ซูหนิงจิงเดินไปถึงห้องอาหารแล้วก็เห็นว่าแม่บ้านตั้งโต๊ะพร้อมแล้ว ในบ้านหลังใหญ่นี้มีแม่บ้านอยู่ไม่น้อย เพียงแต่พวกเธอจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้านายมาแต่ไหนแต่ไร จึงทำให้สามารถทำงานอยู่ที่นี่ได้นานเกือบสิบปีตั้งแต่ที่ซูหนิงจิงกับจ้าวไห่ถังซื้อบ้านหลังนี้มาเมื่อแปดปีก่อน
“พวกคุณออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวคุณหนูก็ลงมาแล้ว ค่อยมาเก็บทีหลังก็แล้วกัน”
“ค่ะ คุณผู้หญิง”
แม่บ้านทั้งสามคนที่ทำงานครัวออกจากห้องอาหารไปอย่างรู้งาน ช่วงหลายปีหลังมานี้คุณผู้ชายไม่เคยกลับมากินข้าวที่บ้านเลย จะมีก็แต่คุณผู้หญิงกับคุณหนูเท่านั้นที่กลับมาอยู่ที่นี่ตลอด แต่พวกเธอก็ไม่กล้าสอบถามอะไรให้ถูกไล่ออกเพราะสอดรู้สอดเห็นเรื่องเจ้านาย
ไม่นานนักจ้าวหนิงเซียวก็มาถึงห้องอาหาร เธอนั่งลงที่เก้าอี้ประจำแล้วคอยตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้แม่อย่างเอาใจใส่ ซูหนิงจิงเองก็คอยตักอาหารให้ลูกสาวเช่นเดียวกัน สองแม่ลูกต่างมีรอยยิ้มมอบให้กันถึงแม้จะเพิ่งผ่านเรื่องราวหนักหนาสาหัสมาได้ไม่นาน นี่เป็นเพราะซูหนิงจิงที่มั่นใจในตัวเองมากและวางแผนอนาคตเอาไว้เสมอไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้ายเข้ามา อย่างน้อยตอนนี้บริษัทที่เธอกับจ้าวไห่ถังสร้างมาก็ทำกำไรต่อปีได้ไม่น้อย ในฐานะที่เธอมีหุ้นอยู่เกือบครึ่งหนึ่งจึงไม่แปลกที่เธอจะได้รับเงินปันผลเป็นเงินส่วนตัวในบัญชีของเธอ ส่วนเงินที่เธอขอจากจ้าวไห่ถังสิบล้านนั้นก็เพราะเธอจะเก็บเอาไว้เป็นค่าเล่าเรียนของลูกสาวในอนาคต ถึงแม้ว่าเธอเองจะมีเงินเก็บไม่น้อย แต่ในเมื่อเขาเป็นพ่อ เธอก็ไม่อยากจากไปโดยที่เขาไม่ได้รับผิดชอบลูกของตัวเอง ระหว่างทานอาหาร จ้าวหนิงเซียวก็สอบถามแม่ของเธอว่าเมืองที่พวกเธอกำลังจะย้ายไปนั้นเป็นอย่างไร เพราะจ้าวหนิงเซียวไม่คุ้นเคยกับเมืองอื่นนอกจากเมืองหลวงที่เธออยู่มาตั้งแต่เกิด
“เมืองก้านโจวเป็นเมืองเกิดของแม่ เสียดายที่ตากับยายของลูกเสียไปนานแล้ว ส่วนบ้านเก่านั้นก็ถูกขายเอามาเป็นเงินต้นทุนในการที่แม่เปิดบริษัทกับพ่อของลูกเมื่อสิบปีก่อน ลูกไม่ต้องกลัวว่าที่นั่นจะไม่สะดวกสบาย ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็นับว่าเป็นเมืองที่สงบสุขและปลอดภัยมากกว่าเมืองหลวงเสียอีก”
“แล้วแม่จะไม่หาที่อยู่ก่อนไปเหรอคะ?”
