เขาเอามืออังหน้าผากพ่อ ก่อนจะโดนปัดมือออกพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“แกอย่าทำเหมือนฉันเป็นลูก แล้วแกเป็นพ่อฉัน”
“ก็ถ้าพ่อไม่ดูตัวเองดีๆ ผมจับป้อนข้าวป้อนยาเลยนะ ไม่ได้ขู่” เขาย้ำ แต่แววตาอ่อนโยน
ดำรงจับมือลูกชายไว้ เสียงแห้ง แววตาแห้ง “เดช
...ทำไมแกดีกับพ่อ”“เอ้า...ถามงี้ได้ไง” เขาเอ่ยทีเล่นทีจริง แววตาอ่อนโยนมากกว่าเดิม “พ่อผมนี่ ใครที่ไหนกันเล่า...”
“แต่พ่อ...ทำแกเสียโอกาส”
“โอกาสอะไร” เขาแกล้งเสถาม ทำหน้าจริงจังอีกนิด “หากยังคิดแบบนี้อีกนะ ผมจะไม่รักนะเออ”
“เฮ้ย”
“ผมพูดจริงนะ พ่อจะตำหนิตัวเองทำไม พ่อดูผมนี่...”
เขาถอยไปยืนตัวตรง ทำท่าเข้มแข็งจัด
“ที่พ่อเห็น นี่ใคร...” เอามือจิ้มอกตัวเอง “ดูสิ พ่อ ตั้งแต่หัวถึงเท้าผมนี่เลย พ่อเห็นไหม...ลูกพ่อนะ เดชชนะ...ลูกพ่อ
ดูสิ หน้าตาเป็นไง แล้วผมก็โตจนพ่อกระเตงขึ้นเอว หรือเอาขึ้นหลังให้ผมขี่คอก็ไม่ไหวแล้ว ผมเป็นแบบนี้ สมบูรณ์แบบ”เขามั่นใจ ไม่ได้พูดเกินเลย
“ทั้งหมดนี่เพราะพ่อปั้นผมขี้นมา พ่อคนนึง ปู่อีกคน...สองคน สองสมอง สี่มือ ให้ผมเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นกินข้าว กินยา ทำตัวดีๆ ...ให้ผมได้รักไปนานๆ ผมกำลังทำวงใหม่นะ พ่อ”
“แต่...”
“ผมพร้อมแล้ว...ทำวง...สนับสนุน ต้าร์กับเพลงของพ่อ”
“ไหวเร้อ...ได้ยินว่าวันก่อนก็เพิ่งเมา”
“สร่างเมาก็ได้เรื่องอยู่นะ พ่อ เอาน่า ทำวงจริงจัง เพลงพ่อก็รอปังอีกเยอะ ตอนนี้เดินสายเก็บเกี่ยวไปก่อน พรุ่งนี้ผมจะเข้าห้องอัดอีกหนนะ พ่อ ท่าทางต้าร์จะไม่ไหว เพลงที่ช่วยกันเลือกกับปู่ก็น่าจะแรง”
“แกร้องแทนต้าร์อีกใช่ไหม”
“ผมร้องหรือต้าร์ร้อง ก็ไม่ต่างกันหรอก พ่อ เราจะผลักให้ต้าร์ขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศอยู่แล้ว เป็นโอป้า...
คนใหม่ โอป้าลูกทุ่ง”ดำรงถอนใจ “เราโกหกกันอยู่นะ”
เดชชนะยิ้ม “ผมหวังแค่ทำวงคูนแคนอีกหน เพื่อปู่ เพื่อพ่อ...และเพื่อประคองต้าร์ให้อยู่ในที่ทางที่เหมาะ”
“ไหวแน่นะ “ คำถามย้ำ ไออีกครั้งหนึ่ง แต่เดชชนะยิ้มอย่างมั่นใจ
“เชื่อผมนะ พ่อ ปล่อยเพลงหนนี้...หมาบางตัว...จะเห่าหอน ดิ้นกันให้พล่าน”
ดำรงมองหน้าลูกชาย...
เข้าใจคำว่า “หมาบางตัว” จากปากนั้น รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้เดชชนะเข้ามากอดเขาแน่น
“ผมทำเพื่อพ่อ...”
“เดช...ยังไงเค้าก็แม่แก...”
