LOGINพูดจบรังสิมันต์กับปรัชญ์ก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ โดยรังสิมันต์เป็นคนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนปรัชญ์ช่วยเสิร์ฟและเก็บชามที่ลูกค้ากินเสร็จแล้ว ไม่นานร้านก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนจนโต๊ะไม่มีที่ว่าง
ดวงตาเข้มขรึมมองเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ รังสิมันต์กับปรัชญ์ดูสนุกสนานกับสิ่งที่กำลังทำ เพราะนั่นคือความแปลกใหม่สำหรับพวกเขา คงไม่บ่อยนักหรอกที่ลูกมหาเศรษฐีจะได้มาทำอะไรแบบนี้
คิดแล้วเขาก็นึกตลกกับโชคชะตาของตัวเองเหมือนกัน เขามีชีวิตที่ลำบากและจนแสนจน ทว่ารอบตัวกลับมีแต่เหล่าบรรดาทายาทมหาเศรษฐี มิตรภาพเหล่านี้คงเกิดจากการที่เขาได้มีโอกาสได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศกระมัง จึงนำพาให้เขาได้รู้จักกับเพื่อนอย่างรังสิมันต์ซึ่งเรียนภาควิชาอุตสาหการเช่นเดียวกับเขา และรังสิมันต์ก็ทำให้เขาได้รู้จักกับปรัชญ์ ที่แม้ว่าจะเรียนภาควิชาโยธา ทว่าปรัชญ์ก็เป็นเพื่อนสนิทของรังสิมันต์ที่มาจากเชียงใหม่ด้วยกัน เขากับปรัชญ์พลอยสนิทสนมกันไปโดยปริยาย
นอกจากนี้ยังมีรุ่นพี่อีกสองคนที่เขารู้จักตอนเข้าเรียนปีหนึ่ง คือปราณต์พี่ชายของปรัชญ์กับศาสตราเพื่อนของปราณต์ซึ่งซิ่วจากคณะอื่นมาเรียนวิศวอุตสาหการ ทำให้ศาสตรากลายมาเป็นรุ่นพี่สาขาที่เขาเรียน ตอนนี้ปราณต์เรียนจบและบรรจุเป็นหมอที่โรงพยาบาลในเชียงใหม่ ส่วนศาสตรากำลังเรียนต่อปริญญาโทด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมการเกษตรอยู่ต่างประเทศ ขณะที่รังสิมันต์และปรัชญ์เองก็มีแผนจะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากจบปริญญาตรี เพราะทั้งคู่ต้องทำหน้าที่บริหารกิจการของครอบครัวเช่นเดียวกับศาสตรา
กวินภพไม่เคยอิจฉาพี่หรือเพื่อนคนไหน ด้วยเขาเข้าใจดีว่าโชคชะตาไม่ได้กำหนดมาให้ทุกคนมีเส้นทางชีวิตที่เหมือนกัน เขาพอใจกับความสุขที่เป็นอยู่ตอนนี้ ได้อยู่กับแม่ ได้ดูแลแม่ และมีแสงสว่างดวงเล็กๆ แสนอบอุ่นที่เขาแอบเก็บไว้ในหัวใจโดยไม่เคยบอกใครให้รู้
อาจจะด้วยคืนนี้เป็นคืนวันศุกร์ หรือด้วยเพราะมีเด็กเสิร์ฟวีไอพีหน้าตาดีระดับเดือนมหาวิทยาลัยมาช่วย บะหมี่ที่ร้านกรองทองจึงหมดไวกว่าปกติ กวินภพเข็นรถไปส่งแม่ที่บ้าน จากนั้นจึงออกไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ซึ่งกว่าจะแยกย้ายกันกลับก็ดึกพอสมควร เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด และทั้งหมดสอบปลายภาคเสร็จทุกวิชาแล้ว ที่เหลือหลังจากนี้ก็คือต่างคนต่างไปฝึกงาน รังสิมันต์เลือกไปฝึกงานที่เชียงใหม่ ปรัชญ์ลงใต้ตามประสาคนขวางโลกและไม่ลงรอยกับแม่ ยามใดที่แม่บอกให้ไปขวา ปรัชญ์จะต้องไปซ้าย แม่บอกให้ไปเหนือ ปรัชญ์ก็จะสวนทางลงใต้ ส่วนตัวเขาฝึกงานในกรุงเทพฯ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ และช่วยแม่ขายบะหมี่ในตอนเย็นเหมือนเดิมด้วย
คฤหาสน์หรูสไตล์ฝรั่งเศสบนพื้นที่กว้างขวาง ตั้งตระหง่านสวยเด่นอยู่ริมถนนใหญ่ ช่างต่างกันลิบลับกับบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านจัดสรร ที่ปลูกเรียงรายกันจนแทบไม่มีอาณาเขตบ้านให้ใช้สอย กาลเวลากว่ายี่สิบปีทำให้บ้านหลายหลังในหมู่บ้านแห่งนี้ทรุดโทรมไปตามลำดับ ทว่าสิ่งที่ไม่ได้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และทำให้หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้โชคดีกว่าหมู่บ้านอื่นๆ ที่ปลูกกันดาษดื่นอยู่ทั่วกรุงเทพฯ นั่นก็คือการที่หมู่บ้านตั้งอยู่แถบชานเมืองฝั่งตะวันออก ด้านหลังของหมู่บ้านยังมีทุ่งหญ้าและนาข้าวสีเขียวขจีให้เห็นอยู่มากมาย ซึ่งสำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเพียงแค่ธรรมชาติปกติธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กสาววัยสิบเจ็ดที่กำลังยืนพิงต้นไม้ทอดมองความเขียวขจีเหล่านั้นอยู่ในตอนนี้
เสื้อยืดขนาดพอดีตัวกับกางเกงห้าส่วนสีเขียวขี้ม้าที่เจ้าตัวสวมอยู่ ไม่ได้ทำให้ความโดดเด่นของเธอลดน้อยลงแต่อย่างใด ผิวพรรณผุดผาด ดวงหน้ารูปไข่ที่เนียนสะอาดหมดจดงดงาม ผมดำขลับนุ่มสลวยอย่างเป็นธรรมชาติ บ่งบอกชัดว่าเธอผู้นี้ไม่ใช่ลูกสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป
ไอดินกลิ่นหญ้าถูกลมพัดโชย พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลีลาวดี ที่ร่วงกราวจนพื้นหญ้าทั้งแถบถูกแซมด้วยสีขาว คือบรรยากาศสุดตราตรึงและเย็นใจ มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกปลดปล่อยและเป็นอิสระจากทุกสิ่ง เอมมาลินจึงชอบที่นี่มากเป็นพิเศษ
การเป็นคุณหนูในคฤหาสน์หลังใหญ่ ไม่ได้ทำให้เธอมีความสุขเท่ากับการได้มายืนที่แห่งนี้ ความอบอุ่นที่ขาดหายตั้งแต่แม่จากไป ถูกเติมเต็มจากคนที่เธอกำลังรอ และตอนนี้เขาก็ได้ก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
ตากลมโตคู่สวยส่งประกายพราวระยับ พร้อมยิ้มอย่างสดใส อวดไรฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบราวกับไข่มุกน้ำงาม ขณะที่ดวงตาคมกล้าก็จ้องมองใบหน้าหมดจดด้วยสายตาลุ่มลึกอบอุ่น อะไรบางอย่างในดวงตาคู่นั้นฉายชัดว่าเธอคือคนพิเศษของเขา
“แฮปปี้เบิร์ทเดย์ครับ รอพี่นานไหม”
น้ำเสียงยามเอื้อนเอ่ยประโยคนั้นฟังดูอบอุ่นนุ่มลึกเช่นเดียวกับสายตา และความอบอุ่นนั้นก็ซึมลึกเข้าไปในหัวใจของคนฟัง จนต้องยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ไม่นานค่ะ แต่ถึงจะรอนานกว่านี้เอมก็รอพี่อิสร์ได้ ว่าแต่ติดงานอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่า...แค่ช่วยแม่ทำเค้ก”
“ทำเค้ก?”
“เค้กวันเกิดเอมไง แม่เตรียมไว้ให้เอม”
“จริงเหรอคะ”
ตาคู่สวยที่กำลังเปล่งประกายแห่งความสุขเหมือนจะมีน้ำใสๆ รื้นขึ้นมาเล็กน้อย กับความใส่ใจที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากคนนอกครอบครัว
“จริงสิ ปกติแม่ก็ทำให้เอมทุกปีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ น้ากรองทำเค้กให้เอมทุกปี...รักน้ากรองจัง”
“รักแต่แม่พี่เหรอ แล้วพี่ล่ะ”
เป็นคำถามเรียบๆ ง่ายๆ แต่แฝงไว้ด้วยการเกี้ยวพา ตาคมจ้องมองใบหน้าเนียนสะอาดหมดจดด้วยประกายอบอุ่นอ่อนโยน พลางบอกตัวเองว่า เธอคือสิ่งสวยงามของชีวิต เขาจะไม่มีวันทำให้เธอด่างพร้อยก่อนถึงเวลาอันควรเด็ดขาด
“ว่าไงตะวัน” “จะโทร.มาถามว่าเรื่องนั้นตกลงแกว่าไง” “แกนี่มันบ้าว่ะตะวัน ลูกฉันยังไม่โตเลยนะเว้ย” กวินภพต่อว่าเพื่อน แต่พร้อมกันนั้นก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่รังสิมันต์ที่โทร.มาทาบทามลูกสาวของเขา แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มต่างก็เริ่มคุยกันเป็นจริงเป็นจังแล้วว่าจะให้ลูกใครคู่กับลูกใครบ้าง “ก็เพราะยังไม่โตนี่แหละเลยต้องรีบจองไว้ก่อน” “แล้วน้องนิลลูกไอ้ปรัชญ์ล่ะ” “คนนั้นพี่กริชจองไว้ให้ลูกชายแล้ว” “แต่ลูกพี่กริชอายุน้อยกว่าน้องนิลไม่ใช่เหรอวะ” “อายุมันใช่ปัญหาที่ไหนล่ะ”“แล้วลูกพี่ปราณต์ล่ะ”“ก็คู่กับน้องโอมลูกชายคนรองแกไง เอาละๆ แกไม่ต้องเฉไฉ ตอบมาคำเดียวว่าแกจะยกหนูอินธ์ให้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้คนโตของฉันหรือเปล่า หรือถ้าไม่ได้น้องอินธ์จะเป็นน้องอัยย์ก็ได้นะเว้ย” คราวนี้รังสิมันต์ข่มขู่แบบจริงจังสุดๆ กวินภพเลยต้องถอนหายใจออกมา “แกนี่มันบ้าเข้าขั้นจริงๆ ว่ะตะวัน ถามจริงแกปรึกษาจันทร์บ้างหรือเปล่า”“จันทร์ตามใจฉันอยู่แล้ว”“แน่ใจเหรอ ได้ข่าวว่าเดี๋ยวนี้โรคกลัวเมียของแกกำลังกำเริบหนักนี่”“ใครโทร.มาสาระแนเรื่องชาวบ้านล่ะ ไอ้ปรัช
“ไม่เบื่อบ้างหรือไงคะ หอมวันละกี่รอบก็ไม่รู้”“ไม่เบื่อ ไม่มีวันเบื่อ อีกอย่างเดี๋ยวนี้มีลูกๆ มาคอยแย่งหอมแก้มแม่ พี่ยิ่งต้องรีบหอมเวลาที่มีโอกาส”คำพูดนั้นทำให้เอมมาลินหัวเราะออกมาเบาๆ โดยที่ตายังคงทอดมองภาพลูกสาวคนโตอยู่เช่นเดิม ก่อนจะรำพึงออกมากับสามี“ยัยอินธ์ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนน้ากรอง จนบางครั้งเอมอดคิดไม่ได้ว่า น้ากรองคงมาเกิดเป็นลูกของเรา เหมือนที่เอมเคยอธิษฐานไว้ ว่าขอให้เอมได้มีโอกาสได้ดูแลและตอบแทนน้ากรองบ้างไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”“แม่คงคิดถึงเราสองคน ถึงได้กลับมาอยู่ด้วย”ริมฝีปากอิ่มยิ้มบางๆ กับความสุขที่โอบล้อมอยู่รอบตัวในตอนนี้ เธอมองไปยังลูกสาวคนโตด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักสุดหัวใจ ซึ่งไม่ว่าจะใช่หรือไม่ใช่น้ากรองที่มาเกิดใหม่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เธอทำเป็นประจำก็คือใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลให้กับน้ากรองกับพ่อเหมือนเดิม และทุกครั้งที่มีโอกาสเธอก็จะให้พี่อิสร์พาไปที่วัดเพื่อเยี่ยมพ่อกับน้ากรองเสมอ“ตาโอมเป็นยังไงบ้างคะ หลับหรือยัง” เสียงหวานเอ่ยถามถึงลูกชายคนรองกับสามี เพราะเขาเพิ่งจะกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ซึ่งเมื่อครู่นี้สองคนพ่อลูกเล่นอยู่ด้วยกันในนั้น“หลับไปแล้วละ
“งั้นวันหลังพี่อิสร์เปิดรูปพวกนั้นให้เอมดูหน่อยนะคะเอมอยากเห็น”“ได้สิ แล้วนอกจากเรื่องต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ เอมมีอะไรอยากจะถามพี่อีกมั้ย รีบถามเลย เพราะหลังจากนี้พี่จะไม่เปิดโอกาสให้ถามแล้วนะ เพราะพี่จะชวนเอมทำอย่างอื่น”ท่าทีและถ้อยคำยั่วเย้าของเขา ทำให้เอมมาลินวาบหวามและอุ่นซ่านในอก รู้ดีว่าสามีต้องการอะไร แต่เธอก็ยังหาเรื่องประวิงเวลาต่อ“มีอีกเรื่องค่ะ เอมอยากรู้ว่าช่วงนี้พี่อิสร์หายไปไหนบ่อยๆ”“ไปดูช่างทาสีบ้านกับตกแต่งสวนใหม่ ตอนนี้บ้านเอมสวยเหมือนเดิมแล้วนะ อีกไม่กี่วันพี่จะปลูกต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันน่าจะโตไปพร้อมๆ กับลูกคนโตของเรา เอาไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพาไปดู”“ทำไมพี่อิสร์ไม่ขายซะล่ะคะ บ้านก็ไม่มีคนอยู่นานแล้ว”“มันเคยเป็นบ้านของเอม พี่ไม่อยากขาย ตอนที่พี่ซื้อบ้านหลังนั้นเอาไว้ ก็เพราะแอบหวังลึกๆ ว่าพี่จะมีโอกาสได้คืนมันให้เอม หรือถ้าไม่มีโอกาสจริงๆ พี่ก็ยังมีของที่ระลึกให้ได้คิดถึงเอม”“ไหนบอกว่าจะเอาไว้ทำเรือนหอ”“แค่คำพูดพล่อยๆ ของคนใจร้ายเท่านั้นเอง เอมจ๋าลืมมันได้มั้ย” กวินภพออดอ้อน พอคิดถึงความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำ หัวใจก็พลอยเจ็บปวดเพราะสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้เหลือเก
“สัญญาแล้วต้องทำตามสัญญาด้วย เอมคือหัวใจ คือชีวิตของพี่ พี่อยากทำทุกๆ วันให้เอมมีความสุข เพื่อชดเชยเวลาที่เคยเสียไปกับเรื่องเลวร้ายที่พี่ทำกับเอม”“ทุกวันนี้เอมก็มีความสุขมากแล้ว และความสุขของเอมก็คือการมีพี่อิสร์อยู่ข้างๆ ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ได้ตื่นมาเจอกัน ได้กินข้าวพร้อมกัน และได้นอนพร้อมกัน ขอบคุณที่ดูแลเอมอย่างดี เอมรักพี่อิสร์นะคะ”“พี่ก็รักเอมและรักลูกของเรา ขอบคุณที่ยอมตามใจพี่ ที่ยอมมีลูกกับพี่”กล่าวจบปากหยักอุ่นซ่านก็ประทับจูบลงบนกลีบปากนุ่ม จูบเธออย่างดูดดื่ม รักใคร่ และลึกซึ้ง ซึ่งเอมมาลินเองก็ยอมให้จูบและจูบตอบเขาอย่างเต็มใจเช่นกัน“เรื่องห้องลูก เอมตั้งใจว่าจะทำให้ลูกอยู่แล้ว พี่อิสร์มีหน้าที่จ่ายเงินค่าอุปกรณ์ต่างๆ ก็พอแล้วค่ะ” เอมมาลินบอกกับสามีอีกครั้งหลังจากจูบอันเนิ่นนานของทั้งคู่ผ่านไป“ไม่เอาค่าจ้างเหรอ”“ไม่เอาหรอกค่ะ ห้องลูกของเรานะคะ เอมจะเอาได้ยังไง”“แต่พี่อยากให้ อยากจ้างเมียตัวเอง”“ทุกวันนี้ก็ให้จนเอมใช้ไม่หมดอยู่แล้วค่ะ”“เอมแทบจะไม่ใช้เลยต่างหาก” กวินภพเอ่ยแย้งพลางยกมือขึ้นไล้แก้มนวลเบาๆ อย่างทะนุถนอม“ไม่รู้จะใช้ซื้ออะไรนี่คะ พี่อิสร์หามาให้หมดทุกอย
“ถ้ามัวแต่เรียกชื่อเอมอยู่แบบนี้ เอมจะไม่ยอมมีลูกด้วย”“ถึงเอมจะไม่ยอม พี่ก็จะปล้ำแบบมาราธอน งานนี้ถ้าเอมไม่ท้อง พี่ก็ไม่พากลับ”ริมฝีปากอุ่นๆ ประทับลงจูบปากนุ่มอย่างดูดดื่ม เอมมาลินจูบตอบเขา แต่ไม่ได้หลับตาเหมือนทุกครั้ง ตลอดเวลาที่ปากยังถูกจูบ ตาของเธอจ้องมองเขา ประกายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และเชิญชวนอย่างไม่รู้ตัว และภาษากายเหล่านั้นก็ทำให้ความอบอุ่นอ่อนหวานกลายเป็นความเร่าร้อนขึ้นในทันทีทุกตารางนิ้วบนเรือนกายเปลือยเปล่าของเอมมาลินถูกจูบถูกสัมผัสจนเธอพรั่งพร้อม เขาก็เป็นฝ่ายพลิกตัวลงนอนหงายกับที่นอน แล้วจับร่างบางขึ้นไปอยู่เหนือร่างใหญ่ เอมมาลินเขินอายไม่น้อยเมื่อรู้ความต้องการของสามี แต่เธอก็ทำหน้าที่ของตัวเอง ด้วยการค่อยๆ นำพาเขาและเธอให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันเอมมาลินขยับกายบดสะโพกเป็นจังหวะช้าเร็ว ตามแต่ธรรมชาติและความเร่าร้อนวาบหวามจะนำทาง ทว่ากลับทำให้คนที่ทำตัวเป็นเบี้ยล่างชั่วคราวพอใจและเปล่งเสียงครางออกมาอย่างสุขสม และความสุขสมเหล่านั้นมันก็คือรางวัลที่ดีงามที่สุดสำหรับเธอความอุ่นซ่านแล่นลึกเข้ามาสู่ท้องน้อยและหัวใจ ในช่วงสุดท้ายของท่วงทำนองคลองรัก เอมมาลินรู้ดีว่ามันคือต
“ไม่หรอกครับ สำหรับบางอย่างหรือบางเรื่อง การเว้นช่องว่างและปล่อยให้เป็นเส้นขนานคือทางที่ดีที่สุดแล้ว พี่ว่าภัสเองก็คงเข้าใจเหมือนกัน” “เหมือนครั้งหนึ่งที่เอมเคยคิดว่า เรื่องระหว่างเอมกับพี่อิสร์มันคงเป็นเส้นขนานไปแล้ว” “ยกเว้นเรื่องของเราที่รัก พี่รักเอมมากเกินกว่าจะปล่อยให้เรื่องระหว่างเราสองคนกลายเป็นเส้นขนาน” “ขอบคุณที่พี่อิสร์ยกโทษให้เอม และขอบคุณที่กลับเข้ามาในชีวิตของเอม” “ขอบคุณเอมเหมือนกันที่ยอมยกโทษให้พี่ และยอมให้โอกาสพี่ได้ดูแลเอม” ตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง ถ่ายทอดความรักความเข้าใจให้กันและกันผ่านทางหน้าต่างของหัวใจ ก่อนที่เอมมาลินจะเป็นฝ่ายชวนสามีไปไหว้พ่อกับแม่อย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก “ไปไหว้พ่อกับแม่ของเรากันเถอะค่ะ” “พี่จะขออโหสิกับพ่อของเอมและแนะนำตัวกับท่านว่าตอนนี้พี่เป็นลูกเขยท่านแล้ว เอมเองก็อย่าลืมบอกแม่พี่นะว่าเอมเป็นลูกสะใภ้ท่านแล้ว” ใบหน้าสวยหวานแดงระเรื่อ หัวใจพองคับอกและเต็มไปด้วยความอุ่นซ่าน มือใหญ่จูงมือเล็กไปยังหน้าสถูปของผู้เป็นบิดา ก่อนจะเดินไปยังสถูปของแม่ของเขา บอกกล่าวทุกอย่างให้ท่า







