อุณหภูมิสูงที่ปลดปล่อยออกมาจากอำพันสูงถึงห้าถึงหกร้อยองศาแล้วเปลี่ยนเป็นคนอื่น ร่างทั้งร่างคงจะละลายไปแล้วแต่สำหรับเย่ซิวซึ่งถือครองกายาวัชระคงกระพัน กลับไม่รู้สึกอะไรมากนักเขามองดูอำพันอย่างตั้งใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ ถึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นจะมีสัญญาณอะไรภายใต้สายตาที่จับจ้องของเขา อำพันก็เริ่มละลายจากนั้นงูขาวน้อยก็มีชีวิตขึ้นมาควรจะพูดว่าเดิมทีมันก็ไม่ได้ตาย อำพันนี้มีไว้เพื่อใช้ผนึกมันเท่านั้นงูขาวน้อยมีความยาวประมาณนิ้วชี้ของผู้ใหญ่ มันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววสับสนเย่ซิวดูออกว่างูขาวน้อยตัวนี้อ่อนแอมากสิ่งแรกที่มันทำหลังจากลืมตาก็คือมองหาอาหาร มันกัดลงบนฝ่ามือของเย่ซิวโดยตรงสิ่งที่ทำให้เย่ซิวตกตะลึงก็คือ ร่างกายของเขาซึ่งสามารถทนต่อการยิงของขีปนาวุธ ถึงกับไม่อาจหยุดยั้งฟันของงูขาวน้อยตัวนี้ได้ความเจ็บปวดแล่นส่งมาจากกลางฝ่ามือของเขา งูขาวน้อยก็ดื่มเลือดจำนวนมากลงไปเย่ซิวเหวี่ยงมันออกไปอย่างแรง โยนงูขาวน้อยไปติดกับผนังทว่ากลับไร้ซึ่งซุ่มเสียง ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ทั้งสิ้นเย่ซิวค่อนข้างจะตกใจทีเดียว แม้ว่าเขาจะไ
เมื่อได้กลิ่นหอมของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปด้านนอก แต่ละคนก็คลานออกไป มองดูหม้อใหญ่ใบนั้นอย่างกระตือรือร้นหวังซวงมองเด็ก ๆ เหล่านี้ซึ่งอายุมากที่สุดเพียงยี่สิบปีด้วยความสงสาร น้ำเสียงของเธออ่อนโยนมาก เธอพูดด้วยภาษาท้องถิ่นว่า "เอาล่ะ มากินข้าวกันเถอะ"“ได้จริง ๆ เหรอคะ?” เด็กสาวคนหนึ่งถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ตอนนี้ภายใต้การปกครองของหกตระกูลใหญ่ พวกเขาสูญเสียศักดิ์ศรีไปตั้งนานแล้ว จะทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้จมูกของหวังซวงรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อย "แน่นอนว่าเข้ามาได้กินได้มากเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น"หลังจากที่เธอยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เด็กเหล่านี้ก็หยิบชามบนพื้นและเข้าแถวเพื่อเติมบะหมี่จากนั้นก็กินอย่างตะกละตะกลามสิ่งเหล่านี้ถือเป็นอาหารขยะของคนจำนวนมากในประเทศของเขา แต่ในสายตาของเด็กเหล่านี้ มันเป็นอาหารที่โอชะที่สุดในโลกเย่ซิวยืนอยู่ที่ประตู มองสภาพของพวกเขา ความเกลียดชังที่มีต่อหกตระกูลใหญ่ในใจก็ยิ่งข้นคลั่กมากขึ้นเขาไม่ใช่คนหนุ่มประเภทที่หัวร้อนมุทะลุง่ายอย่างที่ใครเขาว่ากันแต่สิ่งที่หกตระกูลใหญ่ทำไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งสมควรทำเลย แทบจะไม่ต่างไปจากเดรัจฉาน