เดชชนะถอยห่างเล็กน้อยก่อนจะยืนยันเรียบๆ
“ผมไม่มีแม่...แม่เอ๋ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของผม ให้ทุกคนเข้าใจว่าแม่เอ๋เป็นแม่...แต่แม่จริงๆ ตายตั้งแต่ผมอายุ
สามเดือน...จริงไหม พ่อ วันที่เค้าตาย ผมไม่มีนมจะกิน พ่อยังไม่ยอมให้ผมกินนมแม่เอ๋ พ่อกลัวความผูกพันไม่ใช่หรือ ผมโตมาเพราะนมผง นมกระป๋อง...ก็ไม่เห็นตาย ไม่อ่อนแอ พ่อจำได้ไหม ปู่บอกว่าแม้พ่อจะแย่...พ่อก็ออกไปหาซื้อนมผงให้ผมคืนนั้น...ไปหามาจนได้ แม้ร้านค้าจะปิดแล้ว... พ่อหายไปค่อนคืน...วันฝนตกหนักที่ผู้หญิงคนนั้นตาย...ผมไม่มีนมจะกิน ปู่หยอดน้ำข้าวต้มใหม่ให้ผมระหว่างพ่อไปหาซื้อนมผง แม่เอ๋ก็วิงวอนร้องขออยากให้นมผม...”เดชชนะเอ่ยยืดยาว
“นั่นคือชีวิตผมที่พ่อให้”
ดำรงร้องไห้โฮ
นายดุ่ยที่เพิ่งเข้ามายืนตรงประตูห้องก็น้ำตารินผ่านดวงตาสู่แก้มเงียบๆ เขายังจำได้เย็นวันที่เอื้อยฟ้าจากไป
แม้ดำรงจะทิ้งร่างลงคุกเข่าร้องไห้วิงวอนเพียงใด เอื้อยฟ้าก็ไม่นำพายังจำภาพทารกตัวน้อยๆ ร้องไห้ หิว...ตกใจกับเสียงเอะอะวิวาท
และภาพที่ดำรงประกาศว่าจะไม่ให้ลูกชายกินนมเอ๋ อัจฉรา
“มันไม่มีแม่ให้นม ก็ไม่ต้องมี...”
ดำรงออกไปหาซื้อนมผง....หายไปค่อนคืนถึงกลับมา...บอกกับเขาว่า
“ไม่ให้เดชมันต้องเรียกใครว่าแม่เพราะผูกพัน กินนมจากอกเค้า ให้มันกินนมผง...ดูทีสิว่าจะรอดไหม”
เดชชนะเห็นนายดุ่ยแล้ว
“พ่อแกวันนั้นนะ เดช...พ่อแกวันนั้น หากแกเห็นเหมือนปู่เห็น...หัวใจมันน่ากราบ...”
เดชชนะน้ำตาคลอ...
ไม่ได้เห็น แต่มารับรู้ จากการบอกเล่า เชื่อทุกคำพูดที่ได้ยินเข้าหู
ไม่ต้องให้ปู่ย้ำ เขาก็รู้ว่าพระคุณพ่อมากมายแค่ไหน
พระคุณพ่อยิ่งฟ้ามหาสมุทร
เดชชนะคิดแบบนั้น
สำหรับเขา ลูกพ่อ ไม่มีแม่
และเขาทำมากกว่ากราบที่อกซ้ายของพ่อ เดชชนะบอกกับปู่ว่า
“ผมกราบตรงนี้นะ ปู่...”
เขาทิ้งร่างลงกราบที่เท้าคู่นั้น...เท้าเปลือยๆ ไม่มีรองเท้า เท้าที่ตัดเล็บสั้น สะอาด
พ่ออาจจะไม่สนใจตัวเอง แต่เขาดูแลพ่ออย่างดี...ถ้าเขาว่างเขาตัดเล็บเท้าให้พ่อ ให้ปู่ เป็นหน้าที่เขา แต่หากไม่ว่างก็รบกวนให้อัจฉราเป็นคนจัดการ
ดำรงพยายามชักเท้าหนี แต่เดชชนะกลับยกเท้าขวาคนเป็นพ่อแล้ววางลงบนหัว
“ผมรักพ่อ...กลับมาทำวงกันเถิดครับ พ่อ วงคูนแคนเราจะไม่พังไปเพราะน้ำมือหมาตัวไหนอีกแล้ว”
ความมั่นใจนั้นมากมายนักหนา
“พวกมันจะได้รู้ว่ามันฆ่าเราไม่ได้ มันหยามคูนแคนมาพอแล้ว ถึงเวลาเอาคืน”
“เดช...อย่าอาฆาต...”
ชายหนุ่มเงยหน้ายิ้มด้วย “ผมแค่จำแม่น จำนาน”
หญิงสาวหัวเราะคิกคัก ปรายตามอง...เอนตัวมาหาอีกนิด...“อย่า...อย่า” ชายหนุ่มร้องห้าม “นิสัยผมไม่ได้ดีนา... คุณนรี”“ไม่ดียังไงน้อ”“คุณนี่...เป็นดาวยั่วมาจากไหน”“ยั่วสวาทไม่เป็น แต่ยั่วโทสะ นี่ถนัด...”“ใครบอกว่าไม่ยั่วสวาท” เขากอด “ยั่วมาก รู้ไหม...ผมกลัวจริงๆนะ...”“ถ้างั้น ถอยห่างไปนิด...” เธองึมงำ...แต่คนที่ปากบอกว่าถอยห่างไปนิด คือคนที่กระแซะมาติดตัวเขา และสวมกอดเขาตอบ “อยากให้กลัวมากๆ...”“แล้วไงล่ะ ทำท่าเหมือนไม่กลัว”“แหม...ตัวสั่นแล้วนะเนี่ย” เอกนรีเอ่ย ลูกไฟจากกองไฟเล็กๆ แตกได้ยินเสียงเบาๆ กับเสียงแมลงกลางคืนจากต้นไม้ที่อยู่ในระดับต่ำจากเนินที่ปลูกบ้านนี้ “สั่นรอ...”“เดี๋ยวก็เจอดีตรงนี้...บนดิน...บนหญ้า ใต้ฟ้า ใต้จันทร์เสียหรอก”“ไม่เคยเจอ ถือเป็นประสบการณ์”เอกนรีตอบชัดนัก และก่อนจะโดนดี เธอก็กอดเขาไว้แน่น“ปีใหม่...จัดงานแต่ง...ไม่ต้องใหญ่มากนัก ก็ได้...”“ตอนไปขอคุณจากลุง...จะได้ไหมน้อ”“ไม่เป็นไร...ไม่ได้ก็จะแต่ง...ลุงคนเดียวตัดทิ้งได้”“น่ารักเสมอ คนดีของผม”“คุณก็หวานเสมอ จริงๆ นะ เกิดมาเพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงยอมข้ามขั้น เต็มอกเต็มใจ อยากพลีกาย...หลังจากพ
ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป“รอหลังเพื่อนหนูแต่งก่อนดีกว่าค่ะ...นะคะ...ปีหน้าแล้วกัน”“อาต้องรอข้ามปีเชียวหรือ” “เป็นพ่อม่ายข้ามปี หมักได้ที่นะคะ”ดำรงหัวเราะหึๆ “อ่ะ อีกปี...ข้ามปี...รอได้...”“ให้หนูเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ก่อนค่ะ คุณอา...”“เข้าใจอะไร”“สมัยสาวๆ พวกเราเชื่อภาษิตโบราณ...ว่าเราจะไม่ร้องเพลงในครัว เพราะจะได้ผัวแก่”ดำรงทำตาโต“หนูไม่เคยร้องเพลงในครัวเลยนะคะ ไม่ว่าครัวไทย ครัวฝรั่งหรือที่ไหนที่ทำอาหาร...หนูกลัวมีผัวแก่ แล้วนี่อะไรกันคะ...ฮือๆ...” เหมือนกิตติมาครางเล็กน้อยอีกด้วย “หนูจะมีผัวแก่...หนูสับสนค่ะ แม้หนูจะฝ่ากมือหนูไว้กับคุณอา แต่ความจริงคือหนูจะมีผัวแก่”“อย่างเดียวเลย หนูมา” เสียงดำรงอ่อนโยนนัก “ถามใจตัวเองว่ารักอาไหม...จะแก่จะหนุ่มมิใช่ปัญหา ขอเพียงมีใจ”นั่นสินะ...กิตติมาบอกตัวเอง...ขอแค่มีใจ ขอแค่รัก... ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้ารับ ความจริง ความรัก สองอย่างเดินไปด้วยกัน หล่อนฮัมเพลงเบาๆ“ถึงแก่แล้วจะรักใครจะทำไม”“ไม่ทำไมหรอกจ้ะ หนูมา แต่ขอหอมแก้มหนูสักฟอดแล้วกันนะ”อัจฉราขอถอนตัวออกไปจากบ้าน จากการดูแลวงและทุกคน เพราะดำรงจะแต่งงานแน่ๆ ในปีหน้า หล่อนพ
เอกนรียอมจะแต่งงานกับเดชชนะ พร้อมกับเขาประกาศถอนตัวจากวงการเพลง สุดท้ายอำลาเวที คืนนี้หลังจากสามเพลงแรกผ่านไป เดชชนะเชิญผู้หญิงคนหนึ่งออกมา พร้อมกับการประกาศร้องเพลง“จะกี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน”เอกนรีแต่งตัวด้วยชุดที่เอ๋จัดหาให้...เป็นการขึ้นร้องเพลงครั้งแรกของเธอเสียงประกาศบอกว่าเธอคือผู้จัดการวงคูนแคนเธอคือยูทูปเปอร์ คือเจ้าของคลิปดังๆ หลายคลิป...บนแอพลิแคชั่นที่มาแรงต่างๆแฟนเพลงข้างล่างส่งเสียงกรี๊ดๆ เสียงเอกนรีไพเราะเพราะถูกเทรนมาไม่น้อย ที่พอจะร้องเพลงได้ จึงง่ายที่จะไม่ต้องคร่อมทำนองไม่ผิดคีย์...จบเพลงด้วยคำบอกว่า “โอป้าเดช ให้เพลงนี้กับฉันวันที่โลกของฉันถล่มลงมา วันที่ฉันถูกเท ผู้หญิงที่หลงว่าตัวเองพร้อมถูกเทกะทันหัน ต้องเยียวยาตัวเอง วันที่อ่อนแอและเขาก็บอกว่าไงนะคะ”เธอหันมาถามเขา“กี่ล้านหยดน้ำตาอย่าสับสน จะขอดูแล”เสียงยิ่งดังกว่าเดิม“กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนม”เสียงแฟนเพลงกรี๊ดกี่ครั้งแล้ว...ไม่ได้เป็นเสียงไล่แห่ แต่เป็นเสียงชื่นชมกับโมเม้นท์นี้การยอมรับเอกนรีเดชชนะคุกเข่าลงบนเวที...ทีมงานวิ่งมาส่งดอกกุหลาบสีชมพูให้กับเขา1 ช่อใหญ่...เขาขอเอกนรีแต่งงาน“แจ่งง
“เขาเคยรักฉันมากนะ” เอื้อยฟ้าอวด “ก็ที่พังเป็นสิบๆ ปีไม่ใช่เพราะรักฉันหรือ”“จะหลงตัวเองไปถึงไหน เขาหมดแล้ว อ้อ...ตอนนี้เขามีคนรักใหม่แล้วนะ”“ใคร”ก่อนจะถึงกับหน้าถอดสี“กิตติมา เพื่อนของเอกนรี จิตแพทย์ พี่ดำรงบอกทุกคนที่บ้านว่าหลังจากเดชกับเอกนรีแต่งงานกัน เขาจะแต่งกับกิตติมา”“แต่งงาน?”“ใช่”“เขาคิดอะไร เด็กนั่นคราวลูก”“รักไง....เขารักเด็กคนนั้น...เขาดูมีชีวิตชีวาอีกหนนะ เอื้อยฟ้า นั่นคือความจริง ถอยไปจากชีวิตเขาให้ไกลเหมือนยี่สิบกว่าปีที่เธอมาจากบ้านเขา...จากชีวิตเขา จะหวนไปทำไม ผัวหรือลูกหรือ เธอไม่เคยอยากได้ เพราะเธออยากทำรายได้ จะไปเอาคนที่เธอทิ้งมาทำไม”“พูดมาก เอาลูกชายเธอคืนไป”เอ๋ อัจฉรายักไหล่ แล้วตอบหน้าตาเฉยว่า“สุดแต่เขานะ จะอยู่ตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น นั่นก็พ่อเขาแท้ๆเธอปั้นเขาสิ...ปั้นเลย ต้าร์มีดีกรีนักร้อวงมากกว่าเดชอีกนะ ทำให้ได้สิ วัดฝีมือเธอกับผัวด้วย”และความจริงต้าร์ไม่ได้ยินดีที่มีพ่อตัวจริงเขาตกใจ...เขาอยากเป็นลูกเอื้อยฟ้ากับดำรง วิลลี่อาจจะดูแลเขาดี และไปขอเมญ่าให้เขา...แต่ตัวเมญ่าเองเป็นฝ่ายหนี หล่อนบอกกับพ่อว่าขอไปอยู่เมืองจีนชั่วคราวด้วยข้ออ้างว่า.
