โชคดีที่มหาราชครูหรงยังไม่เลอะเลือนไปเสียหมด เขาเหลือบมองนางหวังอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าอย่างนั้นตามที่เจ้าพูด คนที่ควรถูกตำหนิที่สุดก็คือเจียวเจียว!”“เป็นบุตรสาวตระกูลหรงเหมือนกัน ตอนนั้นคนที่สอนงานปักผ้าให้พวกนางก็เป็นอาจารย์คนเดียวกัน เหตุใดนางถึงเรียนสู้พี่สาวไม่ได้?”“ที่เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ขึ้น ไม่ใช่เพราะนางฝีมือไม่ดีพอหรอกหรือ? วันๆ เอาแต่ทำตัวออดอ้อนแสร้งโง่ ยังจะให้พี่สาวปักกระโปรงให้อีก เอาความกล้ามาจากไหนกัน!”หรงเจียวเจียวได้ฟังคำพูดดูหมิ่นของบิดา น้ำตาแทบจะไหลออกมาหรงจือจือกล่าวเสียงเรียบ “ก็นับว่าโชคดีที่ข้าอู้งาน ไม่ได้ทำกระโปรงตัวนี้ให้น้องสาม มิฉะนั้นวันนี้ ต่อให้ข้ากระโดดลงแม่น้ำเหลืองก็คงล้างมลทินให้ตนเองไม่ได้”มหาราชครูหรงได้ฟังคำพูดนี้ พลางนึกว่าตอนแรกตนเองก็เกือบจะใส่ร้ายจือจือไปแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจสายตาเย็นชาจับจ้องไปมาระหว่างหรงซื่อเจ๋อและหรงเจียวเจียวเขาถามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “พูดมา ใครเป็นคนทำกันแน่? หรือจะให้ข้าส่งพวกเจ้าพร้อมกับช่างปักผ้าและบ่าวไพร่ข้างกายพวกเจ้า ไปให้ศาลาว่าการสอบสวน?”ไม่มีความแค้นเคืองใดๆ ต่อกัน เขาไม่เชื่อหรอก
คำพูดที่เมื่อครู่เขาใช้ด่าหรงจือจือ ถูกส่งคืนกลับมาให้เขาแบบคำต่อคำแต่ทว่า เขากลับอึดอัดคับข้องใจแทบตาย ทั้งยังไม่มีหน้าจะโต้ตอบอะไรได้ ก็ได้แต่ฝืนทนจนใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธกลายเป็นเขียวคล้ำนางหวังได้ยินดังนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจ “หรงจือจือ เรื่องราวยังไม่กระจ่างเลย เจ้ากล่าวหาซื่อเจ๋อส่งเดชทำไม?”หรงจือจือเลียนแบบคำพูดที่นางหวังใช้กับตนเมื่อครู่ “ไม่ใช่ซื่อเจ๋อแล้วจะเป็นใครได้อีก? หรือจะเป็นเจียวเจียวทำร้ายตัวเอง เพียงเพื่อจะป้ายสีซื่อเจ๋องั้นหรือ?”“น้องรอง น่าสงสารน้องสามที่เห็นเจ้าเป็นพี่ชายที่ดีมาตลอด ให้ความเคารพนอบน้อมต่อเจ้า คาดไม่ถึงว่าเจ้ากลับใช้ความไว้ใจที่นางมีต่อเจ้า มาลงมือกับเสื้อผ้าเพื่อทำร้ายนาง! เจ้ามันใจร้ายเกินไปแล้ว!”นางหวังฟังหรงจือจือเลียนแบบตนเอง ก็โกรธจัด ชี้ไปที่นางแล้วพูดว่า “เจ้า เจ้า เจ้า...”พูดคำว่าเจ้าอยู่นาน ก็พูดอะไรต่อไม่ออกใบหน้าของหรงเจียวเจียวซีดขาวไปหมด ลูกตากลอกไปมาอย่างรวดเร็ว คิดว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดีหรงจือจือก็จ้องนางแล้วกล่าวว่า “น้องสาม กระโปรงตัวนั้นพี่รองของเจ้าเป็นคนส่งไป และก็เป็นพี่รองของเจ้าที่ให้คนไปซื้อมา เจ้
ในตอนนี้ หรงซื่อเจ๋อก็ได้ยินข่าวและมาถึง เขาโกรธจัดพอเข้ามาก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ผลักหรงจือจือไปทีหนึ่ง “เหตุใดเจ้าถึงได้ใจร้ายเช่นนี้? เจียวเจียวเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเจ้านะ เจ้าก็ยังลงมือทำได้!”โชคดีที่หรงจือจือเตรียมตัวระวังอยู่ก่อนแล้ว จึงขยับหลบไปก้าวหนึ่งทำให้หรงซื่อเจ๋อผลักไปโดนอากาศว่างเปล่าหรงจือจือเหลือบมองมหาราชครูหรง กล่าวเสียงเรียบว่า “ท่านพ่อ บางครั้งข้าก็รู้สึกแปลกใจจริงๆ จวนของเราก็ถือได้ว่าเป็นตระกูลสูงศักดิ์”“แต่เหตุใดคนในบ้าน ถึงได้เอาแต่พูดจาหยาบคาย หรือพอพูดจาไม่เข้าหู ซื่อเจ๋อผู้เป็นน้องชาย ถึงกับผลักพี่สาวได้”“ตระกูลหรงของเรา ยังคงเป็นตระกูลที่เชิดหน้าชูตาในเมืองหลวงนี้ได้จริงๆ หรือ?”มหาราชครูหรงฟังคำพูดของนางจบ ก็รู้สึกเสียหน้าเช่นกันมองไปยังนางหวังอย่างไม่พอใจ “หลังจากท่านแม่สิ้นไป เจ้าดูแลบ้านนี้จนกลายเป็นสภาพใดแล้ว! เจ้าดูสภาพเจ้าลูกไม่รักดีอย่างซื่อเจ๋อสิ!”ต่อให้หรงจือจือทำผิดจริงๆ ก็ควรเป็นพ่อแม่ที่สั่งสอน เขาเป็นแค่น้องชาย ไปลงไม้ลงมือมันจะเป็นเรื่องได้อย่างไร?นางหวังถูกด่าโดยไม่ทันตั้งตัว ในใจก็โกรธมากหรงซื่อเจ๋อเชิดคอกล่าวว่า “ท่านพ่อ ข้
หรงจือจือขมวดคิ้ว แล้วพูดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ: “ท่านพ่อ หากคิดจะลงโทษให้ลูกคุกเข่าจริง ๆ ก็ควรจะอธิบายเหตุผลให้ชัดเจนก่อนหรือไม่?”ท่านมหาราชครูหรงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือ?”ตอนนี้ นางหวังที่อยู่ข้างๆ ก็ร้องห่มร้องไห้เสียงดัง “จือจือ ถึงแม้ช่วงนี้เจ้ากับเจียวเจียวจะไม่ลงรอยกันอยู่บ้าง เจ้าก็ไม่ควรคิดปองร้ายน้องสาวของเจ้าเลยนะ!”หรงจือจือมองนางอย่างประหลาดใจ “คำพูดของท่าน ข้าไม่เข้าใจ!”นางไปคิดร้ายหรงเจียวเจียวตั้งแต่เมื่อใดกัน?แม้กระทั่ง หลังจากครั้งก่อนที่ตนกลับมาจากจวนอัครมหาเสนาบดี เพราะหรงเจียวเจียวถูกลงโทษให้คัดลอกพระสูตรอยู่ในเรือนเฮ่าเย่ว์ ตนยังไม่ได้พบหน้านางเลยด้วยซ้ำท่านพ่อให้หรงเจียวเจียวคัดอักษรมากมายขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าจะคัดเสร็จได้ในเวลาสั้นๆ เลยหรงเจียวเจียวร้องไห้พลางกล่าวว่า “พี่หญิง มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังไม่ยอมรับอีกหรือ? เป็นเพราะท่านแท้ๆ ข้าถึงได้มีผื่นขึ้นเต็มตัวไปหมด”“ท่านหมอบอกว่าโชคดีที่พบได้เร็ว มิฉะนั้นข้าคงไม่รอดแล้ว!”หัวใจของหรงจือจือกระตุกวูบ หรือว่าที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นเรื่องต้นปะการังนั้นก่อนหน้านี้? บนปะการังนั้นต
ผู้ดูแลร้านพูดในใจ ต่อให้เจ้าจะจ่ายเป็นห้าเท่าของสี่ร้อยตำลึง ยังไม่ได้ต้นทุนของโครงพัดกลับมาเลย!เขายังคงกล่าวด้วยความเกรงใจ “คุณหนู ไม่ได้จริง ๆ ขอรับ!”เซี่ยหมิ่นจวินเกรี้ยวกราด “สิบเท่า! สิบเท่าได้แล้วใช่หรือไม่? เจ้าไม่ต้องคิดเรื่องกฎไม่กฎอะรแล้ว เจ้าต้องรู้ตัวก่อนว่า พวกเจ้าเปิดร้านทำการค้าขาย อย่างแรกก็เพื่ออะไร เพื่อหาเงินอย่างไรเล่า!”“ข้าไม่เชื่อว่าผู้ใดจะให้ราคาได้สูงกว่าสิบเท่าของข้า!”พูดพลาง นางก็มองหรงจือจืออย่างยั่วยุทีหนึ่งประเพณีของสกุลหรงสุจริตเที่ยงธรรม ความหยิ่งยโสของปัญญาชนอย่างมหาราชครูหรง ไม่มีทางมีเงินมากกว่าตนเป็นแน่ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยหมิ่นจวินยังเป็นบุตรสาวที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในสกุล เงินในมือมีไม่น้อยจริง ๆ อู่ฟู่จริง ๆ หรงจือจือสู้ตนไม่ได้อย่างแน่นอนผู้ดูแลร้านกล่าวด้วยความเกรงใจ “คุณหนู อย่าว่าแต่สิบเท่าเลยขอรับ ต่อให้เป็นร้อยเท่า คุณหนูท่านนั้นก็ไม่มีทางยอมให้ ข้าเองก็ไม่มีวันให้คุณหนู คุณหนูดูของชิ้นอื่นเถอะขอรับ!”เซี่ยหมิ่นจวินคิดไม่ถึงเลยว่า ผู้ดูแลร้านจะหัวแข็งเช่นนี้จึงจ้องเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”ครั
เมื่อหรงจือจือเบือนหน้าไปมอง ก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคบใบหน้าหนึ่ง เซี่ยหมิ่นจวินบุตรสาวคนเล็กของท่านลุงเซี่ยในวินาทีที่เห็นหรงจือจือ นางก็แสยะยิ้มออกมา แม้อีกฝ่ายจะใส่ผ้าคลุมหน้าอยู่ นางก็จำได้ เพียงเพราะดวงตาคู่นั้นของหรงจือจือ ช่างงดงามมากจริง ๆเซี่ยหมิ่นจวินแสยะยิ้ม “อ้าว? นี่มันหรงจือจือมิใช่หรือ? เหตุใดออกจากบ้านต้องใส่ผ้าคลุมหน้าด้วยล่ะ? ที่แท้ก็รู้จักอับอายเช่นกันหรือ? เช่นนั้นเจ้ายังกล้าหย่าอีกหรือ?”เซี่ยหมิ่นจวินในฐานะหลานสาวที่ไทเฮาโปรดปรานที่สุด จึงได้รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นท่านหญิงจากฮ่องเต้องค์ก่อนตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่ขั้นเดียวกับหรงจือจือหรงจือจือและนางก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ทว่านางเข้ามาก็พูดจาเสียดหูพวกนี้แล้ว แต่หรงจือจือก็ไม่ได้สนใจนางได้แต่มองผู้จัดการร้านทีหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “รบกวนช่วยเอาพัดใส่กล่องให้ข้าที”ผู้จัดการร้านฉีกยิ้มตอบ “ได้เลยขอรับ”เซี่ยหมิ่นจวินมองผู้จัดการร้านอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าไม่ได้ยินคำพูดของข้าเมื่อครู่หรือ? ข้าบอกว่าพัดอันนี้ข้าเอาแล้ว!”ผู้ดูแลร้านมองเซี่ยหมิ่นจวินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ “คุณหนูขอรับ ข้าได้ยินคำพูดของค