Share

บทที่ 3

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-08 09:14:53

บทที่ 3

“คนนี้รักมากกว่าใครเลย แล้วพี่อิสร์ล่ะคะเมื่อไหร่จะบอกรักเอมเสียที”

“บอกผ่านการกระทำอยู่ทุกๆ วัน ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”

“อยากได้ยินจากปากบ้างนี่”

“พี่จะบอกเมื่อถึงเวลา”

“เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ที่พี่อิสร์จะบอกรักเอมบ้าง”

สีหน้าอันสดใสง้ำงอลงเล็กน้อย แววตากับวาจาตัดพ้อแกมประท้วงแค่พอน่าเอ็นดู ด้วยเพราะเห็นด้วยว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขามันสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนอย่างที่เขาว่าจริงๆ ทว่าเธอแค่อยากได้ยินถ้อยคำบอกรักตามประสาผู้หญิงบ้างก็เท่านั้น

“เมื่อเอมโตพอจะรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร”

“เอมโตแล้ว เรียนจบม.ปลายแล้วด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าโตเหรอคะ”

“ยังไม่โตหรอก เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเต็มวันนี้เอง ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย”

“ถึงเอมจะยังเด็กในสายตาของพี่อิสร์ หรือพี่อิสร์คิดว่าเอมยังไม่เข้าใจความรักจริงๆ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าพี่อิสร์คือรักแท้ของเอม พี่อิสร์คือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเอม เอมจะไม่รักใครอีก นอกจากพี่อิสร์คนเดียว”

คำบอกรักช่างหวานซึ้งและแสนซื่อ สายตาก็ฉายชัดว่ามันคือคำพูดที่ออกมาจากใจทุกคำ ตาคมไม่ละไปจากดวงหน้าหมดจดแม้แต่เสี้ยววินาที ดวงหน้าแสนหวานนั้นล้อมกรอบด้วยผมดำขลับ สายลมที่พัดเพียงแค่เอื่อยๆ แต่ทำให้ผมยาวดำขลับพลิ้วไหวไปตามแรงลม จนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปทัดผมบนใบหูของเธอ

“ไว้พี่จะรอดู”

“รอดูได้เลยค่ะ รับรองว่าเอมจะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ตอนนี้เอมอยากเห็นของขวัญแล้ว ไหนคะของขวัญวันเกิดเอม”

 มือเล็กยกขึ้นแบในระดับอก เป็นกิริยาที่บ่งบอกว่ากำลังรอให้เขาส่งของขวัญให้ แต่กวินภพกลับไม่ได้วางกล่องหรืออะไรบนมือของเธอ เขาพาเธอไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงประมาณเอว ร่องรอยของดินที่เพิ่งถูกกลบใหม่ๆ บ่งบอกชัดว่า มันเพิ่งจะถูกปลูกเมื่อไม่นานมานี้

“ชมพูพันธุ์ทิพย์?”

“ต้นไม้ที่เอมชอบ”

“อย่าบอกนะว่านี่เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”

“ไม่อยากบอก แต่ก็ใช่ ต้นไม้ต้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”

“นึกว่าจะซื้อแหวนให้ซะอีก” ปากบอกว่าอยากได้แหวน แต่ตากลับหลุบมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างรักมากที่สุด ราคาของมันไม่ได้มากมายอะไร ทว่ามันมีค่าทางใจต่อเธอมากเหลือเกิน เธอชอบต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ชอบเวลาที่มันออกดอกบานสะพรั่งเป็นสีชมพูเต็มต้น และมักจะบอกกับพี่อิสร์เสมอ ว่าสักวันเธอจะเอามันมาปลูกไว้หน้าบ้าน บ้านที่เป็นบ้านของเธอกับเขา

“ถ้าอยากได้ต้องรอ”

“เอมบอกแล้วไงคะว่าเอมรอพี่อิสร์ได้เสมอ แต่สำหรับเอมจะไม่ยอมให้พี่อิสร์ต้องรอ”

“ยังไง”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของสาวน้อยนัก เอมมาลินไม่ได้อธิบายในทันที แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น จรดริมฝีปากนุ่มจุ๊บเบาๆ ที่แก้มของเขา พร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายรูป จากนั้นก็กดส่งเข้าไปในกล่องสนทนาทันที

“เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้รักใคร และไม่อนุญาตให้ใครรัก”

“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”

เสียงขรึมๆ ดังขึ้นหลังจากนิ่งอยู่พักหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับแดงซ่าน บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเขินจัด ทำให้เอมมาลินยิ้มยวน

“ทำไมคะ”

“...”

กวินภพไม่ตอบแต่มองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เอมมาลินจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ชอบที่เห็นพี่อิสร์ของเธอหน้าแดงเพราะความเขิน เธอจึงแกล้งยั่วเขาอีก

“เอมถามว่าทำไม” 

“เพราะพี่อาจจะทำแบบนี้หรือมากกว่านี้”

เสียงเขาเข้มขรึม ก่อนที่จะตวัดร่างบางเข้ามากอด แล้วประกบปากจูบกลีบปากนุ่มช่างเจรจา  มันไม่ใช่แค่การเอาปากแตะปาก และไม่ใช่การจูบเบาๆ ทว่าเป็นการจูบแบบชายหญิงอย่างแท้จริง เรียวปากหยักบดคลึง เรียวลิ้นแทรกผ่านไรฟันเข้าไปข้างในโพรงปากนุ่มชื้น ทำให้สาวน้อยตกตะลึงเพราะไม่ได้ตั้งตัว ไม่คิดว่าคนที่ดำรงตัวเป็นสุภาพบุรุษมาตลอดจะกล้าทำแบบนี้ ทว่าเพราะนี่เป็นพี่อิสร์ เธอจึงไม่ตื่นกลัว ไม่ดิ้นรนขัดขืน ตาคู่สวยหลับพริ้มลงรับการจุมพิตนั้นอย่างอ่อนหวาน ปล่อยให้พี่อิสร์จูบและจูบตอบเขาเท่าที่สัญชาตญาณจะสอน

คลื่นความวาบหวามถาโถม สองลิ้นหยอกเย้ากันเนิ่นนาน ดอกลีลาวดีปลิดปลิวลอยร่วงลงพื้นหญ้า คล้ายดั่งโปรยปรายเพื่อล้อเลียนกับจุมพิตแสนหวานที่เกิดขึ้น ร่างบางในอ้อมแขนขยับเข้าหาเบียดชิดกว่าเดิม เมื่อความหวานซาบซ่านเริ่มมีความเร่าร้อนทางอารมณ์ซึมลึกแทรกเข้ามา มันเป็นแรงดึงดูดอย่างรุนแรงระหว่างสองหนุ่มสาวที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน มันช่างเย้ายวนชวนให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความปรารถนาที่จะดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ แต่กวินภพรู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา เขาจำต้องยับยั้งชั่งใจ โดยการคลายวงแขนของตัวเองและดันร่างบางออกห่างเบาๆ

คราวนี้คนที่ต้องเขินและเงียบเหมือนเป่าสากคือเอมมาลินเอง พวงแก้มใสมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้มลามเลียไปจนถึงต้นคอ มันเป็นจูบแรกของเธอ แต่เป็นจูบแรกของพี่อิสร์ด้วยหรือเปล่าเธอก็ไม่แน่ใจ ถ้าใช่…ทำไมพี่อิสร์ถึงจูบเก่ง ทำเอาวาบหวามท้องน้อยปั่นป่วนไปหมดแบบนี้

“ไงคนเก่ง ทำไมเงียบไป” กวินภพเอ่ยยั่วเย้า เมื่อคนตรงหน้ายืนหน้าแดงระเรื่อโดยไม่ยอมพูดยอมจา เหมือนกับเป็นคนละคนกับสาวน้อยช่างยั่วเมื่อครู่นี้

“แค่กำลังคิดว่าพี่อิสร์เคยจูบกับใครมาก่อนหรือเปล่า” แม้จะยังอยู่ในอาการเขินสุดขีด แต่เอมมาลินก็ต้องหาคำตอบให้ตัวเอง

“คิดว่าเคยมั้ย”

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ใจร้าย   บทที่ 5

    บทที่ 5 กรองทองยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ แล้วดึงมือเรียวบางไปที่โต๊ะ จากนั้นเค้กส้มก็ถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ก่อนที่เอมมาลิน กวินภพ และกรองทองจะนั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข ตามมาด้วยบะหมี่ต้มยำสูตรเด็ดซึ่งเป็นของโปรดอีกอย่างของเอมมาลิน สาวน้อยซึมซับเอาความสุขนี้ เพราะมันคงเป็นความสุขเดียวที่จะได้รับในวันเกิดวันนี้ ส่วนพ่อแท้ๆ ของเธอ ตอนนี้อยู่ในช่วงเที่ยวต่างประเทศกับเมียและลูกสาวคนใหม่ของพ่อ ตาคู่สวยหม่นเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อประหวัดคิดถึงบิดา เธอเป็นคนนอกสำหรับพ่อมานานมากแล้ว นับตั้งแต่พ่อแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่ของเธอตายไป และมีลูกสาวเพิ่มอีกคน พ่อพยายามทำให้เธอสนิทสนมกับภรรยาใหม่ของพ่อ ทว่าเธอกลับถูกฝ่ายนั้นกีดกัน กระทั่งแม่เลี้ยงของเธอมีลูก เธอก็กลายเป็นส่วนเกินสำหรับครอบครัวไปโดยปริยาย พ่อเห่อและใส่ใจแต่ลูกสาวคนใหม่ จนเอมมาลินรู้สึกว่าพ่อหลงลืมไปแล้ว ว่ายังมีเธอเป็นลูกอีกคน การเลี้ยงฉลองวันเกิดของเอมมาลินสิ้นสุดลงในเวลาเกือบสองทุ่ม เธอยกมือไหว้ลากรองทอง จากนั้นกวินภพก็ปั่นจักรยานไปส่งที่หน้าบ้านของเธอ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เอมมาลินมาหา

  • ใจร้าย   บทที่ 4

    บทที่ 4“ไม่รู้ ไม่กล้าคิด ไม่อยากคิด” ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา เต็มไปด้วยความแง่งอน เมื่อพี่อิสร์ไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ แถมพูดจายอกย้อนคล้ายดั่งต้องการให้เธอคิดมากอีก“ถ้าพี่เคยล่ะ เอมจะว่ายังไง”“ไม่ว่ายังไง ก็แค่เสียใจที่ไม่ได้เป็นจูบแรกของพี่อิสร์”กวินภพยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นแนบพวงแก้มใสและไล้นิ้วไปมาเบาๆ ตาจ้องมองใบหน้างดงามอย่างมีความหมายเต็มเปี่ยมไปด้วยรัก“ไม่ต้องเสียใจไปหรอก นี่เป็นจูบแรกของพี่”“จริงนะคะ” ตากลมโตฉายแววระริก เช่นเดียวกับปากนุ่มที่ยิ้มกว้างจนโลกสดใสอีกครั้ง“จริงสิ หรือพี่เคยโกหก”“งั้นให้เอมเป็นคนสุดท้ายด้วยได้ไหม”“โลภมากจริง”“นะคะ” น้ำเสียงออดอ้อน ตาเว้าวอนขอคำสัญญา เพราะรู้ดีว่าคนคนนี้คำไหนคำนั้น ถ้าเขารับปาก เขาจะทำตามที่พูดเสมอ“เอมจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่พี่จะรัก…พี่สัญญา”“สัญญาแล้วนะ” นิ้วก้อยชูขึ้นรอให้นิ้วก้อยของอีกคนยกขึ้นมาเกี่ยว เพื่อเป็นการยืนยันคำสัญญาโดยสมบูรณ์“สัญญา”“เอมไม่อยากไปเรียนต่อเมืองนอกเลยค่ะพี่อิสร์ ไม่ไปได้ไหม” ใบหน้าหวานซบลงบนไหล่แกร่ง ยามพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ“ไปเถอะนะ เพื่ออนาคตของเอม”“เอมอยากข้ามเวลาได้จัง เอมอ

  • ใจร้าย   บทที่ 3

    บทที่ 3“คนนี้รักมากกว่าใครเลย แล้วพี่อิสร์ล่ะคะเมื่อไหร่จะบอกรักเอมเสียที”“บอกผ่านการกระทำอยู่ทุกๆ วัน ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”“อยากได้ยินจากปากบ้างนี่”“พี่จะบอกเมื่อถึงเวลา”“เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ที่พี่อิสร์จะบอกรักเอมบ้าง”สีหน้าอันสดใสง้ำงอลงเล็กน้อย แววตากับวาจาตัดพ้อแกมประท้วงแค่พอน่าเอ็นดู ด้วยเพราะเห็นด้วยว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขามันสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนอย่างที่เขาว่าจริงๆ ทว่าเธอแค่อยากได้ยินถ้อยคำบอกรักตามประสาผู้หญิงบ้างก็เท่านั้น“เมื่อเอมโตพอจะรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร”“เอมโตแล้ว เรียนจบม.ปลายแล้วด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าโตเหรอคะ”“ยังไม่โตหรอก เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเต็มวันนี้เอง ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย”“ถึงเอมจะยังเด็กในสายตาของพี่อิสร์ หรือพี่อิสร์คิดว่าเอมยังไม่เข้าใจความรักจริงๆ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าพี่อิสร์คือรักแท้ของเอม พี่อิสร์คือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเอม เอมจะไม่รักใครอีก นอกจากพี่อิสร์คนเดียว”คำบอกรักช่างหวานซึ้งและแสนซื่อ สายตาก็ฉายชัดว่ามันคือคำพูดที่ออกมาจากใจทุกคำ ตาคมไม่ละไปจากดวงหน้าหมดจดแม้แต่เสี้ยววินาที ดวงหน้าแสนหวานนั้นล้อมกรอบด้วยผมดำขลั

  • ใจร้าย   บทที่ 2

    บทที่ 2พูดจบรังสิมันต์กับปรัชญ์ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยรังสิมันต์เป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนปรัชญ์ช่วยเสิร์ฟและเก็บชามที่ลูกค้ากินเสร็จแล้ว ไม่นานร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจนโต๊ะไม่มีที่ว่างดวงตาเข้มขรึมมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รังสิมันต์กับปรัชญ์ดูสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะนั่นคือความแปลกใหม่สำหรับพวกเขา คงไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกมหาเศรษฐีจะได้มาทำอะไรแบบนี้คิดแล้วเขาก็นึกตลกกับโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน เขามีชีวิตที่ลำบากและจนแสนจน ทว่ารอบตัวกลับมีแต่เหล่าบรรดาทายาทมหาเศรษฐี มิตรภาพเหล่านี้คงเกิดจากการที่เขาได้มีโอกาสได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศกระมัง จึงนำพาให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนอย่างรังสิมันต์ซึ่งเรียนภาควิชาอุตสาหการเช่นเดียวกับเขา และรังสิมันต์ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับปรัชญ์ ที่แม้ว่าจะเรียนภาควิชาโยธา ทว่าปรัชญ์ก็เป็นเพื่อนสนิทของรังสิมันต์ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน เขากับปรัชญ์พลอยสนิทสนมกันไปโดยปริยายนอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนที่เขารู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง คือปราณต์พี่ชายของปรัชญ์กับศาสตราเพื่อนของปราณต์ซึ่งซิ่วจากคณะอื่นมาเรียนวิศวอุตสาหการ ท

  • ใจร้าย   บทที่ 1

    บทที่ 1 สภาพการจราจรยามพลบค่ำยังคงแออัดเช่นเดียวกับทุกวัน อากาศช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งเป็นฤดูร้อน ยิ่งทำให้เมืองที่แออัดไปด้วยผู้คนและตึกรามบ้านช่อง ทวีความร้อนอบอ้าวมากขึ้นไปเป็นเท่าตัว ผู้คนที่อยู่บนยวดยานและสัญจรไปมาบนท้องถนน สีหน้าล้วนแต่ปราศจากรอยยิ้ม หากทว่ากลับเป็นข้อยกเว้นสำหรับชายหนุ่มในชุดกางเกงยีนเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ปักตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง โครงหน้าคมคร้ามหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุขออกมาอย่างน่าอิจฉา เหมือนดั่งว่าสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ร่างสูงเกือบหกฟุตก้าวลงจากรถเมล์ แล้วตรงไปยังร้านบะหมี่ข้างทาง ที่มีหญิงวัยกลางคนกำลังจัดวางเก้าอี้อยู่ หนังสือในมือสองสามเล่มกับถุงพลาสติกที่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งอยู่ข้างในถูกวางไว้ใกล้ๆ กับรถเข็น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกระวีกระวาดไปช่วย ท่าทางการหยิบจับโต๊ะอะลูมิเนียมสีแดงขณะนำมันมากางเป็นไปอย่างคล่องแคล่วและกระตือรือร้น ปราศจากอาการเก้กังเคอะเขินโดยสิ้นเชิง และในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โต๊ะสี่ห้าตัวกับเก้าอี้พลาสติกเข้าชุด ก็พร้อมให้ลูกค้าที่เป็นขาประจำและขาจรได้

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status