แท่นบูชาพลันแยกออกเป็นสองส่วน จากนั้นชุดเกราะหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาลอยอยู่กลางอากาศพร้อมกันนั้น เสียงไร้อารมณ์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหู“ด่านที่สอง สวมใส่ชุดเกราะหนักหนึ่งล้านชั่ง แล้วว่ายข้ามแม่น้ำมรณะ รางวัลสำหรับการผ่านด่านคือวิชา ‘ศึกโลหิตแปดทิศ’”เย่ซิวดวงตาทอประกาย แหงนมองไปทางซ้ายและขวาพวกเธอกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่แตกต่างจากเย่ซิวเขาไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย หยิบชุดเกราะขึ้นมาสวมใส่น้ำหนักหนึ่งล้านชั่ง แม้แต่เย่ซิวเองก็ยังรู้สึกถึงภาระที่หนักอึ้งโชคดีที่ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถแบกรับไหวยิ่งไปกว่านั้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเหมือนพวกผู้หญิงสามคนนั้น ที่ต้องใช้ระดับพลังเพื่อลดทอนน้ำหนักลงเขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง ฝืนเดินไปได้เพียงเล็กน้อย ก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาสมุทรสีดำอันกว้างใหญ่ใต้ผืนน้ำมีเงาดำแหวกว่ายไปมาไม่หยุดกล่าวได้ว่าด่านนี้ไม่ใช่แค่ต้องว่ายข้ามไปเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำอีกด้วยเย่ซิวเหลือบตามองไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะกระโดดลงไปในน้ำสิ่งที่เรียกว่ามหาสมุทรแห่งความตายนั้น ความหนาแน่
ตอนนี้หากเพิ่มเจ้าเต่ายักษ์ตัวนี้เข้าไปอีก ก็น่าจะเพียงพอแล้วคิดได้ดังนั้น เย่ซิวจึงฝืนต้านทานการโจมตีอันดุเดือดของอีกฝ่าย พลางเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เต่ายักษ์ตัวนั้นสองมือคว้าจับขาหน้าของมันไว้ข้างหนึ่ง จากนั้นวิชาแปรมังกรก็ถูกใช้ออกไปอย่างเฉียบขาด“โฮกกก!”เต่ายักษ์ส่งเสียงคำรามโหยหวน ร่างของมันสั่นสะท้านดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งอาคมและวิชาต่าง ๆ ถูกซัดใส่เย่ซิวไม่ยั้งร่างกายของเย่ซิวสั่นสะท้านรุนแรง อวัยวะภายในทั้งห้าถึงกับฉีกขาดแต่เขาก็ยังคงจับขาของเต่ายักษ์ไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยพลังที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมดถูกถ่ายเทเข้าสู่วิชาแปรมังกรยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังดูดซับพลังอันมหาศาลจากร่างของเจ้าเต่ายักษ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้วิชาแปรมังกรก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วร่างกายของเย่ซิวแปรเปลี่ยนเป็นมังกรโดยสมบูรณ์ อีกทั้งร่างของเขาก็ค่อย ๆ ยืดยาวขึ้น บัดนี้มีความยาวได้ห้าหกเมตรแล้วลักษณะภายนอกของเขายิ่งคล้ายคลึงกับมังกรแท้ในตำนานมากขึ้นเรื่อย ๆเต่ายักษ์สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากความตาย มันคำรามไม่หยุดมันกัดฟันตัดขาที่ถูกเย่ซิวจับไว้ของตัวเอง เพื่อหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการแต่เย่ซิว
ศึกโลหิตแปดทิศซึ่งเป็นพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มานี้ เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาอย่างยิ่งเมื่อใช้ออกมา จะสามารถแบ่งร่างแยกโลหิตออกมาได้แปดร่างในชั่วพริบตาความแข็งแกร่งของร่างแยกไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับพลัง แต่ขึ้นอยู่กับเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของตนเองและสภาพแวดล้อมที่อยู่ในขณะนั้นยิ่งเจตจำนงแห่งการต่อสู้แข็งแกร่งขึ้น และสภาพแวดล้อมยิ่งอันตรายมากเท่าใด พลังที่สามารถระเบิดออกมาก็ยิ่งมหาศาลเท่านั้นสามารถโจมตีออกไปทั้งแปดทิศพร้อมกัน หรือรวมเป็นหนึ่งเดียวได้เป็นพลังเทพที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการต่อสู้กับกลุ่มศัตรูหรือใช้ฝ่าวงล้อมพลังเทพที่บำเพ็ญจนได้มานี้ล้ำค่ามากอย่างหาที่เปรียบมิได้หากถูกนำออกไปเผยแพร่ภายนอก จะต้องดึงดูดผู้คนมากมายให้เข้ามาแย่งชิงจนเกิดความโกลาหลอย่างแน่นอนหลังจากเย่ซิวควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็เดินทางมาถึงด่านที่สามที่นี่เป็นบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งเขาเป็นคนแรกที่มาถึงผ่านไปห้าหรือหกนาที หงอีเป็นคนที่สองที่ตามมา จากนั้นคือหยางชิงเสวี่ยและโซเฟียกลิ่นอายของสตรีทั้งสามต่างก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างมากแข็งแกร่งกว่าตอนที่พวกเธอเพิ่งเข้ามาไม่รู้กี่เท่า เห็นได้ชัดว่าทั้
