เย่ซิวเปิดเปลือกตาของชายชราและตรวจชีพจรของเขา ก่อนจะพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง มีฉันอยู่ที่นี่ คุณปู่ของเธอจะไม่เป็นอะไร”จากนั้นเย่ซิวก็หยิบกล่องปฐมพยาบาลข้าง ๆ ซึ่งมียาห้ามเลือดอยู่ข้างในเขาโรยมันทั่วบาดแผลของชายชราจากนั้นก็ตรวจสอบร่างกายให้ชายชราอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่ามีกระดูกบางส่วนหักและชายชราก็น่าจะอายุประมาณหกสิบกว่าแล้วหากในวัยนี้มีปัญหากระดูกหัก มันอาจถึงแก่ชีวิตได้ตามหลักการที่ว่า การช่วยหนึ่งชีวิตนั้นยิ่งใหญ่กว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเย่ซิวไม่ลังเลที่จะใช้กำลังภายในของเขาช่วยรักษากระดูกที่หักของชายชรารอบ ๆ มีผู้คนมากมายมุงดูอยู่เมื่อเห็นว่าเย่ซิวยังเด็กมาก ทุกคนต่างก็สงสัยในทักษะทางการแพทย์ของเขาแต่ไม่นานก็มีคนอุทานออกมา“พระเจ้า ดูชายชราคนนั้นสิ หน้าเขาหายซีดแล้ว”“พ่อหนุ่มคนนี้เป็นหมอเทวดา!”“หมอหญิงเมื่อกี้ต่างหากที่เป็นหมอเถื่อน โชคดีที่มีพ่อหนุ่มคนนี้อยู่ ไม่อย่างนั้นคงมีคนตายฟรีเพิ่มขึ้นในโลกนี้อีก”“ทำได้ดีมากพ่อหนุ่ม”…… เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของผู้คนรอบตัวน่าหลันเหยียนหรานก็ตกตะลึง ก่อนจะวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจเซี่ยซิ่วซิ่วพอได้เห็นดวงตาของเธอก
คำพูดของเด็กสาวดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีจากนั้น นอกจากเย่ซิว ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็ตกตะลึงชายชราดูเหมือนได้รับบาดเจ็บสาหัสและมีเลือดท่วมตัวตอนนี้กลับฟื้นขึ้นมาแล้ว“คุณปู่เป็นยังไงบ้างคะ?” เด็กสาวช่วยพยุงชายชราเสียงของชายชราฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย แต่สีหน้าเขาก็ไม่ได้แย่ “เวียนหัวเล็กน้อย นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร”แพทย์เหล่านั้นรีบหยิบเครื่องมือต่าง ๆ ออกมาตรวจร่างกายของชายชราทันทีผลลัพธ์ทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก“ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นปกติดี ยกเว้นความดันโลหิตที่ต่ำเล็กน้อย พระเจ้า พ่อหนุ่มคนนี้เป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้อย่างนั้นเหรอ?”เด็กสาวพยักหน้าหนัก ๆ “พี่ชายคนนี้เขาเก่งมากเลยค่ะ ถ้าไม่มีเขา ปู่ของฉันคงไม่รอด”แพทย์คนก่อนหน้านี้รีบขอโทษเย่ซิวทันที“น้องชาย เมื่อกี้พวกเราบุ่มบ่ามเกินไป”“ทักษะทางการแพทย์ของนายยอดเยี่ยมมาก คงจะมาจากสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงแน่ ๆ”เย่ซิวโบกมือ ไม่ได้อธิบายอะไรมากน่าหลันเหยียนหรานมองไปที่เย่ซิวที่ได้รับการชื่นชมจากทั่วสารทิศ เธอรู้สึกอึดอัดและไม่พอใจอย่างยิ่งแต่เธอก็รู้ดีว่าเธอทำให้ทุกคนโกรธ ตอนนี้จึงไม่กล้าพูดจาเยาะเย้ยเย่ซิวอีก
ตอนเดินผ่านน่าหลันเยียนหราน เย่ซิวหยุดเดิน “ฉันขอแนะนำเธอทางที่ดีเปลี่ยนอาชีพ จรรยาบรรณแพทย์ขั้นพื้นฐานที่สุดเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ อยู่ในโรงพยาบาลต่อไปแบบนี้พานจะทำให้เกียรติของวิชาชีพแพทย์เสื่อมเสียเปล่า ๆ”น่าหลันเยียนหรานโกรธจนหน้าเขียว “เรื่องของฉัน ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของนาย!”เย่ซิวมองเธออย่างเฉยเมยและเดินต่อไปต่อไปน่าหลันเยียนหรานโกรธมากจนกระทืบเท้าเธอเห็นสายตาของเย่ซิวที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกดูถูกที่ผ่านมาเธอมักจะเป็นฝ่ายดูถูกคนอื่นเสมอ แต่เธอไม่เคยถูกคนอื่นดูถูกมาก่อนเลย“นายอย่าให้ฉันลงมือเลยจะดีกว่า อย่าคิดว่านายจะทำอะไรก็ได้เพียงเพราะนายใกล้ชิดกับตระกูลเซี่ย!”เธอคิดว่าเย่ซิวใช้วิธีอะไรบางอย่างหลอกลวงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากเซี่ยซิ่วซิ่วและอยู่เคียงข้างเธอได้น่าหลันเยียนหรานมองว่าเขาเป็นพวกเกาะผู้หญิงกินอีกด้านหนึ่ง มีชายชราถูกช่วยเหลือขึ้นรถพยาบาลเด็กสาวอยู่เคียงข้างเขาไปถึงโรงพยาบาลไม่นานก็ตรวจร่างกายชายชราทั้งหมด พบว่าไม่มีอะไรสาหัสร้ายแรงจึงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อภายในห้องผู้ป่วยส่วนตัวหลังจากเขาพ้นขีดอันตรายมาได้แล้ว เด็กสาวก็แผ่ออร่าความภ
เซี่ยซิ่วซิ่วมองไปทางพนักงานที่มาขวางทางพวกเขาแล้วถามว่า “ทำไม?”พนักงานชี้ไปที่แขนเสื้อของเย่ซิวแล้วพูดว่า “มีเปื้อนเลือดบนตัวแบบนี้ ร้านเราเป็นแบรนด์หรูหรา ที่นี่คนที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยและไม่สะอาดสะอ้าน จะไม่รับอนุญาตให้เข้าไปในร้านครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วเริ่มโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว “แบรนด์ของพวกคุณอยู่แค่อันดับที่เก้าของประเทศเท่านั้น ยังกล้าดูหมิ่นลูกค้าแบบนี้งั้นเหรอ?!”พนักงานเงยหน้าขึ้นและมองเหยียด “คุณหนูหยุดพูดมากแล้วออกไปเร็ว ๆ อย่ามาขัดขวางการทำธุรกิจของเรา”“แล้วอีกอย่างคนที่อยู่ข้าง ๆ คุณ ดูจากเสื้อผ้าที่เขาใส่แล้วไม่น่าจะมีปัญญาจ่ายได้หรอก เสื้อผ้าในร้านของเราหยิบสุ่ม ๆ มาตัวหนึ่งยังมีราคาหลายหมื่นเลย”“ไม่มีเหตุผลที่จะเสียเวลาที่นี่หรอก พอพวกคุณลองเสื้อแล้วฉันต้องเอาเสื้อไปซักแห้งอีก รู้ไหมว่าซักแห้งเสื้อผ้าพวกนี้ครั้งหนึ่งมันแพงแค่ไหน!”คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกต่อเย่ซิวท่าทีของเย่ซิวยังเป็นไปตามปกติ เรื่องอย่างเช่นการดูถูกผู้คนแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกที่แต่เซี่ยซิ่วซิ่วรับไม่ได้“ฉันรู้จักเจ้านายของคุณ โทรหาเขาสิ ฉันจะให้เขาไล่คุณออก!”พนักงานเย้ยหยันอย่างเหยี
