“พวกเจ้าอยู่จัดการที่นี่ต่อไปก่อนนะ ข้าจะขึ้นไปดูข้างบนเสียหน่อย” ฉู่หลิงเห็นว่าเด็กๆ จัดการทำความสะอาดครัวจนเกือบจะแล้วเสร็จ นางคิดจะไปค้นดูห้องด้านบนเผื่อจะพบของมีค่าที่นำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาได้บ้าง ห้องโถงด้านล่างแม้จะมีเครื่องเรือนประเภทแจกันและภาพวาด แต่ของเหล่านั้นส่วนใหญ่จะวาดลวดลายเป็นรูปสัปดนในเชิงยั่วยุกามารมณ์ หากนำออกไปขายย่อมต้องมีคนคิดได้ว่าเป็นสิ่งของจากหอหงไถ นางยังไม่กล้าเสี่ยงสร้างปัญหากับคนของทางการพวกโต๊ะเก้าอี้หรือเครื่องเรือนขนาดใหญ่ที่มีมากเกินความจำเป็น ของพวกนี้อยู่ในสภาพปกติแต่ก็ชิ้นใหญ่เกินกว่าจะลักลอบขนออกไปขายได้ และนางยังไม่รู้ว่านำไปขายให้ผู้ใดด้วย สิ่งที่หญิงสาวมองหาก็คือเศษเงินหรือเครื่องประดับของนางคณิกาที่อาจจะยังตกหล่นหลงตาอยู่บ้างบนขั้นบันไดเด็กๆ คงจะใช้เป็นสนามเด็กเล่นส่วนตัวของพวกเขามันจึงไม่ค่อยมีฝุ่นจับ แต่เมื่อก้าวขึ้นมาถึงชั้นบนตามทางเดินเต็มไปด้วยฝุ่นจับตัวหนา คาดว่าตลอดสามปีที่ผ่านมาเด็กๆ คงไม่เดินขึ้นมาสักเท่าใดนักฉู่หลิงเปิดประตูเข้าไปค้นหาสิ่งของทีละห้องซึ่งมีทั้งหมด 14 ห้องอย่างใจเย็น “เสื้อผ้า ผ้าและผ้า!” ค้นดูไปหลายห้องแล้วนาง
“ฮึก!!” เสียงกลั้นสะอื้นดังมาจากหลิ่วจีเป็นคนแรก และตามด้วยอีกหลายเฮือกของบรรดาเด็กๆ ทั้งหมดที่นั่งรวมตัวกันอยู่“เอาละช่วยกันเก็บถ้วยจานไปล้าง แล้วอาบน้ำให้สะอาด วันนี้พวกเราจะนอนข้างล่างกันเหมือนเดิม พรุ่งนี้คงต้องจัดการเรื่องที่หลับที่นอนให้เสร็จไปอีกเรื่อง” หญิงสาวโบกมือไล่เด็กๆ แข็งใจไม่ยอมหันไปมองหน้าหลิ่วจีที่นั่งกลั้นก้อนสะอื้นจนตัวสั่น“คืนนี้ข้าจะเป็นคนดับตะเกียงเอง เจ้านอนหลับให้สบายเถิดเจียวจู” หญิงสาวเรียกตัวเจียวจูมาคุยก่อนที่นางจะแยกไปนอนที่ห้องพักเดิมที่นางเคยเข้าไปอาบน้ำ ยามนี้นางรู้แล้วว่าห้องเล็กเพียงห้องเดียวในชั้นล่าง เป็นห้องนอนส่วนตัวของนายหญิง หรือก็คือแม่เล้าประจำหอหงไถนั่นเอง ต่อไปฉู่หลิงก็ตั้งใจจะพักอยู่ในห้องนี้เพื่อคอยดูแลความเรียบร้อยและรอดับไฟตะเกียงให้เด็กๆ ยามค่ำคืน“เว่ยหลง ข้าจะแง้มประตูเอาไว้ หากเจ้าเกิดปวดท้องตอนกลางคืนก็มาเรียกข้า ข้าจะพาเจ้าไปเข้าส้วมเอง เข้าใจหรือไม่” เด็กชายตัวน้อยยืนบิดตัวหน้าแดงเอียงอายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบรับแล้ววิ่งหายไปนอนรวมกับกลุ่มเด็กชายในห้องรับรองแขกอีกด้านกลางดึกขณะที่ทั่วทั้งหอหงไถอยู่ในความมืดและเงียบส
“ช่วยข้าก่อไฟต้มน้ำที” ป้ายยาลงคอเว่ยหลงแล้ว หญิงชราก็หันมาชี้มือไปยังเตาไฟที่ก่อจากหินอย่างง่ายๆ หน้าเรือน สั่งให้เจียวจ้านใช้ไฟจากตะเกียงไปจุดเตาอีกทีหนึ่ง พอเจียวจ้านตั้งน้ำได้ นางก็ขอยืมตะเกียงกลับเข้าไปในเรือนอีกครั้ง และกลับมาพร้อมกับห่อผ้าเล็กๆ อีกห่อเทวัตถุสีน้ำตาลแห้งๆ ที่คล้ายว่าจะเป็นสมุนไพรตากแห้งอะไรเทือกนั้นลงหม้อ โชคดีที่ระหว่างรอต้มยา เว่ยหลงก็อ่อนแรงจนเผลอหลับไปและเขาไม่ได้ถ่ายของเสียออกมาอีก เว่ยหลงถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาดื่มยาและตามด้วยน้ำเกลือที่เหลืออีกครึ่งถ้วย เขาถ่ายเหลวอีกสองครั้ง แต่ก็เว้นระยะห่างออกไปพอสมควรฉู่หลิงคาดคะเนว่าระยะเวลาที่พวกนางเฝ้ารอดูอาหารของเว่ยหลง รวมทั้งขอยืมใช้ส้วมในเรือนผู้อื่นอีกสองครั้ง ก็น่าจะราวๆ สามชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับเกือบสองชั่วยามตามเวลาที่คนในยุคนี้ใช้เปรียบเทียบก่อนที่หญิงสาวจะเอ่ยปากขอร้องให้เด็กที่เหลือได้นอนค้างคืนที่บ้านหญิงชราจนถึงเช้า อีกฝ่ายก็ชิงเอ่ยคำออกมาเสียก่อน“อาการน่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ แบกเขากลับไปเอายาที่เหลือติดหม้อเทใส่ถ้วยไปด้วยก็แล้วกัน หากไม่มีความจำเป็นก็ไม่ต้องมาที่นี่กันอีก” นางกล่าวจบก็ลุกเดินเข้าไปในเร
“ท่านบอกว่าหากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมา แต่ข้ามีเรื่องจำเป็นเจ้าค่ะ” ฉู่หลิงรีบเดินเข้าไปให้ถึงแคร่ไม้ตัวเล็กหน้าเรือนท่านยาย เอาสิ! หากท่านสาดน้ำมาอีกก็เปียกเรือนตัวเองนะ“มีอะไรก็รีบว่ามา เด็กนั่นยังไม่หายป่วยหรือ? เจ้าก็พาเขาไปหาหมอสิ ข้าไม่ใช่หมอ” หญิงชราทำเสียงฮึดฮัดไม่พอใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มออกเสียงบ่นว่า“ข้ามาขอบคุณท่านยายต่างหาก เว่ยหลงอาการดีขึ้นตั้งแต่ดื่มยาจากท่านไปเจ้าค่ะ และนี่ปลา ข้านำมันมาตอบแทนค่ายาที่ท่านต้องเสียไป”“เอาวางไว้นั่นล่ะ เสร็จธุระแล้วเจ้าก็รีบไปเสียสิ” หญิงชรากล่าวโดยไม่หันมามองหน้าฉู่หลิง นางยังคงก้มหน้าวุ่นวายอยู่กับการก่อไฟบนเตาที่ใช้หินมาเรียงซ้อนกัน“ไม่กลับจนกว่าข้าจะรู้ว่าเด็กๆ เคยไปทำอะไรให้ท่านต้องเดือดเนื้อร้อนใจหรือไร เหตุใดท่านจึงต้องทำท่าโกรธเคืองขับไล่พวกเราด้วยเล่า?” ฉู่หลิงยิ่งรู้สึกว่ามันผิดปกติมากเกินไปแล้วจริงๆ นางจึงเอ่ยปากถามออกมาโดยไม่อ้อมค้อม“เด็กพวกนั้นไม่เคยทำอะไรให้ข้าต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แต่เป็นหญิงคณิกาชั้นต่ำอย่างเจ้าต่างหากที่ข้ารังเกียจ!” หญิงชราลุกขึ้นยืนหันหน้ามาเผชิญกับฉู่หลิงโดยตรงแวมไพร์สาวถึงกับตาเหลือกงุนงงเป็นไก่ตาแตก นา