เมื่อเด็ก ๆ ในบ้านได้ยินเสียงดังจากข้างนอก แต่ละคนก็เผยสีหน้าหวาดกลัว ขดตัวและตัวสั่นอยู่บนเตียงนี่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นแล้วว่าคนเหล่านั้นสร้างบาดแผลไว้ในใจพวกเขามากน้อยแค่ไหนเย่ซิวไม่ได้ออกหน้า จากนั้นก็ใช้วิชาล่องหนหวังซวงเดินออกไปเจรจากับพวกเขา“ทุกท่าน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”หวังซวงสวมเสื้อกันลมไว้เพื่อปกปิดเรือนร่างที่ร้อนแรงของตัวเอง และยังจงใจแต่งหน้าทำให้ดูแก่กว่าวัยเป็นสิบปีด้วย“ข้างในบ้านเป็นใครมาจากไหน?” ชายผมสั้นเงยหน้าขึ้นมองหวังซวงขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่รู้ทำไม ในใจถึงรู้สึกร้อนวูบวาบแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของเธอจะเปลี่ยนไป แต่เสน่ห์บนตัวนั้นยากที่จะปิดซ่อนไว้มิดแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะดูแก่ไปสักหน่อย แต่ก็ให้อารมณ์อย่างหนึ่งที่พิเศษมากมีอีกหลายคนที่มีความคิดคล้าย ๆ กันหวังซวงยิ้มและพูดว่า "ข้างในล้วนเป็นคนงานที่ฉันรับสมัครมาเพื่อให้ทำงาน ถ้าไม่เชื่อคุณสามารถเข้าไปดูได้"พวกเขาเองก็ไม่เกรงใจ เดินเข้าไปตรวจดูทีละห้องเฉินหลานซ่อนตัวอยู่บนหลังคาบ้าน คนเหล่านี้จึงหาเธอไม่พบหลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว คนเหล่านั้นก็มารวมตัวกันแม้ว่าหวังซวงจะมีความสามารถในการฆ่าพวกเขาได้ใน
ประชากรในเขตเล็ก ๆ นี้มีไม่มาก หรือก็คือมีราวสามถึงห้าหมื่นคน และส่วนใหญ่ก็ประกอบอาชีพพิเศษ“ซวยเป็นบ้า ดันเจอคนติดโรค หวังว่าจะไม่แพร่เชื้อมาสู่เราหรอกนะ”“วางใจเถอะ เราไม่ได้สัมผัสเธอโดยตรง จะติดเชื้อได้ยังไง”“ลืมเรื่องนางนั่นไปซะเถอะ คืนนี้เราไปหาเด็กสาว ๆ ไม่กี่คนมาระบายความโกรธกันจะดีกว่า”……. คนกลุ่มนี้จอดรถ แล้วพวกเขาก็เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปยังอาคารสามชั้นหน้าประตูมีผู้หญิงหน้าตาสวยหลายคนยืนอยู่ เรียกแขกไม่หยุดเมื่อเห็นว่าคนกลุ่มนี้แต่งตัวอย่างไร เจ้าของร้านนี้ก็ไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย รีบเชิญพวกเขาไปที่ห้องวีไอพี จากนั้นก็พูดคุยด้วยรอยยิ้ม“นายท่านทุกท่าน โปรดรอสักครู่ ผมจะเรียกสาว ๆ ที่คุณภาพดีที่สุดมาที่นี่เดี๋ยวนี้”หนึ่งในนั้นโบกมือ ดูกระเหี้ยนกระหือรือเล็กน้อย "รีบไป ถ้าแกกล้ากั๊กของดี ๆ เอาไว้ ฉันจะหักขาสุนัขของแกซะ!"“ไม่กล้า ๆ ทุกท่านโปรดรอสักครู่”เจ้าของร้านรีบร้อนจากไป ปิดประตูลงเบา ๆ แต่ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งคนกลุ่มนี้หัวเราะชอบใจ“ประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าของร้านนี้รวดเร็วมากทีเดียว ไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ…”แต่ยังไม่ทันได้พูดจบคำพูดน
