LOGIN“คนนี้รักมากกว่าใครเลย แล้วพี่อิสร์ล่ะคะเมื่อไหร่จะบอกรักเอมเสียที”
“บอกผ่านการกระทำอยู่ทุกๆ วัน ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”
“อยากได้ยินจากปากบ้างนี่”
“พี่จะบอกเมื่อถึงเวลา”
“เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ที่พี่อิสร์จะบอกรักเอมบ้าง”
สีหน้าอันสดใสง้ำงอลงเล็กน้อย แววตากับวาจาตัดพ้อแกมประท้วงแค่พอน่าเอ็นดู ด้วยเพราะเห็นด้วยว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขามันสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนอย่างที่เขาว่าจริงๆ ทว่าเธอแค่อยากได้ยินถ้อยคำบอกรักตามประสาผู้หญิงบ้างก็เท่านั้น
“เมื่อเอมโตพอจะรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร”
“เอมโตแล้ว เรียนจบม.ปลายแล้วด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าโตเหรอคะ”
“ยังไม่โตหรอก เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเต็มวันนี้เอง ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย”
“ถึงเอมจะยังเด็กในสายตาของพี่อิสร์ หรือพี่อิสร์คิดว่าเอมยังไม่เข้าใจความรักจริงๆ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าพี่อิสร์คือรักแท้ของเอม พี่อิสร์คือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเอม เอมจะไม่รักใครอีก นอกจากพี่อิสร์คนเดียว”
คำบอกรักช่างหวานซึ้งและแสนซื่อ สายตาก็ฉายชัดว่ามันคือคำพูดที่ออกมาจากใจทุกคำ ตาคมไม่ละไปจากดวงหน้าหมดจดแม้แต่เสี้ยววินาที ดวงหน้าแสนหวานนั้นล้อมกรอบด้วยผมดำขลับ สายลมที่พัดเพียงแค่เอื่อยๆ แต่ทำให้ผมยาวดำขลับพลิ้วไหวไปตามแรงลม จนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปทัดผมบนใบหูของเธอ
“ไว้พี่จะรอดู”
“รอดูได้เลยค่ะ รับรองว่าเอมจะไม่ทำให้ผิดหวัง แต่ตอนนี้เอมอยากเห็นของขวัญแล้ว ไหนคะของขวัญวันเกิดเอม”
มือเล็กยกขึ้นแบในระดับอก เป็นกิริยาที่บ่งบอกว่ากำลังรอให้เขาส่งของขวัญให้ แต่กวินภพกลับไม่ได้วางกล่องหรืออะไรบนมือของเธอ เขาพาเธอไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงประมาณเอว ร่องรอยของดินที่เพิ่งถูกกลบใหม่ๆ บ่งบอกชัดว่า มันเพิ่งจะถูกปลูกเมื่อไม่นานมานี้
“ชมพูพันธุ์ทิพย์?”
“ต้นไม้ที่เอมชอบ”
“อย่าบอกนะว่านี่เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”
“ไม่อยากบอก แต่ก็ใช่ ต้นไม้ต้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดของเอม”
“นึกว่าจะซื้อแหวนให้ซะอีก” ปากบอกว่าอยากได้แหวน แต่ตากลับหลุบมองต้นไม้ต้นนั้นอย่างรักมากที่สุด ราคาของมันไม่ได้มากมายอะไร ทว่ามันมีค่าทางใจต่อเธอมากเหลือเกิน เธอชอบต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ชอบเวลาที่มันออกดอกบานสะพรั่งเป็นสีชมพูเต็มต้น และมักจะบอกกับพี่อิสร์เสมอ ว่าสักวันเธอจะเอามันมาปลูกไว้หน้าบ้าน บ้านที่เป็นบ้านของเธอกับเขา
“ถ้าอยากได้ต้องรอ”
“เอมบอกแล้วไงคะว่าเอมรอพี่อิสร์ได้เสมอ แต่สำหรับเอมจะไม่ยอมให้พี่อิสร์ต้องรอ”
“ยังไง”
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างไม่เข้าใจในคำพูดของสาวน้อยนัก เอมมาลินไม่ได้อธิบายในทันที แต่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น จรดริมฝีปากนุ่มจุ๊บเบาๆ ที่แก้มของเขา พร้อมกับกดชัตเตอร์ถ่ายรูป จากนั้นก็กดส่งเข้าไปในกล่องสนทนาทันที
“เอมจองพี่อิสร์แล้วนะ หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้รักใคร และไม่อนุญาตให้ใครรัก”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ”
เสียงขรึมๆ ดังขึ้นหลังจากนิ่งอยู่พักหนึ่ง ทว่าใบหน้ากลับแดงซ่าน บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเขินจัด ทำให้เอมมาลินยิ้มยวน
“ทำไมคะ”
“...”
กวินภพไม่ตอบแต่มองเธอด้วยสายตานิ่งๆ เอมมาลินจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ชอบที่เห็นพี่อิสร์ของเธอหน้าแดงเพราะความเขิน เธอจึงแกล้งยั่วเขาอีก
“เอมถามว่าทำไม”
“เพราะพี่อาจจะทำแบบนี้หรือมากกว่านี้”
เสียงเขาเข้มขรึม ก่อนที่จะตวัดร่างบางเข้ามากอด แล้วประกบปากจูบกลีบปากนุ่มช่างเจรจา มันไม่ใช่แค่การเอาปากแตะปาก และไม่ใช่การจูบเบาๆ ทว่าเป็นการจูบแบบชายหญิงอย่างแท้จริง เรียวปากหยักบดคลึง เรียวลิ้นแทรกผ่านไรฟันเข้าไปข้างในโพรงปากนุ่มชื้น ทำให้สาวน้อยตกตะลึงเพราะไม่ได้ตั้งตัว ไม่คิดว่าคนที่ดำรงตัวเป็นสุภาพบุรุษมาตลอดจะกล้าทำแบบนี้ ทว่าเพราะนี่เป็นพี่อิสร์ เธอจึงไม่ตื่นกลัว ไม่ดิ้นรนขัดขืน ตาคู่สวยหลับพริ้มลงรับการจุมพิตนั้นอย่างอ่อนหวาน ปล่อยให้พี่อิสร์จูบและจูบตอบเขาเท่าที่สัญชาตญาณจะสอน
คลื่นความวาบหวามถาโถม สองลิ้นหยอกเย้ากันเนิ่นนาน ดอกลีลาวดีปลิดปลิวลอยร่วงลงพื้นหญ้า คล้ายดั่งโปรยปรายเพื่อล้อเลียนกับจุมพิตแสนหวานที่เกิดขึ้น ร่างบางในอ้อมแขนขยับเข้าหาเบียดชิดกว่าเดิม เมื่อความหวานซาบซ่านเริ่มมีความเร่าร้อนทางอารมณ์ซึมลึกแทรกเข้ามา มันเป็นแรงดึงดูดอย่างรุนแรงระหว่างสองหนุ่มสาวที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน มันช่างเย้ายวนชวนให้ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความปรารถนาที่จะดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ แต่กวินภพรู้ดีว่ามันยังไม่ถึงเวลา เขาจำต้องยับยั้งชั่งใจ โดยการคลายวงแขนของตัวเองและดันร่างบางออกห่างเบาๆ
คราวนี้คนที่ต้องเขินและเงียบเหมือนเป่าสากคือเอมมาลินเอง พวงแก้มใสมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้มลามเลียไปจนถึงต้นคอ มันเป็นจูบแรกของเธอ แต่เป็นจูบแรกของพี่อิสร์ด้วยหรือเปล่าเธอก็ไม่แน่ใจ ถ้าใช่…ทำไมพี่อิสร์ถึงจูบเก่ง ทำเอาวาบหวามท้องน้อยปั่นป่วนไปหมดแบบนี้
“ไงคนเก่ง ทำไมเงียบไป” กวินภพเอ่ยยั่วเย้า เมื่อคนตรงหน้ายืนหน้าแดงระเรื่อโดยไม่ยอมพูดยอมจา เหมือนกับเป็นคนละคนกับสาวน้อยช่างยั่วเมื่อครู่นี้
“แค่กำลังคิดว่าพี่อิสร์เคยจูบกับใครมาก่อนหรือเปล่า” แม้จะยังอยู่ในอาการเขินสุดขีด แต่เอมมาลินก็ต้องหาคำตอบให้ตัวเอง
“คิดว่าเคยมั้ย”
“ว่าไงตะวัน” “จะโทร.มาถามว่าเรื่องนั้นตกลงแกว่าไง” “แกนี่มันบ้าว่ะตะวัน ลูกฉันยังไม่โตเลยนะเว้ย” กวินภพต่อว่าเพื่อน แต่พร้อมกันนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่รังสิมันต์ที่โทร.มาทาบทามลูกสาวของเขา แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าจะให้ลูกใครคู่กับลูกใครบ้าง “ก็เพราะยังไม่โตนี่แหละเลยต้องรีบจองไว้ก่อน” “แล้วน้องนิลลูกไอ้ปรัชญ์ล่ะ” “คนนั้นพี่กริชจองไว้ให้ลูกชายแล้ว” “แต่ลูกพี่กริชอายุน้อยกว่าน้องนิลไม่ใช่เหรอวะ” “อายุมันใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ”“แล้วลูกพี่ปราณต์ล่ะ”“ก็คู่กับน้องโอมลูกชายคนรองแกไง เอาละๆ แกไม่ต้องเฉไฉ ตอบมาคำเดียวว่าแกจะยกหนูอินธ์ให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของฉันหรือเปล่า หรือถ้าไม่ได้น้องอินธ์จะเป็นน้องอัยย์ก็ได้นะเว้ย” คราวนี้รังสิมันต์ข่มขู่แบบจริงจังสุดๆ กวินภพเลยต้องถอนหายใจออกมา “แกนี่มันบ้าเข้าขั้นจริงๆ ว่ะตะวัน ถามจริงแกปรึกษาจันทร์บ้างหรือเปล่า”“จันทร์ตามใจฉันอยู่แล้ว”“แน่ใจเหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้โรคกลัวเมียของแกกำลังกำเริบหนักนี่”“ใครโทร.มาสาระแนเรื่องชาวบ้านล่ะ ไอ้ปรัช
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ หอมวันละกี่รอบก็ไม่รู้”“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ อีกอย่างเดี๋ยวนี้มีลูกๆ มาคอยแย่งหอมแก้มแม่ พี่ยิ่งต้องรีบหอมเวลาที่มีโอกาส”คำพูดนั้นทำให้เอมมาลินหัวเราะออกมาเบาๆ โดยที่ตายังคงทอดมองภาพลูกสาวคนโตอยู่เช่นเดิม ก่อนจะรำพึงออกมากับสามี“ยัยอินธ์ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนน้ากรอง จนบางครั้งเอมอดคิดไม่ได้ว่า น้ากรองคงมาเกิดเป็นลูกของเรา เหมือนที่เอมเคยอธิษฐานไว้ ว่าขอให้เอมได้มีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนน้ากรองบ้างไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”“แม่คงคิดถึงเราสองคน ถึงได้กลับมาอยู่ด้วย”ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ กับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัวในตอนนี้ เธอมองไปยังลูกสาวคนโตด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักสุดหัวใจ ซึ่งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่น้ากรองที่มาเกิดใหม่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับน้ากรองกับพ่อเหมือนเดิม และทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็จะให้พี่อิสร์พาไปที่วัดเพื่อเยี่ยมพ่อกับน้ากรองเสมอ“ตาโอมเป็นยังไงบ้างคะ หลับหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามถึงลูกชายคนรองกับสามี เพราะเขาเพิ่งจะกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อครู่นี้สองคนพ่อลูกเล่นอยู่ด้วยกันในนั้น“หลับไปแล้วละ
“งั้นวันหลังพี่อิสร์เปิดรูปพวกนั้นให้เอมดูหน่อยนะคะเอมอยากเห็น”“ได้สิ แล้วนอกจากเรื่องต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เอมมีอะไรอยากจะถามพี่อีกมั้ย รีบถามเลย เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่เปิดโอกาสให้ถามแล้วนะ เพราะพี่จะชวนเอมทำอย่างอื่น”ท่าทีและถ้อยคำยั่วเย้าของเขา ทำให้เอมมาลินวาบหวามและอุ่นซ่านในอก รู้ดีว่าสามีต้องการอะไร แต่เธอก็ยังหาเรื่องประวิงเวลาต่อ“มีอีกเรื่องค่ะ เอมอยากรู้ว่าช่วงนี้พี่อิสร์หายไปไหนบ่อยๆ”“ไปดูช่างทาสีบ้านกับตกแต่งสวนใหม่ ตอนนี้บ้านเอมสวยเหมือนเดิมแล้วนะ อีกไม่กี่วันพี่จะปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันน่าจะโตไปพร้อมๆ กับลูกคนโตของเรา เอาไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปดู”“ทำไมพี่อิสร์ไม่ขายซะล่ะคะ บ้านก็ไม่มีคนอยู่นานแล้ว”“มันเคยเป็นบ้านของเอม พี่ไม่อยากขาย ตอนที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ ก็เพราะแอบหวังลึกๆ ว่าพี่จะมีโอกาสได้คืนมันให้เอม หรือถ้าไม่มีโอกาสจริงๆ พี่ก็ยังมีของที่ระลึกให้ได้คิดถึงเอม”“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”“แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใจร้ายเท่านั้นเอง เอมจ๋าลืมมันได้มั้ย” กวินภพออดอ้อน พอคิดถึงความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำ หัวใจก็พลอยเจ็บปวดเพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเก
“สัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาด้วย เอมคือหัวใจ คือชีวิตของพี่ พี่อยากทำทุกๆ วันให้เอมมีความสุข เพื่อชดเชยเวลาที่เคยเสียไปกับเรื่องเลวร้ายที่พี่ทำกับเอม”“ทุกวันนี้เอมก็มีความสุขมากแล้ว และความสุขของเอมก็คือการมีพี่อิสร์อยู่ข้างๆ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้ตื่นมาเจอกัน ได้กินข้าวพร้อมกัน และได้นอนพร้อมกัน ขอบคุณที่ดูแลเอมอย่างดี เอมรักพี่อิสร์นะคะ”“พี่ก็รักเอมและรักลูกของเรา ขอบคุณที่ยอมตามใจพี่ ที่ยอมมีลูกกับพี่”กล่าวจบปากหยักอุ่นซ่านก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม จูบเธออย่างดูดดื่ม รักใคร่ และลึกซึ้ง ซึ่งเอมมาลินเองก็ยอมให้จูบและจูบตอบเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน“เรื่องห้องลูก เอมตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว พี่อิสร์มีหน้าที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็พอแล้วค่ะ” เอมมาลินบอกกับสามีอีกครั้งหลังจากจูบอันเนิ่นนานของทั้งคู่ผ่านไป“ไม่เอาค่าจ้างเหรอ”“ไม่เอาหรอกค่ะ ห้องลูกของเรานะคะ เอมจะเอาได้ยังไง”“แต่พี่อยากให้ อยากจ้างเมียตัวเอง”“ทุกวันนี้ก็ให้จนเอมใช้ไม่หมดอยู่แล้วค่ะ”“เอมแทบจะไม่ใช้เลยต่างหาก” กวินภพเอ่ยแย้งพลางยกมือขึ้นไล้แก้มนวลเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ไม่รู้จะใช้ซื้ออะไรนี่คะ พี่อิสร์หามาให้หมดทุกอย
“ถ้ามัวแต่เรียกชื่อเอมอยู่แบบนี้ เอมจะไม่ยอมมีลูกด้วย”“ถึงเอมจะไม่ยอม พี่ก็จะปล้ำแบบมาราธอน งานนี้ถ้าเอมไม่ท้อง พี่ก็ไม่พากลับ”ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับลงจูบปากนุ่มอย่างดูดดื่ม เอมมาลินจูบตอบเขา แต่ไม่ได้หลับตาเหมือนทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ปากยังถูกจูบ ตาของเธอจ้องมองเขา ประกายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว และภาษากายเหล่านั้นก็ทำให้ความอบอุ่นอ่อนหวานกลายเป็นความเร่าร้อนขึ้นในทันทีทุกตารางนิ้วบนเรือนกายเปลือยเปล่าของเอมมาลินถูกจูบถูกสัมผัสจนเธอพรั่งพร้อม เขาก็เป็นฝ่ายพลิกตัวลงนอนหงายกับที่นอน แล้วจับร่างบางขึ้นไปอยู่เหนือร่างใหญ่ เอมมาลินเขินอายไม่น้อยเมื่อรู้ความต้องการของสามี แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการค่อยๆ นำพาเขาและเธอให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเอมมาลินขยับกายบดสะโพกเป็นจังหวะช้าเร็ว ตามแต่ธรรมชาติและความเร่าร้อนวาบหวามจะนำทาง ทว่ากลับทำให้คนที่ทำตัวเป็นเบี้ยล่างชั่วคราวพอใจและเปล่งเสียงครางออกมาอย่างสุขสม และความสุขสมเหล่านั้นมันก็คือรางวัลที่ดีงามที่สุดสำหรับเธอความอุ่นซ่านแล่นลึกเข้ามาสู่ท้องน้อยและหัวใจ ในช่วงสุดท้ายของท่วงทำนองคลองรัก เอมมาลินรู้ดีว่ามันคือต
“ไม่หรอกครับ สำหรับบางอย่างหรือบางเรื่อง การเว้นช่องว่างและปล่อยให้เป็นเส้นขนานคือทางที่ดีที่สุดแล้ว พี่ว่าภัสเองก็คงเข้าใจเหมือนกัน” “เหมือนครั้งหนึ่งที่เอมเคยคิดว่า เรื่องระหว่างเอมกับพี่อิสร์มันคงเป็นเส้นขนานไปแล้ว” “ยกเว้นเรื่องของเราที่รัก พี่รักเอมมากเกินกว่าจะปล่อยให้เรื่องระหว่างเราสองคนกลายเป็นเส้นขนาน” “ขอบคุณที่พี่อิสร์ยกโทษให้เอม และขอบคุณที่กลับเข้ามาในชีวิตของเอม” “ขอบคุณเอมเหมือนกันที่ยอมยกโทษให้พี่ และยอมให้โอกาสพี่ได้ดูแลเอม” ตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดความรักความเข้าใจให้กันและกันผ่านทางหน้าต่างของหัวใจ ก่อนที่เอมมาลินจะเป็นฝ่ายชวนสามีไปไหว้พ่อกับแม่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ไปไหว้พ่อกับแม่ของเรากันเถอะค่ะ” “พี่จะขออโหสิกับพ่อของเอมและแนะนำตัวกับท่านว่าตอนนี้พี่เป็นลูกเขยท่านแล้ว เอมเองก็อย่าลืมบอกแม่พี่นะว่าเอมเป็นลูกสะใภ้ท่านแล้ว” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ หัวใจพองคับอกและเต็มไปด้วยความอุ่นซ่าน มือใหญ่จูงมือเล็กไปยังหน้าสถูปของผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินไปยังสถูปของแม่ของเขา บอกกล่าวทุกอย่างให้ท่า







