เนื่องจากได้มีการค้นพบเหมืองหินหยกบริเวณนี้ เซี่ยซิ่วซิ่วจึงได้จัดเตรียมคนจำนวนมากขึ้น จากนั้นอพยพย้ายผู้เช่าในอาคารใกล้เคียงหลายแห่งออกไปโดยให้ย้ายไปยังพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น แต่ค่าเช่าก็ยังเหมือนกับที่นี่ เพราะส่วนต่างที่เกินมาบริษัทสตาร์รี่สกายจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากจะกล่าวว่าบริษัทสตาร์รี่สกายในปัจจุบันมีรายได้มหาศาลต่อวัน ฉะนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในการจ่ายค่าเช่าจำนวนนี้ในไซต์งานก่อสร้าง มีจอมยุทธ์ยอดฝีมือหลายร้อยคนที่คอยเฝ้าอยู่ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผยตัวตนอย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสังเกตเห็นว่ามีดวงตาเย็นชาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่สถานที่นี้จากในความมืด“วิชาล่องหน!”ชายที่อยู่ในความมืดผู้นั้น ถึงกับเป็นผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนคนหนึ่งเขาล่องหนปกปิดกาย จากนั้นเดินผ่านเหล่าจอมยุทธ์ยอดฝีมือที่เดินไปมาอยู่อย่างชิวๆ เมื่อมาถึงหลุมใหญ่แล้ว จึงกระโดดลงไปเขาร่อนลงไปที่ก้นหลุมอย่างเงียบ ๆ และเมื่อเห็นฉากตรงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็แสดงสีหน้าดีใจมาก "ถึงกับเป็น..."......“เยี่ยมมาก ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”หลังจากได้รับโทรศัพท์จากเย่ซิว เซี
เขย่าสมบัติเวทมนตร์ให้แรง เพื่อทำการฝึกให้เซี่ยซิ่วซิ่วแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตอยู่จำนวนมากแล้วหยกเหล่านี้แทบไม่มีสิ่งเจือปน นับได้ว่ามีคุณภาพสูงสุดใต้ดินนั้นถูกเย่ซิวขุดเป็นทางเดินยาวกว่าสิบเมตรเขาใช้คาถาสร้างเสาหลายต้นรอบ ๆ ตัวเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าทางเดินนี้จะพังทลายลงมาเซี่ยซิ่วซิ่วเช็ดปากของเธอ แล้วเดินตามเย่ซิวไปหลังจากจ่าย 'ค่าตอบแทน' ไปแล้ว เธอก็ได้รู้ว่าเย่ซิวได้ก้าวข้ามจอมยุทธ์ระดับเก้าไปแล้ว และเข้าสู่ระดับผู้บำเพ็ญตนเป็นเซียนในตำนานเรื่องนี้ทำให้เธอตกใจและภูมิใจมากยิ่งขึ้นผู้ชายของตัวเองเป็นคนทรงพลังที่สุดในโลกไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบผู้ชายแข็งแกร่ง สิ่งนี้ถูกฝังอยู่ในยีนในสายเลือด“ติ๊ง!”เย่ซิวแทงกระบี่ของเขาไปข้างหน้า แต่คราวนี้เขาเผชิญกับแรงต้าน เสียงที่กระจ่างใสดังออกมาเขาจ้องมองอย่างตั้งใจ และพบว่าได้ขุดเจอสิ่งที่แตกต่างออกไปแล้วมันเป็นแร่สีแดงเพลิงขนาดประมาณฝ่ามือที่ส่งความร้อนออกมากระบี่หงส์โบยบินในมือของเขาสั่นทันที บังเกิดความรู้สึกเร่งเร้าหัวใจของเย่ซิวไหววูบ เขามองลงไปที่กระบี่หงส์โบยบิน "แกอยากได้หินก้อนนั้น?"