“ผมขอพูดบ้างนะ ย่า” เดชชนะเอ่ย มองดูทุกคนกล่าวคำขอบคุณออกมา “ผมรู้ทุกคน รักและห่วงผม และผมขอบอกว่าผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร อยู่ตรงไหนและจะไปตรงไหนต่อ เรื่องของเอื้อยฟ้า หรือสามีเค้า...เป็นเรื่องอื่น เรื่องของคนนอก...ตอนนี้ผมห่วงแต่ต้าร์ว่าจะลงเอยแบบไหน”“เขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน ล่าสุดลุงบอกว่าจะไปขอเมญ่าให้เขาค่ะ”“อ่ะนะ ขอนังเด็กคนนั้น” นายดุ่ยรำพึง “จะได้ไหม”“น่าจะได้นะ...บางทีมีเมียอาจจะดีขึ้น และดีอีกข้อ นางจะได้ไม่ยุ่งกับโอป้าของคูนแคนด้วยค่ะ นางยังพยายามอยู่ตลอดนะคะ ตอดนิดตอดหน่อย ไมได้ก็ยังคุยโว...ทำเรื่องเอง”“หึง?” นายดุ่ยแกล้งถามหญิงสาวหัวเราะ “มาก...”อัจฉราเพิ่งขอเข้ามาสมทบ...“ฉันเพิ่งโทร.ไปคุยกับเอื้อยเฟ้า”“ยังไงบ้าง” ดำรงถาม “เอื้อยฟ้าพูดอะไร”“เค้าอยากได้เดชไปทำเพลง...”เดชชนะยิ้มมุมปาก “ขอในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้...”“เค้าอยากเจอเดชนะ”“เจอผม” แล้วชายหนุ่มก็ส่ายหน้า “ทำไมล่ะ เจอเค้าสักครั้งไหม”“ผมเจอมาแล้ว” เขายังจำภาพที่หล่อนชูเงินใบละพันห้าใบหน้าเวทีได้ “เริ่มต้นเจอกันครั้งแรก เค้าก็จะเอาเงินฟาดหัวผม...ห้าพัน...กับทั้งชีวิตที่ผ่านมา...ผมไม่ขอเจอครับ เ
ต้าร์รู้ตัวขึ้นมาอีกทีชีวิตก็ยิ่งบัดซบมากไปกว่าเดิม...ต้องใช้คำนี้ เขาไม่ได้สนใจจะทำตัวให้ดีขึ้นเอื้อยฟ้าวางมือมีแต่วิลลี่ที่หันมาประคบประหงมดูแล...พาไปพบหมอ...ทั้งหมอทางอายุกรรม หมอทางจิตเวช...แต่ต้าร์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เพลงก็ไม่ได้ทำ และเอกนรีก็บอกกับคนเป็นลุงก่อนกลับไปบุรีรัมย์อีกครั้งว่า“ลุงต้องทบทวนหน่อยแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกชายลุงแบบไหน ให้เป็นคนเต็มคน มิใช่หมาขี้เมา เสพยา..บ้าผู้หญิง”เพราะมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีเมญ่า ต้าร์ก็ซื้อบริการมากินถึงในบ้าน...“ติดโรคร้ายอีก จะยิ่งเสียใจนะลุง...ที่จริงหนูว่าหาเมียให้เป็นตัวเป็นตนก็ดีกับเขานะ”“เมีย?? ฮ้า...ใคร” วิลลี่ทวนอย่างฉงน“เมญ่า...ผู้หญิงงคนนั้นชื่อเมญ่า เป็นลูกสาวเสี่ยระดับเจ้าพ่อของเมือง มีโรงแรม ไปขอให้เขาสิ ลุง...เพราะตอนนี้ยัยนั่นกำลังไปแย่งยื้อเดช หนูไม่อยากเปิดศึก...อีกอย่างนางก็มีผัวแล้ว มายุ่งกับเดชชนะทำไม...จริงไหม ป้า” หันไปถามเอื้อยฟ้าเสียอีก “บอกสามีป้าไปขอลูกสะใภ้ซะ...บางทีมีเมียเป็นตัวเป็นคนอาจจะดีขึ้น แต่ค่าสินสอดคงแพงหน่อยนะ พ่อเขาดังและรวยจริงเมื่อความจริงปรากฏ ความผิดหวังของเขาก็มีเต็มที่ แต่เขาก็ยังอยากช่วยล