หลิ่วอวี้ฝูยกตนข่มท่านกลิ่นอายของเธอแข็งแกร่งมากจนแม้แต่ผู้ช่ำชองในโลกธุรกิจที่ต้องผ่านช่วงเวลาขึ้น ๆ ลง ๆ นับไม่ถ้วนก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านคนที่มีใบหน้าน่าเกลียดที่สุดคือหลี่หรูเฟิงเขาได้วางแผนไว้นานแล้ว เขาใช้กำลังคนและทรัพยากรมหาศาลก็เพื่อวันนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเลย แค่ผู้เชี่ยวชาญที่ส่งออกไปสกัดกั้นเซี่ยเจี๋ยและหูเม่ยเอ๋อร์ก็เป็นประโยชน์อย่างมากแล้วนี่เป็นการสิ้นเปลืองทรัพย์ของตระกูลหลี่จริง ๆหลี่หรูเฟิงมองไปที่หลิ่วอวี้ฝูอย่างเย็นชา “คุณต้องการจะสู้กับตระกูลหลี่ของเราจนตัวตายจริง ๆ เหรอ? โครงการนั้นใหญ่เกินกว่าที่ตระกูลหลิ่วของคุณจะรับมือได้ อย่าทำอะไรเกินตัวเลย!”หลิ่วอวี้ฝูเปรียบเสมือนราชินีผู้สูงส่ง “ปลาจะตาย แต่อวนจะไม่ขาด!”หลี่หรูเฟิงหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้งก่อนที่เขาจะระงับความโกรธ และเผยรอยยิ้มอีกครั้ง “เถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ทำไมเราไม่ให้ทั้งสองฝ่ายมาดวลกันล่ะ ถ้านายแพ้ก็ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ แต่ถ้าฉันแพ้ ฉันจะขอโทษพวกคุณแล้วออกไปจากที่นี่ ว่ายังไงล่ะ?”หลิ่วอวี้ฝูไม่พยักหน้าเห็นด้วยเพราะเธอรู้ว่าคนของเธอที่เธอพามานั้นไม่เหมาะกับผู้หญิงสี่คนที่
เขาพูดอย่างชั่วร้าย “จัดการซะ! เอาให้ตาย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะรับผิดชอบเอง!”ทันทีที่เขาพูดจบ แฝดสี่ก็เริ่มเคลื่อนไหวนี่เป็นตัวอย่างที่แท้จริงถึงความหมายของคำว่า มั่นคงดั่งภูเขา เคลื่อนเงาดั่งสายฟ้าผู้หญิงทั้งสี่คนนี้อ่านใจกันได้ในเวลาเดียวกันนั้นทั้งสี่สาวพุ่งออกไปสี่ทิศ เข้าโจมตีจุดสำคัญของเย่ซิวเมื่อพวกเธอเคลื่อนไหวก็เกิดเสียงระเบิดทะลุผ่านอากาศเพียงได้ยินเสียงนี้ก็ทำให้หัวใจของผู้คนโดยรอบสั่นสะท้านหากหมัดเหล่านี้โดนพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงถึงเก้าในสิบที่พวกเขาจะตายทันทีหลิ่วอวี้ฝูอดไม่ได้ที่จะกำมือเล็กน้อย และให้คำแนะนำกับเหล่ายอดฝีมือรอบตัวเธออีกครั้งเมื่อเย่ซิวตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจะต้องเข้าช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดหลี่หรูเฟิงเผยสีหน้าพึงพอใจในความคิดของเขา เย่ซิวยืนนิ่งอยู่กลางลานดูเหมือนจะหวาดกลัวเซี่ยซิ่วซิ่วเองก็เริ่มกังวล ดวงตาของเธอจับจ้องไปที่เย่ซิวโดยไม่กะพริบเย่ซิวกำลังจะถูกผู้หญิงทั้งสี่คนเข้าโจมตีทันใดนั้นเขาก็ขยับร่าง ดูเหมือนเป็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อย ทว่ากลับหลบหมัดทั้งสี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบสีหน้าของสี่สาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่การโจมตีของพวกเธ
ภายในห้องโถง ทุกคนยืนอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจเมื่อเห็นฉากนี้จิตใจของพวกเขาว่างเปล่าไปชั่วขณะหนึ่งคนที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดคือ หลี่หรูเฟิงเขารู้ดีถึงความสามารถของยอดฝีมือทั้งสี่คนนี้เงินเดือนที่มอบให้กับแฝดสี่อย่างเดียวก็เกินสองร้อยห้าสิบล้านบาททุกปีแล้วทั้งสี่สาวเคยเอาชนะนักรบขั้นสูงระดับสี่มาก่อน แล้วจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายขนาดนี้ได้อย่างไร?เป็นไปได้หรือไม่ว่า เย่ซิวจะเป็นจอมยุทธขั้นกลางระดับห้า หรือสูงกว่านั้น?เมื่อคิดเช่นนี้หรูเฟิงก็ทิ้งความคิดนั้นลงทันทีเขาไม่อยากจะเชื่อเย่ซิวที่ดูอ่อนแอขนาดนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไปถึงจอมยุทธระดับห้า?เขาตะโกนใส่สี่แฝดสาว “ลุกขึ้นมาเร็วเข้าสิ พวกเธอจะแพ้ไม่ได้!”หากเขาแพ้เขาจะต้องออกจากที่นี่ด้วยความอับอาย ซึ่งจะทำลายชื่อเสียงของเขาอย่างยิ่งเมื่อถึงเวลา เหล่ากองกำลังและตระกูลในเมืองเจียงเฉิงจะคิดว่าตระกูลหลี่ด้อยกว่าตระกูลหลิ่ว และมีความเป็นไปได้สูงที่พวกเขาจะหันมาต่อต้านตระกูลหลี่หากเป็นเช่นนั้นเขาก็จะจัดการกับตระกูลหลิ่วได้ยากยิ่งขึ้นสี่สาวพยายามดิ้นรนเพื่อลุกขึ้นยืนพวกเธอคำรามเสียงต่ำ ดวงตาทั้งสี่คู่เต็มไปด้วยความก
“ดีมาก ดีอะไรอย่างนี้ เป็นแค่มดคิดจะล้มช้าง วันนี้ฉันจะจำไว้ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน”หลังจากทิ้งคำพูดที่รุนแรงไว้เบื้องหลัง หลี่หรูเฟิงก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปผู้หญิงทั้งสี่คนพยายามลุกขึ้นและตามเขาออกไปเช่นกันเหล่าตระกูลใหญ่และตระกูลรองในเจียงเฉิงต่างมองหน้ากันทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็เดินไปหาเย่ซิวพร้อมรอยยิ้มอันเสแสร้งบนใบหน้า“น้องชายยังหนุ่มยังแน่น อนาคตไกลนัก”"เจ๋งมาก เจ๋งสุด ๆ"“หากมีโอกาสในอนาคตคงได้ร่วมมือกันนะครับ”……เพื่อตอบสนองต่อการทาบทามของพวกเขา เย่ซิวไม่ได้แสดงท่าทีที่เป็นการต่อต้านพวกเขาเลยแต่เขากลับยิ้มและพูดคุยด้วยราวกับเข้ากันได้ดีแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงผิวเผินเท่านั้นสำหรับพวกกลับกลอกพวกนี้ เย่ซิวไม่ได้คิดที่จะปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ อยู่แล้ว ตอนนี้เพียงแค่ต้องทำให้พวกเขาคลายความระมัดระวังก่อนเท่านั้นเย่ซิวจะหาโอกาสจัดการกับพวกเขาทีหลังแต่พวกเขาไม่รู้ว่า สิ่งที่เย่ซิวต้องการในตอนนี้คือการฮุบทรัพย์สินทั้งหมดของพวกเขาพวกเขาคิดว่า เขาเป็นผู้ใหญ่แล้วและสามารถปล่อยวางได้ ดังนั้นพวกเขาจึงวางใจและผ่อนคลายลงทีละคนสิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดคือเย่ซิ
“ฉันหวังว่าโครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับคุณเย่ด้วยนะ”การแสดงออกของหลิ่วอวี้ฝูไม่เปลี่ยนแปลง เธอเดาไว้อยู่แล้วอีกอย่างเธอยังต้องการตอบแทนเย่ซิวที่ช่วยปู่ของเธอเอาไว้ด้วยเธอพยักหน้าและพูดกับเย่ซิว “พี่ใหญ่ เราไปคุยกันส่วนตัวดีไหม?"“ได้สิ”ทั้งกลุ่มไปที่ห้องรับแขกข้าง ๆยอดฝีมือที่นำโดยหลิ่วอวี้ฝูได้ตรวจสอบห้องทั้งภายในและภายนอกอย่างระมัดระวังหลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีอุปกรณ์ดักฟังแล้วพวกเขาก็ออกจากห้องไปหูเม่ยเอ๋อร์และหรูฮว่าก็อยู่เช่นกันหลิ่วอวี้ฝูยังรู้รายละเอียดของทั้งสองคนหูเม่ยเอ๋อร์เป็นจอมยุทธระดับห้า แต่เธอไม่มีทักษะในการต่อสู้ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอใกล้เคียงกับเซี่ยเจี๋ยส่วนหรูฮว่าเป็นจอมยุทธสูงสุดระดับสามทว่าเธอได้ฝึกฝนทักษะลึกลับบางอย่างที่ทำให้เธอก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและสามารถระเบิดความแข็งแกร่งได้หลายครั้งในทันที และเธอยังสามารถได้รับการปฏิบัติในฐานะจอมยุทธระดับสี่อีกด้วยหลิ่วอวี้ฝูก็ต้องการที่จะได้รับความร่วมมือจากทั้งสองคนเช่นกันมีหลายคนนั่งลงรอบโต๊ะ จากนั้นหลิ่วอวี้ฝูก็พูดช้า ๆ“พวกคุณทุกคนคงสงสัยว่า โครงการอะไรที่ตระกูลหลี่และฉันกำลังต่อสู้เ
“ตอนนี้ไม่มี แต่อีกไม่กี่วันมีแน่”หลิ่วอวี้ฝูเม้มริมฝีปาก “พี่ใหญ่ อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปเลยค่ะ เงินห้าพันหมื่นล้านบาทไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ นะคะ”แม้แต่ตระกูลหลิ่ว หากต้องการเงินห้าหมื่นล้านบาทก็ยังต้องใช้เวลาเตรียมการสักระยะเลยเย่ซิวยิ้ม “เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล แค่บอกมาว่าคุณเต็มใจหรือไม่ก็พอ”การใช้เงินห้าหมื่นล้านลงทุนเพื่อแลกกับกำไรสิบเปอร์เซ็นต์ถือว่าอยู่ในสถานะที่สมเหตุสมผลมากเย่ซิวไม่ได้ใช้ประโยชน์จากการช่วยปู่ของหลิ่วอวี้ฝูเพื่อทำข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลหลิ่วอวี้ฝูเห็นด้วยทันที “ถ้าพี่ใหญ่ช่วยได้ห้าหมื่นล้านจริง ๆ ฉันจะให้กำไรพี่สิบสองเปอร์เซ็นต์"“ไม่จำเป็น” เย่ซิวปฏิเสธ “ผมช่วยคุณปู่ของคุณก็เพราะหน้าที่ในฐานะแพทย์ ผมไม่ได้ต้องการเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อื่น สิบเปอร์เซ็นต์ก็พอแล้ว”หลิ่วอวี้ฝูรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อยเย่ซิวปฏิเสธส่วนแบ่งกำไรสองเปอร์เซ็นต์นั้นจริง ๆแม้ว่าจะคำนวณจากผลกำไรประจำปีจำนวนสองแสนล้านบาท นั่นคือสองหมื่นล้านบาทต่อปี และสองแสนล้านบาทในระยะเวลาสิบปีนี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งอาจมีกำไรสุทธิเพียงร้อยล้านต่อปีเท่าน
ลู่เจิ้นเฟิงกล่าวชมลูกเขยในอนาคตด้วยความภาคภูมิใจสำหรับเย่ซิว ลู่เจิ้นเฟิงปฏิบัติต่อเขาเหมือนดินบนพื้น เหยียบย่ำเขาโดยไม่ให้เกียรติสักนิดเย่ซิวยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาเย็นชา“เพื่อเห็นแก่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ ผมจะไม่เถียงกับคุณ”หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินผ่านลู่เจิ้นเฟิงเพื่อจะออกไปจากตรงนั้นลู่เจิ้นเฟิงโกรธมากและตะโกนใส่เย่ซิว "ไอ้หนุ่ม อย่ามองข้ามความหวังดีกันนักเลยภูมิหลังคู่หมั้นของลู่เสวี่ยเอ๋อร์สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เขาคือกิเลนตัวจริง เทียบกับเขาแล้วนายมันไม่มีอะไรสักอย่าง อย่าหลอกตัวเองเลย”เย่ซิวส่ายหัว บางคนเย่อหยิ่งและคิดว่าตนเองชอบธรรมจริง ๆพยัคฆ์ขาวกับกิเลนอะไรกัน ตรงหน้าเขาคือมังกรที่แท้จริง ทั้งหมดนั้นก็แค่พวกปลาซิวปลาสร้อยเขาขี้เกียจเกินไปที่จะโต้เถียงกับลู่เจิ้นเฟิงในที่สาธารณะ เขาจึงเดินออกมาอย่างรวดเร็วลู่เจิ้นเฟิงมองดูแผ่นหลังของเย่ซิว สีหน้าของเขาดูมืดมนอย่างยิ่ง จนในที่สุดเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา!“แกว่งเท้าหาเสี้ยนนัก งั้นก็รอวันที่แกจะแหลกเป็นชิ้น ๆ เถอะ!”หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เดินออกไปเมื่อเย่ซิวกลับถึงบ้าน ลู่เสวี่ยเอ๋อร์และหลิ่วเมิ่งอิ๋นกำลัง
ในเวลานั้น งานอักษรวิจิตรทั้งสองชิ้นถูกประมูลในราคาสูงถึงสองพันหกร้อยล้าน และสองพันแปดร้อยล้านตามลำดับและภาพฝูงม้านับหมื่นนั้นสูงถึง หกพันแปดร้อยล้านบาทเขาใช้เงินทั้งหมดจากการประมูลเหล่านี้เพื่อสร้างโรงเรียนไพรเมรี่โฮป และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ในพื้นที่ห่างไกลของประเทศหลงเถิงในเวลานั้น การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเขาส่งผลกระทบอย่างมาก และด้วยผลงานสามชิ้นนี้ เขาก็ได้รับชื่อเสียงอย่างสั่นสะเทือนผู้ชื่นชอบอักษรวิจิตรและนักสะสมอักษรวิจิตรนับไม่ถ้วนพยายามสอบถามเกี่ยวกับเขาไปทุกหนแห่งด้วยความกระตือรือร้นที่จะซื้อผลงานของแท้จากเขาทว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ได้สร้างผลงานอีกเลยเหตุผลนั้นง่ายมากเพราะการสร้างงานชิ้นเดียวมีผลกระทบต่อเขาอย่างมากผลงานแต่ละชิ้น เขาต้องใช้ความเข้าใจศิลปะการต่อสู้อันลึกซึ้งของเขาในฐานะปรมาจารย์อาวุโสเพื่อยกระดับผลงานนั้นด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะได้รับความชื่นชมจากผู้ที่ชื่นชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรนับไม่ถ้วนเพราะผลงานที่สร้างขึ้นด้วยความเข้าใจจากด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ได้เป็นเพียงงานศิลปะเท่านั้นแต่เป็นรูปแบบมีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์หากผู
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