคร่เท่านั้นแต่ลึก ๆ แล้วเขาก็คงไม่ได้รังเกียจเธอเหมือนปากพูดหรอก เธอแน่ใจและสัมผัสได้ไม่ใช่เพราะเรื่องเซ็กส์เพียงอย่างเดียว แต่การเอาใจใส่และเอื้ออาทรในบางเรื่อง ที่เขาเผลอแสดงออกมา มันทำให้เธอรู้ว่าเขาก็แคร์เธออยู่เหมือนกัน“เอานี่...ครีมกันแดด ช่วงนี้แดดแรงไง เดี๋ยวผิวดำผิวกระด่างซะหมด...เวลาจูบแล้วมันไม่ฟิน”“วิตามินซีที่อยากได้...เอาไปดิ”“เค้กมะพร้าวอ่อนร้านนี้อร่อย เลยซื้อมาให้พวกลูกน้องกิน นี่กล่องนี้ยังเหลืออยู่ เธอจะเอาไปกินก็ได้”เขาตั้งใจจะซื้อหาของทุกอย่างมาให้เธอน่ะแหละ แต่ทำเป็นเก๊ก เบี่ยงประเด็นไปเรื่อย เพราะไม่อยากให้เธอรู้ว่าเขาใจอ่อนให้เธอมาสักพักแล้ว“เฮ้อ...แล้วเราจะต้องไปห่วงเขาทำไม”นั่นเพราะ...สามวันมาแล้วที่นายหัวภาสกรหายไป ซึ่งดูจะผิดวิสัยจากหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่เคยหายออกจากบ้านไปนานขนาดนี้“พี่ธนาคะ นายหัวไ
Comments