นางมองหาหม้อดินเผาปากกว้างมีฝาปิดขนาดเหมาะมือไว้ได้ใบหนึ่ง หยิบมันออกมาชูให้เด็กๆ ทุกคนมองเห็นได้ชัดเจนเพื่อจดจำไว้ให้ขึ้นใจว่าจากนี้ต่อไป หม้อดินเผาใบนี้จะกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของเว่ยหลง ห้ามผู้ใดนำมาใช้โดยเด็ดขาด!!“ข้าให้เจ้าใช้ได้เฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น ทุกเช้าเจ้าจะต้องนำมันไปเทและล้างทำความสะอาดให้ดี เวลากลางวันเจ้าต้องเข้าส้วมตามปกติเหมือนคนอื่น ๆ เข้าใจหรือไม่”“เข้าใจแล้วขอรับ” เว่ยหลงฉีกยิ้มออกมาได้ในที่สุด อีกทั้งยังพยายามอวดกระโถนส่วนตัวที่ตนมีไว้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวด้วยความภาคภูมิใจ……….ตลอดทั้งวันเด็กๆ ช่วยกันขนเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ปลดผ้าม่านลงมากองรวมไว้ในห้องรับแขกห้องใหญ่ในชั้นล่าง เด็กๆ ก็เหน็ดเหนื่อยจนหิวโซกันแล้ว ฉู่หลิงจึงให้พวกเขาหยุดงานแต่เพียงเท่านี้นางเลือกเสื้อผ้าที่มีสภาพใหม่และดูสุภาพเก็บเอาไว้ก่อน เด็กผู้หญิง 7 คนรวมทั้งนางอาจจะได้ใช้พวกมันในอนาคต ส่วนที่เหลือก็ให้เด็กๆ เอาไว้ทำผ้าขี้ริ้วเพื่อขึ้นไปเช็ดถูห้องด้านบนในวันพรุ่งนี้“พี่เจียวจู พี่ตงเหม่ย ทำปลาย่างกันเถิดเจ้าค่ะ ปลาย่างอร่อยกว่าปลาต้มมากนักข้าชอบกิน” ไป๋ซุ่นเด็กหญิงวัย 7 ปีผู้ที่ไม่ค่อยจะ
“ใช่ว่าจะมีแต่เด็กที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ระยะหลังมานี้มีผู้ใหญ่หายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ข่าวที่ข้ารู้เพิ่มเติมมาก็คือไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ คนที่หายตัวไปมักจะเป็นคนเร่ร่อนไร้ที่อยู่ที่แน่นอน เด็กในหอหงไถไม่เคยออกมาเพ่นพ่านยามดึก พวกเจ้าขยายพื้นที่สำรวจดูให้ทั่วๆ จะดีกว่า” ฉู่หลิงเพิ่งสบช่องมองออกไปภายนอกได้สะดวก นางเห็นบุรุษในชุดสีม่วงโดดเด่นกว่าบุรุษคนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่บนหลังม้าเหมือนกันและยิ่งแตกต่างจากทหารที่ลาดตระเวนเป็นประจำอยู่ที่หน้าหอหงไถที่สวมชุดสีแดง เสียดายที่คนผู้นั้นกล่าวจบก็หันหลังไปอีกทาง นางจึงได้เห็นเพียงเส้นผมยาวสลวยดำสนิทที่มัดรวบสวมกวานไว้ครึ่งศีรษะเท่านั้นฉู่หลิงเดินกลับเข้ามานอนในห้องนอนของตนเอง ด้านนอกมีคนคอยสอดส่องดูแลเด็กๆ อยู่ห่างๆ บ้างนางก็วางใจ ส่วนเรื่องคนร้ายก็อย่างที่บุรุษบนหลังม้ากล่าว เด็กในหอหงไถไม่เคยออกไปเพ่นพ่านยามค่ำคืน ต่อไปหากต้องไปเก็บผักป่านางก็จะให้พวกเขาไปพร้อมกันหลายคนหน่อยจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา‘ทางการเข้มงวดกวดขันกับการหาตัวคนร้าย ไม่นานก็คงจะแก้ไขปัญหาได้’ ฉู่หลิงรำพันกับตัวเอง ตัดเรื่องที่เพิ่งได้รับรู้มาสดๆ ร้อนๆ ออกไป ทบท
"อีกไม่นานจะมีคนทำตามอย่างเรา แล้วปลาจะหมดจากลำธารไปในที่สุด พวกเจ้าต้องระมัดระวังอย่าให้ผู้ใดเห็นเวลาพวกเจ้าใช้วิธีนี้จับปลา เราจะได้มีปลาเก็บไว้กินไปอีกนาน ในฤดูวางไข่เราก็จะจับมันไม่ได้ ต้องให้มันแพร่พันธุ์ออกลูกออกหลาน ฤดูหนาวเราก็จับมันไม่ได้อีก ดังนั้นข้าจึงคิดจะจับปลาเพื่อเป็นอาหารน่าจะเหมาะสมกว่า หากจะแบ่งไปขายก็ทำได้แต่ก็ไม่ควรเอาออกไปมากเกินไปในแต่ละวัน” ฉู่หลิงพยายามอธิบาย ในโลกยุคก่อนแวมไพร์ขาดอาหารอย่างนางต้องรักษากฎการแพร่พันธุ์ของสัตว์ทุกชนิดอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีเลือดสัตว์ให้ดื่มกินแก้กระหาย นางจึงติดนิสัยการรักษาสมดุลของวงจรชีวิตของสัตว์ไปตามธรรมชาติเด็กๆ พยักหน้าตาม แต่ยังมองไม่ออกว่าปลาในลำธารจะหมดไปได้อย่างไร “หากได้เงินมาแล้ว พี่สาวคิดจะทำการค้าสร้างอาชีพอะไรให้กับพวกเราหรือเจ้าคะ” เจียวจูถามบ้าง ไม่ขายปลา แล้วพวกเขาจะขายอะไรได้อีกเล่า?“ข้าจะทำซาลาเปาขาย!!” ฉู่หลิงยืดอกตัวตรงตอบเสียงดังฟังชัด นางจำรสชาติของซาลาเปาไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่าตอนเป็นมนุษย์เคยกินทั้งแบบมีไส้และไม่มีไส้ เวลานี้หญิงสาวอยากกินซาลาเปาไส้ถั่วเขียวที่เคยช่วยแม่ทำเมื่อครั้งเป็นเด
“จะผิดถูกไปบ้างพวกเจ้าก็ไม่ต้องกังวล คนเราผิดพลาดกันได้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ตำหนิพวกเจ้าเด็ดขาด อีกอย่างต่อให้ซื้อผิด ก็ใช่ว่าจะเสียหายไปที่ใด เดี๋ยวพวกเราก็นำมาใช้จนหมดเองนั่นล่ะ เจ้าดูข้าสิ ข้าจะหัดทำซาลาเปาเป็นครั้งแรกข้ายังไม่กลัวเลย” หญิงสาวให้กำลังใจเจียวจ้านและเด็กชายอีกสามคนที่ยังมีท่าทางกังวลใจ“พี่สาวหลิงหลิง ท่านอย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ” หลิ่วจีสะกิดฉู่หลิงยิกๆ เมื่อเห็นฉู่หลิงกำลังจะทำเสียเรื่องไปเปล่า เห็นทีว่าพรุ่งนี้เช้าตอนที่พี่เจียวจ้านไปซื้อของในเมือง นางคงต้องชักชวนไป๋ซุนกับเจินถงไปถามวิธีการทำซาลาเปาจากท่านยายเฉินล่วงหน้าเอาไว้ก่อน น่าจะเหมาะกว่าเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกินอาหารเช้าและแบ่งงานให้เด็กๆ ออกไปจับปลาและหาผักป่าเรียบร้อย ฉู่หลิงกับตงเหม่ยและหลิ่วจี ก็ช่วยกันขนเอาเครื่องครัวที่จำเป็นสำหรับการผลิตซาลาเปาออกมาล้างทำความสะอาดอีกรอบเจียวจ้าน ฝานเจิ้ง อู๋ฉีและอู๋ซิน ก็ออกไปยืนรอเกวียนที่จะมารับที่หน้าประตูหอหงไถ“พวกเจ้าจะเข้าเมืองกันเช่นนั้นหรือ?” ทหารที่มายืนเฝ้าอยู่บริเวณหน้าหอหงไถกวักมือเรียกเด็กชายทั้งสี่ให้ไปยืนรวมกลุ่มกับพวกตน“ขอรับพี่ชาย พวกเราเก็บเงินค่าปลาเ
“ท่านลุง ท่านป้า ข้าเองเจียวจ้าน!” เจียวจ้านกับฝานเจิ้งสลับกันตะโกนร้องเรียกหาสองสามีภรรยาไม่หยุดพวกเขารู้ดีว่าชาวบ้านได้รับคำเตือนให้ซ่อนตัวให้มิดชิด แต่หากยังไม่ได้เห็นคนทั้งสองกับตาว่าปลอดภัย เด็กชายทั้งสองคนก็ยังไม่วางใจอยู่ดี“เจียวจ้าน ฝานเจิ้ง! มาทำอะไรที่นี่! เข้ามาหลบในนี้ก่อนเร็วเข้า!” เถ้าแก่หลี่โผล่หน้าออกมาจากเตาดินเผาขนาดใหญ่ กวักมือเรียกเด็กชายทั้งสองให้เข้ามาซ่อนตัวด้วยความร้อนใจ“พวกท่านปลอดภัย ข้าดีใจเหลือเกินขอรับ” เจียวจ้านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เวลานี้มีปีศาจที่บุกรุกเข้ามาด้านในมากขึ้นแล้ว ระหว่างทางพวกเขายังได้สังหารพวกมันไปหลายคนเลยทีเดียว“เจ้าสองคนเข้ามาในนี้ก่อนเร็วเข้า อย่าชักช้าอยู่” เถ้าแก่หลี่เร่งเด็กชายทั้งสอง ด้านนอกเริ่มมีเสียงกรีดร้องของผู้คนดังเข้ามาใกล้ทุกทีแล้วเจียวจ้านกับฝานเจิ้งยิ้มแห้งให้สองสามีภรรยา ดูเอาเถิดเตาดินเผาแม้จะมีขนาดใหญ่ แต่พอมีคนสองคนเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ก็ไม่สามารถบดบังร่างพวกเขาได้มิดชิด เท้าของเถ้าแก่หลี่ที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าก็ยังโผล่พ้นออกมาด้านนอกอยู่เลย แล้วจะให้เขาสองคนเข้าไปข้างในอีกได้อย่างไรกันขณะนั้นเองปีศาจดูดเลื
เห็นความตั้งใจจริงของทุกคนฉู่หลิงก็ยินยอมแต่โดยดี เอาจริงก่อนจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้นางก็ไม่คิดฝันมาก่อนว่าการย้อนเวลามาครั้งนี้จะมีมนุษย์ตัวเป็นๆ มายื่นคอให้นางกัดโดยไม่ต้องล่าทหารและชาวบ้านร้อยกว่าชีวิต เข้าแถวมาทีละคนเพื่อให้ฉู่หลิงดื่มเลือดพวกเขา แวมไพร์สาวรู้สึกอิ่มจนพุงกาง สุดท้ายก็ต้องให้หวังหยวนมาช่วยแบ่งเบาภาระเพิ่มอีกคน เพราะทุกคนในที่นี้มีเพียงหวังหยวนเพียงผู้เดียวที่เคยได้ลิ้มลองเลือดมนุษย์ไปแล้ว นางไม่อยากให้ผู้ใดต้องมาแปดเปื้อนเพิ่มขึ้นอีก“พร้อมกันแล้วใช่หรือไม่” แวมไพร์สาวกระโดดขึ้นไปอยู่บนกำแพงจวน ส่งเสียงคำรามและปลุกระดมความฮึกเหิมให้กับเหล่าสาวกเบื้องล่าง“แฮ่!!!” ทหารชาวบ้านและเด็กๆ ที่กลายเป็นปีศาจดูดเลือดทั้งหมด แยกเขี้ยวกางเล็บส่งเสียงคำรามตอบกลับ สตรีชาวบ้านบางคนอย่างเช่นนางจวงหญิงอ้วนที่ไม่เคยกระโดดพ้นยอดหญ้า รีบทดลองปีนป่ายขึ้นกำแพงก่อนจะหัวเราะชอบใจชักชวนให้สตรีคนอื่น ๆ ทดลองตามอย่างบ้าง“เราจะช้าไม่ได้แล้ว ระหว่างทางพวกท่านค่อยๆ ปรับสภาพร่างกายกันเอาเองก็แล้วกัน อ้อ! ทุกคนตัดต้นไผ่ติดมือกันไปให้มากที่สุดด้วย ไป!!” แม้จะไม่เข้าใจว่าฉู่หลิงให้พวกตนตัดต้นไผ่ไ
“พวกเขาเป็นปีศาจดูดเลือดก็จริง แต่พวกเขาอยู่ฝ่ายเรา เรื่องนี้ข้าจะอธิบายให้พวกเจ้าเข้าใจภายหลัง” โจวเฉิงรีบหันเหความสนใจของคนทั้งห้ากลับมาที่ตนเองอีกครั้งผู้พิทักษ์ทั้งห้าคนหันมองหน้ากันไปมา คำกล่าวของโจวเฉิงก็คล้ายว่าจะจริง ปีศาจดูดเลือดทุกคนที่พวกตนเห็นอยู่ล้วนแล้วแต่เป็นทหารและเด็กที่อยู่ในจวนผู้ตรวจการมาก่อนทั้งสิ้น พวกเขาไม่มีท่าทีจะเข้ามาโจมตีแต่อย่างใดแต่นี่มันแปลกประหลาดเกินไปหรือไม่ ในตำนานหรือตำราไม่เคยมีบันทึกมาก่อนว่าสายเลือดผู้พิทักษ์กับปีศาจดูดเลือดจะร่วมงานกันได้อย่างสันติ!“ไม่เคยเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้” หนึ่งในห้ายักไหล่ขึ้นมา เป็นอันสรุปว่าพวกเขายินยอมเชื่อคำของโจวเฉิงซึ่งเป็นผู้นำ“ทำไมพวกเจ้าทั้งห้าจึงมาทางนี้ ใช่ว่าเวลานี้ควรช่วยกันปิดทางแพร่กระจายของเหล่าปีศาจดูดเลือดไม่ให้ลุกลามไปยังเขตเมืองอื่นอยู่หรอกหรือ” “คนของเราแบ่งกำลังไปสกัดเส้นทางไปเมืองทั้งสามโดยรอบเอาไว้แล้วขอรับ จุดศูนย์รวมของพวกมันเวลานี้กระจายอยู่เป็นกลุ่มในเขตเมืองสือเจียมากที่สุด และเวลานี้พวกมันพุ่งเป้าไปที่กำแพงเมืองเป็นจำนวนมาก พวกเรากำลังจะตามไปสนับสนุนที่เมืองสือเจียเลยแวะมารายงานท่านก
แต่แล้วใบหน้าที่ค่อยๆ ซีดขาวลงไปทุกทีของผู้พิทักษ์ทั้งสามก็ต้องแตกตื่นตกใจในทันทีที่ตนหลั่งโลหิตใส่ถ้วยครบทั้ง 13 ใบ เด็กชายหญิงที่ดูสดใสไร้เดียงสา คว้าเอาถ้วยบรรจุของเหลวสีแดงฉานส่งกลิ่นคาวคลุ้งขึ้นไปดื่มอักๆ ไม่เกรงใจผู้ใด เมื่อดื่มเสร็จยังวิพากษ์วิจารณ์ว่าเลือดของผู้พิทักษ์จะแตกต่างกับเลือดกระต่ายที่เจียวจูดื่มทุกวันอย่างไรบ้าง “ข้าว่าต้องหวานกว่าเลือดกระต่ายแน่นอน ข้าดมอยู่ทุกวันเลือดกระต่ายเหม็นคาวกว่านี้หลายเท่าตัว” เจียวจ้านเช็ดเลือดที่มุมปากออกแล้วออกความเห็นเป็นคนแรก“กระต่ายน่ารักกว่าพี่ชายท่านนี้ตั้งเยอะ ข้าว่าเลือดกระต่ายน่าจะอร่อยกว่านะ” ไป๋ซุนตัวน้อยเบ้หน้าเล็กน้อยแสดงอาการไม่เห็นด้วยกับพี่ชายใหญ่“แต่ข้าว่า..” หลินอีกำลังจะติเตียนอะไรบางอย่างแต่ถูกโจวเฉิงยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ก่อน“พอที! พวกเจ้าสมควรเป็นน้องของนางจริงๆ” ไม่ต้องมีใครถามก็รู้ว่าผู้ตรวจการโจวกำลังกล่าวพาดพิงถึงผู้ใด เขากับฉู่หลิงเป็นไม้เบื่อไม้เมาที่มีปากเสียงกันอยู่เป็นประจำ“พวกเราต้องพัก การหลั่งโลหิตของพวกเราทำให้พวกเราเสียพลังและอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง” โจวเฉิงผุดลุกขึ้นยืน ร่างสูงโอนเอนเล็กน้อยจนเจียวจ้า
พลังของผู้พิทักษ์สายเลือดแท้ของโจวเฉิง เมื่อเข้าใกล้มายังกลุ่มปีศาจดูดเลือดที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่งก็กดข่มพลังของปีศาจดูดเลือดระดับต่ำไว้ได้ส่วนหนึ่งจนพวกมันรู้สึกตัวกลุ่มของฉู่หลิงและพวกทหารที่กลายมาเป็นปีศาจดูดเลือดก็รับรู้ได้ถึงการมาของโจวเฉิงและพรรคพวกของเขาอีกสองคนเช่นกัน แต่เป็นเพราะพวกเขาล้วนถูกกัดจากฉู่หลิงทั้งสิ้นจึงมีความต้านทานสูงกว่าพวกระดับต่ำ“ถอยกลับเข้าไปในกำแพง ทางด้านนอกนี้ปล่อยให้ผู้พิทักษ์จัดการ พวกเขาแข็งแกร่งมาก!” ฉู่หลิงรีบร้องเตือนพรรคพวกของตนให้กลับเข้าไปจัดการปีศาจดูดเลือดที่หลุดรอดเข้าไปในจวน นางต้องพาทุกคนออกไปให้ไกลจากโจวเฉิงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ภายในจวนฝ่ายชาวบ้านกับทหารที่ยังไม่ถูกกัดสามารถควบคุมเอาไว้ได้ ฉู่หลิงก็พาปีศาจดูดเลือดทุกคนที่นางเพิ่งกัดหนีเข้าไปในป่า ตั้งใจจะไปตั้งหลักที่อุโมงค์เพื่อรอดูท่าทีกันก่อนโจวเฉิงและพรรคพวกเข้าร่วมการต่อสู้กับทหารและชาวบ้านที่ยังคงสภาพเป็นมนุษย์อยู่อีกพักใหญ่ พวกปีศาจดูดเลือดก็เริ่มแตกกระจายหลบหนีไปได้บ้าง ส่วนที่ถูกสังหารจบดับสิ้นก็มีไม่น้อย“เจ้าสองคนออกไปดูรอบๆ อีกครั้งให้แน่ใจ เมื่อครู่เราสังหารได้เพียง
เมื่อท้องฟ้าสิ้นแสงตะวัน เวลานี้ผู้คนในจวนผู้ตรวจการพิเศษทั้งหมดจึงได้เห็นกับตาว่าฉู่หลิงไม่ได้คิดไปเอง ปีศาจดูดเลือดที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่พวกเขาแข็งแรงกว่าและมีเขี้ยวยาวพยายามบุกเข้ามาภายในจวนผู้ตรวจการพิเศษเป็นจำนวนมาก“เล็งไปที่หัวใจ! ตัดคอมัน!” มู่เจียเหยียนตะโกนก้องระหว่างที่ทหารและชาวบ้านข่มกลั้นต่อความหวาดกลัวและพยายามเอาชีวิตรอดให้ถึงที่สุด พวกเขาก็ได้เห็นร่างของ ฉู่หลิง หวังหยวน ท่านยายเฉิน และเด็กกลุ่มหนึ่งที่มองแทบไม่ออกว่าคือใครบ้างพุ่งโจมตีด้วยความรุนแรงไปที่อีกฝ่ายแต่ที่เห็นได้ชัดเจนคือคนกลุ่มนี้มีเขี้ยวเล็บไม่ต่างจากปีศาจดูดเลือดที่ดาหน้าเข้ามาโจมตีจวนผู้ตรวจการไม่มีผิด แต่ทุกคนแข็งแรงกว่ากระโดดได้สูงกว่าอีกฝ่ายมากนักและยังไม่ได้โจมตีมนุษย์ แต่กำลังเร่งกำจัดปีศาจดูดเลือดเช่นเดียวกันกับพวกเขา“แม่นางฉู่ หวังหยวน ท่านยาย..” มู่เจียเหยียนตกตะลึงอย่างหนัก เมื่อได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของหลายร่างที่กำลังปกป้องผู้คนในจวนผู้ตรวจการเอาไว้เต็มกำลังทหารและชาวบ้านเองก็ได้เห็นกับตาแล้วว่ายามนี้พวกตนเป็นเพียงแค่มดปลวกตัวจ้อย ทหารยังพอทำเนาพวกเขาใช้อาวุธกันได้คล่องมือพ
“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” หวังหยวนทุบกำปั้นไปที่ฝ่ามือตัวเอง“ปีศาจดูดเลือดที่แท้จริงไม่ใช่นักล่าสังหาร สายเลือดแท้หรือเจ้าแห่งหมอกควันแต่ดั้งเดิมดื่มเลือดมนุษย์เพื่อเป็นอาหารและไม่รุกรานเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูญสิ้น แต่พวกเผี่ยนฮกนั้นต่างกันพวกเขาตั้งใจจะครอบครองแผ่นดินทั้งหมดอย่างโง่เขลา" ฉู่หลิงรำพันนางรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น แวมไพร์ระดับต่ำจะตอบสนองเพียงต้องการกินดื่ม พวกมันจึงต้องมีพวกระดับสูงไว้ควบคุม เพื่อไม่ให้แหล่งอาหารหมดไปในระยะเวลาอันสั้น แต่ชนเผ่าเผี่ยนฮกเหล่านี้ถูกกัดโดยหวังหยวนรวมทั้งดื่มกินเลือดแวมไพร์กันเอง หวังหยวนอ่อนแอกว่าจะควบคุมพวกมันเอาไว้ได้อีกไม่นานพวกกระหายเลือดจะเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้การควบคุม หายนะกำลังจะเกิดกับเหล่ามนุษย์!“เราต้องกลับไปปกป้องจวนผู้ตรวจการพิเศษ ทุกชั่วยามที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่ปีศาจดูดเลือดระดับต่ำก็กำลังเพิ่มจำนวนกันตลอดเวลา ผู้พิทักษ์มีจำนวนน้อยเกินกว่าจะแบ่งคนไปปกป้องชาวบ้านที่อำเภอซิ่งอันเอาไว้”ฉู่หลิงรู้ดีว่าผู้พิทักษ์อย่างไรก็มีร่างกายเป็นมนุษย์พวกเขาต้องหลับนอนดื่มกิน ไม่สามารถต่อสู้กับ
“ท่านอามีความแค้นและอยากเป็นปีศาจดูดเลือดมาตลอด หรือว่าเขาจะไปที่ชายแดนแล้วพี่หลิงหลิง” เจียวจูเริ่มกังวลใจบ้างแล้ว ฉู่หลิงเองก็คิดเห็นตรงกับเจียวจู เจียวจูมีความผูกพันกับเด็กและชาวบ้านที่อำเภอซิ่งอัน ต่อให้นางกระหายเลือดก็ยังรู้จักยับยั้งชั่งใจ แต่กับหวังหยวนเขามีเพียงความแค้นล้นอก ซ้ำยังเดินทางได้แม้เวลากลางวัน แวมไพร์สาวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม หวั่นเกรงว่าอาจจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นบนแผ่นดินในไม่ช้า……….เพียงไม่กี่ชั่วยามที่หวังหยวนบุกฝ่าไปที่ชายแดนเพียงลำพัง เขาไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นเหมือนอย่างเจียวจู เมื่อเห็นทหารหูรวมทั้งพวกชนเผ่า หวังหยวนก็ไล่ล่าสังหารรวมทั้งกัดพวกมันบางคนไปด้วยความกระหายเลือดอย่างรุนแรงพอพวกชนเผ่าบางคนได้กลายเป็นปีศาจดูดเลือดสมใจ พวกมันถึงกับรุมทึ้งฉีกร่างปีศาจดูดเลือดตนนั้นเพื่อเอาเลือดมาเปลี่ยนสภาพของพวกมันอย่างรวดเร็ว ตลอดทั้งวันการขยายเผ่าพันธุ์ปีศาจดูดเลือดระดับต่ำก็เพิ่มจำนวนขึ้นมากในฝั่งทัพแคว้นหูจนอยู่ในระดับที่น่าตกใจ“ปีศาจดูดเลือดปรากฏตัวขึ้นแล้วจริงๆ แบ่งกองกำลังของเราออกไปให้ทั่วพื้นที่ ตามผู้พิทักษ์ที่เหลืออยู่ให้มารวมตัวกันโดยเร็วที่สุด” โ
ฉู่หลิงกระโดดอยู่บนยอดไม้ผ่านกลุ่มเด็กทั้งห้าคนที่พยายามกลับไปที่จวนให้เร็วที่สุด แต่นางไม่มีเวลาหยุดคุยกับเด็กทั้งห้า ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วนางเป็นห่วงเจียวจูเพียงผู้เดียว แวมไพร์สาวพยายามสื่อสารพูดคุยกับเจียวจูตามวิธีของแวมไพร์แต่นางกลับทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความสามารถของนางยังกลับมาไม่สมบูรณ์หรือเป็นเพราะนางกับเจียวจูอยู่ห่างไกลกันเกินไปกันแน่เมื่อมาถึงจวนผู้ตรวจการพิเศษหญิงสาวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่นางเข้าใจ เวลานี้ทหารและชาวบ้านหลายคนกำลังลำเลียงศพฝ่ายตรงข้ามออกไปฝังที่สุสาน นางจึงลงจากยอดไม้แล้วเดินเข้าไปในจวนตรงๆ ทางประตูหลัง“แม่นางฉู่ ท่านกลับมาแล้วหรือ” ชาวบ้านหลายคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาฉู่หลิงทักทายนางระเรื่อยมาตลอดทางจนถึงตัวอาคาร “เจ้ามาแล้วหรือ เข้ามาก่อนเร็วเจียวจ้านพานางไปพักข้างบนแล้ว” ท่านยายเฉินที่รอท่าอยู่ก่อนแล้วรีบเดินมาดึงฉู่หลิงแยกออกจากผู้คนเข้าไปภายในจวน“นางเป็นอย่างไรบ้าง เกิดอะไรขึ้นที่นี่ท่านยาย” “เจียวจ้านพบนางก่อนข้า ยังไม่ทันได้ถามความอะไรกันเขาก็ต้องรีบพาเจียวจูไปข้างบนก่อน ไม่เช่นนั้นนางจะถูกแสงแดด ข้าก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมากนักเห็นนาง