หลี่ชิวเยวี่ยลุกขึ้นจากพื้นเธอฟื้นฟูกำลังบางส่วนหยางซิวที่อยู่บนพื้นสูญสิ้นกำลังภายในไปหมดแล้ว เลือดเนื้อแห้งเหี่ยว เหลือเพียงผิวหนังหุ้มกระดูกเท่านั้นเธอลากหยางซิวเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้วสวมให้ตัวเองจากนั้นก็รีบออกไปหลี่ชิวเยวี่ยก้มหน้าลงตลอดทางโรงแรมแห่งนี้มีลิฟต์อยู่ทั้งแปดมุม และเธอก็เลือกมุมที่มีคนน้อยที่สุดเธอกลัวว่าจะมีใครเห็น และหลังจากออกจากโรงแรม เธอก็ไปยังฐานลับแห่งหนึ่งของเธอฝ่าไฟแดงทุกแยกตลอดทางใช้เวลาเพียงห้านาทีก็มาถึงเธอแทบจะคลานขึ้นไปที่ห้องอ่านหนังสือบนชั้นสองเมื่อกดสวิตช์ ชั้นหนังสือก็ขยับออกเผยให้เห็นห้องลับเธอเดินเข้าไปเปิดตู้แล้วหยิบขวดออกมาจากนั้นเงยหน้าขึ้นแล้วกลืนยาเม็ดสีแดงเลือดทั้งหมดที่อยู่ข้างในลงไปหลี่ชิวเยวี่ยนั่งขัดสมาธิบนพื้น ฝ่ามือและฝ่าเท้าหันหน้าไปทางท้องฟ้าไอร้อนแผ่ออกมาจากศีรษะของเธออย่างต่อเนื่องผิวแห้งเหี่ยวกลับมาดูอวบอิ่มและยืดหยุ่นอีกครั้งเฮ้อ!หลี่ชิวเยวี่ยถอนหายใจออกอย่างแรง และลุกขึ้นไปยืนอยู่หน้ากระจกเธอฟื้นกำลังเต็มที่แล้วในกระจก เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่สวยและมีเสน่ห์คนเดิมคนนั้น“โชคด
“เสร็จจากที่นี่แล้ว ไปคลับส่วนตัวที่ฉันเปิดไหม? ฉันชวนเลขาของฉันไปด้วย เธอบอกว่าคืนนี้เธอจะเต้นโพลแดนซ์[footnoteRef:0]” [0: เต้นโพลแดนซ์ คือการเต้นรูดเสา] เย่ซิวกำลังจะปฏิเสธ แต่ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นที่ทางเข้าไป๋อวี้เจี๋ยเองก็มองไปทางที่เย่ซิวมองเช่นกัน เธออุทานออกมาทันที "เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เขาพิการไปแล้วไม่ใช่เหรอ?"ข่าวที่ว่าเย่ขวงถูกทำให้พิการไม่ได้เป็นความลับในแวดวงนี้คนอื่น ๆ ก็ตกใจไม่แพ้กันเย่ขวงสมควรที่จะมีคำว่า "บ้า[footnoteRef:1]" อยู่ในชื่อของเขา [1: ขวงในภาษาจีน หมายถึง บ้า ดุร้าย และรุนแรง] เมื่อมาถึง เขาก็ปล่อยกลิ่นอายแห่งขั้นปรมาจารย์ออกมาทันที!ผู้ชมทั้งหมดต่างตกใจทันที!“ปรมาจารย์!”“โอ้พระเจ้า นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม!”“เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน!”……หลังจากตกตะลึงกันแล้ว ผู้มีอิทธิพลจากทุกทิศทางก็รีบรุดไปข้างหน้าราวกับฝูงผึ้งเพื่อพูดคุยกับเขาแม้แต่คนโง่ก็ยังเห็นว่าตอนนี้เย่ขวงได้ทะยานขึ้นไปสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แล้วปรมาจารย์หนุ่มขนาดนี้ อนาคตของเขานับว่าเกินคาดเดาแล้ว! สีหน้าไป๋อวี้เจี๋ยดูเคร่งขรึมมากขึ้น เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
ผู้ที่ไม่เคยประสบด้วยตัวเอง จะไม่สามารถเข้าใจความสิ้นหวังที่เกิดจากการ ตกเป็นเป้าหมายของปรมาจารย์เหมือนกับโลกทั้งใบทอดทิ้งโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก หนาวเข้ากระดูก!แต่ในขณะที่ไป๋อวี้เจี๋ยดูเหมือนจะตกสู่นรกที่ไร้ขอบเขต เย่ซิวก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอแผ่นหลังของเขาไม่กว้างมากนัก แต่มันทำให้ไป๋อวี้เจี๋ยรู้สึกปลอดภัยมากพอ!เขาดึงเธอออกจากนรกอันไร้ขอบเขต ทำให้เธอได้เห็นแสงสว่างอีกครั้งในตอนนี้เองที่หัวใจของไป๋อวี้เจี๋ยได้ละกำแพงน้ำแข็งลงเมื่อมองไปที่ด้านหลังของเย่ซิว ก็รู้สึกเต็มไปด้วยความอ่อนโยนไม่รู้จบบางทีการชนะใจผู้หญิงก็เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจขณะที่เย่ซิวยืนขึ้น ภาพนั้นก็เกิดความโกลาหลทุกคนมองเขาเหมือนคนโง่เง่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากใครกล้าที่จะทำตัวเป็นวีรบุรุษชาวสาวงาม สงสัยว่า คนคนนั้นสมองกระทบกระเทือนหรือเปล่า? เย่ซิวมองไปที่เย่ขวงและพูดอย่างใจเย็น "พอได้แล้ว การกลั่นแกล้งผู้หญิงมันไม่ได้ใช้ความสามารถอะไร"ดวงตาของเย่ขวงฉายแววน่าสะพรึงกลัว "แกเป็นใคร ไสหัวไปซะ!"ราวกับราชสีห์ที่โกรธแค้น ผู้คนโดยรอบเงียบกริบด้วยความหวั่นและไม่กล้าพูดแต่เย่ซิวไม่ได้จริงจังเลย
เธอแอบกัดฟัน "คนไร้หัวใจ อย่าคิดจะหวังอีกเลย!"ในเวลานี้ เหล่าผู้เชี่ยวชาญ/ศิลปินด้านอักษรวิจิตรและภาพวาด กลายเป็นจุดสนใจของงานนอกจากชายสูงอายุที่ได้รับความเคารพอย่างสูงเพียงไม่กี่คนเหล่านั้นแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนอีกด้วยหลังจากที่ทุกคนได้เรียนรู้ถึง 'ตัวตน' ของเขาแล้ว พวกเขาต่างก็ชื่นชมกันไม่หยุดปาก“ไม่คิดเลยว่าอาจารย์ต้าวจือยังหนุ่มมากขนาดนี้!”"ฉันเป็นแฟนตัวยงของอาจารย์ต้าวจือเลยนะคะ!"“อาจารย์ต้าวจือ ครั้งนี้คุณได้นำผลงานใหม่มาบ้างไหมครับ?”……‘ต้าวจือ’ ซึ่งได้รับความเคารพและยกย่องอย่างสูง เขายิ้มและตอบคำถามของทุกคนอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ เขายังชื่นชอบผู้หญิงสวยบางคนเป็นพิเศษเย่ซิวยังถามคำถาม "ผมอยากรู้ว่า อาจารย์ต้าวจือเรียนรู้กับใคร?"'ต้าวจือ' ดูภูมิใจ "ฉันเรียนรู้และทำสำเร็จด้วยตนเอง!"จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งก็พากันสรรเสริญเยินยอต่าง ๆ มากมายทันทีพวกเขาต่างสนใจมูลค่าทางการค้ามหาศาลของ 'ต้าวจือ'ภาพวาดสามารถขายได้มากกว่าหมื่นล้านได้อย่างง่ายดาย มันจะน่าทึ่งยิ่งกว่านี้หากมันเป็นเรื่องของการโฆษณาเกินจริงหลังจากสนุกสนานพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมาพอสมควรแล้ว งานประดิษฐ์
ไป๋อวี้เจี๋ยโน้มตัวเข้าไปใกล้หูของเย่ซิว เสียงของเธอตื่นเต้นมาก “คุณเห็นไหม นี่คือไอดอลของฉันเลย”“ภาพวาดนี้ไม่มีใครเทียบได้ในโลกแล้ว ไม่ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ฉันจะเอามาให้ได้!”ท่าทีของเย่ซิวดูแปลก ๆ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรหลังจากที่แนะนำเสร็จพิธีกรก็ประกาศราคาเริ่มต้นทันทีหนึ่งพันล้านบาทเช่นกันที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการให้เกียรติศิลปินอาวุโสเท่านั้นทันทีที่เขาพูดจบ ไป๋อวี้เจี๋ยก็เป็นคนแรกที่เสนอราคา“แปดพันล้าน!” เธอดูมุ่งมั่นที่จะชนะอย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ทำให้คนอื่นกลัว“เก้าพันล้าน!”“หนึ่งหมื่นสองพันล้าน!” "หนึ่งหมื่นสามพันล้าน!" ……ย้อนกลับไปในที่เล็ก ๆ เช่นเมืองเจียงเฉิง ผลงานสองชิ้นของเย่ซิวสามารถขายได้ในราคามากกว่าหมื่นล้านบาทเมื่อมาถึงเมืองหลวง มูลค่าของมันย่อมสูงขึ้นเป็นธรรมดาในพริบตาเดียว ราคาเสนอก็ขึ้นเป็นสองหมื่นสามพันล้านบาท! บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งอาจไม่ทำกำไรได้มากขนาดนั้นในหนึ่งปีด้วยซ้ำ!ส่วนต้าวจือตัวปลอมนั้นกำลังพยายามที่จะเก็บอารมณ์ แต่ใบหน้าของเขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา“ให้ตายสิ!” ไป๋อวี้เจี๋ยต้องการที่จะเสนอราคา
มุมปากของเย่ขวงกระตุกเดิมทีเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่อคิดทบทวนอีกทีแล้ว หากมันเป็นของปลอมขึ้นมาจริง ๆ เขาคงจะสูญเสียเงินมากกว่าสองหมื่นล้านไปโดยเปล่าประโยชน์ดังนั้นเขาจึงบอกให้คนไปนำน้ำส้มสายชูมานำภาพม้านับหมื่นมารมควันสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ม้วนกระดาษมีเพียงต้าวจือตัวปลอมเท่านั้นที่ดูไม่สบายใจอย่างมาก ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบ ๆ ค้นหาทางหลบหนีน่าเสียดายที่ทางออกทั้งหมดมีคนเฝ้าอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีโอกาสได้หนีม้วนภาพนั้นเมื่อสัมผัสกับน้ำส้มสายชูและรมควันแล้ว ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทันที!“มันเก่าจริง ๆ ด้วย!”“ตายจริง นี่หมายความว่าภาพวาดนี้เป็นของปลอมจริง ๆ ใช่ไหม?”……ผู้อาวุโสขยับเข้ามาใกล้เพื่อสังเกตอย่างละเอียดยิ่งกว่านั้น พวกเขายังได้นำเครื่องมือต่าง ๆ ออกมาเพื่อทำการทดสอบด้วยผลลัพธ์ที่ได้สอดคล้องกันทั้งหมดภาพวาดนี้เป็นของราชวงศ์ก่อนจริง ๆเพียงแต่ว่ามันค่อนข้างคล้ายกับลายมือของเย่ซิว ต้าวจือตัวปลอมแก้ไขมันเล็กน้อยแล้วเขาก็หลอกลวงผู้คนได้มากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเย่ขวง เขาแทบจะกำลังระเบิดด้วยโทสะการกลับมาอย่างทรงพลังของเขาเสียท่าเพราะคนโกงนี่ ทำให้ชื
จากนั้นพวกเขาก็เห็นพู่กันของเย่ซิวเคลื่อนไหวราวกับมังกรบิน จังหวะการลงพู่กันราวกับมีเทพเซียนนำทาง ลื่นไหลไปอย่างอิสระโดยไม่ต้องหยุดแม้แต่น้อยในขณะเดียวกัน ปลายพู่กันก็ไม่เคยออกห่างจากกระดาษเลย!"นี่มัน… หนึ่งจรดเซียน!" “โอ้พระเจ้า ทักษะนี้มันหายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง!”“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”ชายชราหลายคนวิ่งไปยืนตรงหน้าเย่ซิวอย่างกระตือรือร้น และจ้องเขม็งไปที่โต๊ะมีคนงุนงงเอ่ยถามว่า "หนึ่งจรดเซียนคืออะไรเหรอ?"ผู้รู้ท่านหนึ่งอธิบายว่า “หมายความว่าตั้งแต่เริ่มจนจบทุกอย่างในการจรดพู่กันเพียงครั้งเดียว”“ในช่วงเวลาที่เขียน ปลายพู่กันจะไม่ยกขึ้นจากกระดาษ และจะไม่มีการเติมหมึกเพิ่ม”“ต้องใช้ทักษะการเขียนและการควบคุมที่สูงมากทีเดียวถึงจะบรรลุผลได้”มีอีกคนหนึ่งถามว่า “แล้วท่านอาจารย์ทั้งหลายทำไม่ได้หรือ?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งได้ยินสิ่งนี้ก็ส่ายหัว "เราทำไม่ได้ เว้นแต่เราจะฝึกอักษรวิจิตรและวาดภาพอย่างหนักต่อไปอีกสามสิบปี!"ชายชราอีกคนก็เห็นด้วยว่า "การเขียนตัวเขียนสองสามตัวก็ยังพอเป็นไปได้ แต่การวาดภาพนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย"เฮ้อ!ทันใดนั้นก็มีคนพ่นลมหายใจด้
"ทุกท่านคะ คืนนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คาดฝันจริง ๆ เลยนะคะ!"พิธีกรหนุ่มหล่อขึ้นไปบนเวทีแล้วกล่าวคำสั้น ๆ ไม่กี่คำ จากนั้นก็เข้าประเด็น"ตามความตั้งใจของอาจารย์ต้าวจือ ราคาเริ่มต้นของ 'ภาพมังกรทะยานฟ้า' นี้อยู่ที่หนึ่งหมื่นล้านบาท และการเสนอเพิ่มแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านค่ะ!" ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่ขวงก็พูดขึ้นว่า "ห้าหมื่นล้าน!"เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องนำภาพนี้มาครองให้ได้เพราะภาพมังกรทะยานฟ้านี้ เย่ซิวเป็นคนวาดเอง เขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นตัวแทนของตัวเองเขาต่างหากที่เป็นมังกรทะยานฟ้า!ไป๋อวี้เจี๋ยต้องไม่ยอมแพ้ "หกหมื่นล้าน!" พิธีกรอ้าปากกว้างจนแมลงวันจะบินเข้าไปได้อยู่แล้วเธอเคยจัดงานประมูลมาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนบ้าเท่างานคืนนี้เลยการเสนอราคาเพิ่มแต่ละครั้งคือหนึ่งหมื่นล้านบาท! ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่สามารถดับความกระตือรือร้นของผู้มั่งคั่งเหล่านี้ได้ราคาพุ่งทะยานไปอย่างต่อเนื่อง!และมาถึงแปดหมื่นล้านอย่างรวดเร็ว! เมื่อมาถึงจุดนี้ บางคนก็เริ่มมีเหตุมีผลมากขึ้นแต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่ยังประมูลต่อไปคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ไม่ขาดเงินมีเงินมา
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน
เย่ซิวรีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีพอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเสี่ยวไป๋ลอยอยู่กลางอากาศพลังวิญญาณในห้องถูกดูดเข้าไปหามันอย่างบ้าคลั่งไม่กี่วินาทีก็สูบพลังวิญญาณจนหมดทั้งห้องจากนั้นร่างของมันก็ถูกห่อหุ้มด้วยรังไหมขนาดใหญ่ แล้วค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างช้า ๆเย่ซิวยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เสี่ยวไป๋กำลังจะวิวัฒนาการอีกแล้วรอบที่แล้วเหมือนจะพัฒนาขึ้นไม่มากเท่าไหร่แต่สัญชาตญาณของเย่ซิวบอกว่ารอบนี้น่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยทีเดียวเขารีบเอาน้ำพุวิญญาณที่เหลืออยู่เทราดลงไปบนรังไหมทันที ซึ่งมันก็ถูกดูดซึมหายไปอย่างรวดเร็วนี่อาจช่วยเร่งขั้นตอนวิวัฒนาการให้เร็วขึ้นได้เย่ซิวเดินไปอุ้มเจ้าเสี่ยวอวี่ที่อยู่ไม่ไกลขึ้นมาเจ้าตัวนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแต่ท้องของมันนี่เหมือนหลุมดำชัด ๆเย่ซิวเลยจัดเต็มอีกครั้ง เขากลั่นโอสถวิญญาณหยกมาอีกหมื่นเม็ดให้มันไว้กินเล่นทั้งสำนักอวิ้นหลิงคงไม่มีใครกล้าทำอะไรฟุ่มเฟือยอย่างเขาอีกแล้วล่ะในช่วงครึ่งเดือนหลังจากนั้น เย่ซิวก็หมกตัวอยู่แต่กับการกลั่นโอสถและฝึกฝนวิชาต่าง ๆข้างนอกเองก็เริ่มมีข่าวแพร่กระจายไปว่าเย่ซิวสามารถกลั่นโอสถวิญญาณหยกได้ควา
จากท่าทีและสีหน้าของทุกคน เย่ซิวก็พอเดาออกว่าโอสถนี่น่าจะหาได้ยากมากในตลาดไม่งั้นพวกเขาคงไม่แห่กันมาขอซื้อแบบนี้แน่เขาทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ผมก็อยากช่วยนะครับ แต่โอสถตัวนี้ตอนปรุงมันใช้พลังจิตเยอะมากวันหนึ่งผมปรุงได้ไม่กี่รอบเอง แถมวัตถุดิบก็หายากด้วย”ความหมายแฝงก็คือพวกคุณต้องเพิ่มเงินและเตรียมของมาเองซึ่งทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่และเข้าใจเจตนาของเขาทันที ก่อนจะรีบเสนอว่า“ถ้างั้นแบบนี้ดีไหม โอสถวิญญาณหยกหนึ่งเม็ด ฉันให้หนึ่งพันหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณ ส่วนวัตถุดิบเราจัดการเอง แบบนี้ตกลงไหม”เย่ซิวคำนวณในหัวอย่างไวต้นทุนของโอสถวิญญาณหยกต่อเม็ดอยู่ที่ราว ๆ หนึ่งพันศิลาวิญญาณถึงจะรวมค่าแรงและพลังวิญญาณที่ใช้ก็ถือว่าต้นทุนต่ำมาก อย่างมากก็แค่เสียเวลาเฉย ๆเขาสามารถกลั่นได้เป็นหมื่นเม็ดในคราวเดียวถ้าขายให้คนพวกนี้หมื่นเม็ดก็เท่ากับว่าจะได้เงินถึงสิบกว่าล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียวกำไรขนาดนี้ก็แทบจะเรียกได้ว่ากินขาดแต่เย่ซิวก็ยังไม่ตอบตกลงทันที และทำท่าลังเลอยู่รั่วอวิ๋นที่ยืนข้าง ๆ ตบไหล่เขาเสียงดัง “ยังจะลังเลอะไรอีกล่ะ?นี่มันโอกาสทองเลยนะ ได้ทั้งเงินได้ทั้งฝึกฝีมือ”เย่ซิวถ