“เราค่อยไปเช่าบ้านอยู่กันก่อนนะลูก พอแม่ส่งลูกเข้าเรียนเรียบร้อยแล้ว แม่ค่อยหาทำเลเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ ดูอีกที อย่างไรพ่อของลูกก็จะให้เงินทุนแม่มาหลังหย่าอยู่แล้ว ลูกไม่ต้องกังวลนะ”
“หนูไม่กังวลค่ะแม่ หนูรู้ว่าแม่เก่งที่สุดในโลก ฮิ ฮิ”
“ฮ่า ฮ่า ลูกก็ชมแม่เกินไป รอให้เราไปถึงที่ก้านโจวก่อน แล้วค่อยคิดหาที่ทำกินกันก็ยังไม่สายนะลูก แม่ขอเพียงแค่ลูกตั้งใจเรียนก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นลูกไม่ต้องกังวล”
“หนูรู้ค่ะ หนูจะตั้งใจเรียน แม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงหนูมากนัก”
“ดีแล้วลูก ความรู้จะอยู่ติดตัวลูกไปจนตาย หากลูกตั้งใจเรียนให้ดี ในอนาคตลูกจะได้มีงานดี ๆ ทำด้วย”
“ได้ค่ะแม่ หนูจะเลี้ยงแม่เองนะคะ ถ้าหนูมีงานทำแล้วแม่จะได้ไม่เหนื่อย หนูอยากให้แม่ได้พักบ้าง หลายปีมานี้แม่ทำงานหนักมากแล้ว”
“แม่จะรอวันที่ลูกสามารถเลี้ยงแม่ได้นะจ๊ะ เอาล่ะ รีบกินแล้วรีบไปพักผ่อนกันเถอะ พรุ่งนี้เรายังต้องไปทำธุระกันอีกหลายอย่าง”
“ได้ค่ะแม่ นี่ค่ะ แม่กินเยอะ ๆ หน่อยนะคะ”
สองแม่ลูกกินอาหารอีกไม่นานนักก็พากันอิ่มแล้วออกจากห้องอาหารไป ซูหนิงจิงเดินไปส่งลูกสาวเข้าห้องก่อนที่เธอจะกลับไปยังห้องนอนของตัวเองที่เคยอยู่กับจ้าวไห่ถังมาตลอดหลายปี เธอได้แต่มองไปรอบ ๆ แล้วคิดถึงความหลังตั้งแต่ซื้อบ้านหลังนี้มา
หลังจากคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้ว ซูหนิงจิงก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนมานอนบนเตียงที่คุ้นเคย ส่วนจ้าวหนิงเซียวเองก็รีบอาบน้ำเข้านอนตามที่แม่บอก เธอเป็นเด็กที่เชื่อฟังแม่มาตลอดตั้งแต่จำความได้ และไม่เคยทำให้แม่เธอเสียใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ซูหนิงจิงสามารถทำงานในบริษัทได้อย่างสบายใจมาตลอดหลายปี
รุ่งเช้าวันต่อมา หลังจากสองแม่ลูกกินข้าวเช้าเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงนำเอกสารของเธอและลูกที่เตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็พากันขึ้นรถเพื่อเดินทางไปยังสำนักงานเขตเพื่อจัดการเรื่องหย่ากับจ้าวไห่ถังพร้อมกับเปลี่ยนนามสกุลให้ลูกสาวของเธอให้เรียบร้อย
พวกเธอไปถึงสำนักงานเขตก่อนเก้าโมงประมาณสิบห้านาที เมื่อเดินเข้าไปในสำนักงานเขต พวกเธอก็เห็นว่าจ้าวไห่ถังมาพร้อมกับหลิวอ้ายโหรวอยู่ก่อนแล้ว ซูหนิงจิงเดินไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำเรื่องหย่า จ้าวไห่ถังที่เห็นเช่นนั้นก็ลุกจากที่นั่งออกไปที่หน้าโต๊ะเจ้าหน้าที่เช่นเดียวกัน ส่วนจ้าวหนิงเซียวนั้นคอยอยู่ข้าง ๆ แม่ของเธอโดยไม่คิดจะทักทายคนเป็นพ่อแม้แต่นิดเดียว
“พวกคุณแน่ใจนะว่าจะหย่ากัน”
“แน่ใจค่ะ/ครับ”
“ถ้าอย่างนั้นข้อตกลงการหย่าของพวกคุณมีอะไรบ้างครับ”
“ลูกสาวดิฉันจะอยู่กับดิฉันและเปลี่ยนนามสกุลมาใช้นามสกุลของดิฉันค่ะ รบกวนคุณช่วยทำเรื่องต่อให้ด้วยหลังจากเซ็นใบหย่าด้วยนะคะ อีกข้อคืออดีตสามีดิฉันจะมอบเงินสดเข้าบัญชีให้ฉันกับลูกเป็นจำนวนเงินสิบล้านหยวนและฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบริษัทที่สร้างมาด้วยกันค่ะ”
“ตกลงครับ เดี๋ยวผมเขียนข้อตกลงเอาไว้ที่ด้านหลังใบหย่าของพวกคุณให้แล้วค่อยลงลายมือชื่อนะครับ ส่วนเรื่องเปลี่ยนนามสกุลก็ไม่ยากครับ รอเสร็จเรื่องหย่าของพวกคุณก่อนแล้วผมจะดำเนินเรื่องให้เอง”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ไม่นานนักขั้นตอนการหย่าทั้งหมดก็เรียบร้อย จ้าวไห่ถังโอนเงินต่อหน้าเจ้าหน้าที่เข้าบัญชีของซูหนิงจิง หลังจากเห็นว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว ซูหนิงจิงก็พาจ้าวหนิงเซียวไปเปลี่ยนนามสกุลกับเจ้าหน้าที่อีกด้านหนึ่ง ส่วนจ้าวไห่ถังพาหลิวอ้ายโหรว ออกไปจากสำนักงานเขตทันทีโดยไม่แม้แต่จะมองว่าอดีตภรรยากับลูกสาวจะทำอะไรต่อไป
เจ้าหน้าที่คนเดิมช่วยดำเนินการเปลี่ยนนามสกุลให้กับจ้าวหนิงเซียวโดยใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น หลังจากได้หนังสือรับรองการเปลี่ยนนามสกุลแล้ว ซูหนิงจิงก็ขอบคุณเจ้าหน้าที่และพาลูกสาวที่ตอนนี้เปลี่ยนนามสกุลเป็นซูหนิงเซียวไปที่โรงเรียนเพื่อทำเรื่องลาออกรวมทั้งขอใบรับรองสำหรับสมัครเรียนที่ใหม่ด้วย
กว่าที่จะทำเรื่องลาออกของซูหนิงเซียวเสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี ซูหนิงจิงกลัวว่าลูกสาวจะหิว เธอจึงหาร้านอาหารแถวนั้นแล้วนั่งกินกับลูกสาว โดยระหว่างที่นั่งกินกันอยู่นั้น ซูหนิงจิงก็โทรหาบริษัทขนส่งเพื่อให้พวกเขาเตรียมเข้าไปขนสิ่งของให้พวกเธอแม่ลูกในวันพรุ่งนี้เพื่อนำไปส่งยังเมืองก้านโจว ซึ่งจากเมืองหลวงไปยังเมืองก้านโจวนั้นต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าสี่ชั่วโมงหากขับรถไปเอง
“แม่จะไม่เหนื่อยขับรถเหรอคะวันพรุ่งนี้”
“ไม่เหนื่อยหรอกลูก วันนี้เราก็รีบเก็บของใส่กล่องให้เรียบร้อย แล้วให้คนขนของขึ้นรถแทนเราพรุ่งนี้เท่านั้นเอง อย่าลืมเตือนให้แม่แวะซื้อลังกระดาษด้วยนะลูก ของพวกเราน่าจะมีไม่น้อยที่จะต้องเก็บ”
“ได้ค่ะแม่ ถ้าอย่างนั้นเราแวะห้างก่อนถึงบ้านดีไหมคะ จะได้ซื้อของครบในที่เดียว”
“ได้จ๊ะ งั้นรีบกินกันเถอะ เรายังมีงานต้องทำกันอีกมาก”
“ค่ะแม่” ซูหนิงเซียวยิ้มรับคำแม่ของเธอแล้วเร่งกินข้าวตามที่แม่บอกเอาไว้ สิ่งของในห้องของเธอเองก็มีไม่น้อย เธอไม่อยากทิ้งเอาไว้ให้คนอื่นได้ใช้ของของเธอ
หลังจ่ายค่าอาหารแล้ว ทั้งสองคนก็ไปยังห้างใกล้บ้านแล้วซื้อกล่องกระดาษรวมทั้งเทปปิดกล่องอีกจำนวนมาก ด้วยซูหนิงจิงกลัวว่ากล่องจะไม่พอ เธอจึงซื้อไปเผื่อเอาไว้มากหน่อย แทนที่จะต้องขับรถออกมาซื้อทีหลังให้เสียเวลา ซูหนิงเซียวเองก็ช่วยแม่ของตัวเองขนกล่องกระดาษจำนวนมากขึ้นหลังรถจนแทบปิดไม่ลง
เมื่อเก็บกล่องและเทปเสร็จแล้ว ซูหนิงจิงก็ขับรถพาลูกสาวกลับบ้านไปเก็บของในช่วงเวลาไม่ถึงบ่ายสองโมงทันที เธอกำชับให้ซูหนิงเซียวเก็บสิ่งของทุกอย่างให้หมด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปหาซื้อใหม่ที่เมืองก้านโจวอีก
ระหว่างอาหารค่ำวันหนึ่ง ซูหนิงเซียวที่กำลังจะกินทอดมันกลับรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารยังไงพิกลจนเธอต้องลุกขึ้นวิ่งไปอาเจียนที่ห้องน้ำ ทำเอาทุกคนแตกตื่นตกใจกันไปหมดเพราะคิดว่าเธอพักผ่อนไม่เพียงพอจากการไลฟ์สดต่อเนื่องกันมานานหลายวัน จ้านเการีบสั่งคนให้เตรียมรถไปโรงพยาบาลทันที เมื่อเห็นซูหนิงเซียวเดินหน้าซีดออกมาจากห้องน้ำ เขาก็รีบเข้าไปอุ้มเธอและเดินดุ่ม ๆ ออกไปหน้าบ้านโดยไม่รอใครสักคน ทำเอาคนอื่น ๆ ต้องรีบเดินตามเขาไปแทบไม่ทัน บอดี้การ์ดพาทุกคนไปถึงโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในเวลาเพียง 20 นาที ซูหนิงเซียวเห็นจ้านเกาจะอุ้มเธอลงไปอีกก็เกิดอายคนในบ้านขึ้นมา เธอจึงขอเดินเองจนจ้านเกาต้องยอมแพ้ภรรยาตัวน้อยและประคองเธอลงจากรถตู้เอง หลังส่งซูหนิงเซียวเข้าไปในห้องฉุกเฉินเพื่อตรวจอาการแล้ว บรรดาผู้อาวุโสที่คาดเดาว่าครั้งนี้น่าจะเป็นข่าวดีต่างพากันยิ้มแย้มแจ่มใส แต่จ้านเกาที่เป็นห่วงภรรยากลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาเอาแต่เดินไปเดินมาหน้าห้องฉุกเฉินเพราะกลัวว่าภรรยาจะเจ็บป่วยร้ายแรง
ในห้องหอที่เป็นห้องของจ้านเกา ซูหนิงเซียวนั่งอยู่ที่เตียงอย่างเขินอาย ก่อนที่จ้านเกาจะจูบหน้าผากภรรยาตัวน้อยของเขาอย่างอ่อนโยน“น้องหนิงเซียวไม่ต้องเครียดมากนะครับ พี่ไม่ทำอะไรน้องก่อนจะเรียนจบแน่นอนครับ เราไปกินข้าวมงคลกันดีกว่า” จ้านเกาจับมือเล็กของซูหนิงเซียวแล้วพาไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะนั่งลงข้างเธอและเริ่มตักอาหารใส่ถ้วยข้าวให้เธอกินไม่ต่างจากตอนที่พวกเขาอยู่บนโต๊ะอาหารร่วมกับครอบครัว ซูหนิงเซียวอดคิดไม่ได้ว่าทำไมสามีเธอไม่อยากมีอะไรกับเธอ หรือว่าเธอจะไม่สวยพอที่เขาจะหลงใหล จ้านเกาเห็นภรรยาหน้านิ่วคิ้วขมวดก็อดจะถามไม่ได้“น้องหนิงเซียวคิดอะไรอยู่ครับ ทำไมทำหน้าตาแบบนี้ล่ะ”“เอ่อ… หนูแค่คิดว่าวันนี้หนูไม่สวยพอที่สามีอย่างพี่จ้านจะทำหน้าที่สามีหรือเปล่าน่ะสิคะ เพื่อนหนูบอกว่าเจ้าบ่าวส่วนใหญ่ต้องอดใจไม่ไหวแน่ถ้าเห็นเจ้าสาวนั่งบนเตียง” ซูหนิงเซียวก้มหน้าตอบอย่างอาย ๆ“ฮ่า ฮ่า น้องหนิงเซียวคิดมากเกินไปแล้ว พี่แค่กลัวว่าน้องจะยังไม่พร้อมเท่านั้นเองครับ ถ้าน้องหนิงเซียวอนุญาต พี่ก็จะทำห