เขาจะไม่โกรธและเครียดได้อย่างไร น่าฆ่าให้ตายนักจากนั้นเขาก็เตะเข้าที่เข่าของเขาให้เขาคุกเข่าต่อหน้าเซี่ยซิ่วซิ่วแล้วกดศีรษะเขาโขกหัวลงกับพื้นสามครั้งจากนั้นเขาก็มองเซี่ยซิ่วซิ่วอย่างอ่อนน้อม “คุณหนูเซี่ย ผมได้สั่งสอนบทเรียนให้เขาแล้ว น้องเมียผมไม่มีสมอง โปรดเมตตาอย่าถือสาเขาเลยนะครับ”สีหน้าของเซี่ยซิ่วซิ่วอ่อนลงเล็กน้อย “ไล่เขาออก ฉันไม่อยากให้เขาปรากฏตัวในเมืองเจียงเฉิงอีก เห็นเขาแล้วมันน่าขยะแขยง”ชายร่างอ้วนเตี้ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ได้ครับได้ ไม่มีปัญหา ผมไล่เขาออกเดี๋ยวนี้”ชายร่างอ้วนเตี้ยเตะน้องภรรยาของตัวเอง “ได้ยินไหม? ไสหัวไปได้แล้ว”เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาจึงรีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปชายร่างอ้วนเตี้ยรีบเปิดประตูเชิญชวนทั้งสองคน “แขกผู้มีเกียรติทั้งสองคน เชิญเข้ามาข้างในเถอะครับ”เซี่ยซิ่วซิ่วเดินควงแขนเย่ซิวเข้าไปชายร่างอ้วนเตี้ยรู้สึกประหลาดใจเซี่ยซิ่วซิ่วก็เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองเจียงเฉิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเธอเคยใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหน“ชายคนนี้มีภูมิหลังแบบไหนกัน? ถึงได้สนิทกับคุณหนูเซี่ยมากขนาดนี้ เขาต้องไม่ธรรมดาแน่ ฉันต้องรับใช้เขาให้ดี”
เซี่ยซิ่วซิ่วสังเกตเห็นความผิดปกติของเย่ซิวและมองตามเขาออกไป “มีอะไรเหรอ?”“ฉันเห็นน้องสาวเธอเดินตามผู้ชายที่ดูท่าทางแปลก ๆ ผ่านหน้าร้านไป”สีหน้าเซี่ยซิ่วซิ่วเปลี่ยนไป “เธอไปยุ่งกับพวกคนเลวพวกนั้นอีกแล้ว”“รอผมอยู่ที่นี่นะ ผมจะไปดูหน่อย”หลังจากพูดจบ เย่ซิวก็รีบออกไปทันทีเขาไม่สนใจเซี่ยชิงชิง แต่คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอ ทำให้เย่ซิวรู้สึกคุ้นหน้าและต้องตามให้ทันหลังจากเดินออกจากร้าน เย่ซิวก็เห็นคนสองคนไปรวมตัวกับอีกกลุ่มเขารีบวิ่งตามไปพร้อมกับปิดรูขุมขนทั่วร่างกาย ไม่ให้พลังออร่ารั่วไหลออกไปนี่คือสิ่งที่จอมยุทธ์ระดับปรมาจารย์เท่านั้นที่สามารถทำได้ยี่สิบนาทีต่อมา เย่ซิวเดินตามสองคนข้างหน้าเขาและมาถึงชุมชนเก่าแห่งหนึ่งตลอดเวลาทั้งสองคนไม่ได้สังเกตเห็นเลยเย่ซิวนอนราบอยู่หน้าประตูมอง มองผ่านเข้าไปในรอยแยกนั้นเห็นคนสามคนอยู่ในห้องเช่านอกจากเซี่ยชิงชิง อีกสองคนสวมเสื้อผ้าหลากสี มีผ้าโพกหัว สวมกำไลเงินที่ข้อมือและข้อเท้า“คิดไว้ไม่มีผิด พวกเขาเป็นคนจากสำนักเบญจพิษ พวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว” เย่ซิวตาเป็นประกายในตอนนั้น อาจารย์ของเขาเคยสร้างกองกำลังลับที่ชื่อว่า นิกายแพทย
เซี่ยชิงชิงนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นจากนั้นเห็นผู้หญิงสองคนหยิบกระบอกไม้ไผ่ขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าที่ห้อยอยู่ที่เอวเมื่อกระบอกถูกเปิดออก ตะขาบ งูพิษและคางคกก็คลานออกมาจากภายใน เซี่ยชิงชิงเห็นแล้วรู้สึกขนลุกอยากจะหนีไปตามสัญชาตญาณผู้หญิงคนหนึ่งดุขึ้น “ถ้าเธอหนีไป การทดสอบจะล้มเหลว ในอนาคตเธอจะเรียนรู้วิชาที่แท้จริงไม่ได้”ผู้หญิงอีกคนพูดต่อว่า “หลังจากถูกแมลงพิษกัดแล้ว เธอถึงจะได้เรียนรู้วิชาขั้นสูงสุดของสำนักและมีโอกาสดีในการเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซี่ยชิงชิงก็ระงับอาการคลื่นไส้และหวาดกลัวของตัวเองและนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นในใจเธอคิดถึงแต่เย่ซิวความเกลียดชังก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆความเกลียดชังอันไร้ขอบเขตแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ จึงลดความเจ็บปวดจากแมลงพิษที่คลานมากัดเธอได้ผู้หญิงทั้งสองมองหน้ากัน เห็นแววตาชื่นชมในดวงตาของกันและกันเด็กสาวที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อน แต่มีความกล้าขนาดนี้ ถือว่าเป็นคนที่มีศักยภาพดีที่ข้างนอก เย่ซิวไม่ได้หยุดพวกเขาวิธีการสร้างรากฐานแบบนี้อาจดูโหดร้าย แต่ถ้าผสมผสานกับยาลับที่ได้รับการปรุงเป็นพิเศษ จะช่วยเสริมสร้างร่าง
จู่ ๆ เย่ซิวก็ปรากฏตัวขึ้นมา ทำให้พวกเธอทุกคนวิตกกังวลผู้หญิงคนหนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว “แกเป็นใคร มาขวางพวกเราทำไม?”เย่ซิวไม่คิดพูดพร่ำกับพวกเขาให้เสียเวลา รีบวิ่งบุกเข้าไปเหมือนเสือที่กระโจนลงมาจากภูเขาออร่าที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้พวกเธอหายใจลำบาก สีหน้าก็ดูเคร่งเครียดมากด้วยพวกเธอโบกมือและมีควันพิษจำนวนมากพุ่งออกมาน่าเสียดายที่มันทำอะไรเย่ซิวไม่ได้เลยร่างกายของเขามีภูมิต้านทานต่อพิษทุกชนิดมานานแล้วตู้ม! ตู้ม!เสียงทึบที่พุ่งกระแทกออกไปในอากาศ ร่างของหญิงสาวสองคนจากสำนักเบญจพิษกระเด็นออกไปกลางอากาศและร่วงหล่นลงกับพื้นขยับตัวไม่ได้เย่ซิวฝังเข็มสกัดจุดพวกเธอไว้ชั่วคราว ทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้อยู่พักหนึ่งจากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ก้าวไปหาเซี่ยชิงชิงความกลัวในแววตาเซี่ยชิงชิงวาบขึ้นมา ทันใดนั้นเธอก็แสดงท่าทางที่อ่อนแอเหมือนสาวน้อย “พี่ชาย คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ในตอนนี้เธอเป็นอะไรไม่ได้เด็ดขาด เพราะเธอยังไม่ได้แก้แค้นเย่ซิวเธอต้องมีชีวิตรอด แม้ว่ามันจะหมายถึงการทำสิ่งที่เธอไม่เคยทำมาก่อนก็ตามเย่ซิวเมินท่าทีของเธอ เดินเข้าไปบีบคอเธอด้วยมือข้างหนึ่ง ลากไปยังพุ่มหญ้าที่อยู่
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