หญิงต่างชาติเดินลึกเข้าไปในตรอก หันกลับมามองดูรอบ ๆ เป็นระยะ ๆ ท่าทางระมัดระวังอย่างมากเย่ซิวตามหลังโดยเว้นระยะห่างจากเธอสองเมตร อีกฝ่ายจึงไม่สังเกตเห็นหลังจากเลี้ยวซอกแซกไปมา อีกฝ่ายก็เข้าไปในบ้านเพดานต่ำหลังหนึ่งเย่ซิวไม่ได้ตามเข้าไป เขาพบว่าสถานที่นี้ดูธรรมดามาก แต่ข้างนอกกลับเต็มไปด้วยรังสีอินฟราเรดหนาแน่นอีกทั้งเย่ซิวสามารถบอกได้เลยว่าเครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้มีไว้สำหรับให้พลเรือนทั่วไปใช้งานแต่เป็นเครื่องมืออินฟราเรดคุณภาพสูงที่ใช้ในสถานที่สำคัญในประเทศที่พัฒนาแล้วเย่ซิวท่องอาคม เสกอาคมที่กินพลังวิญญาณมากอาคมหนึ่ง…วิชาดำดินภายในห้องเต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย ข้างในมีนักวิทยาศาสตร์หลายสิบคนสวมเสื้อกาวน์สีขาวกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานหลังจากหญิงต่างชาติเข้ามาแล้ว ก็มีชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราเดินเข้ามาถามว่า "เป็นยังไงบ้าง?"หญิงต่างชาติหยิบหลอดแก้วเล็ก ๆ หลายสิบหลอดซึ่งบรรจุเลือดไว้ข้างในออกมาจากกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง“ทุกคนในเขตเล็ก ๆ นี้ที่ทำให้ยีนแวมไพร์เกิดปฏิกิริยาได้ ล้วนถูกเอาเลือดมาหมดแล้ว”ดวงตาของชายคนนั้นเป็นประกาย เขารับหลอดทั้งหมดมา "ทำงาน รีบ
เมื่อพวกเขาประสบความสำเร็จในการสร้างแวมไพร์และอีกหลายสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในตำนานของประเทศจ้านอิง แม้ว่าเย่ซิวจะแข็งแกร่งกว่านี้อีกเป็นสิบเท่า ก็ไม่สามารถต้านทานพวกมันได้แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเย่ซิว ในเมื่อเรื่องแบบนี้ถูกตัวเองค้นพบแล้ว เขาย่อมไม่เพิกเฉยต่อมันในอีกด้านหนึ่ง เดซี่พาเพื่อนร่วมงานห้าคนมาถึงบ้านของเป้าหมายอย่างรวดเร็วมีคนอยู่ในบ้านเพียงสองคน เด็กสาวที่ผอมมากซึ่งสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตรคนหนึ่งเนื่องจากการขาดสารอาหารเป็นเวลานาน เธอจึงดูไม่แข็งแรงมาก แม้แต่เส้นผมก็ยังหยาบกร้านและเป็นสีเหลืองอีกด้วยนอกจากนี้ยังมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอซีดเซียว แค่ดูก็รู้ว่าป่วยหนัก“พวกคุณ...เป็นใคร...จะทำอะไร” เด็กสาวถามด้วยสีหน้าหวาดกลัวเธอจำเดซี่ผู้หญิงที่เมื่อไม่นานมานี้ใช้เข็มแทงตัวเองได้เดซี่ขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ จึงก้าวไปข้างหน้าและหิ้วเด็กสาวขึ้นมาเด็กสาวพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างรุนแรงมาก "พวกคุณทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้"เดซี่หันหลังกลับ แต่ทันใดนั้นเธอก็มองลงไปผู้หญิงบนเตียงกำลังพยายามใช้มือดึงกางเกงของเธออย่างยากลำบากมาก“
“กรี๊ดดด!!!”ความเจ็บปวดที่รุนแรงซึ่งมาอย่างกะทันหัน ทำให้ยานอนหลับที่ฉีดเข้าไปในร่างของเด็กสาวสิ้นฤทธิ์ เธอเบิกตาทั้งสองข้างขึ้นทันทีสายต่าง ๆ บนร่างถูกทำลายด้วยพลังที่มองไม่เห็นกางเกงของเธอสั้นลงทีละเล็กทีละน้อย ไม่ นั่นเป็นเพราะขาของเธอยาวขึ้นต่างหาก มือคู่นั้นเรียวเล็กลง และเล็บก็งอกออกมายาวกว่าสิบเซนติเมตรดวงตาของเด็กสาวค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเลือด เธออ้าปากออก เขี้ยวยาวสองเขี้ยวงอกออกมาและส่องแสงอันเย็นเยียบอุณหภูมิทั้งห้องลดลงอย่างกะทันหันชายผู้มีหนวดเคราถือแล็ปท็อปในมือข้างหนึ่ง หัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่ออ่านข้อมูลข้างในนั้น “ความเร็วในการหลอมรวมเร็วมาก ตอนนี้มาถึงสิบหกเปอร์เซ็นต์แล้ว ถือว่าประสบความสำเร็จ!"เมื่อพิจารณาจากการทดลองตลอดหลายปีของพวกเขา ตราบเท่าที่ระดับการหลอมรวมใด ๆ เกินสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในก้าวแรกแล้วข้อมูลนี้ส่งมาจากชิปที่ฝังอยู่ในร่างของเด็กสาวเมื่อวันก่อน มันจึงแม่นยำอย่างมากแถมยังไม่ได้หยุด มันยังคงหลอมรวมต่อไปในไม่ช้า ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่ง เด็กสาวก็ประสบความสำเร็จในการหลอมรวมที่น่าสะพรึงกลัว น
เย่ซิวไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่นาน เขากลับไปหาพวกเฉินหลานโดยตรงสองสาวประหลาดใจอย่างยิ่งที่เห็นเย่ซิวพาผู้หญิงคนหนึ่งกลับมาด้วย แต่พวกเธอก็ไม่ได้ถามอะไรในห้อง เย่ซิวปลุกเด็กสาวเธอเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกทำให้หวาดกลัว ปฏิกิริยาแรกของเธอหลังจากตื่นขึ้นมา ก็คือแยกเขี้ยวแล้วปรี่เข้าไปหาเย่ซิวเย่ซิวยกมือขึ้นคว้าตัวเธอไว้ ในใจก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยอาศัยเพียงแค่พละกำลังอย่างเดียว เด็กสาวคนนี้ก็มีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ระดับแปดแล้วถ้ารอจนกว่าเธอสามารถควบคุมพลังของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ ความสามารถในการต่อสู้ของเธอก็จะยกระดับขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง“ใจเย็น ๆ ก่อน!”เย่ซิวตะโกนด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยพลังสายหนึ่งที่สามารถปลอบประโลมความรู้สึกของผู้คนได้เด็กสาวหยุดดิ้นรน บางทีอาจเป็นเพราะเธอสัมผัสได้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซิวดวงตาสีแดงสดคู่นั้นยังคงจ้องมาที่เขาเขม็งเย่ซิวพูดด้วยภาษาท้องถิ่น สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอที่จะเรียนรู้“นึกย้อนไปให้ดี ๆ ก่อนที่เธอจะหมดสติไปเกิดอะไรขึ้น”เด็กสาวสงบลง จากนั้นน้ำตาก็ไหลลงมาไม่หยุด ร่างกายไม่สามารถหยุดสั่นได้เลย“แม่ของฉ
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน