หญิงใบ้ ผู้เคยถูกครอบครัวดูแคลนใครจะรู้ว่านางคือดวงวิญาณของสายลับที่มาจากอีกโลก เพื่อปกปิดความลับที่น่าอับอายของตนเซี่ยชิงหลีจึงถูกทำร้ายโดยป้าสะใภ้ ทำให้เซี่ยชิงหลีอีกคนเข้ามาสวมร่างแทน
view moreท้องฟ้ายามราตรีแผ่กว้างเหนือศีรษะ เมฆครึ้มปกคลุมดวงดาวจนหมดสิ้น แสงจันทร์ถูกซ่อนเร้นไว้ภายใต้ม่านหมอกหนาทึบ สายฝนโปรยปรายแผ่วเบาราวกับหยาดน้ำตาของฟ้า หยาดหยดลงมาใบไม้และพื้นดินอย่างนุ่มนวล
สายฝนที่ตกหนักแปรเปลี่ยนเป็นละอองบางเบา กลิ่นชื้นเย็นปะปนกลิ่นดินที่เปียกปอน หยาดฝนดูคล้ายเส้นไหมใสที่ร่วงหล่นช้าๆ ความมืดโดยรอบทำให้ทุกสิ่งเงียบงันน่าค้นหาราวกับโลกทั้งใบกำลังซ่อนเรื่องราวบางอย่างไว้ภายใต้ม่านฝนที่โรยตัวลงมาอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
ร่างผอมบางที่ถูกทิ้งเอาไว้ในป่าทั้งคืน บัดนี้เริ่มขยับกายเล็กน้อย ดวงตากลมโตหรี่ลงเพราะแสงไฟจากคบเพลิง สีหน้ามึนงงยังคงไม่แสดงท่าทีใดๆ เมื่อได้พบเหล่าผู้คนมากมายที่กำลังรุมล้อมและจดจ้องมายังตน
หญิงสาวสะบัดหัวไปมาหลายครั้งเพื่อเรียกสติที่พร่าเลือนให้แจ่มชัด ร่างบางยันกายลุกขึ้นช้าๆ ทว่ากลับยังรู้สึกวิงเวียน
ในใจรำคาญเล็กน้อยกับเสียงสอบถามที่ดังเซ็งแซ่ข้างหู
สายลับที่ถูกฝึกเป็นอย่างดีสามารถพูดภาษาถิ่นได้ถึงสิบภาษา ทำงานแฝงตัวในซีเรียกว่าห้าปี ทว่ากลับไม่สามารถฟังสิ่งที่คนเหล่านี้พูดได้เข้าใจ
เมื่อลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตนกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ร่างกายที่เคยสูงถึงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรกลับดูเหมือนหดเล็กลง จุดสายตายามเมื่อมองพื้นดินจึงเปลี่ยนไปจากเดิม
เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
ท้องฟ้ายามเช้าตรู่เริ่มเผยโฉมออกมา ราวกับโลกทั้งใบเพิ่งตื่นจากความฝันอันยาวนาน แสงแรกของวันค่อยๆ แทรกผ่านขอบฟ้าเป็นเส้นบางสีทองจางๆ ก่อนจะกลายเป็นสีส้มอ่อนและชมพูเรื่อ
ม่านหมอกยามเช้าลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือพื้นดินและยอดไม้ ละอองน้ำค้างยังเกาะพราวอยู่บนใบหญ้าเปล่งประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ดวงน้อยที่กำลังคลี่แสงออก
แม้รอบกายจะดูสวยงามจนมิอาจละสายตา ทว่า...ที่นี่คือที่ไหน!
ดวงตาดำขลับสำรวจรอบกายอย่างระมัดระวังตามความเคยชินที่ฝึกเป็นประจำ ทำให้ร่างกายจดจำและกลายเป็นสัญชาตญาณ ไร้แผ่นดินที่แห้งแล้ง ไร้การต่อสู้ ไร้เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ไร้เสียงปืนและระเบิด
ในโสตของหญิงสาวได้ยินเพียงเสียงนกน้อยขับขานบทเพลง สายลมยามเช้าพัดผ่านหอบกลิ่นหอมของไอดินและดอกไม้ป่าเข้ามาแตะปลายจมูก ทุกอย่างในยามนี้ดูบริสุทธิ์ สดชื่น และเต็มไปด้วยความหวัง
แต่ไม่ใช่กับสถานการณ์สงครามที่ซีเรีย!
ความทรงจำหนึ่งผุดขึ้นบางเบา เสียงระเบิดดังกึกก้อง เศษเนื้อสดกระเด็นไปทั่วทุกทิศทาง ความตายและเลือดสดๆ เจิ่งนองไปทุกพื้นที่
สายลับที่แฝงตัวในนามหมอเถื่อนได้รับมอบหมายให้เจาะเอาข้อมูลลับของกลุ่มวิจัยมนุษย์ ทว่าเกิดการทรยศขึ้นภายในองค์กรทำให้สถานะตนเองถูกเปิดโปง การทรมานทุกรูปแบบได้เริ่มขึ้นเพื่อรีดเค้นเอาความลับ กว่าครึ่งปีที่ต้องทนทุกข์ทรมานทว่าฝ่ายศัตรูก็มิได้สิ่งใดจากปากของตน
สองศูนย์แปด คือรหัสของเซี่ยชิงหลี พวกมันได้ไปเพียงเท่านั้น ทว่าต่อมาเธอได้ถูกส่งตัวไปยังห้องทดลองวิจัยเพื่อทดลองยาพิษ สามปีที่ติดอยู่ที่นั่นกว่าจะหลบหนีออกมาได้ ภายหลังจากส่งข้อมูลลับให้กับทางองค์กร ที่อยู่ของตนกลับถูกถล่มด้วยระเบิดนาปาล์มลูกใหญ่
เสียงสุดท้ายที่เซี่ยชิงหลีได้ยินคือคำบอกลาจากหัวหน้าครูฝึกของเธอ ตนถูกทิ้งแล้วสินะ...
ร่างบางทรุดกายลงบนพื้นด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก ความภักดีคืออะไร ความพยายามหลายปีที่ต้องทนอยู่กับสงครามสุดท้ายเหลือเพียงความว่างเปล่า ไร้เกียรติยศ ไร้คำสรรเสริญ ไม่มีใครจดจำตนเองได้ด้วยซ้ำ
ตนน่าจะเชื่อคำเตือนของตาเฒ่าตั้งแต่แรก ไม่น่ารีบร้อนพิสูจน์ตนเองดึงดันจะตามคนเหล่านั้นไป จุดจบสุดท้ายที่ได้รับกลับเป็นความตาย
เสียใจตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว ตนไม่เคยกลัวตายเสียดายก็แต่จากนี้คงไม่มีวันได้พบหน้าตาเฒ่าอีกแล้ว ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง ยังใช้ชีวิตอยู่ดีหรือไม่
“ท่านอาจารย์...หลีเอ๋อขอโทษ”
ร่างบางพึมพำเสียงเบา สมองยังไม่ทันได้ประมวลผลว่าเหตุใดตนเองยังคงมีชีวิตอยู่ วินาทีต่อมากลับมีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งตัวเข้าหาอย่างรวดเร็วจนไม่อาจหลบได้ทัน เซี่ยชิงหลีตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนของหญิงสาวแปลกหน้า ท่าทางที่ดูเป็นกังวลและซุ่มเสียงที่เหมือนกำลังตำหนิตนเองทำให้คนพูดไม่ออก
ดวงตากลมโตจดจ้องใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นด้วยท่าทีงงงัน พลันเสียงอื้ออึงก็ดังขึ้นในหัวราวกับประทัดแตก
ความเจ็บปวดบางอย่างกรีดแทงเข้าไปในส่วนลึกของประสาท เซี่ยชิงหลียกมือขึ้นกุมหัวของตนด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่แล้วเสียงนั้นก็หายไป
ความโล่งสบายเกิดขึ้นในชั่วขณะ ในหัวราวกับถูกกระชากบางอย่างออกไป
“....เจ้าได้ยินที่แม่พูดหรือไม่!! หลีเอ๋อ!! เกิดอะไรขึ้น ลูกไม่สบายหรือเจ็บตรงไหนบอกแม่มา”
ฟังออกแล้ว!! ในที่สุดตนเองก็สามารถฟังผู้หญิงตรงหน้าเข้าใจ
มหัศจรรย์จริงๆ
“ชิ! คนก็หาเจอแล้วยังต้องร้องไห้คร่ำครวญอันใดอีก”
จางซุนโหรวที่ตามขึ้นเขาในตอนเช้าเพื่อดูลาดเลาเอ่ยเหน็บแนม หญิงสาวหันขวับไปในทันที ความทรงจำหนึ่งพลันแล่นเข้ามาในหัว ทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไปเพราะมันคือความทรงจำของคนอื่น
และนั่นทำให้ร่างกายของเซี่ยชิงหลีทำไปตามสัญชาตญาณเดิม หญิงสาวพุ่งเข้าคว้าลำคอสตรีนางนั้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง ดวงตาเย็นชาจ้องมองไปยังนางราวกับกำลังมองคนตาย
หลายปีที่ต้องคลุกคลีอยู่กับความตาย ทำให้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาดูน่าพรั่นพรึง
บัดนี้เซี่ยชิงหลีรู้แน่ชัดแล้วว่าตนไม่ได้อยู่ที่โลกเดิมที่คุ้นเคย และร่างที่ตนมาอาศัยอยู่เจ้าของเดิมถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมจากคนในครอบครัว ชีวิตที่สองนี้ต้องมาอยู่ในยุคโบราณที่แสนแปลกประหลาด แต่นางก็สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
ทว่า...หากไม่แก้แค้นใจดวงนี้คงมิอาจสงบได้
หญิงสาวออกแรงอีกครั้งใบหน้าของคนที่ตกอยู่ภายใต้กรงเล็บของเธอเริ่มบิดเบี้ยวเขียวคล้ำเพราะขาดอากาศหายใจ เซี่ยชิงหลีรู้ดีว่าหากออกแรงเพิ่มอีกเล็กน้อย คอเล็กๆ ที่แสนบอบบางคงจะหักอย่างง่ายดาย
“หลีเอ๋อ!! หยุดเดี๋ยวนี้!! ปล่อยป้าสะใภ้ของลูกเร็วเข้า!!”
ราวกับได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการ หญิงสาวปล่อยมือโดยอัตโนมัติ แม้จะรู้สึกมึนงงในปฏิกิริยาของตนและเหมือนการควบคุมร่างกายนี้ช่างเป็นไปอย่างยากลำบาก
เห็นทีในอนาคตต้องฝึกฝนให้ร่างกายนี้สามารถตามทันความเร็วที่เคยฝึกในชีวิตก่อน
“แค่ก!! แค่ก!! แค่ก!!”
หญิงผู้เคราะห์ร้ายรีบสูดอากาศเข้าปอดเพื่อให้ตนเองมีชีวิตอยู่ แม้จะถูกทำให้เกือบตายทว่าก็ยังไม่รู้สึกสลด นางชี้นิ้วมายังเซี่ยชิงหลีด้วยท่าทางเอาเรื่อง หลังจากกลับมาเป็นปกติจึงร้องโวยวายด้วยสีหน้าเดือดดาล
“เด็กสารเลว แกคิดสังหารคนหรือ หลี่หลันฮวา! เจ้า!! เจ้า!! ดูบุตรสาวที่เจ้าเลี้ยงดู บัดนี้นางกลายเป็นฆาตกรสังหารคนแล้ว”
เมื่อได้ยินสะใภ้ใหญ่เอ่ยเช่นนั้น มารดาของร่างเดิมมีท่าทีตื่นตระหนกทันที
ในความทรงจำที่ได้รับมา ชื่อของนางคือหลี่หลันฮวา บ้านเดิมยากจนข้นแค้น เมื่อแต่งเข้าตระกูลเซี่ยทำให้ถูกแม่สามีดูแคลน นางเองก็อับจนหนทางแต่งเข้ามาหลายปีสามีไม่เคยปกป้อง ทั้งนางและลูกทั้งสามจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนในครอบครัว
ชายชุดดำกระชากสาบเสื้อของหมอวัยกลางคนจนหลุดลุ่ย เวลานั้นเองเซี่ยชิงหลีได้เอ่ยแทรกขึ้น“นี่!...ให้ข้าลองดูได้หรือไม่”“เจ้าเป็นใคร!”ชายชุดดำหันขวับมาที่นางทันที สายตาที่จับจ้องมานั้นราวกับจะสังหารคนเสียให้ได้“ข้าคือคนที่ผ่านทางมาและพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้าง”หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“แม่นาง...เจ้าอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลย ไม่เห็นหรือว่าเขาตายไปแล้ว ถ้าหากเจ้าช่วยคนผู้นี้ไม่ได้เจ้าอาจต้องตาย เห็นหรือไม่เขามีอาวุธ”ชาวบ้านที่เข้ามามุงดูช่วยเอ่ยทัดทานหญิงสาว“ข้ารู้...”แม้จะรู้เช่นนั้น เซี่ยชิงหลีก็ไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา ช่างผิดวิสัยของคนปกตินักหญิงสาวใช้นิ้วเกลี่ยเส้นผมออกจากใบหน้าของคนผู้นั้น นางพลันจดจำได้ทันที เขาคือชายชราที่อยู่กับอาจารย์ใหญ่จ้าว เหตุใดถึงได้มาอยู่ที่นี่ ชายชุดดำเห็นสายตาของหญิงสาวดูเปลี่ยนไปเหมือนกับนางเคยรู้จักนายท่านของตนมาก่อน เขาทำท่าชักกระบี่ทว่าคนที่มาด้วยห้ามเอาไว้“เจ้าคนหนึ่งมานี่ ทำตามที่ข้าบอก”เซี่ยชิงหลีจัดท่าให้ชายชรานอนหงายแล้วเปิดทางหายใจให้โล่ง ด้วยการกดหน้าผากและยกขากรรไกรล่างขึ้น จากนั้นสั่งให้ชายชุดดำผายปอดให้ชายชราตามวิธีการของนางผู
“เนื้อกวางหรือ หอหว่านหรงของเรารับซื้อทว่าเห็ดป่านั้น...เจ้าให้ข้าดูก่อนได้หรือไม่”ชายหนุ่มมีท่าทีลังเล เซี่ยชิงหลีพอเข้าใจเพราะก่อนหน้านี้คนบ้านหลี่ก็แสดงสีหน้าไม่ต่างกัน ไม่ใช่เห็ดทุกชนิดที่จะสามารถกินได้“ได้แน่นอนเจ้าค่ะ”หญิงสาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก เห็ดสนที่ถูกล้างอย่างดีวางเรียงภายในตะกร้าอย่างเรียบร้อย ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาดมพบว่ามันส่งกลิ่นหอมชวนให้นึกถึงป่าเขียวชื้นในยามเช้า มันไม่ใช่กลิ่นหอมหวานฉุนหรือสดใสเหมือนดอกไม้ หากแต่เป็นกลิ่นหอมที่อบอุ่น ลุ่มลึก และเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว“นี่คือเห็ดอะไรหรือ”“สิ่งนี้คือเห็ดสนเจ้าค่ะ ชาวบ้านอย่างเราใช้ปรุงอาหารสามารถทำได้หลายอย่าง หากผู้ดูแลวางใจข้าจะลองทำให้ทานสักสองสามอย่าง”ชายหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้าอนุญาต“ได้...เช่นนั้นเจ้าตามเขาเข้าไปในครัว”เซี่ยชิงหลีเดินตามเสี่ยวเอ้อเข้าไปด้านหลังร้าน ที่นั่นมีพ่อครัวอยู่สี่ห้าคนกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร เพียงหญิงสาวก้าวเข้าไปทุกอย่างก็หยุดชะงักลง“ต่อเลยเจ้าค่ะ ต่อเลย ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเพียงแวะมาชั่วคราวเท่านั้น”หญิงสาวคำนับให้เหล่าพ่อครัว จากนั้นเริ่มทำอาหารของตนเมื่อ
เพราะการแต่งกายที่ดูซอมซ่อของทั้งสาม ยังไม่ทันก้าวเท้าเข้าหอกุ้ยเซียงก็ถูกไล่ตะเพิดออกมา เซี่ยชิงหลีแอบสบถในใจ วันหน้านางสัญญาว่าจะทำให้ที่นี่เจ๊งไม่เป็นท่าหลังจากออกจากหอกุ้ยเซียงทั้งสามก็ตรงไปเหลาอาหารและสุราที่ชื่อหว่านหรง ซึ่งชาวอำเภอหลิงหนานต่างรู้ดีว่าสองร้านนี้เป็นคู่แข่งกันมาช้านาน ทว่าหอกุ้ยเซียงนั้นมีทั้งหญิงสาวงดงามที่คอยให้บริการและยังมีกวีนักเล่าเรื่องมาคอยเล่านิทานให้เหล่าลูกค้าได้เพลิดเพลิน ทำให้หอหว่านหรงต้องตกเป็นรอง“เจ้ามาทำอะไรที่นี่!”ยังไม่ทันจากไปหญิงสาวก็ถูกขวางทางโดยคนที่เกลียดขี้หน้าที่สุด เซี่ยจิ่งเฉิง ที่พึงออกจากหอกุ้ยเซียงเดินโซเซตรงมายังนาง เมื่อได้พบคนที่ไม่ชอบหน้าหญิงสาวมีหรือจะยอมพูดดีด้วย“เกี่ยวอันใดกับเจ้า”“ก็เพราะ...ขะ...ข้าคือพี่ชายของเจ้า! เอ๊ะ!เหตุใดเจ้าพูดได้!...แล้วช่างเถอะ...เหตุใดจะไม่เกี่ยวกับข้า บอกมาว่าเจ้ามาทำอะไรที่อำเภอหลิงหนาน”เซี่ยจิ่งเฉิงคิดคว้าแขนหญิงสาวมาซักถามให้รู้เรื่อง ทว่านางกลับหมุนตัวหลบทำให้เขาเสียจังหวะล้มคว่ำไป“เจ้า!..”เมื่อถูกนางทำให้ต้องได้รับความอับอายบวกกับฤทธิ์สุราทำให้เขาลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าหญิงสาวเคยทำอะไรเอ
ชายหนุ่มก้มตัวลงแตะริมฝีปากลงบนแก้มนวลแผ่วเบา ก่อนจะยิ้มกว้างและหัวเราะด้วยความดีใจ“เย้! อาเหิงได้รับรางวัลแล้ว”ทุกคนที่ยืนอยู่ในที่นั้นต่างมองการกระทำของเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง อาเหิงแม้จะดูใสซื่อและบริสุทธิ์ทว่ากลับทำให้คนกำหมัดอยากจะชกหน้าสักครั้งร่างบางถูกฉวยโอกาสโดยไม่ทันตั้งตัว ดวงตางามเบิกโพลงเล็กน้อย ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีราวกับเลือดทั้งหมดพุ่งตรงขึ้นมาที่พวงแก้มในเสี้ยวอึดใจ หัวใจของนางเต้นแรงจนแทบทะลุออกมา“อ๊ะ…!”เซี่ยชิงหลีหันขวับไปมองร่างสูง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตกใจปนเขินอาย ริมฝีปากบางขยับเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างทว่าไม่มีคำใดหลุดออกเลยนอกจากเสียงพึมพำในลำคอ มือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะแก้มของตนแผ่วเบา ราวกับยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง… หรือฝันไป“ภรรยา เจ้าเป็นอะไรหรือ”ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวด้วยดวงตาใสซื่อ“ขะ...ข้า พวกเรากลับกันได้แล้ว”ร่างบางรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาล้อเลียนของทุกคนภายหลังเมื่อคนตระกูลหลี่กลับมายังหมู่บ้าน ข่าวที่บ้านหลี่ล่ากวางตัวใหญ่ได้ก็ถูกลือกระฉ่อนในชั่วพริบตา เซี่ยชิงหลีคือเพชฌฆาตคนนั้น ทุกคนจึงรอฟั
“หลีเอ๋อ เจ้าจะบอกว่าตนเองรู้เรื่องสมุนไพรหรือ”“ใช่สิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ข้าได้ไหว้หมอพเนจรท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ กระทั่งตอนนี้ที่พูดได้ก็ไม่ใช่ฝีมือของอาจารย์ข้าหรือ”ชายชราหันมายิ้มกับหลานสาวผู้โชคดีของตน“ดี! ดีจริงๆ ไม่คิดว่าในความโชคร้ายของพวกเจ้าจะยังมีเรื่องดีๆ อยู่ด้วย นี่ท่านแม่ของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือยัง”“อืม...ท่านแม่ของข้าจะรู้หรือไม่นั้น...บาดแผลของนางข้าก็เป็นคนรักษา อีกอย่างข้ายังคิดว่าจะใช้ความรู้ของตนพัฒนาเป็นอาชีพ ต่อไปครอบครัวของเราจะต้องร่ำรวยไปด้วยกัน”สองตาหลานเดินพูดคุยอย่างเพลิดเพลิน หูที่ได้รับการฝึกฝนของเซี่ยชิงหลีพลันได้ยินความเคลื่อนบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป“ท่านตา!...รอสักครู่”หญิงสาวเปลี่ยนจากท่าทางที่ดูขี้เล่นเป็นจริงจังในทันที ร่างบางย่องตามเสียงนั้นไปเมื่อพ้นเขตป่าสมุนไพรกลายเป็นลานทุ่งกว้าง ที่นั่นมีสัตว์ป่ามากมายกำลังเล็มหญ้าอย่างเพลิดเพลินทันใดนั้นกวางหนุ่มตัวเขื่องค่อยๆ ก้าวเดินออกมาจากแนวพุ่มไม้มันเดินทอดน่องอย่างเชื่องช้า ด้วยจังหวะที่สงบและเปี่ยมด้วยความมั่นใจ จมูกของมันก้มลงเล็มยอดหญ้าอ่อนสีเขียวสดอย่างละเมียดละไม ทว่าทุกอิริยาบถเต็มไปด้วยความร
หลี่หมิงเจ๋อบุตรชายคนเล็กของลุงรองที่กำลังจะแต่งงานในปีหน้าถามหญิงสาวด้วยท่าทางสงสัย อาหารขึ้นโต๊ะวันนี้มีมากกว่าอาหารที่กินในวันปีใหม่เสียอีก แต่ส่วนใหญ่ทำจากเห็ดที่นางเก็บมาวันนี้“ทานได้แน่นอน ข้าจะทานให้ท่านดู...”หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบเห็ดเข้าปาก“เห็ดเหล่านี้ล้วนเป็นเห็ดที่ขึ้นเฉพาะที่ที่มีต้นสนขึ้น มันเรียกว่าเห็ดสน นี่คือเห็ดสนผัดน้ำมัน ส่วนนี่เห็ดสนผัดไข่ นี่คือเห็ดสนผัดรวมมิตรเนื้อหมูป่า เห็ดสนคั่วพริกเกลือและเห็ดสนย่างราดน้ำจิ้มที่ข้าทำเอง และรายการอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าคิดขึ้นมา”วันนี้เก็บเห็ดสนได้สองตะกร้าใหญ่ โชคดีที่ชาวบ้านสนใจหมูป่าจึงไม่มีใครตามมาดูว่าในตะกร้าของพวกเขามีอะไรบ้างแม้หญิงสาวจะเอ่ยเช่นนั้นทว่าคนบ้านหลี่ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทาน มีเพียง อาเหิง เซี่ยจื่ออี้ และเซี่ยชิงเป่าที่ทานอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งยังชมฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวไม่หยุดปาก“น่าจะทานได้ไม่มีพิษกระมัง ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องมีอาการแล้ว”ตู้เฟิงอิงหันไปเอ่ยกับสามี“ข้าจะเป็นคนเสียสละทดลองเอง”หลี่เยว่หยางน้องชายของหลี่เยว่สิงลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ ปีนี้อายุสิบหกอยู่ในวัยที่ใกล้เคียงกับเ
Mga Comments