เย่ซิวเหวี่ยงพวกเธอลงกับพื้นอย่างรุนแรงเศษหินและดินกระเด็นกระจายไปทั่ว พื้นดินปรากฏหลุมลึกสามหลุมทันทีไม่กี่วินาทีต่อมา พวกเธอก็ลอยขึ้นมาอีกครั้งพลังภายในร่างกายแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมาอย่างรุนแรง สีหน้าเย็นชา ราวกับพร้อมจะเอาชีวิตเย่ซิวให้ได้"ตรึงตรึงตรึง!"เย่ซิวใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง พลังอันศักดิ์สิทธิ์ทำให้ร่างของพวกเธอแข็งค้างไปชั่วขณะเขาแสยะยิ้ม เผยประกายอันตรายในดวงตา "อย่ารนหาที่ ถ้ายังกล้ามาอีก ฉันจะสังหารทิ้งตรงนี้ทันที"หญิงสาวทั้งสามชะงักค้างอยู่ตรงนั้นช่องว่างระหว่างพวกเธอกับเย่ซิวที่กว้างเกินไป ทำให้พวกเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวังทำไมถึงเป็นแบบนี้?พวกเขาต่างก็เป็นบุตรแห่งสวรรค์และบุตรีแห่งสวรรค์เหมือนกันพวกเธอได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาลจากที่นี่ แต่ทำไมช่องว่างระหว่างพวกเธอกับเย่ซิวยังคงใหญ่โตถึงเพียงนี้เย่ซิวจ้องมองพวกเธอทั้งสามด้วยสายตาแข็งกร้าว แต่ภายในใจก็รู้สึกหวั่นอยู่บ้างหญิงสาวทั้งสามคนนี้มีพลังที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเหตุผลที่เขาสามารถเล่นงานพวกเธอจนบาดเจ็บสาหัสได้อย่างง่ายดาย เป็นเพราะใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์แต่ตอนนี้เขาใช้ไปถึงสองค
กระบี่ยาวเย็นเยียบแทงทะลุผ่านแผ่นหลังของเย่ซิวอย่างกะทันหัน ละอองเลือดสีทองสาดกระเซ็นร่างของเย่ซิวสั่นสะท้าน หันขวับไปทันที ก่อนจะได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย"เธอ!!""คาดไม่ถึงล่ะสิ" ไฉ่เวยเผยรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้า "เจ้าถูกข้าหลอก ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการของข้าเท่านั้นเพื่อทำให้เจ้าฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง แล้วก้าวมาถึงจุดนี้ในวันนี้"เย่ซิวกล่าวเสียงเย็นชา "ตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่?!""ย่อมบอกแก่เจ้าได้อยู่แล้ว ข้าคือหานซวงจุนจื่อ เมื่อปีนั้นข้าเป็นผู้นำสหพันธ์ผู้บำเพ็ญเซียน แต่พ่ายแพ้ในสงคราม สุดท้ายถูกผนึกไว้บนดวงจันทร์จอมปลอมนั่น"มุมปากของเย่ซิวมีเลือดไหลซึม "แล้วชายบนดวงจันทร์นั่นก็เป็นตัวล่อที่เจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อลวงข้าสินะ?""ถูกต้อง" ไฉ่เวยหรือที่ควรเรียกว่าหานซวงจุนจื่อออกแรงกำกระบี่ในมือแน่นขึ้นพลันกระบี่ก็ปลดปล่อยไอเย็นอันน่าสะพรึงออกมาร่างของเย่ซิวถูกแช่แข็งหมดสิ้น ยกเว้นเพียงศีรษะของเขาพลังชีวิตของเย่ซิวร่วงลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แต่นี่ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ทุกสิ่งในแดนทดสอบนี้ก็ควรอยู่ในการควบคุมของเธอทั้งหมดสิถ้าเช
หลังจากกล่าวจบ เธอก็แปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษน้ำแข็งขนาดมหึมาเธออ้าปากกว้างเผยให้เห็นขุมเขี้ยวอันน่าสะพรึง ก่อนจะพุ่งเข้ากลืนกินวิญญาณของเย่ซิว"หลิน!"ในขณะนั้นเอง วิญญาณของเย่ซิวพลันเปล่งเสียงแห่งเต๋าอันน่าสะพรึง ทำให้วิญญาณของหานซวงจุนจื่อสะท้านไหวอย่างรุนแรง"นี่มันอะไร!" อีกฝ่ายเผยสีหน้าตื่นตระหนกและสงสัยเย่ซิวคิดในใจว่าได้ผลจริง ๆ"หลินหลินหลิน!!!"เย่ซิวเร่งเร้าพลังวิญญาณของตน สะท้อนเสียงแห่งเต๋าออกมาอย่างต่อเนื่องแรงสั่นสะเทือนทำให้วิญญาณของหานซวงจุนจื่อสั่นสะท้านอย่างหนัก จนเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงภายในเวลาอันสั้น"บัดซบ! นี่คือเก้าวัจนะอาคมแห่งเต๋า เจ้ามีมันได้อย่างไร!"จิตใจของเธอปั่นป่วนจนแทบระเบิดวิธีการของเย่ซิวช่างหลากหลายและคาดเดาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกยุ่งยากอย่างที่สุดเธอรู้ดีว่าหากยังปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป อาจจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดฝันเธอจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในชั่วพริบตาฝืนทนรับแรงโจมตี และเข้าพันรัดวิญญาณของเย่ซิวอย่างแน่นหนาแม้จะต้องยอมสูญเสียพลังวิญญาณบางส่วน แต่เธอก็จะต้องกลืนกินเย่ซิวให้ได้วิญญาณของทั้งสองพันเกี่ยวเข้าหากันแต่แล
เศษเสี้ยวของวิญญาณที่ลอยอยู่ในห้วงแห่งจิตสำนึก ส่วนหนึ่งเป็นของเย่ซิว แต่ส่วนใหญ่เป็นของหานซวงจุนจื่อทุกครั้งที่กลืนกินเศษเสี้ยวหนึ่ง วิญญาณของเขาก็จะฟื้นฟูกลับมาส่วนหนึ่งใช้เวลาสี่ถึงห้าวันกว่าที่วิญญาณของเขาจะฟื้นคืนกลับมายิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ วิญญาณของเขากลับยิ่งแข็งแกร่งและทรหดมากขึ้นเขายังได้รับข้อมูลสำคัญมากมายจากเศษเสี้ยววิญญาณของหานซวงจุนจื่อหากนับรวมถึงปัจจุบัน ผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตอยู่มาสามถึงสี่พันปีแล้ว มีประสบการณ์โชกโชนและเจ้าเล่ห์เพทุบายหากไม่ใช่เพราะเย่ซิวได้รับหนึ่งในเก้าวัจนะอาคมของลัทธิเต๋าจากหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งในครั้งนี้ เขาคงต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ประสบการณ์ชีวิตของเธอถือเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าสำหรับเย่ซิวนอกจากประสบการณ์ชีวิตแล้ว ยังมีอาคมต่าง ๆ วิชาลึกลับ และศาสตร์แห่งการหลอมโอสถมากมายอีกด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อครั้งอดีต ผู้หญิงคนนั้นได้ก่อตั้งสำนักขึ้นมาอย่างลับ ๆ เป็นแผนสำรองแต่ภายหลังเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สำนักนั้นจึงยังไม่ได้ถูกใช้งานตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักนั้นอาจล่มสลายไปแล้ว หรืออาจกลายเป็นขุมกำลังอันยิ
พูดจบ วิชาโลกีย์หลอมเซียนก็ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเย่ซิวตรึงคนอีกสองคนไว้ ทำให้พวกเธอไม่สามารถขยับตัวได้ ได้แต่มองหงอีถูกเย่ซิวลงโทษแม้กระทั่งตอนนี้ สีหน้าของหงอีก็ยังคงเย็นชาราวกับว่าบนใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ นอกจากสีหน้าแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีสีหน้าอื่นอีกพลังอันมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระดับพลังของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี่คือประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการบำเพ็ญตนร่วมกับคนที่มีระดับพลังสูงกว่าตัวเองหลังจากการบำเพ็ญตนครั้งนี้ เย่ซิวก็เพิ่มอายุพลังไปถึงสองร้อยปีโดยตรงเพียงแต่รากฐานของเขาช่างแข็งแกร่งเกินไปหากต้องการก้าวข้ามจากระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางไปยังระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสูง อย่างน้อยต้องมีระดับพลังถึงหนึ่งหมื่นปีถึงจะเพียงพอหงอีเป็นหญิงสาวที่เปรียบดั่งขุมทรัพย์จริง ๆแต่หญิงสาวคนนี้มีนิสัยเย็นชาเกินไปแม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยังเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็งเย่ซิวไม่ได้สนใจเธออีกเขาผนึกการเคลื่อนไหวของเธอ จากนั้นก็เดินไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าหยางชิงเสวี่ยยกมือขึ้นบีบคางของเธอเบา ๆ “ดูเหมือนเธอจะเคยพูดไว้ว่าจะไม่ร่วมบำเพ็ญตนกับฉันอีก แต่ว่าวันนี้คำสาบานนั้นค
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