หน้าหลัก / โรแมนติก / ในเงาของหัวใจ / บทที่ 110 ชะล้างเศษความกลัว

แชร์

บทที่ 110 ชะล้างเศษความกลัว

ผู้เขียน: แพรวรุณ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-26 02:01:21

ในห้องน้ำ เสียงน้ำไหลไม่ดังนัก แต่พอจะกลบความเงียบที่เต็มไปด้วยความใกล้ชิดที่แทบไม่ต้องอธิบาย

ธีภพยืนอยู่ข้างหลังเธอ มือหนึ่งประคองไหล่ อีกมือค่อย ๆ สระผมให้เธออย่างเบามือ

ฟองสีขาวละมุนไหลผ่านลำคอและแผ่นหลังเปลือย

นาราหลับตา ปล่อยให้เขาดูแลเธอโดยไม่ต่อต้าน

เธอไม่เคยคิดว่าการให้ใครแตะร่างกายเธอ…จะทำให้รู้สึกปลอดภัยได้ถึงเพียงนี้

นิ้วมือของเขานวดเบา ๆ ที่กลางศีรษะ ไล้จากโคนผมไปจนถึงท้ายทอยด้วยจังหวะมั่นคงสม่ำเสมอ

และมันชวนให้เธอรู้สึกเหมือนทุกเศษความกลัว…กำลังถูกล้างออกไปช้า ๆ

“ผมอยากทำสิ่งพวกนี้ให้คุณ…ทุกวัน”

ธีภพยังคงยืนแนบชิดด้านหลัง

มือหนึ่งสางผมเธอเบา ๆ ขณะที่อีกมือประคองไหล่เปลือยเปล่าไว้อย่างแนบแน่นแต่ไม่รุนแรง

เขาโน้มหน้าลง…ริมฝีปากสัมผัสซอกคอเธอแผ่ว ๆ ก่อนจะกดจูบแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย

เสียงหอบของเธอดังแผ่วเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนจัดที่เป่ารดบนผิวเนื้อ

เขาไม่ได้เร่ง แต่เคลื่อนริมฝีปากไปช้า ๆ จูบไล้เล็ม และลูบไล้

ไล่ผ่านลาดไหล่ บ่าบาง…ลงมาที่แผ่นหลังขาวจนกระทั่งเธอเริ่มสะท้านไม่รู้ตัว

ธีภพจับเธอให้หมุนตัวช้า ๆ หันกลับมาสบตาเขา

แววตาเธอสะท้อนแสงในห้องน้ำระยิบระยับ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
บทที่ถูกล็อก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 111 รอยที่เด่นชัดในสายตาเธอ

    หลังพายุอารมณ์สงบลง ร่างสองร่างยังแนบชิดกันอย่างเหนื่อยหอบ ธีภพยังคงกอดเธอไว้แน่น ทั้งที่เขารู้ว่าเธอหมดแรงแล้ว แขนเขาประคองร่างเธอไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะสลายไปกับน้ำที่ยังไหลพร่าข้างตัว นาราซบหน้าลงกับไหล่เขา ลมหายใจยังสะท้อนอยู่บนอก ธีภพโน้มหน้าลง กดริมฝีปากเบา ๆ บนแก้มนวลของเธอ “คุณโอเคไหม…” เขาถามเสียงแผ่วพร่า แฝงความห่วงใยเต็มเปี่ยม ปลายนิ้วของเขาไล้ปอยผมเปียกที่แนบแก้มเธอออกอย่างแผ่วเบา สัมผัสของเขานุ่มนวลราวกับกำลังลูบดอกไม้ที่กลัวจะช้ำเพียงเพราะแรงนิ้ว นาราหลับตาอยู่ในอ้อมกอดเขา ลมหายใจยังไม่ทันเรียบสนิท “เหนื่อยนิดหน่อย…” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “คุณ...กินดุเกินไป” ถ้อยคำเรียบง่ายนั้นกลับดังชัดในอกเขา ธีภพชะงักเล็กน้อย ดวงตาเขานิ่งนาน…ก่อนจะยิ้มบาง ๆ อย่างที่เขาไม่เคยยิ้มให้ใครแบบนั้นมาก่อน เขากระชับวงแขนแน่นขึ้น ประคองร่างบางในอ้อมอกให้ใกล้ขึ้นอีก แล้วเอ่ยเสียงอ่อน… “งั้นก็ปล่อยให้ผมดูแลคุณ…จนกว่าจะไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไปนะ” หลังเช็ดตัวให้เธออย่างเบามือจนหยดน้ำแทบไม่หลงเหลือบนผิว ธีภพหยิบชุดลำลองผ้าฝ้ายสีอ่อนมาวางบนตักเธอ แล้วคุกเข่าลงตรงหน้า ราวกับไม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-26
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 112 โตขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

