เหมือนสัตว์ร้ายสองตัวที่ขาดสติ ทั้งใช้ฟันกัด ใช้เล็บจิก สารพัดวิธีที่จะทำได้เฉินหย่งฮ่าวรู้สึกหวาดกลัวกับฉากนี้มาก เขาหมอบกราบเย่ซิวด้วยน้ำมูกและน้ำตาที่ไหลเจิ่ง“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ โปรดไว้ชีวิตฉันด้วย ต่อไปนี้ฉันจะทำความดีทุกวันเพื่อไถ่บาปของฉัน”เขาไม่เคยหวาดกลัวและสิ้นหวังเท่าวันนี้มาก่อน ได้แต่ต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองด้วยการก้มคำนับอย่างต่อเนื่องสายตาของเย่ซิวเย็นชามาก แทบจะไม่ขยับเลยแม้แต่น้อยไม่กี่นาทีต่อมา เดลี่ก็คลานมาหยุดอยู่ตรงหน้าเย่ซิวด้วยร่างที่โชกเลือด พร้อมกับประจบประแจงเหมือนสุนัขที่ร้องขอความเมตตาจากเจ้าของ“นายท่าน ฉันชนะแล้ว ยังมีสิ่งใดให้รับใช้อีกไหมคะ?”เย่ซิวชี้ไปที่เฉินหย่งฮ่าว "ทหารรับจ้างอย่างพวกเธอคงช่ำชองเรื่องการทรมานคน ฉันต้องการให้เขาถูกทรมานทุกรูปแบบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง"การฆ่าเขาโดยตรง มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาเกินไปเย่ซิวอยากให้เขาได้ลิ้มรสชาติของความทรมานทุกรูปแบบในโลก แบบนี้ถึงจะสามารถปลอบประโลมดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นได้เดลี่เลียปากของเธอ "ไม่ต้องห่วง ฉันเก่งเรื่องพวกนี้"เธอหันกลับไปทุ่มเฉินหย่ง
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว?”ชายร่างกายกำยำใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราเดินเข้ามาหาเดลี่แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบาเดลี่ตอบว่า "สมิธไปหาผู้หญิงแล้ว ยังไงซะ การมารับพวกแกก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้ว"ชายร่างกายกำยำหัวเราะเบา ๆ "ฉันได้ยินมาว่าผู้หญิงของประเทศหลงเถิงนั้นอวบอิ่มจนแทบจะคั้นน้ำออกมาจากผิวได้อยู่แล้ว อีกเดี๋ยวฉันจะไปเห็นด้วยตาตัวเองสักหน่อย"สีหน้าท่าทางของเดลี่เป็นไปตามปกติ "แค่นั้นจะไปพออะไร เดี๋ยวไปหาเอาที่บาร์ก็จบเรื่อง คราวนี้เป้าหมายได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่"ชายร่างกายกำยำส่ายหัว "จะมองหาพวกที่ถูกเล่นจนเละในบาร์ไปเพื่ออะไร? หาจับผู้หญิงดี ๆ สักคนจะบันเทิงกว่าเยอะ”“หลังจากเล่นเสร็จแล้วก็ฆ่าซะ ความรู้สึกแบบนั้นไม่ต้องบอกว่าสะใจแค่ไหน"เดลี่เตือนด้วยเสียงต่ำว่า "ที่นี่คือประเทศหลงเถิง ไม่ใช่ประเทศหยวน ระวังตัวไว้หน่อยจะดีกว่า"ชายร่างกายกำยำไม่ยี่หระ "ประเทศหลงเถิงแล้วไง กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น!"เดลี่ก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกันแต่เมื่อเธอได้พบกับเย่ซิวซึ่งทำให้ทัศนคติของเธอเปลี่ยนไปไปโดยสิ้นเชิง เธอจึงไม่กล้าดูถูกประเทศที่มีม
ตามปกติแล้ว พลังวิญญาณที่อยู่บนพื้นดินควรจะหนาแน่นกว่าในอากาศถึงจะถูกท้ายที่สุดบนท้องฟ้าไม่มีอะไรที่สามารถก่อให้เกิดพลังงานวิญญาณได้“ไม่ถูกต้อง!”ทันใดนั้นเย่ซิวก็เงยหน้าขึ้น สายตาของเขาดูเหมือนจะเจาะทะลุเพดานของเครื่องบินออกไป "พลังแห่งเอกภพ!"สิ่งที่เรียกว่าพลังแห่งเอกภพนั้นรวมไปถึงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์อีกจำนวนมากด้วยพลังงานเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบของผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในสมัยโบราณอาทิเช่นพลังแห่งตะวัน พลังแห่งจันทราเป็นต้นอาจเป็นเพราะรูปแบบบางอย่างที่เย่ซิวไม่สามารถเข้าใจได้ จึงคิดไปว่าพลังงานเหล่านี้เป็นพลังวิญญาณอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการค้นพบที่น่ายินดีแสดงให้เห็นว่าเย่ซิวได้ค้นพบวิธีในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาอีกวิธีหนึ่งแล้วหลับตาลงแล้วขับเคลื่อน "พระสูตรราชาแห่งยา" เพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณแต่ละสายนั้นเดลี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาจู่ ๆ ก็ตัวสั่นและบังเกิดความรู้สึกแปลก ๆราวกับการแช่กายในบ่อน้ำพุร้อน สมรรถภาพทางกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุดเธอทั้งตกใจและก็ดีใจในเวลาเดียวกันจากการคาดเดาอาจเป็นเพราะเย่ซิว ซึ่งทำให้เธอตั้งใจที่จะทำให้เขาพึงพอใจมาก
ทันทีที่วิชายุทธของเขาขับเคลื่อนไป เขาก็พบว่าพลังวิญญาณที่นี่มีพลังงานหนาแน่นเป็นอย่างมาก หนาแน่นกว่าที่เขาพบบนท้องฟ้าเป็นสิบเท่า“นี่…” แววตาประหลาดใจของเย่ซิวแวบขึ้นมา หลังจากสัมผัสอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็พบว่าพลังวิญญาณนั้นส่งมาจากใต้ฝ่าเท้าของเขาหันมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง ก็พบว่ามีพืชพรรณเขียวชอุ่มและมีวัตถุดิบทางยาหายากมากมายที่เติบโตอยู่ที่ที่ทหารรับจ้างเลือดเย็นเหล่านั้น โดยปกติย่อมมองไม่ออกว่าวัตถุดิบทางยาที่นี่ล้ำค่าแค่ไหน คิดว่าคงถูกมองว่าเป็นวัชพืชด้วยซ้ำไม่ได้รู้เลยว่าเพียงหนึ่งการกวาดตามองนี้ เย่ซิวก็เห็นพืชสมุนไพรหลายสิบชนิดที่มีมูลค่านับสิบล้านแล้ว“ข้างล่างนี้ เกรงว่าจะมีบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาอยู่เสียแล้ว!”เย่ซิวตัดสินใจ แต่ไม่รีบร้อน เขาตัดสินใจที่จะถอนรากถอนโคนกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตก่อนเขามองไปที่เดลลีแล้วพูดว่า "โทรหาหัวหน้ากองกำลังของเธอ แล้วถามเขาว่าอยู่ข้างในไหม"เดลี่รีบหยิบโทรศัพท์มือถือที่ดูเหมือนอิฐออกมาและกดหมายเลขที่เข้ารหัส“เฮ้ เดลี่ เป็นยังไงบ้างแล้ว?”เสียงหยาบดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เราจะได้รับค่าตอบแทนอีกครึ่งหนึ
วินาทีต่อมาเย่ซิวก็มาปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่หนึ่งที่เต็มไปด้วยหมอกพื้นที่นี้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีเนื้อที่ประมาณสิบตารางเมตรมีบางสิ่งล่องลอยอยู่ในนั้นคัมภีร์โบราณสามเล่ม กระบี่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือที่พื้นผิวปกคลุมไปด้วยสนิมหนึ่งเล่มหินก้อนขนาดเท่ากำปั้นก้อนหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสีเทา และมีส่วนน้อยที่เป็นสีขาวพลังวิญญาณอันเข้มข้นเล็ดลอดออกมาจากหินนี้เย่ซิวใช้พลังจิตของเขา พยายามเข้าใกล้สิ่งของเหล่านี้ให้มากขึ้นทันใดนั้นจิตของเขาก็กลับมา และพบว่ามีของสองสามอย่างมาปรากฏอยู่ในมือ“มันคือแหวนผนึกของในตำนานจริง ๆ!”เย่ซิวดีใจมาก การเดินทางมาประเทศหยวนครั้งนี้คุ้มค่าจริง ๆ ถึงกับได้พบกับแหวนผนึกของในตำนานนี้!สายตาของเขาจ้องมองไปที่หินสีเทาสลับขาวเป็นอันดับแรกนี่น่าจะเป็นศิลาวิญญาณในตำนาน!เย่ซิวเดาว่าแหวนผนึกของนั้นมีอายุนานเกินไป และมีบางอย่างผิดปกติกับโครงสร้างภายใน จึงทำให้เกิดรอยแตกร้าว ซึ่งทำให้พลังงานในศิลาวิญญาณรั่วไหลออกมาเย่ซิวพยายามอัดพลังวิญญาณเข้าไปในแหวนผนึกของเพื่อดูว่าจะสามารถซ่อมแซมได้หรือไม่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือรอยแตกนั้นเล็กลงเรื่อย ๆ
กริชเล่มนั้นอยู่ห่างจากชายคนนั้นเพียงไม่กี่เซนติเมตร แต่ถูกเย่ซิวสกัดกั้นมันไว้ทหารรับจ้างหญิงหลายคนในบริเวณใกล้เคียงคิดว่าเย่ซิวเป็นพวกเดียวกันกับอีกฝ่าย จึงหันมาโจมตีเขาโดยไม่ลังเลอย่างไรก็ตาม การโจมตีหลายครั้งล้วนถูกหยุดไว้ห่างจากเย่ซิวไปหลายสิบเซนติเมตร ไม่ขยับเขยื้อน ราวกับว่าถูกกั้นไว้ด้วยกำแพงที่มองไม่เห็นฉากนี้ทำให้ทหารรับจ้างหญิงตกตะลึง รวมถึงชายที่ได้รับการช่วยเหลือจากเย่ซิวด้วย สีหน้าตกใจราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผีเย่ซิวเผชิญหน้ากับชายคนนั้น ยังคงสงบและเยือกเย็นแม้จะอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ "แกน่าจะเป็นผู้นำของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าโลหิตสินะ"เขาพูดภาษาของประเทศหลงเถิง แต่อีกฝ่ายก็ยังฟังออกนอกจากนี้เขายังจำเย่ซิวได้อีกด้วย“แกนั่นเอง!” เขาหน้าซีดด้วยความหวาดกลัว “ทำไมแกถึงมาที่นี่ แกไม่ใช่ว่า...ให้ตายเถอะ นางเดลี่สารเลวนั่นทรยศแล้ว!”เขาไม่ได้โง่ จึงรับรู้สาเหตุได้อย่างรวดเร็ว“บอกฉันมาว่าใครจ้างแกให้มาจัดการกับฉัน”อีกฝ่ายเยาะเย้ย "ในฐานะผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ..."ฉับ!ในขณะที่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ๆ ของเย่ซิว แต่แขนขวาของคู่ต่อสู้ก็กระเด็นลอยสูงขึ้นไป และมีเ
แต่แล้วในครั้งนี้อีกฝ่ายกลับทำผิดพลาดแล้วไม่เพียงแต่ระดับของเย่ซิวจะสูงกว่าที่เขาคาดไว้เท่านั้น แต่ในระหว่างการเดินทางมายังประเทศหยวนนี้ เขายังได้รับวิชากระบี่ที่ตกทอดมาแต่โบราณอีกด้วยหลังจากที่เขาเรียนรู้ได้สำเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาก็จะทะยานขึ้นไปอีกขั้นความคิดต่าง ๆ แวบขึ้นมาในใจของเย่ซิว เขาบดขยี้โทรศัพท์ในมือและมองไปที่ชายตรงหน้าเขาที่ถูกตัวเองหักแขนทิ้ง“ทหารรับจ้างเช่นแกมักจะเก็บเงินไว้ในธนาคารยูนิเวิร์สใช่ไหม โอนเงินทั้งหมดมาให้ฉัน”ธนาคารยูนิเวิร์สเป็นธนาคารที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในโลกธนาคารแห่งนี้ไม่ต้องใช้บัตรประจำตัวในการเปิดบัญชี การรักษาความลับของบัญชีก็ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ฉะนั้นพวกนักธุรกิจรวย ๆ จึงมักจะนำเงินไม่สะอาดเข้ามาฝากไว้อีกฝ่ายไม่กล้าลังเลแม้แต่เล็กน้อย ดังนั้นจึงบอกหมายเลขบัตรธนาคารยูนิเวิร์สและรหัสผ่านสองชั้นมาเย่ซิวหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันที เปิดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของธนาคารยูนิเวิร์สและเข้าสู่ระบบมีมากกว่าสามพันล้านในนั้น ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเขาโอนเงินทั้งหมดไปยังบัตรของตัวเองซึ่งแน่นอนว่าเย่ซิวก็มีบัญชีอยู่ในธนาคารยูนิเวิ
พลังปรารของคนธรรมดาทั่วไปคือสีขาว ส่วนผู้ที่มีโชคหน่อยก็จะเป็นสีกากีผู้ที่มีโชคดีมากจะเป็นสีแดง เหนือขึ้นไปอีกระดับหนึ่งก็จะเป็นสีทอง และสีม่วงคือระดับสูงสุดผู้หญิงคนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสีแดงเข้มและมีสีทองผสมอยู่เล็กน้อย!โชคของเย่ซิวเป็นสีม่วง ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาอย่างมากที่ผู้หญิงคนนี้มีโชคอยู่ในระดับนี้เย่ซิวเคยเห็นของคนอื่น ๆ เช่นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ หลิ่วเมิ่งอิ๋น ซึ่งทุกคนมีสีแดงอ่อน ด้อยกว่าผู้หญิงตรงหน้าเขานี้โดยสิ้นเชิงเย่ซิวอดไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกอยากพิชิตขึ้นมาตราบเท่าที่ผู้หญิงที่มีโชคอยู่ในระดับนี้ยอมสวามิภักดิ์ให้แล้ว มันจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมหาศาลความคิดต่าง ๆ ไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา เย่ซิวก็ได้คิดแผนการณ์เอาไว้แล้ว กลิ่นอายบนตัวเขาจึงค่อย ๆ ถูกเก็บกลับไป "คุณชื่ออะไร?"“เฉินซิ่วน่า” หญิงสาวตอบอย่างว่าง่าย “ท่านคะ เราไม่มีเจตนาที่จะเป็นศัตรูกับท่าน ฉะนั้นแล้วเราลากันตรงนี้ดีหรือไม่?”เธอไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้เช่นเย่ซิวเย่ซิวยิ้ม "วางใจเถอะ ผมไม่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ ออกมาข้างนอกนานชักหิวแล้วสิ ทำไ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน