กระบี่ยาวเย็นเยียบแทงทะลุผ่านแผ่นหลังของเย่ซิวอย่างกะทันหัน ละอองเลือดสีทองสาดกระเซ็นร่างของเย่ซิวสั่นสะท้าน หันขวับไปทันที ก่อนจะได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย"เธอ!!""คาดไม่ถึงล่ะสิ" ไฉ่เวยเผยรอยยิ้มประหลาดบนใบหน้า "เจ้าถูกข้าหลอก ทุกอย่างเป็นเพียงแผนการของข้าเท่านั้นเพื่อทำให้เจ้าฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง แล้วก้าวมาถึงจุดนี้ในวันนี้"เย่ซิวกล่าวเสียงเย็นชา "ตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่?!""ย่อมบอกแก่เจ้าได้อยู่แล้ว ข้าคือหานซวงจุนจื่อ เมื่อปีนั้นข้าเป็นผู้นำสหพันธ์ผู้บำเพ็ญเซียน แต่พ่ายแพ้ในสงคราม สุดท้ายถูกผนึกไว้บนดวงจันทร์จอมปลอมนั่น"มุมปากของเย่ซิวมีเลือดไหลซึม "แล้วชายบนดวงจันทร์นั่นก็เป็นตัวล่อที่เจ้าสร้างขึ้นมาเพื่อลวงข้าสินะ?""ถูกต้อง" ไฉ่เวยหรือที่ควรเรียกว่าหานซวงจุนจื่อออกแรงกำกระบี่ในมือแน่นขึ้นพลันกระบี่ก็ปลดปล่อยไอเย็นอันน่าสะพรึงออกมาร่างของเย่ซิวถูกแช่แข็งหมดสิ้น ยกเว้นเพียงศีรษะของเขาพลังชีวิตของเย่ซิวร่วงลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น "แต่นี่ไม่ถูกต้อง ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ทุกสิ่งในแดนทดสอบนี้ก็ควรอยู่ในการควบคุมของเธอทั้งหมดสิถ้าเช
หลังจากกล่าวจบ เธอก็แปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษน้ำแข็งขนาดมหึมาเธออ้าปากกว้างเผยให้เห็นขุมเขี้ยวอันน่าสะพรึง ก่อนจะพุ่งเข้ากลืนกินวิญญาณของเย่ซิว"หลิน!"ในขณะนั้นเอง วิญญาณของเย่ซิวพลันเปล่งเสียงแห่งเต๋าอันน่าสะพรึง ทำให้วิญญาณของหานซวงจุนจื่อสะท้านไหวอย่างรุนแรง"นี่มันอะไร!" อีกฝ่ายเผยสีหน้าตื่นตระหนกและสงสัยเย่ซิวคิดในใจว่าได้ผลจริง ๆ"หลินหลินหลิน!!!"เย่ซิวเร่งเร้าพลังวิญญาณของตน สะท้อนเสียงแห่งเต๋าออกมาอย่างต่อเนื่องแรงสั่นสะเทือนทำให้วิญญาณของหานซวงจุนจื่อสั่นสะท้านอย่างหนัก จนเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงภายในเวลาอันสั้น"บัดซบ! นี่คือเก้าวัจนะอาคมแห่งเต๋า เจ้ามีมันได้อย่างไร!"จิตใจของเธอปั่นป่วนจนแทบระเบิดวิธีการของเย่ซิวช่างหลากหลายและคาดเดาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกยุ่งยากอย่างที่สุดเธอรู้ดีว่าหากยังปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไป อาจจบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดฝันเธอจึงปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในชั่วพริบตาฝืนทนรับแรงโจมตี และเข้าพันรัดวิญญาณของเย่ซิวอย่างแน่นหนาแม้จะต้องยอมสูญเสียพลังวิญญาณบางส่วน แต่เธอก็จะต้องกลืนกินเย่ซิวให้ได้วิญญาณของทั้งสองพันเกี่ยวเข้าหากันแต่แล
เศษเสี้ยวของวิญญาณที่ลอยอยู่ในห้วงแห่งจิตสำนึก ส่วนหนึ่งเป็นของเย่ซิว แต่ส่วนใหญ่เป็นของหานซวงจุนจื่อทุกครั้งที่กลืนกินเศษเสี้ยวหนึ่ง วิญญาณของเขาก็จะฟื้นฟูกลับมาส่วนหนึ่งใช้เวลาสี่ถึงห้าวันกว่าที่วิญญาณของเขาจะฟื้นคืนกลับมายิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ วิญญาณของเขากลับยิ่งแข็งแกร่งและทรหดมากขึ้นเขายังได้รับข้อมูลสำคัญมากมายจากเศษเสี้ยววิญญาณของหานซวงจุนจื่อหากนับรวมถึงปัจจุบัน ผู้หญิงคนนั้นมีชีวิตอยู่มาสามถึงสี่พันปีแล้ว มีประสบการณ์โชกโชนและเจ้าเล่ห์เพทุบายหากไม่ใช่เพราะเย่ซิวได้รับหนึ่งในเก้าวัจนะอาคมของลัทธิเต๋าจากหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งในครั้งนี้ เขาคงต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ประสบการณ์ชีวิตของเธอถือเป็นขุมทรัพย์ล้ำค่าสำหรับเย่ซิวนอกจากประสบการณ์ชีวิตแล้ว ยังมีอาคมต่าง ๆ วิชาลึกลับ และศาสตร์แห่งการหลอมโอสถมากมายอีกด้วยสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อครั้งอดีต ผู้หญิงคนนั้นได้ก่อตั้งสำนักขึ้นมาอย่างลับ ๆ เป็นแผนสำรองแต่ภายหลังเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น สำนักนั้นจึงยังไม่ได้ถูกใช้งานตลอดหลายปีที่ผ่านมา สำนักนั้นอาจล่มสลายไปแล้ว หรืออาจกลายเป็นขุมกำลังอันยิ
