Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-11-08 09:14:38

บทที่ 2

พูดจบรังสิมันต์กับปรัชญ์ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยรังสิมันต์เป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนปรัชญ์ช่วยเสิร์ฟและเก็บชามที่ลูกค้ากินเสร็จแล้ว ไม่นานร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจนโต๊ะไม่มีที่ว่าง

ดวงตาเข้มขรึมมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รังสิมันต์กับปรัชญ์ดูสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะนั่นคือความแปลกใหม่สำหรับพวกเขา คงไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกมหาเศรษฐีจะได้มาทำอะไรแบบนี้

คิดแล้วเขาก็นึกตลกกับโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน เขามีชีวิตที่ลำบากและจนแสนจน ทว่ารอบตัวกลับมีแต่เหล่าบรรดาทายาทมหาเศรษฐี มิตรภาพเหล่านี้คงเกิดจากการที่เขาได้มีโอกาสได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศกระมัง จึงนำพาให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนอย่างรังสิมันต์ซึ่งเรียนภาควิชาอุตสาหการเช่นเดียวกับเขา และรังสิมันต์ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับปรัชญ์ ที่แม้ว่าจะเรียนภาควิชาโยธา ทว่าปรัชญ์ก็เป็นเพื่อนสนิทของรังสิมันต์ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน  เขากับปรัชญ์พลอยสนิทสนมกันไปโดยปริยาย

นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนที่เขารู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง คือปราณต์พี่ชายของปรัชญ์กับศาสตราเพื่อนของปราณต์ซึ่งซิ่วจากคณะอื่นมาเรียนวิศวอุตสาหการ ทำให้ศาสตรากลายมาเป็นรุ่นพี่สาขาที่เขาเรียน ตอนนี้ปราณต์เรียนจบและบรรจุเป็นหมอที่โรงพยาบาลในเชียงใหม่ ส่วนศาสตรากำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมการเกษตรอยู่ต่างประเทศ ขณะที่รังสิมันต์และปรัชญ์เองก็มีแผนจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากจบปริญญาตรี เพราะทั้งคู่ต้องทำหน้าที่บริหารกิจการของครอบครัวเช่นเดียวกับศาสตรา

กวินภพไม่เคยอิจฉาพี่หรือเพื่อนคนไหน ด้วยเขาเข้าใจดีว่าโชคชะตาไม่ได้กำหนดมาให้ทุกคนมีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกัน เขาพอใจกับความสุขที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้อยู่กับแม่ ได้ดูแลแม่ และมีแสงสว่างดวงเล็กๆ แสนอบอุ่นที่เขาแอบเก็บไว้ในหัวใจโดยไม่เคยบอกใครให้รู้

อาจจะด้วยคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ หรือด้วยเพราะมีเด็กเสิร์ฟวีไอพีหน้าตาดีระดับเดือนมหาวิทยาลัยมาช่วย บะหมี่ที่ร้านกรองทองจึงหมดไวกว่าปกติ กวินภพเข็นรถไปส่งแม่ที่บ้าน จากนั้นจึงออกไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ซึ่งกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็ดึกพอสมควร เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด และทั้งหมดสอบปลายภาคเสร็จทุกวิชาแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ก็คือต่างคนต่างไปฝึกงาน รังสิมันต์เลือกไปฝึกงานที่เชียงใหม่ ปรัชญ์ลงใต้ตามประสาคนขวางโลกและไม่ลงรอยกับแม่ ยามใดที่แม่บอกให้ไปขวา ปรัชญ์จะต้องไปซ้าย แม่บอกให้ไปเหนือ ปรัชญ์ก็จะสวนทางลงใต้ ส่วนตัวเขาฝึกงานในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ และช่วยแม่ขายบะหมี่ในตอนเย็นเหมือนเดิมด้วย

คฤหาสน์หรูสไตล์ฝรั่งเศสบนพื้นที่กว้างขวาง ตั้งตระหง่านสวยเด่นอยู่ริมถนนใหญ่ ช่างต่างกันลิบลับกับบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านจัดสรร ที่ปลูกเรียงรายกันจนแทบไม่มีอาณาเขตบ้านให้ใช้สอย กาลเวลากว่ายี่สิบปีทำให้บ้านหลายหลังในหมู่บ้านแห่งนี้ทรุดโทรมไปตามลำดับ ทว่าสิ่งที่ไม่ได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และทำให้หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้โชคดีกว่าหมู่บ้านอื่นๆ ที่ปลูกกันดาษดื่นอยู่ทั่วกรุงเทพฯ นั่นก็คือการที่หมู่บ้านตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออก ด้านหลังของหมู่บ้านยังมีทุ่งหญ้าและนาข้าวสีเขียวขจีให้เห็นอยู่มากมาย ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเพียงแค่ธรรมชาติปกติธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่กำลังยืนพิงต้นไม้ทอดมองความเขียวขจีเหล่านั้นอยู่ในตอนนี้

เสื้อยืดขนาดพอดีตัวกับกางเกงห้าส่วนสีเขียวขี้ม้าที่เจ้าตัวสวมอยู่ ไม่ได้ทำให้ความโดดเด่นของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด ผิวพรรณผุดผาด ดวงหน้ารูปไข่ที่เนียนสะอาดหมดจดงดงาม ผมดำขลับนุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ บ่งบอกชัดว่าเธอผู้นี้ไม่ใช่ลูกสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

ไอดินกลิ่นหญ้าถูกลมพัดโชย พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลีลาวดี ที่ร่วงกราวจนพื้นหญ้าทั้งแถบถูกแซมด้วยสีขาว คือบรรยากาศสุดตราตรึงและเย็นใจ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกปลดปล่อยและเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เอมมาลินจึงชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ

การเป็นคุณหนูในคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขเท่ากับการได้มายืนที่แห่งนี้ ความอบอุ่นที่ขาดหายตั้งแต่แม่จากไป ถูกเติมเต็มจากคนที่เธอกำลังรอ และตอนนี้เขาก็ได้ก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

ตากลมโตคู่สวยส่งประกายพราวระยับ พร้อมยิ้มอย่างสดใส อวดไรฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบราวกับไข่มุกน้ำงาม ขณะที่ดวงตาคมกล้าก็จ้องมองใบหน้าหมดจดด้วยสายตาลุ่มลึกอบอุ่น อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นฉายชัดว่าเธอคือคนพิเศษของเขา

“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ครับ รอพี่นานไหม”

น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยประโยคนั้นฟังดูอบอุ่นนุ่มลึกเช่นเดียวกับสายตา และความอบอุ่นนั้นก็ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง จนต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม

“ไม่นานค่ะ แต่ถึงจะรอนานกว่านี้เอมก็รอพี่อิสร์ได้ ว่าแต่ติดงานอะไรหรือเปล่าคะ”   

“เปล่า...แค่ช่วยแม่ทำเค้ก”

“ทำเค้ก?”

“เค้กวันเกิดเอมไง แม่เตรียมไว้ให้เอม”

“จริงเหรอคะ”

ตาคู่สวยที่กำลังเปล่งประกายแห่งความสุขเหมือนจะมีน้ำใสๆ รื้นขึ้นมาเล็กน้อย กับความใส่ใจที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากคนนอกครอบครัว

“จริงสิ ปกติแม่ก็ทำให้เอมทุกปีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

“ใช่ค่ะ น้ากรองทำเค้กให้เอมทุกปี...รักน้ากรองจัง”

“รักแต่แม่พี่เหรอ แล้วพี่ล่ะ”

เป็นคำถามเรียบๆ ง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยการเกี้ยวพา ตาคมจ้องมองใบหน้าเนียนสะอาดหมดจดด้วยประกายอบอุ่นอ่อนโยน พลางบอกตัวเองว่า เธอคือสิ่งสวยงามของชีวิต เขาจะไม่มีวันทำให้เธอด่างพร้อยก่อนถึงเวลาอันควรเด็ดขาด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใจร้าย   บทที่ 5

    บทที่ 5 กรองทองยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้ แล้วดึงมือเรียวบางไปที่โต๊ะ จากนั้นเค้กส้มก็ถูกตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ก่อนที่เอมมาลิน กวินภพ และกรองทองจะนั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข ตามมาด้วยบะหมี่ต้มยำสูตรเด็ดซึ่งเป็นของโปรดอีกอย่างของเอมมาลิน สาวน้อยซึมซับเอาความสุขนี้ เพราะมันคงเป็นความสุขเดียวที่จะได้รับในวันเกิดวันนี้ ส่วนพ่อแท้ๆ ของเธอ ตอนนี้อยู่ในช่วงเที่ยวต่างประเทศกับเมียและลูกสาวคนใหม่ของพ่อ ตาคู่สวยหม่นเศร้าลงเล็กน้อยเมื่อประหวัดคิดถึงบิดา เธอเป็นคนนอกสำหรับพ่อมานานมากแล้ว นับตั้งแต่พ่อแต่งงานใหม่หลังจากที่แม่ของเธอตายไป และมีลูกสาวเพิ่มอีกคน พ่อพยายามทำให้เธอสนิทสนมกับภรรยาใหม่ของพ่อ ทว่าเธอกลับถูกฝ่ายนั้นกีดกัน กระทั่งแม่เลี้ยงของเธอมีลูก เธอก็กลายเป็นส่วนเกินสำหรับครอบครัวไปโดยปริยาย พ่อเห่อและใส่ใจแต่ลูกสาวคนใหม่ จนเอมมาลินรู้สึกว่าพ่อหลงลืมไปแล้ว ว่ายังมีเธอเป็นลูกอีกคน การเลี้ยงฉลองวันเกิดของเอมมาลินสิ้นสุดลงในเวลาเกือบสองทุ่ม เธอยกมือไหว้ลากรองทอง จากนั้นกวินภพก็ปั่นจักรยานไปส่งที่หน้าบ้านของเธอ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เอมมาลินมาหา

  • ใจร้าย   บทที่ 4

    บทที่ 4“ไม่รู้ ไม่กล้าคิด ไม่อยากคิด” ทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา เต็มไปด้วยความแง่งอน เมื่อพี่อิสร์ไม่ยอมตอบคำถามตรงๆ แถมพูดจายอกย้อนคล้ายดั่งต้องการให้เธอคิดมากอีก“ถ้าพี่เคยล่ะ เอมจะว่ายังไง”“ไม่ว่ายังไง ก็แค่เสียใจที่ไม่ได้เป็นจูบแรกของพี่อิสร์”กวินภพยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นแนบพวงแก้มใสและไล้นิ้วไปมาเบาๆ ตาจ้องมองใบหน้างดงามอย่างมีความหมายเต็มเปี่ยมไปด้วยรัก“ไม่ต้องเสียใจไปหรอก นี่เป็นจูบแรกของพี่”“จริงนะคะ” ตากลมโตฉายแววระริก เช่นเดียวกับปากนุ่มที่ยิ้มกว้างจนโลกสดใสอีกครั้ง“จริงสิ หรือพี่เคยโกหก”“งั้นให้เอมเป็นคนสุดท้ายด้วยได้ไหม”“โลภมากจริง”“นะคะ” น้ำเสียงออดอ้อน ตาเว้าวอนขอคำสัญญา เพราะรู้ดีว่าคนคนนี้คำไหนคำนั้น ถ้าเขารับปาก เขาจะทำตามที่พูดเสมอ“เอมจะเป็นคนแรกและคนสุดท้ายที่พี่จะรัก…พี่สัญญา”“สัญญาแล้วนะ” นิ้วก้อยชูขึ้นรอให้นิ้วก้อยของอีกคนยกขึ้นมาเกี่ยว เพื่อเป็นการยืนยันคำสัญญาโดยสมบูรณ์“สัญญา”“เอมไม่อยากไปเรียนต่อเมืองนอกเลยค่ะพี่อิสร์ ไม่ไปได้ไหม” ใบหน้าหวานซบลงบนไหล่แกร่ง ยามพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ“ไปเถอะนะ เพื่ออนาคตของเอม”“เอมอยากข้ามเวลาได้จัง เอมอ

  • ใจร้าย   บทที่ 3

    บทที่ 3“คนนี้รักมากกว่าใครเลย แล้วพี่อิสร์ล่ะคะเมื่อไหร่จะบอกรักเอมเสียที”“บอกผ่านการกระทำอยู่ทุกๆ วัน ไม่รู้สึกบ้างเหรอ”“อยากได้ยินจากปากบ้างนี่”“พี่จะบอกเมื่อถึงเวลา”“เมื่อไหร่คะ เมื่อไหร่ที่พี่อิสร์จะบอกรักเอมบ้าง”สีหน้าอันสดใสง้ำงอลงเล็กน้อย แววตากับวาจาตัดพ้อแกมประท้วงแค่พอน่าเอ็นดู ด้วยเพราะเห็นด้วยว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขามันสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เหมือนอย่างที่เขาว่าจริงๆ ทว่าเธอแค่อยากได้ยินถ้อยคำบอกรักตามประสาผู้หญิงบ้างก็เท่านั้น“เมื่อเอมโตพอจะรับรู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคืออะไร”“เอมโตแล้ว เรียนจบม.ปลายแล้วด้วย นี่ยังไม่เรียกว่าโตเหรอคะ”“ยังไม่โตหรอก เพิ่งจะสิบเจ็ดปีเต็มวันนี้เอง ยังไม่บรรลุนิติภาวะเลย”“ถึงเอมจะยังเด็กในสายตาของพี่อิสร์ หรือพี่อิสร์คิดว่าเอมยังไม่เข้าใจความรักจริงๆ แต่ขอให้รู้ไว้นะคะว่าพี่อิสร์คือรักแท้ของเอม พี่อิสร์คือผู้ชายที่ดีที่สุดในชีวิตของเอม เอมจะไม่รักใครอีก นอกจากพี่อิสร์คนเดียว”คำบอกรักช่างหวานซึ้งและแสนซื่อ สายตาก็ฉายชัดว่ามันคือคำพูดที่ออกมาจากใจทุกคำ ตาคมไม่ละไปจากดวงหน้าหมดจดแม้แต่เสี้ยววินาที ดวงหน้าแสนหวานนั้นล้อมกรอบด้วยผมดำขลั

  • ใจร้าย   บทที่ 2

    บทที่ 2พูดจบรังสิมันต์กับปรัชญ์ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยรังสิมันต์เป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนปรัชญ์ช่วยเสิร์ฟและเก็บชามที่ลูกค้ากินเสร็จแล้ว ไม่นานร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจนโต๊ะไม่มีที่ว่างดวงตาเข้มขรึมมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รังสิมันต์กับปรัชญ์ดูสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะนั่นคือความแปลกใหม่สำหรับพวกเขา คงไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกมหาเศรษฐีจะได้มาทำอะไรแบบนี้คิดแล้วเขาก็นึกตลกกับโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน เขามีชีวิตที่ลำบากและจนแสนจน ทว่ารอบตัวกลับมีแต่เหล่าบรรดาทายาทมหาเศรษฐี มิตรภาพเหล่านี้คงเกิดจากการที่เขาได้มีโอกาสได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศกระมัง จึงนำพาให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนอย่างรังสิมันต์ซึ่งเรียนภาควิชาอุตสาหการเช่นเดียวกับเขา และรังสิมันต์ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับปรัชญ์ ที่แม้ว่าจะเรียนภาควิชาโยธา ทว่าปรัชญ์ก็เป็นเพื่อนสนิทของรังสิมันต์ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน เขากับปรัชญ์พลอยสนิทสนมกันไปโดยปริยายนอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนที่เขารู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง คือปราณต์พี่ชายของปรัชญ์กับศาสตราเพื่อนของปราณต์ซึ่งซิ่วจากคณะอื่นมาเรียนวิศวอุตสาหการ ท

  • ใจร้าย   บทที่ 1

    บทที่ 1 สภาพการจราจรยามพลบค่ำยังคงแออัดเช่นเดียวกับทุกวัน อากาศช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งเป็นฤดูร้อน ยิ่งทำให้เมืองที่แออัดไปด้วยผู้คนและตึกรามบ้านช่อง ทวีความร้อนอบอ้าวมากขึ้นไปเป็นเท่าตัว ผู้คนที่อยู่บนยวดยานและสัญจรไปมาบนท้องถนน สีหน้าล้วนแต่ปราศจากรอยยิ้ม หากทว่ากลับเป็นข้อยกเว้นสำหรับชายหนุ่มในชุดกางเกงยีนเสื้อช็อปสีแดงเลือดหมูที่ปักตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยชื่อดัง โครงหน้าคมคร้ามหล่อเหลาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเปล่งประกายแห่งความสุขออกมาอย่างน่าอิจฉา เหมือนดั่งว่าสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ร่างสูงเกือบหกฟุตก้าวลงจากรถเมล์ แล้วตรงไปยังร้านบะหมี่ข้างทาง ที่มีหญิงวัยกลางคนกำลังจัดวางเก้าอี้อยู่ หนังสือในมือสองสามเล่มกับถุงพลาสติกที่มีต้นไม้ชนิดหนึ่งอยู่ข้างในถูกวางไว้ใกล้ๆ กับรถเข็น ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบกระวีกระวาดไปช่วย ท่าทางการหยิบจับโต๊ะอะลูมิเนียมสีแดงขณะนำมันมากางเป็นไปอย่างคล่องแคล่วและกระตือรือร้น ปราศจากอาการเก้กังเคอะเขินโดยสิ้นเชิง และในอีกไม่กี่นาทีต่อมา โต๊ะสี่ห้าตัวกับเก้าอี้พลาสติกเข้าชุด ก็พร้อมให้ลูกค้าที่เป็นขาประจำและขาจรได้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status