    นาราก้าวช้าลงนิดหนึ่ง สายตาของเธอทอดมองแผ่นหลังของธีภพที่เดินนำอยู่ครึ่งก้าว แผ่นหลังที่เธอเคยมองเห็นจากระยะไกล… บัดนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม เสื้อเชิ้ตสีอ่อนแนบกับกล้ามเนื้อใต้ผ้า บ่งบอกถึงร่างกายที่ผ่านความเจ็บปวดและเข้มแข็งมาเท่าใด และในจังหวะหนึ่ง เธอก็ยื่นมืออีกข้างแตะแผ่นหลังเขาเบา ๆ ปลายนิ้วของเธอแตะลงบนผ้าอย่างแผ่วเบาเหมือนกลัวว่าจะเป็นเพียงความฝัน แต่สัมผัสนั้นกลับทำให้ธีภพหยุดก้าวในทันที เขาหันกลับมา ดวงตานิ่งแน่นแต่สั่นเล็กน้อยในเงาแสง นาราเงยหน้าขึ้นมองเขา ยิ้มบาง ๆ ที่ไม่ต้องการอธิบายอะไร แต่เพียงการแตะมือ…ก็สื่อออกไปหมดแล้วว่า เธอกำลังมองเขาใหม่อีกครั้ง ไม่ใช่แค่ในฐานะผู้ชายคนเดิม แต่ในฐานะคนที่เธอกำลังยอมวางหัวใจลงให้…โดยไม่มีกำแพงกั้น ธีภพไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงยกมือขึ้นแตะแก้มเธอเบา ๆ ก่อนจะโน้มหน้าลง จูบหน้าผากเธอแนบแน่นหนึ่งครั้ง เสียงเขาเอ่ยในลมหายใจ “ขอบคุณ…” แล้วมือของเขาก็กลับมากุมมือเธอแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย แน่นพอให้เธอรู้ว่า…เขาจะเดินเคียงข้างเธอตลอดไป ................ เลานจ์ส่วนตัว ณ โรงแรมหรูใจกลางเมือง ค่ำคืนคลี่ตัวลงท่ามกลางแส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 113 พิสูจน์ตัวเอง

    ภานุวัฒน์ยิ้มบาง ๆ “นายมีหุ้นอยู่ในมือ มีชื่อ มีโครงสร้างที่พร้อมโตต่อได้ทันที…แต่ยังติดกรอบเดิม ๆ ฉันแค่จะเสนอให้นำหุ้นบางส่วนมาเปิดกองทุนผ่านบริษัทกลาง ไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ ไม่ใช้ชื่อจริง แค่ให้นายใช้หุ้นที่มีอยู่ต่อยอดเป็นทุนหมุนเวียน แล้วฉันจะทำให้เงินก้อนนั้นงอกขึ้นทุกเดือน” ปกรณ์นิ่ง สีหน้าเริ่มครุ่นคิดมากขึ้น “นายเคยทำกับซาเลี่ยนจริง?” “ใช่ และฉันไม่ได้ทำแค่ครั้งเดียว” ภานุวัฒน์ตอบทันที “มีนักธุรกิจอีกหลายคนที่ใช้วิธีเดียวกัน แต่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะมันคือความได้เปรียบ ที่ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้” ปกรณ์เอนตัวมาเล็กน้อย กดนิ้วลงบนแฟ้ม “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไง ว่านายจะไม่เล่นฉันทีหลัง” ภานุวัฒน์มองเขานิ่ง ดวงตานิ่งสงบแต่เจาะลึก “นายไม่ต้องไว้ใจฉันทั้งหมดก็ได้ แต่นายควรเชื่อในตัวเลข และผลลัพธ์ที่จับต้องได้มากกว่าคำพูด” เขาหยิบแฟ้มเล่มที่สองส่งให้ ภายในคือรายการเคลื่อนไหวบัญชีที่ผ่านการรีวิว ผลตอบแทนของกองทุนที่ใช้โมเดลเดียวกับที่เขาเสนอ “ฉันไม่ได้ให้ความหวัง ฉันให้หลักฐาน” ปกรณ์เปิดแฟ้มด้วยมือที่แน่นขึ้นเล็กน้อย สายตากวาดดูตัวเลขที่เรียงสวยเป็นระเบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 114 ยุคใหม่ของตระกูล

    อีกฝั่งของเมือง ในออฟฟิศส่วนตัวของปกรณ์ บรรยากาศกลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มในชุดสูทสีเทาเข้มกำลังยืนพิงโต๊ะกระจก มองตัวเลขกำไรบนจอโปรเจกเตอร์ กราฟขึ้นสูงเกินคาด ทุกกองทุนที่เขาฝากไว้กับภานุวัฒน์…เติบโตในอัตราไร้เหตุผล แต่เขาไม่สงสัย เพราะเขาเชื่อ ว่าทั้งหมดเกิดจากฝีมือของเขาเอง “ถึงเวลาแล้ว…” ปกรณ์พึมพำกับตัวเอง ดวงตาเปล่งแสงแรงกล้าภายใต้ความมั่นใจที่เกินพอดี เขาหยิบมือถือขึ้น โทรหาเลขาฯ พร้อมสั่งงานเสียงเข้ม “จัดประชุมคณะกรรมการใหญ่ในวันพรุ่งนี้ ผมต้องการเสนอปรับโครงสร้างผู้บริหาร” ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย ก่อนเสียงรับคำสั่งจะดังกลับมาอย่างชัดเจน “ค่ะคุณปกรณ์” ปกรณ์วางสาย ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้หนังตัวใหญ่กลางห้อง มือวางบนแฟ้มชื่อ 'กรรมการบริหารเดชาสกุลวงศ์' ที่เขาเพิ่งรวบรวมเอกสารมาครบชุด “ผมไม่ใช่แค่ลูกชายไร้ประโยชน์อีกต่อไป…” เสียงเขาเบา แต่น้ำเสียงเปี่ยมอำนาจ “…ผมจะเป็นคนที่นำยุคใหม่ให้ตระกูลนี้เอง” .............................. เสียงฝนโปรยบางเบา ราวกับกล่อมโลกให้สงบชั่วข้ามคืน ภายนอกชื้นเย็นและเงียบงัน แต่ภายในบ้านหลังนี้กลับอบอุ่น ทุกซอกมุมคล้ายถูกแต่ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 115 ผู้คุมกระดูกสันหลังของบริษัท

    ณ ห้องประชุมกรรมการบริษัทเดชาสกุลวงศ์ของเช้าวันใหม่ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยแสงไฟสว่างจ้า โต๊ะประชุมวงรียาวสะท้อนเงาร่างของเหล่ากรรมการบริหารระดับสูง ปกรณ์นั่งหัวโต๊ะอย่างสง่างาม เขาใส่สูทเข้ารูป สีหน้าเปี่ยมความมั่นใจ จับตาทุกคนในห้องด้วยแววตาของนักล่า แฟ้มข้อมูลในมือถูกวางลงกลางโต๊ะ พร้อมกับคำพูดชัดถ้อยของเขา “ผมขอเสนอให้มีการพิจารณาปรับโครงสร้างกรรมการบริหารบางส่วน เพื่อความคล่องตัวในการลงทุนระหว่างประเทศ” เสียงของเขานุ่มลึก แต่แฝงความกดดันอย่างชัดเจน สายตาหลายคู่มองไปยัง พฤกษ์ไพศาล ที่นั่งนิ่งอยู่ปลายโต๊ะอีกฝั่ง ปกรณ์ไม่ได้ตอบโต้ในทันที แต่เพียงพยักหน้าให้กรรมการอีกคนเริ่มเปิดวาระ ทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิด…คือบรรยากาศในห้องที่ นิ่ง! อย่างผิดปกติ กรรมการหลายคนที่เขาคิดว่าคุมได้กลับมีสีหน้าลังเล ไม่เอ่ยแสดงความเห็น บางคนแค่ก้มหน้า บางคนเพียงจดบันทึกโดยไม่สบตาเขา ไม่มีเสียงเห็นด้วย…ไม่มีแม้แต่คำค้าน มีเพียงความเงียบ ที่กดดันกว่าอะไรทั้งหมด ปกรณ์รู้ทันที พ่อของเขา ยังคุมกระดูกสันหลังของบริษัทไว้แน่น หลังประชุมกรรมการสิ้นสุดลง เสียงเก้าอี้ถูกเลื่อนกลับเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 116 การล่มสลายที่เริ่มชัดเจน

    ยามเช้าที่บรรกาศมืดครึ้มเพราะลมพายุ ฝนเริ่มตกเม็ดเบา ๆ เคาะกระจกหน้าต่างห้องหนังสือของคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์ ปกรณ์ยืนอยู่คนเดียวในมุมห้อง แสงไฟจากโคมตั้งพื้นส่องไหล่เขาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งจมอยู่ในความมืด เขากำลังคิด…ถึงคำพูดของพ่อที่ยังดังก้อง “แกยังไม่พร้อม” “เสี่ยงเกินไป” “ฉันไม่อนุญาต” เสียงนั้นซ้อนทับกับอีกประโยคของภานุวัฒน์ “นายรู้จุดอ่อนเขาดีที่สุด…” ใช่ เขารู้ เขาโตมากับข้อมูลเวชระเบียนของพ่อ รู้ว่าเขาต้องกินยาอะไรบ้างในแต่ละวัน รู้ว่ามีแค่บางตัวเท่านั้นที่ช่วยรักษาสภาพไว้ได้ ถ้าตัดสิ่งนั้นออก…ร่างกายของพ่อก็จะอ่อนลง…ทีละนิด… ปกรณ์หันไปหยิบโทรศัพท์ ปลายนิ้วพิมพ์ข้อความสั้น ๆ ส่งให้เพื่อนคนหนึ่งที่เขาไว้ใจมากที่สุด เขากดส่ง แล้ววางมือถือลง ไม่มีรอยยิ้มบนหน้า ไม่มีประกายตาแห่งชัยชนะ มีเพียงความเงียบของคนที่ตัดสินใจ…แล้วจะไม่หันหลังกลับ ไม่กี่วันหลังจากโทรสั่งการ ปกรณ์ลงมือ กล่องยาใหม่ถูกส่งถึงคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์โดยไม่มีพิรุธใด ๆ ฉลากภายนอกเหมือนเดิม…ปริมาณเหมือนเดิม มีเพียงสิ่งเล็ก ๆ ภายในเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ไม่มีใครรู้ว่ายาตัวหนึ่งถูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 117 อำนาจได้เปลี่ยนมือแล้ว

    เธอสวมสูทเรียบหรู สีขาวหม่นที่สะท้อนความมั่นคงมากกว่าความอ่อนหวาน เบื้องหลังเธอคือ ปกรณ์ ในชุดสูทสีเข้ม เรียบเฉียบไร้ที่ติ สายตานิ่งมั่น ราวกับพร้อมรับทุกแรงกระแทก คุณวิลัยลักษณ์หยุดที่หน้าห้องประชุม ก่อนจะหันไปสบตาเหล่ากรรมการทีละคนอย่างไม่เร่งรีบ เธอไม่ต้องเคาะโต๊ะ ไม่ต้องเรียกให้ใครเงียบ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น…ห้องก็เงียบลงโดยอัตโนมัติ เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่นุ่มลึกอย่างมีอำนาจ “ดิฉันมาในนามของครอบครัวเดชาสกุลวงศ์ และในนามของคุณพฤกษ์ไพศาล” “เพื่อแจ้งให้ทุกท่านทราบอย่างเป็นทางการว่า…จากนี้ไป การบริหารงานระดับสูงของบริษัท จะเปลี่ยนถ่ายสู่รุ่นต่อไป” บรรยากาศในห้องตึงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยถาม เธอพูดต่อด้วยจังหวะช้าแต่มั่น “คุณปกรณ์ เดชาสกุลวงศ์…จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ดูแลสูงสุดของกลุ่มบริษัทแทนคุณพฤกษ์ไพศาล ด้วยความยินยอม และการแต่งตั้งจากเจ้าของบริษัทโดยตรง” สายตาเธอแนบแน่นกับสีหน้าแต่ละคน ก่อนจะหยุดที่ชายคนหนึ่งซึ่งขยับตัวเล็กน้อย…แววตาไม่เต็มใจนัก เธอเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยต่อ “ดิฉันหวังว่าทุกท่านจะให้ความร่วมมืออย่างที่เคยให้กับประ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27
  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 118 ฝีมือที่ไม่ธรรมดา

    ธีภพเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ เขายกนิ้วชี้แตะเบา ๆ ตรงหว่างคิ้วของเธอ ไล้ลงมาตามแนวจมูก ก่อนจะเคาะเบา ๆ ที่ปลายจมูกสองถึงสามครั้ง พร้อมรอยยิ้มขี้เล่น “ฝีมือแต่งหน้าของผมไม่ธรรมดาใช่ไหมครับ” “ต่อไปถ้าคุณอยากได้ช่างแต่งหน้าออกงาน…ก็ไม่ต้องจ้างใครแล้วนะ” นาราชะงักไปทันที ไม่ใช่เพราะคำพูด…แต่เพราะสัมผัสนั้น ปลายนิ้วที่ลากลงเบา ๆ แบบนี้—เป็นสิ่งที่ กานต์ เคยทำกับเธอบ่อยเหลือเกิน เธอไม่ได้พูดอะไรออกไป มีเพียงแววตาที่อ่อนลงอย่างช้า ๆ …ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเขา ประคองเบา ๆ มาวางไว้ที่แก้มของตัวเอง แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปแตะริมฝีปากลงบนปลายนิ้วนั้น เสียงเธอเบาราวลมหายใจที่อบอุ่น “ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร…ฉันแค่ดีใจที่ตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้…อยู่ข้างฉัน” ธีภพนิ่งไป ดวงตาที่เคยแข็งเรียบแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลึกซึ้ง เธอเอียงหน้าเล็กน้อย แนบแก้มกับฝ่ามือเขา ยิ้มบาง…ไม่พูดอะไรอีก แต่แค่เพียงสัมผัสนั้น มันก็เพียงพอแล้วสำหรับเช้าวันนี้ ...และในที่สุด ทั้งสองคนก็แยกย้ายกันออกจากบ้าน ธีภพมุ่งหน้าสู่ ซาเลียน อินโนเวชั่น ในนามของชายที่ไม่มีใครรู้จัก ส่วนนารา ก้าวขึ้นรถพร้อมเอกสา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-04-27

บทล่าสุด

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 145 ค่ำคืนแห่งชั่วนิรันดร์

    “เหนื่อยไหมครับ?” เขาถามเมื่อพาเธอเข้ามานั่งบนโซฟา “ไม่ค่ะ…แค่ใจเต้นแรงอยู่เรื่อยเลย” เธอยิ้มบาง ๆ พูดออกมาอย่างเขิน ๆ ธีภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบใกล้ใบหูเธอ “ใจคุณเต้นแรง…แต่ใจผมแทบจะระเบิด” นาราหัวเราะคิก แล้วตีไหล่เขาเบา ๆ แต่มือของเขากลับยื่นมาจับมือนั้นไว้ และแนบมันไว้กับอกเขา ภายในห้องนอน แสงไฟสีอำพันคลี่คลุมห้องทั้งห้องไว้ด้วยความอบอุ่น กลิ่นหอมจาง ๆ จากดอกไม้ข้างเตียงแตะจมูกเบา ๆ เสียงหัวใจสองดวงที่กำลังใกล้กันทีละนิด…ดังกว่าเสียงใด ๆ ธีภพยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ดวงตาเขามองเธอราวกับเธอเป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิต ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปปลดเครื่องประดับผมของเธอออกช้า ๆ เส้นผมดำขลับสยายลงบนบ่าขาว เธอหลับตาลงช้า ๆ รับสัมผัสจากปลายนิ้วของเขา “คุณรู้ไหม” เขากระซิบ “ผมฝันถึงค่ำคืนนี้มานานมาก ฝัน…ถึงวันที่คุณจะอยู่ในอ้อมแขนผม ไม่ใช่แค่ชั่วคืน แต่ตลอดชีวิต” เธอไม่ตอบ เพียงยิ้ม และยื่นมือไปแตะแก้มเขาเบา ๆ “และฉันก็เลือกจะอยู่ตรงนี้…กับคุณ ทั้งในคืนนี้ และคืนไหน ๆ ที่ยังมีลมหายใจอยู่” ธีภพก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา จากนั้นป

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 144 นึกว่าเธอหานงยสาบสูญไปแล้ว

    วันแต่งงานที่รอคอยมาถึง เช้าวันนั้น แสงแดดยามสายทอดอุ่นลงบนสนามหญ้าเขียวขจี สายลมพัดผ่านแผ่วเบา กลีบดอกไม้ที่ประดับอยู่ตามซุ้มขาวเคลื่อนไหวราวกับเต้นรำรับจังหวะหัวใจของใครบางคน บริเวณงานถูกจัดเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยรายละเอียดที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ผ้าคลุมบางเบา โทนสีขาวครีมผสมกลิ่นกุหลาบอ่อน ๆ ลอยในอากาศ ดนตรีจากเปียโนคลอเบา ๆ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของแขกที่มาด้วยรอยยิ้ม ที่นี่...คือสถานที่ซึ่งหัวใจสองดวงจะเริ่มต้นบทใหม่ ไม่ใช่แค่พิธีการ แต่เป็น "คำสัญญา" ที่กลั่นมาจากทุกบททดสอบของชีวิตที่ผ่านมา ... ภายในห้องแต่งตัว เสียงหัวเราะนุ่ม ๆ ดังขึ้นเมื่อหญิงสาวในชุดเดรสลูกไม้สีพีชก้าวเข้ามา พราวฟ้า ดาราสาวเพื่อนสนิทของนารา วางกระเป๋าเบา ๆ แล้วโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความคิดถึง “หายไปครึ่งปี! ฉันนึกว่าเธอหายสาบสูญไปแล้วนะ” นาราหัวเราะอย่างแผ่วเบา “เกือบแล้วจริง ๆ” พราวฟ้าหัวเราะตาม “กองถ่ายเรื่องล่าสุดให้เก็บตัวขึ้นเขา ไม่มีเน็ต ไม่มีสัญญาณเลยสักเส้น ฉันนับวันรอจะได้ลงมางานนี้เลยนะรู้ไหม” สองเพื่อนสาวสบตากันอย่างเข้าใจ แม้ไม่มีคำพูดมาก แต่แววตาก็สื่อได้ว่า…เธอไม่พลาดวัน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 143 กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงาน

    คำพูดนั้นเรียบ แต่หนักแน่นพอจะทำให้ห้องทั้งห้องเงียบงันชั่วครู่ คุณบงกชหันไปมองนารา ลูกสาวของเธอในวันนี้…ไม่ใช่ผู้หญิงที่ยังตกอยู่ใต้เงาอดีตอีกต่อไป แต่คือผู้หญิงที่ยืนอย่างมั่นคง ข้างคนที่เลือกจะปกป้องเธอจนสุดทาง การพูดคุยหลังจากนั้นดำเนินไปอย่างอบอุ่น กำหนดวันหมั้นและวันแต่งงานถูกพูดถึงทีละลำดับ เสียงหัวเราะดังขึ้นบ้างในจังหวะที่คุณบงกชและคุณสุวิมลคุยกัน พลางหันมาถามว่า “ตกลงต้องเตรียมห้องไว้สำหรับเวลาหลาน ๆ มาเที่ยวเล่นเลยไหมลูก?” ธีภพกับนาราสบตากันแล้วยิ้ม แบบที่ไม่ต้องมีคำตอบ เพราะคำตอบอยู่ในดวงตาคู่นั้น…ที่มองกันราวกับโลกทั้งใบมีแค่คนสองคน หลังจากบทสนทนาเรื่องวันสำคัญสิ้นสุดลง ในขณะที่ทุกคนยังนั่งพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นาราค่อย ๆ ลุกขึ้น เธอไม่ได้เอ่ยคำใด เพียงสบตาธีภพอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหมุนกาย ก้าวขึ้นสู่ชั้นบนของบ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ บ้านสไตล์เรียบหรูที่แวดล้อมด้วยสีอุ่นและแสงเงานุ่มนวล เงียบพอให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองทุกครั้งที่ก้าวเท้า เธอหยุดหน้าห้องห้องหนึ่ง ประตูไม้สีอ่อนเรียบสะอาดบานนั้นไม่ได้ถูกเปิดมานานหลายปี เพราะมันคือห้

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 142 เรือนหอ

    ไม่กี่วันถัดมา แสงแดดอุ่นยามสายสาดลงบนระเบียงหน้าบ้านสองชั้นสไตล์เรียบหรู เส้นสายของรั้วขาวตัดกับสวนสีเขียวขนาดย่อมอย่างลงตัว เงาของต้นปีบที่ปลูกใหม่เพิ่งเริ่มผลิใบสะท้อนบนกระจกหน้าต่างชั้นสอง ธีภพ ก้าวลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้เธอ มือเขายื่นออกมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำ เธอก็วางมือลงในมือเขาอย่างคุ้นเคย “บ้านหลังนี้…จะเป็นเรือนหอของเรานะ” เขาบอกเสียงนุ่ม นารามองตรงไปยังตัวบ้าน บ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่แต่ถูกออกแบบอย่างประณีต สีนวลอ่อนของผนังตัดกับโครงไม้สีอบอุ่น ประตูไม้จริงมีลวดลายเรียบง่ายแต่แฝงความมั่นคง “สวยมากเลยค่ะ” เสียงเธอเบา ดวงตาเปล่งประกาย “เหมือนบ้านที่อยู่ในฝันตอนเด็กของฉันเลย” เขายิ้ม มองเธอด้วยแววตาที่มีแสงสะท้อนบางอย่าง “ผมอยากให้มันเป็นมากกว่าฝัน…อยากให้คุณรู้ว่า ที่นี่...คุณจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว” ภายในบ้านอบอวลด้วยกลิ่นใหม่และแสงธรรมชาติจากช่องแสงบนเพดานสูง พวกเขาเดินไปด้วยกัน ดูทีละห้อง ห้องรับแขกโปร่งโล่งเชื่อมต่อกับครัวเปิด ห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างบานใหญ่รับวิวสวนหลังบ้าน พอขึ้นมาชั้นสอง เธอก็หยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง “ห้องน

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 141 ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ

    เสียงของเขาไม่ได้ดังก้อง แต่น้ำหนักของถ้อยคำแต่ละพยางค์ กลับกรีดอากาศให้บางยิ่งกว่าใบมีด “อย่าให้เธอได้อยู่อย่างเป็นสุขแม้แต่วันเดียว…” “ฉันไม่สนวิธีไหน กด เฆี่ยน ล่อหลอก ดึงจิตใจเธอให้สั่นไหว ทำทุกอย่างที่จำเป็น” เจ้าหน้าที่ชะงักวูบ แววตาเขาสะท้อนความลังเลเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็หายไปทันทีเมื่อสบตารัฐมนตรี “เค้นออกมาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องใช้ความเจ็บปวดแค่ไหน” เสียงของเขาต่ำลง “หาที่ซ่อนตัวของลาริสาให้เจอ” จากนั้น เขาเงียบไปครู่ ก่อนพูดประโยคสุดท้ายช้า ชัด และราวกับตอกตรึงไว้ในอากาศ “และในวันที่เธอปริปากบอกเรา…ให้วันนั้นเป็นจุดจบของเธอ” เจ้าหน้าที่ข้างกายพยักหน้ารับเบา ๆ เสียงรองเท้าหนัก ๆ เริ่มเคลื่อนออกจากคฤหาสน์ ร่างของวิลัยลักษณ์ถูกพาไปยังรถคุมขังที่รออยู่ด้านนอก ใบหน้าเธอยังมีรอยยิ้มเยาะอยู่จาง ๆ แต่ในแววตา…มีบางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป เหมือนเธอกำลังรู้ตัวว่า “เกม” ที่คิดว่าควบคุมได้…อาจกลายเป็น “นรก” ที่เธอสร้างขึ้นไว้ให้ตัวเอง บันไดหินอ่อนภายในคฤหาสน์เดชาสกุลวงศ์ เงาของโคมไฟแก้วระย้าไหวระริกตามแรงลมที่ลอดเข้ามาเพียงแผ่วเบา ภายนอก...รถควบคุมตัวเคลื่อ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 140 มันจะไม่หยุดแค่เรื่องข่าวหรือธุรกิจ

    คฤหาสน์ตระกูลเดชาสกุลวงศ์ ห้องโถงใหญ่เงียบงัน จอทีวีฉายข่าวแบบเรียลไทม์ น้ำเสียงผู้ประกาศนิ่ง เรียบ แต่อัดแน่นด้วยพลังของ “ความจริง” คุณวิลัยลักษณ์ ยืนมองอยู่กลางห้อง ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร แม้แต่คนสนิทที่สุดของเธอ มือของเธอกำหมัดแน่น เล็บจิกเข้ากับเนื้อจนเลือดซึม แต่เธอไม่รู้สึกถึงความเจ็บอีกแล้ว ทุกอย่างที่เธอวางไว้… กลับย้อนใส่ตัวเอง เสียงโทรศัพท์เริ่มดังขึ้นไม่หยุด ทั้งจากนักข่าว หน่วยงานรัฐ และทนายของเธอ แต่เธอไม่รับแม้แต่สายเดียว เธอเพียงหลุบตามองโต๊ะ… ที่วางภาพของ ปกรณ์ ในวันที่ยังยิ้มได้ ภาพที่ไม่เหลือความจริงอยู่ในวันนี้แม้แต่น้อย ... อีกฟากหนึ่ง ที่ซาเลียน อินโนเวชั่น ข่าวเปิดโปงถูกรายงานซ้ำในทุกช่องทาง ทีมงานหลายคนถอนหายใจออกมาเงียบ ๆ อย่างโล่งอก ภานุวัฒน์เดินเข้ามาพร้อมรายงานล่าสุด “ตอนนี้ฝ่ายข่าวหลักเจ็ดสำนักตรวจสอบแล้ว ทุกอย่างตรงกับที่เราส่ง ไม่มีข้อโต้แย้ง” เขายิ้มบาง “ถ้าข่าวนี้ออกไปเร็วกว่านี้อีกนิด เธอคงไม่ได้ทันปล่อยข่าวปลอมมาปั่นด้วยซ้ำ” ธีภพไม่พูดอะไร เขาหันไปมองนาราที่นั่งเงียบอยู่ที่มุมห้อง เธอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา “ยังไม่หมด

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 139 พ่อที่ไร้ความสามารถ

    ท่านวิศรุตหรี่ตา ใบหน้าแข็งราวหิน “คุณกำลังจะบอกว่าในประเทศนี้…ไม่มีใครตามรถตู้คันหนึ่งได้เลย?” ไม่มีเสียงตอบ หัวหน้าหน่วยวางซองรายงานสรุปลงเบื้องหน้า “มีข้อมูลชัดเพียงจุดเดียวครับ…” เขาเปิดหน้าแผนที่ขนาดเล็ก “รถคันสุดท้ายถูกพบครั้งสุดท้ายพร้อมศพของชายสองคน ใกล้เขตชายแดนด้านตะวันตก แล้วหลังจากนั้น…ไม่มีร่องรอยอีกเลยครับ” ท่านวิศรุตนิ่งไปครู่ใหญ่ เหมือนโลกทั้งใบหยุดหายใจ “หมายความว่า…มันหลุดออกนอกประเทศไปแล้ว?” หัวหน้าหน่วยพยักหน้า “ครับ และเรายังไม่รู้ว่า…หลุดไป ในนามใคร” ... ค่ำวันนั้น กระทรวงฯ เริ่มขยับทั้งระบบ เครือข่ายข่าวกรองพิเศษถูกสั่งระดมทันที หน่วยลับชายแดนถูกขยายกำลัง รายชื่อขบวนการลักพาตัวที่เชื่อมโยงกับการค้าคน ถูกสั่งรื้อทุกแฟ้ม แต่ไม่ว่าจะเร่งแค่ไหน…ก็ยังไม่มีคำว่า “เจอ” ... ยามค่ำในห้องทำงานส่วนตัว ไฟเพดานสลัวลง เหลือเพียงแสงจากจอคอมพิวเตอร์ที่สว่างจ้า รัฐมนตรีวิศรุตนั่งนิ่ง สองมือทับกันบนโต๊ะ แววตาเขา...เปลี่ยนไป จากนักการเมืองผู้เด็ดขาด กลายเป็นพ่อที่ไร้ความสามารถจะปกป้องสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิต เขาก้มหน้าลงช้า

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 138 เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย

    หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ลาริสา ยิ้มบางเบา ขณะพูดขอบคุณเจ้าของร้านขนม เธอเพิ่งแวะซื้อขนมกล่องเล็ก ๆ กลับไปฝากคุณแม่ ก่อนจะก้าวไปยังรถที่รออยู่ริมถนน เธอกำลังเก็บกระเป๋าเงิน ก็นึกขึ้นมาได้ว่าเผลอวางโทรศัพท์ลืมไว้ที่ร้าน เธอหันมาบอกคนขับรถ "ฉันลืมของไว้ เดี๋ยวขอวิ่งกลับไปหยิบก่อนนะคะ” ไม่มีอะไรน่าสงสัย ร้านเงียบ รถราบนถนนมีไม่มาก เสียงบีบแตรเบา ๆ ดังมาจากระยะไกล ขณะที่เธอก้าวหันกลับเพียงไม่กี่ก้าว... ประตูรถตู้สีดำ ก็เปิดออกโดยไร้เสียงเตือน ชายสองคนในชุดเข้ม พุ่งเข้าใส่เธอด้วยความแม่นยำ มือหนึ่งปิดปาก อีกมือรั้งแขนไว้แน่น แรงพอให้เธอทรุดโดยไม่ทันร้อง ลาริสาหายไปในความเงียบ ภายในรถตู้ เธอถูกกดร่างให้นอนราบ แขนขาถูกพันด้วยเทปพันสายไฟอย่างแน่นหนา ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว เสียงในลำคอเป็นเพียงอากาศแห้งที่ไม่ออกมาเป็นคำ เธอไม่รู้ว่าใครทำ ไม่รู้ว่ากำลังจะถูกพาไปไหน แต่สิ่งที่แน่นอนคือ... ไม่มีใครได้ยินเสียงเธอเลย ................ ในอีกมุมของเมือง แสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ กะพริบเบา ๆ ท่ามกลางความมืดของห้องทำงานใต้ดิน ข่าวปลอมชุดแรก ถ

  • ในเงาของหัวใจ   บทที่ 137 กลายเป็นผู้พิการอย่างถาวร

    คุณวิลัยลักษณ์ เดชาสกุลวงศ์ ก้าวลงจากรถแทบจะทันทีที่ประตูเปิด ไม่สนรองเท้าส้นสูง ไม่สนว่าใครอยู่ตรงไหน เธอพุ่งเข้าไปในโกดัง ร่างของหญิงวัยกลางคนวิ่งฝ่าความมืดจนเห็นร่างที่นอนนิ่งอยู่กลางพื้น “ปกรณ์!!” เสียงเธอแทบขาดใจ น้ำเสียงที่เคยสง่างามกลายเป็นเสียงร้องของคนเป็นแม่ ร่างของลูกชายเธอ ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี อวัยวะที่เป็นความภาคภูมิใจ ของสายเลือดชายในตระกูล...ไม่มีอีกแล้ว เธอทรุดตัวลงข้างร่างนั้น สองมือสั่นระริกเมื่อแตะร่างที่ยังอุ่น แต่ไม่ตอบสนอง ริมฝีปากเธอสั่นระรัว...ดวงตาเบิกกว้าง คุณวิลัยลักษณ์ทรุดตัวลงข้างร่างของปกรณ์ สองมือเธอสั่นระริกขณะพยายามแตะไหล่ลูกชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นซีเมนต์แข็ง เลือดไหลซึมเปื้อนพื้นอยู่รอบกายเขา และไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย...นอกจากเธอกับเขา เธอกวาดตามองไปรอบโกดังด้วยดวงตาที่สั่นด้วยทั้งความหวาดกลัวและความสับสน ไม่มีเงาของคนที่ลงมือ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของรถ มีเพียง ความเงียบ ที่ราวกับตะโกนกรอกหูเธอว่า สายเกินไปแล้ว “ปกรณ์…ปกรณ์ลูกแม่...” เสียงเธอพร่าแตกขณะพยายามเรียก แต่ไม่มีคำตอบจากร่างที่นอนนิ่ง เธอหันไปสั่งลูกน้องด้วย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status