พูดจบ วิชาโลกีย์หลอมเซียนก็ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงเย่ซิวตรึงคนอีกสองคนไว้ ทำให้พวกเธอไม่สามารถขยับตัวได้ ได้แต่มองหงอีถูกเย่ซิวลงโทษแม้กระทั่งตอนนี้ สีหน้าของหงอีก็ยังคงเย็นชาราวกับว่าบนใบหน้าของหญิงสาวคนนี้ นอกจากสีหน้าแบบนี้แล้ว ก็ไม่มีสีหน้าอื่นอีกพลังอันมหาศาลหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ระดับพลังของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี่คือประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของการบำเพ็ญตนร่วมกับคนที่มีระดับพลังสูงกว่าตัวเองหลังจากการบำเพ็ญตนครั้งนี้ เย่ซิวก็เพิ่มอายุพลังไปถึงสองร้อยปีโดยตรงเพียงแต่รากฐานของเขาช่างแข็งแกร่งเกินไปหากต้องการก้าวข้ามจากระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นกลางไปยังระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสูง อย่างน้อยต้องมีระดับพลังถึงหนึ่งหมื่นปีถึงจะเพียงพอหงอีเป็นหญิงสาวที่เปรียบดั่งขุมทรัพย์จริง ๆแต่หญิงสาวคนนี้มีนิสัยเย็นชาเกินไปแม้แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยังเย็นชาเหมือนก้อนน้ำแข็งเย่ซิวไม่ได้สนใจเธออีกเขาผนึกการเคลื่อนไหวของเธอ จากนั้นก็เดินไปนั่งยอง ๆ ตรงหน้าหยางชิงเสวี่ยยกมือขึ้นบีบคางของเธอเบา ๆ “ดูเหมือนเธอจะเคยพูดไว้ว่าจะไม่ร่วมบำเพ็ญตนกับฉันอีก แต่ว่าวันนี้คำสาบานนั้นค
พลังของเขาได้พัฒนาไประดับหนึ่งแล้วต่อไป หากเย่ซิวต้องการก้าวข้ามจากขั้นสูงไปสู่ขั้นสมบูรณ์ เขาจะต้องใช้ทรัพยากรมหาศาลยิ่งขึ้นต่อให้ฝึกฝนกับผู้หญิงทั้งสามคนนี้ต่อไปอีกสิบปีก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุถึงระดับนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาความเหนื่อยล้าไม่ได้หมายถึงร่างกายมันคือการที่ฝึกฝนกันบ่อยเกินไปจนทำให้อัตราการได้รับพลังลดลงก็เหมือนกับการเล่นเกมหากฆ่าสัตว์ประหลาดชนิดเดิมมากเกินไป ค่าประสบการณ์ที่ได้รับก็จะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเวลานี้ สิ่งที่ควรทำก็คือไปล่าสัตว์ประหลาดตัวอื่นก่อนพอเวลาผ่านไปแล้วกลับมาใหม่ ค่าประสบการณ์ก็จะกลับมาเหมือนเดิมเย่ซิวลูบคางมองผู้หญิงสามคนตรงหน้าพลางคิดว่าจะจัดการกับพวกเธอยังไงดีถ้าฆ่าทิ้งไปก็ดูจะเสียของไปหน่อยแต่หากปล่อยไว้ก็อาจกลายเป็นภัยคุกคามในภายหลังหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยกับพวกเธอว่า “ฉันจะปล่อยพวกเธอไป แต่พวกเธออย่ามายุ่งกับฉันอีก และห้ามทำร้ายคนของฉันเด็ดขาด”สิ่งที่ได้รับตอบกลับมาคือสายตาเย็นชาทั้งสามคู่เย่ซิวไม่ใส่ใจและยังคงพูดต่อไป “ถ้าพวกเธอไม่เชื่อฟัง ฉันจะปล่อยคลิปนี้ออกไปพวกเ
มหาอำนาจที่เคยยิ่งใหญ่ ตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มจะร่วงลงจากบัลลังก์ประเทศจ้านอิงตี้ในอดีตตอนนี้กลายเป็นอาณาจักรโลหิตไปแล้วแต่ถึงอย่างนั้น อาณาจักรโลหิตก็ยังไม่สมบูรณ์เถียนเถียนยึดครองไปหกเมืองทำให้เกิดกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้นมาเปรียบเสมือนใบมีดแหลมคมที่ปักลงกลางใจของอาณาจักรโลหิตแม้ว่าหงอีจะมีความสามารถในการกำจัดภัยคุกคามนี้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักเพราะมีเย่ซิวอยู่ที่นี่ด้วยเหตุนี้ ทำให้ประเทศหลงเถิงกลายเป็นประเทศที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกตอนนี้ส่วนสำนักโอสถเองก็ถือว่าเป็นมหาอำนาจด้วยเช่นกันเพราะเย่ซิวก็อยู่ที่นี่แต่สุดท้ายแล้วเย่ซิวก็ต้องจากไปดังนั้นหากคิดตามความเป็นจริง สำนักโอสถก็เป็นได้เพียงกึ่งมหาอำนาจเท่านั้นแต่ถ้าหากเย่ซิวสามารถฝึกฝนเหล่าสาว ๆ ข้างกายให้บรรลุถึงระดับวิญญาณก่อกำเนิดได้ล่ะก็ถึงตอนนั้น สำนักโอสถก็จะสามารถก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจได้อย่างแท้จริงหลังจากเย่ซิวกลับมาถึงสำนักโอสถได้ไม่นาน หวังซวงก็มาหาเขาเพื่อรายงานภารกิจยึดครองสองประเทศเล็กที่เคยพูดถึงก่อนหน้านี้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นเมื่อประชาชนเห็น
“จุ๊บ!”หวังซวงฝากรอยจูบไว้บนแก้มของเย่ซิว ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็วพอถึงข้างนอก เธอก็เอามือกุมหน้าอกแน่นรู้สึกเหมือนหัวใจจะกระเด็นออกมาทางลำคอใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนแทบมีไอออกมา“แย่แล้ว เมื่อกี้เราหุนหันพลันแล่นเกินไป ไม่รู้ว่าอาจารย์จะโกรธไหม ถ้าเขาไล่เราออกจากสำนักจะทำยังไงดี…เฮ้อ แต่ถ้าถูกไล่ออกจริง ๆ ก็อาจจะดีเหมือนกัน…”เย่ซิวแตะแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วส่ายหัวเล็กน้อย เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยในช่วงเวลาต่อจากนั้น เย่ซิวก็ใช้เวลาไปกับการบำเพ็ญร่วมกับเหล่าคนสนิทของเขาพร้อมกับออกคำสั่งใหม่ให้ปลูกเครื่องยาสมุนไพรภายในอาณาเขตของพวกเขาให้มากที่สุดนี่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกฝนเก้าวัจนะลึกลับขั้นสองเมื่อบำเพ็ญขั้นที่สองเสร็จ เย่ซิวก็ยังต้องเดินทางไปยังประเทศวูอีกน่าอีเคยบอกกับเขาว่าขั้นแรก ๆ ของเก้าวัจนะลึกลับถูกพบอยู่แค่บริเวณรอบนอกของแผ่นดินบรรพชนเท่านั้นส่วนที่ลึกกว่านั้น เธอไม่สามารถเข้าไปได้ครั้งที่แล้ว เย่ซิวเองก็ไม่ได้เข้าไปสำรวจ เพราะแผ่นดินบรรพชนมีความพิเศษอย่างหนึ่งคือทางเข้าของมันจะปรากฏขึ้นทุก ๆ สามปีเท่านั้นและครั้งต่อไปที่จะเปิดก็อีกหกเ
เฉินซิ่วน่ายื่นแขนขาวเนียนออกมาจากผ้าห่มก่อนจะยืดตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงพอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้งการบำเพ็ญตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาได้ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการบำเพ็ญปกติเป็นสิบ ๆ ปีนอกจากพลังที่พุ่งทะยานแล้ว เธอยังได้รับความรักจากเย่ซิวอีกด้วยตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกห่อหุ้มด้วยน้ำผึ้ง ทั้งร่างกายและจิตใจเต็มไปด้วยความหวานชื่นเธอพลิกตัวตะแคงมองไปยังเย่ซิวเส้นผมสองสามเส้นตกลงมาปรกบนใบหน้าของเขา “ตื่นหรือยัง?”เย่ซิวลืมตาขึ้นมองใบหน้าของเธอใบหน้าที่มีเสน่ห์ดึงดูดแต่แฝงไปด้วยความบริสุทธิ์เขายังจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอเฉินซิ่วน่า ผิวของเธอยังออกคล้ำเล็กน้อยแต่หลังจากที่ถูกเย่ซิวปรับเปลี่ยนร่างกาย เธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ตอนนี้ผิวของเธอกลายเป็นขาวเนียนนุ่มเด้งและน่าสัมผัสจนวางมือไม่ลง“ทำไมล่ะ ยังอยากฝึกต่ออีกเหรอ?”“แน่นอน ฉันอยากให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีกหน่อย”“ตอนนี้เช้าแล้วนะ ถ้าลูกน้องคุณรู้ว่าคุณไม่อยู่ในห้องคงจะร้อนใจกันแย่”เฉินซิ่วน่าดึงผ้าห่มออกทันที “งั้นก็ปล่อยให้พ
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