ก่อนเวลาตามฤกษ์งามยามดี 10 นาที พิธีกรขึ้นมากล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติจำนวนนับร้อยคนที่มาในครั้งนี้ จากนั้นเขาจึงเชิญผู้อาวุโสของตระกูลจ้านทั้งสองขึ้นไปนั่งรอบนเวที ไม่นานนักซูหนิงจิงก็เดินมาพร้อมลูกสาวโดยมีกู่ซิงเดินตามหลังพร้อมรอยยิ้มเข้ามาในงาน จ้านเการีบไปยืนรอเจ้าสาวของเขาที่หน้าเวทีก่อนจะรับเธอมาจากซูหนิงจิง เขายังรับปากซูหนิงจิงว่าจะดูแลซูหนิงเซียวเป็นอย่างดี หลังฟังจ้านเกาพูดแล้ว ซูหนิงจิง กู่ซิงก็เดินนำสองเจ้าบ่าว เจ้าสาวขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มทำพิธีการในลำดับต่อไป พิธีกรประกาศของรับขวัญเจ้าสาวที่ตระกูลจ้านมอบให้ ทำเอาแขกในงานฮือฮากันไม่น้อย เนื่องจากของขวัญมากมายทั้ง 28 รายการล้วนแต่เป็นของโบราณและมีค่าควรเมือง ไม่รวมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในเมืองต่าง ๆ ที่ผู้อาวุโสทั้งสองมอบให้อีกหลายแห่ง ซูหนิงเซียวถึงกับน้ำตารื้นขึ้นมาที่คุณตา คุณยายของจ้านเกาเอ็นดูเธอถึงเพียงนี้ หลังจบรายการของขวัญฝ่ายเจ้าบ่าวแล้ว พิธีกรก็ประกาศของรับขวัญเจ้าบ่าวที่ซูหนิงจิงมอบให้เช่นกัน คราวนี้แขกในงานยิ่งส่งเสียงฮือฮาหนักกว่าเมื่อกี้เสียอีก เพราะซูหนิงจิงมอบหุ้นทั้งหมดข
ก่อนถึงงานแต่งสามวัน วันนี้มีข่าวใหญ่ที่สื่อทุกสำนักนำเสนอ จากหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาก่อนหน้านี้ หลังจากตรวจสอบที่มาที่ไปและพบว่าหลักฐานทั้งหมดเป็นของจริง ตำรวจได้นำส่งหลักฐานให้ศาลพิจารณาออกหมายจับนักการเมืองหลายสิบคนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตและคอรัปชั่นมาตลอดหลายสิบปี เจียวจิ้งเหอที่ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลได้แต่เหงื่อตกหลังจากดูข่าวที่กำลังฉายในทีวี เขาไม่รู้ว่าหลักฐานที่เขาเก็บเอาไว้ทำไมถึงไปอยู่กับตำรวจได้ วันที่ทนายมาทำพินัยกรรมให้กับเขา ทนายก็ไม่ได้บอกว่าหลักฐานหายไป เจียวจิ้งเหอยิ่งดูข่าวก็ยิ่งเครียดจนความดันขึ้นสูงและเครื่องวัดความดันดังเตือนไปยังพยาบาลด้านนอก พวกเธอรีบเข้ามาดูคนไข้ที่กำลังช็อคทันที แต่เสียดายที่ตอนนี้เจียวจิ้งเหอเส้นเลือดในสมองแตกไปจากความเครียดที่เกิดขึ้น หมอรีบเข้ามาดูอาการแล้วก็ได้แต่ต้องรีบพาเขาไปห้องผ่าตัดเพื่อดูดลิ่มเลือดในสมองออกก่อนที่อาการจะหนักมากไปกว่านี้ หลงฮ่าวกับเจียวจูได้รับข่าวจากโรงพยาบาลในเวลาต่อมา พวกเขารีบไปที่โรงพยาบาลกันอย
สามวันต่อมา จ้านหย่งเหอ จ้านเซียงชิง จ้านเกา ซูหนิงจิง ซูหนิงเซียวและกู่ซิงเดินทางไปลองชุดที่ร้านตามที่จ้านเซียงชิงจองเอาไว้ก่อนหน้านี้ ร้านนี้มีแต่ชุดสวย ๆ และดูหรูหราเหมาะสมกับงานแต่งงานของเด็กทั้งสองคน ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็ดูชุดราตรีแบบต่าง ๆ ที่ร้านนำมาให้ก่อนจะลองชุดกันอย่างสนุกสนาน สองผู้อาวุโสเองก็เลือกชุดแบบโบราณที่ดูเหมาะสมกับวัย กว่าที่ทุกคนจะลองชุดเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงบ่ายกว่าแล้ว พวกเขาเห็นว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสักพักใหญ่จึงให้คนขับรถหาร้านใกล้ ๆ เพื่อทานอาหารก่อนจะกลับไปที่บ้านตระกูลจ้าน ระหว่างทานอาหาร จ้านหย่งเหอก็ถามถึงเรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอกับหลานชาย“คดียังต้องเลื่อนการสอบพยานนัดแรกออกไปอยู่ครับคุณตา เพราะเจียวจิ้งเหอต้องรักษาตัวมากกว่าสามเดือนครับ”“ฮึ หวังว่าคราวนี้คงไม่มีใครมาช่วยเขาอีกนะ”ซูหนิงจิงไม่อยากให้จ้านหย่งเหอกังวลมากนัก เธอจึงคิดจะบอกถึงเรื่องที่คนของเติ้งโหย่วได้หลักฐานส่งตำรวจไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่อย่างนั้นจ้านหย่งเหอคงไม่สบายใจ
เจียวจิ้งเหอฟื้นขึ้นมาในช่วงบ่ายของวันต่อมาหลังจากผ่าตัด หมอตรวจอาการของเขาพบว่าร่างกายช่วงล่างของเขาไม่สามารถใช้การได้อีกต่อไป เนื่องจากกระดูกสันหลังและเส้นเลือดเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ เจียวจูกับหลงฮ่าวพอได้ข่าวก็รีบมาที่โรงพยาบาล เมื่อพวกเขารู้ว่าเจียวจิ้งเหอไม่สามารถใช้ร่างกายช่วงล่างได้อีกก็รู้สึกเสียใจไม่น้อย เรื่องคดีของเจียวจิ้งเหอก็ยังไม่ได้รับการตัดสิน หากเจียวจิ้งเหอต้องไปอยู่ในคุกข้อหาจ้างวานฆ่าจริง ๆ พวกเขาคงช่วยอะไรไม่ได้นอกจากหมั่นไปเยี่ยมเท่านั้น หลังจากรู้เรื่องว่าต่อไปตัวเองต้องเป็นคนพิการ เจียวจิ้งเหอก็ได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง เขาไม่สนใจว่าเป็นฝีมือใครแล้วในตอนนี้ ถึงเขาจะแก้แค้นกลับก็ไม่ช่วยให้เขาสามารถใช้งานร่างกายที่พิการไปแล้วได้อยู่ดี เจียวจูเห็นพ่อของตัวเองเงียบลงไปแบบนี้ก็ยิ่งร้องไห้มากขึ้นไปอีกจนหลงฮ่าวต้องคอยกอดปลอบเธอเอาไว้ ไม่นานนักเจียวจิ้งเหอก็ลืมตาขึ้นมาเพื่อคุยกับลูกสาวและลูกเขยถึงเรื่องสำคัญ“หลงฮ่าว อาจู พรุ่งนี้เรียกทนายมาหาพ่อที่นี่ด้วยนะ พ่อจะทำพินัยกรรมเอาไว้ให้ลูกกับหลาน ส่วนเรื่องคดีของพ่อคงอีก