ระยะเวลาเพียงสองวัน เซี่ยซิ่วซิ่วก็เปลี่ยนจากขั้นต้นระดับหกพุ่งสู่ขั้นสูงสุดระดับหกหากข่าวความเร็วการทะลวงระดับนี้เผยแพร่ออกไปจะต้องทำให้ชาวโลกตะลึงอย่างแน่นอนในแหวนผนึกของของเย่ซิวมีหยกโลหิตมากกว่าสิบตันแล้วสำหรับศิลาวิญญาณนั้น ภายหลังมีการขุดพบก้อนใหญ่อีกหลายก้อนเขาตัดมันตามขนาดของศิลาวิญญาณชิ้นแรกที่ได้รับ ตอนนี้มีทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดสิบก้อนโชคดีที่แหวนผนึกของมีพื้นที่ขนาดใหญ่ ไม่เช่นนั้นคงใส่ไม่พอแน่ ๆเขาทำการเจาะอุโมงค์ไปแล้วหลายพันเมตรช่วงพลบค่ำ ในที่สุดเขาก็ได้ขุดแร่จากที่นี่ไปจนหมดเย่ซิวถือกระบี่หงส์โบยบินแบบขวาง ด้วยสีหน้าตื่นเต้นหลังจากที่กระบี่เล่มนี้ดูดซับแร่สีแดงเพลิงหลายร้อยก้อนแล้ว บนพื้นผิวของกระบี่ก็ปรากฏแสงสีแดงแหวกว่ายอยู่หากมองดีๆ จะเหมือนลาวาที่กำลังไหลเดือดพล่าน ช่างสวยงามยิ่งนักลวดลายหงส์บนกระบี่ก็ชัดเจนขึ้นมากเขาจ้องมองลวดลายนั้นเป็นเวลานาน ราวกับว่าหงส์จะพุ่งออกมาจากกระบี่อย่างไรอย่างนั้น“ติ๊ง!”เย่ซิวใช้นิ้วดีดลงบนกระบี่ และดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงดังกังวานก้องหูเสียงกังวานนี้มีพลังพิเศษอย่างยิ่ง มันสั่นสะเทือนจิตสำนึกของเขาหลังจา
ประเภทที่สอง เย่ซิวเลือกใช้ 'วิชาศีตละ' แกะสลักบนจี้หยกนี่คือเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์เชิงรุกประเภทหนึ่งหลังจากหลอมเสร็จแล้ว ได้หยดเลือดลงไปหนึ่งหยดหากเผชิญอันตราย เพียงแค่ท่องคาถาออกมาดัง ๆ อาคมในจี้หยกก็จะทำงานทันทีเกิดความหนาวจัดในระยะห้าเมตรโดยมีร่างกายเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะทำให้การเคลื่อนไหวของศัตรูช้าลงสำหรับประเภทที่สองนี้ เย่ซิวทำสำเร็จหลังจากล้มเหลวไม่กี่ครั้งและทำออกมาสองร้อยชิ้นเช่นเดียวกันจากนั้นก็มีวิชาวิญญาณวายุ วิชาแปลงศิลา และที่สำคัญที่สุดคือวิชาส่งสัญญาณภัยวิชาส่งสัญญาณภัยเป็นแบบจัดเต็มครบชุดเย่ซิวเก็บ 'ตัวแม่' หนึ่งชิ้นไว้กับตัว จากนั้นค่อยผลิต 'ตัวลูก' ออกมาจำนวนมากตราบใดที่ตัวลูกส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เย่ซิวจะสามารถระบุตำแหน่งได้ทันทีและออกไปช่วยเหลือหลังจากยุ่งมาทั้งคืน เย่ซิวรู้สึกเหนื่อยล้ามาก พลังวิญญาณในจุดตันเถียนของเขาว่างเปล่าไม่มีเหลือหลังจากดื่มสุราวิญญาณไปสองสามจิบ แล้วนั่งสมาธิเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง พลังวิญญาณก็ได้รับการเติมเต็ม และพัฒนาดียิ่งขึ้นเมื่อดูเวลา พบว่าขณะนี้เป็นเวลาตีห้าแล้วเขาผล็อยหลับไปทันทีแม้ว่าเขาไม่ต้องนอนตอนนี
หลังจากซักถามอย่างละเอียดแล้วจึงได้รู้เหตุผลมันอดคิดถึงใครบางคนไม่ได้ก็เลยมาหาคาดไม่ถึงว่าเย่ซิวยังไม่กลับมา ไม่ได้เจอเขาเลยครั้งหนึ่งตอนที่ออกไปซื้อของกับหลานสาว ถูกหลัวจิ่นเห็นเข้า จากนั้นเขาก็เริ่มตามจีบเธออย่างบ้าคลั่งทันทีแต่หลัวฮุ่ยหมิ่นไม่ชอบเขาจึงบอกปฏิเสธต่อหน้าไปแล้วแต่หลัวจิ่นคนนี้ไม่ยอมตัดใจ ขอดันทุรังต่อเดิมทีหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นอยากมาอ่านหนังสือที่ห้องสมุดวันนี้ แต่หลัวจิ่นตามมาด้วยและเขาใช้เงินไล่ทุกคนออกไปจากที่นี่แล้วให้คนมากมายมายืนถือดอกไม้และเล่นไวโอลิน ช่างโรแมนติกสุด ๆผู้หญิงทั่วไปอาจจะชอบและตอบตกลงไปแล้วแต่หลัวฮุ่ยหมิ่นกลับไม่แยแส และแสดงสีหน้ารังเกียจอย่างสุดซึ้งหลัวจิ่นถือดอกไม้ราคานับล้านบาท และมองหลัวฮุ่ยหมิ่นอย่างเสน่หา“ฮุ่ยหมิ่น ผมชอบคุณมากจริง ๆผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นขอแค่คุณยอมคบกับผม ต่อไปเราแต่งงานกันแล้ว ทรัพย์สินมูลค่านับนับหมื่นล้านของตระกูลผมจะยกให้คุณดูแลทั้งหมด”ผู้หญิงที่หลัวจิ่นเชิญมาถือดอกไม้ต่างพากันตื้นตันใจถ้าเป็นตัวเองคงตอบตกลงไปนานแล้วเขามีทรัพย์สินนับหมื่นล้านตั้งแต่ยังหนุ่ม และที่สำคัญหล่อขนาดนี้
หลัวฮุ่ยหมิ่นรำคาญหลัวจิ่นมาก เธอขมวดคิ้วอย่างเย็นชา และตะโกนไปว่า "สรุปคุณจะหลีกทางให้ไหม?"หลัวจิ่นยิ้มอย่างขมขื่น "อย่าทําแบบนี้เลย ผมจริงใจกับคุณจริง ๆ โตจนป่านนี้ผมยังไม่เคยมีความรักเลย คุณเป็นรักเดียวของผมนะ"“ฮ่าฮ่า คำพูดของคุณมันปลอมมาก” เย่ซิวเดินเข้ามาและพูดอย่างใจเย็น "สังเกตจากเส้นลมปราณของคุณ เกรงว่าคุณเสียหยางดั้งเดิมไปตั้งแต่อายุสิบกว่าปีแล้ว"หลัวจิ่นหันกลับมา และมองเย่ซิวอย่างอิจฉาริษยาผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าช่างสมบูรณ์แบบมาก เอาตัวเองไปยืนข้างเขามันเทียบกันไม่ติดเลย“เย่ซิว!”เมื่อหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นเห็นเขา พวกเธอดีใจทันทีและรีบวิ่งไปหาอย่างรวดเร็วสาวงามสองคน คนหนึ่งสาวใหญ่คนหนึ่งสาวน้อย แยกกันจับแขนคนละข้างของเย่ซิวและพูดว่า“เย่ซิว ในที่สุดนายก็มาแล้ว”ว้าว ทำไมนายถึงหล่อขึ้นอีกแล้ว แถมยังบุคลิกดีขนาดนี้อีก ยืนข้างนายแล้วรู้สึกต่ำต้อยไปเลย”“ฉันหิวแล้วอ่ะ เลี้ยงข้าวฉันหน่อยสิ”“ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงฉันบ้างไหม?”…… เมื่อหลัวจิ่นเห็นว่าผู้หญิงที่ตนเองตามจีบอย่างหนักไม่ไว้หน้าเขาเลย กลับไปหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวผู้ชายอีกคน ใบหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นด
หลัวจิ่นมองเย่ซิวอย่างภาคภูมิใจ "ทำไม ไม่กล้าพูดเหรอ? อึ้งจนพูดไม่ออกหรือไง?ฉันแนะนำให้คุณเลิกยุ่งกับฮุ่ยหมิ่นโดยเร็ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างคุณสมควรได้ครอบครอง”เย่ซิวส่ายหน้าอย่างจำใจ "จำเป็นต้องขนาดนั้นเลยเหรอ จะให้ผมตบหน้าคุณสักทีถึงจะพอใจใช่ไหม?"พูดจบเขาก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบจี้หยกกับแหวนหยกออกมาจำนวนหนึ่ง ความเป็นจริงคือเอามันออกมาจากแหวนผนึกของซึ่งเดิมทีตั้งใจจะมอบให้หลัวอีอีแต่ในเมื่อหลัวฮุ่ยหมิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเอาให้เธอสักหน่อยดีกว่า“จี้หยกนี้ผมขอมอบให้คุณ ห้อยมันไม้กับตัวแล้วคุณจะปลอดภัยฝากเอาไปให้นายท่านหลัวและพี่ชายของคุณคนละชิ้นด้วยส่วนแหวน พวกคุณเอาไปคนละหนึ่งวง”“ว้าว สวยจังเลย!”“มันคืออะไร? ดูแพงมากเลย”สาวงามทั้งสองตกใจกับสิ่งที่เย่ซิวหยิบออกมาหากเปรียบหยกขาวมันแพะของหลัวจิ่นเป็นม้าธรรมดา งั้นของเย่ซิวก็คงเป็นม้าเหงื่อโลหิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ทั้งสองสิ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลยหลัวอีอีกับหลัวฮุ่ยหมิ่นชอบจี้หยกที่เย่ซิวให้มากจนวางไม่ลงทันใดนั้นพวกเธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ ทำให้ใบหน้าแดงก่ำไปหมดเย่ซิวมอบแหว
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่มีดพับจะทำอันตรายใด ๆ แก่เย่ซิวได้เขามองดูหลัวอีอีในอ้อมแขนที่หวาดกลัวจนใบหน้าซีดเผือด และร้องไห้โฮดั่งดอกท้อต้องฝน เขาพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณร้องไห้ทำไม ผมไม่เป็นอะไรสักหน่อย"มีดพับหยุดชะงักห่างจากหลังของเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตร ดูเหมือนว่ามีมือที่มองไม่เห็นคว้าไว้ ทำให้มันไม่สามารถไปต่อได้สีหน้าของหลัวจิ่นเปลี่ยนไปอย่างมาก และแม้จะใช้พละกำลังทั้งหมดที่เขามีก็ไม่สามารถดันเข้าไปได้อีก ทันใดนั้นเขาก็อุทาน "มันเป็นไปได้อย่างไร?!"เขาเป็นคนมีวิทยายุทธ และไม่ใช่ไก่อ่อนฉากตรงหน้าทําให้เขานึกถึงคําพูดที่ว่า…การปลดปล่อยกำลังภายใน!ปัง!เย่ซิวหันกลับมาเตะเข้าที่สีข้างของเขา จนเขากระเด็นไปบนกำแพง โดยที่ยังห้อยต่องแต่งอยู่ตรงนั้น ไม่แม้ขยับเขยื้อนเย่ซิวควบคุมพลังได้ดีมาก เพียงแค่ทำให้ซี่โครงของเขาหักหลายสิบซี่เท่านั้น ไม่ได้ถึงแก่ชีวิตการฆ่าเขาโดยตรงมันไม่สามารถลดทอนความแค้นความเกลียดชังในใจเย่ซิวได้หลัวอีอีรีบวิ่งไปที่ด้านหลังเย่ซิว เมื่อเห็นว่าหลังของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกเย่ซิวลูบศีรษะของเธอ "เด็กโง่ ต่อไปอย่าทำเรื่องโง่ ๆ แบ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน