หลังจากกัญญ์วราออกไปจากห้องนอนแล้วภูเมฆาก็เริ่มคิดตามที่เธอพูด ตอนนี้เขาสร้างเนื้อสร้างตัวได้แล้ว ขาดก็แต่สร้างครอบครัว แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ไม่เดือดร้อนถึงแก่ไปจะไม่มีใครดูแลแต่จะต้องกลัวเรื่องนั้นทำไมในเมื่อเขามีเงินมากพอที่จะจ้างคนมาดูแลกี่คนก็ได้
ภูเมฆาไม่อยากเจ็บกับความรักอีกแล้ว เขาเลือกที่จะใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ไม่อยากผูกมัดกับใคร แม้ว่าในกลุ่มเพื่อนจะมีคนที่แต่งงานและมีครอบครัวที่อบอุ่นแล้วแต่ภูเมฆาก็ยังนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวได้อย่างไร ในเมื่อตั้งแต่เติบโตมาครอบครัวของเขาก็ไม่เคยอบอุ่นเลย และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เขาไม่อยากมีครอบครัว
ชายหนุ่มเอาชามไปเก็บจากนั้นก็กลับมาจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เขาลังเลว่าจะอาบน้ำดีหรือเปล่าแต่ก็นึกขึ้นได้ว่ากัญญ์วราสั่งเอาไว้
เขามองตัวเองในกระจกแล้วหัวเราะที่เชื่อคำพูดของคนที่จ้างมาเพื่อทำงานบ้านให้
อันที่จริงภูเมฆาก็ไม่ได้มองว่ากัญญ์วราเป็นลูกจ้างเท่าไหร่เขามองเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง และก็เผลอคิดว่าคงดีไม่น้อยที่เธอจะอยู่กับเขาแบบนี้ไปตลอด
ทางด้านกัญญ์วราก็นั่งทำงานไปด้วย อีกมือก็คอยจับโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะกลัวว่าเขาจะโทรหรือไลน์มาแล้วตนเองจะรับไม่ทันเนื่องจากเวลาทำงานเธอไม่เปิดเสียงโทรศัพท์ไว้
“เป็นห่วงเขามากขนาดนั้นเลยเหรอใบตอง” ธิชากรเข้ามากระซิบ
“อือ เมื่อเขาเป็นไข้น่ะ น่าจะแผลอักเสบ กลางวันนี้ใบตองว่าจะกลับดูสักหน่อยไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง มะเหมี่ยวไปกินข้าวกับพี่ๆ ได้ไหม”
“ได้สิ ว่าแต่ใบตองจะให้เราบอกพี่ๆ เขาว่ายังไง”
“บอกว่าเรากลับไปดูพี่ชายก็ได้”
“แล้วจะอยู่ยาวเลยไหม หรือว่าจะกลับมาทำงานต่อ” เธอกระซิบถามเพื่อเบาๆ
“กลับมาสิ เราไม่อยากเอาเปรียบมะเหมี่ยว”
“เอาเปรียบที่ไหนกันงานไม่ได้มากอะไร เราไม่อยากให้ใบตองกลับไปกลับมามันเหนื่อยนะ”
“ขอบใจมากนะ แต่เราว่าจะรีบไปรีบกลับเพราะเมื่อวานลองนั่งวินไปแล้วใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเอง เราจะให้เขารอรับเรากลับเลย”
“งั้นก็ตามใจละกัน แต่ถ้าไม่ไหวก็โทรมาบอกนะเราจะลางานพี่ๆ ให้”
“ขอบใจมากนะมะเหมี่ยว”
“นี่เห็นว่าบอสหล่อหรอกนะถึงได้ช่วย” ธิชาการพูดพลางหัวเราะก่อนที่จะกลับไปตั้งใจทำงาน
ก่อนถึงเวลาพักกลางวันครึ่งชั่วโมงกัญญ์วราโทรศัพท์ไปยังร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆ กับคอนโดเพื่อสั่งอาหารกลางวันให้กับภูเมฆาเพราะคิดว่าเขาคงไม่ลุกมาอุ่นอาหารทานแน่ๆ และถ้าเธอจะกลับไปอุ่นอาหารก็คงจะเสียเวลามาก
“ใบตองจะรีบไปไหน” พี่ฟ้าถามขึ้นเมื่อเห็นว่ากัญญ์วรารีบร้อนจนไม่รอเพื่อนรักอย่างธิชากร
“ใบตองขอกลับไปดูพี่ชายค่ะพี่ เดี๋ยวจะรีบกลับมาให้ทันบ่ายนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบวิ่งเขาเข้าลิฟต์อย่างรวดเร็ว
กัญญ์วรารีบวิ่งมายังวินรถจักรยานยนต์ที่หน้าบริษัทจากนั้นก็ให้ไปแวะที่ร้านอาหารก่อนจะตรงไปยังคอนโด
“น้าเข้ามารอข้างในก็ได้นะคะ คงใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีหรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไรน้าหลบอยู่ตรงนี้ก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ ว่าแต่ รปภ.จะไม่มาไล่น้าออกไปแน่นะ”
“ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวหนูบอกพี่รปภ.เอง”
พอตกลงกันได้กัญญ์วราก็เดินไปบอกพี่รปภ.จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปคอนโด
หญิงสาวเปิดประตูออกแล้วอาหารที่ซื้อมาวางบนโต๊ะ เธอเปิดตู้เย็นดูว่าภูเมฆาเอาอาหารออกมาอุ่นหรือยังแต่ก็เป็นอย่างที่คิดเพราะทุกอย่างยังอยู่เหมือนเดิม
เธอเดินไปยังห้องนอนของเขา เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้าไปก็เห็นเขานอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
“พี่ภู”
“ใบตอง”
“ไหวไหมคะ ตัวร้อนหรือเปล่า” เธอแตะหน้าผากเขาแต่รู้สึกว่ามันไม่ได้ร้อนมากอย่างที่กังวล
“พักกลางวันเหรอ”
“ค่ะ ใบตองกะแล้วว่าพี่ภูต้องไม่ออกมากินข้าวแน่ๆ ก็เลยมาดู”
“ก็คิดว่านอนรออีกแป๊บจะออกไปกิน”
“ไม่ต้องรอแล้วค่ะ ใบตองซื้อกับข้าวมาให้แล้วพี่ภูรีบล้างหน้าแล้วตามออกมานะคะใบตองจะเตรียมไว้รอ”
หญิงสาวช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นจากนั้นก็รีบออกเตรียมอาหารให้เขารวมถึงของตนเองด้วย
“ใบตองไม่น่าต้องลำบากเลย” ภูเมฆาพูดอย่างเกรงใจก่อนจะนั่งลงตรงกันข้ามกับเธอ
“ไม่ลำบากหรอกค่ะ”
“แล้วมายังไงล่ะ”
“นั่งวินมาค่ะ”
“ร้อนแย่เลย ขับรถเป็นไหม เอารถพี่ไปสิจะได้ไม่ร้อน”
“ขับเป็นค่ะ แต่ถ้าขับรถพี่ไปแล้วคนอื่นเห็นใบตองจะตอบยังไงล่ะคะ แล้วอีกอย่ากว่าจะถึงก็เลยเวลาเข้างาน นั่งวินไม่ถึง 10 นาทีเองค่ะ”
“อือ เอาไว้ค่อยหารถอีกคันให้ใช้ก็แล้วกันนะ”
“พี่ภูอย่าเพิ่งพูดเรื่องอื่น ใบตองว่ารีบกินเถอะค่ะ จะได้รีบกินยานะคะ”
เพราะกลัวเธอจะกลับไปถึงช้าแล้วมีผลกับคะแนนฝึกงานภูเมฆาเลยรีบทานตาม เขารู้สึกดีมากๆ ที่กัญญ์วราเป็นห่วงเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าที่เธอทำแบบนี้เป็นเพราะหน้าที่หรือเพราะเธอเป็นห่วงเขาจากใจจริงกันแน่ แต่อยากน้อยก็รู้สึกอบอุ่นใจที่มีคนคอยดูแล ถึงแม้ที่ผ่านมาจะดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีมาตลอดก็ตาม
“ระวังติดคอนะใบตอง” ภูเมฆาเห็นเธอทานอย่างเร่งรีบก็เตือนขึ้น
แคกๆ แคกๆ
เพราะโดนทักขณะกำลังจะกลืนกัญญ์วราเลยสำลักจนหน้าแดง
“เห็นไหมล่ะ พี่บอกแล้วว่าอย่ารีบกิน” เขารีบส่งแก้วน้ำให้เธอ
“เพราะพี่ภูนั่นแหละทำให้ใบตองตกใจเลยสำลัก” เธอรีบเถียงหลังจากดื่มน้ำเข้าไปแล้ว
“มาโทษพี่ได้ยังไงล่ะ ใบตองกินเร็วเองต่างหากล่ะ”
“ใบตองไม่มีเวลามาเถียงด้วยหรอกนะคะ ใบตองอิ่มแล้ว ยาอยู่นี่อย่าลืมกินนะคะ กินอิ่มแล้วก็ทิ้งไว้ตรงนี้ก่อนเดี๋ยวเย็นนี้ใบตองกลับมาเก็บเอง”
“แค่นี้พี่เก็บเองได้”
“พี่ภูอย่าดื้อค่ะ กินข้าวกินยาแล้วไปนอน ถ้าดื้อมากๆ คืนนี้ตัวร้อนขึ้นมาอีกใบตองไม่เช็ดตัวให้แล้วนะคะ” กัญญ์วราขู่
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวพี่จะทิ้งไว้แบบนี้แล้วให้ใบตองมาเก็บตอนเย็นนะ”
“โอเคค่ะ ว่าง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ไปแล้วนะคะ ไม่อยากให้น้าวินรอนาน”
“น้าวินไหน”
“ก็น้าวินมอเตอไซค์ไงคะ” พูดจบก็รีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
ภูเมฆานั่งทานอาหารต่อจนอิ่มจากนั้นก็ทานยาที่หญิงสาววางไว้ให้ เขาลังเลว่าจะเก็บโต๊ะทานข้าวดีไหม แต่ก็ไม่อยากจะขัดใจกัญญ์วราจึงเดินกลับเขาห้องไปอย่างเดิม
ตอนนี้เขาไม่ค่อยเจ็บแผลเท่าไหร่และคิดว่าวันจันทร์ก็คงไปทำงานได้ตามปกติ
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”