เช้าวันใหม่กัญญ์วราตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อลงไปซื้อโจ๊กมาให้กับภูเมฆา และยังทำอาหารกลางวันใส่กล่องไว้ให้เขาอุ่นทานอีกด้วย
“พี่ภูรอตรงนี้เดี๋ยวใบตองไปเอาโจ๊กมาให้นะคะ”
“ไม่เป็นไรพี่เดินไปกินเองได้”
“แต่หน้าพี่ไม่ดีเลย ไหนดูซิมีไข้หรือเปล่า” กัญญ์วราเอามือแตะหน้าผากของเขาเพื่อวัดไข้
“พี่ว่าไม่มีแล้วนะ”
“ยังตัวอุ่นๆ อยู่เลยค่ะเดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักนะคะ ถ้าไม่ไหวจริงก็โทรหาใบตองหรือจะโทรเรียกรถพยาบาลก็เลือกมาหนึ่งอย่าง”
“ถ้าไม่ไหวพี่จะโทรหาใบตองก็แล้วกัน”
พอเขารับปากแบบนั้นกัญญ์วราก็รีบเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางลงบนเตียงจากนั้นก็ตามด้วยชามโจ๊ก แก้วน้ำและยาหลังอาหาร
“รีบกินนะคะ จะได้กินยาแล้วเช้านี้ก็ห้ามอาบน้ำเด็ดขาด”
“ใบตองไม่กินด้วยกันเหรอ”
“ใบตองกินแซนด์วิชแล้วค่ะ ทำเผื่อพี่ภูด้วยนะคะอยู่ในตู้เย็น ส่วนกลางวันใบตองก็ทำกับข้าวไว้ให้แล้วพี่ภูก็แค่เอาออกมาอุ่น ทำได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิ พี่ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ภูเมฆายิ้มกับท่าทางห่วงใยของหญิงสาวที่ทำเหมือนกับเขาเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
“ใบตองรู้ว่าพี่ภูไม่ใช่เด็ก แต่เวลาคนเราป่วยก็มักจะกลับไปเป็นเด็กด้วยกันทั้งนั้น ตอนใบตองไม่สบายเป็นช่วงที่ใบตองมีความสุขช่วงหนึ่งเลยทีเดียว”
“ไม่สบายแล้วทำไมมีความสุขล่ะ” เขาถาม ขณะมือก็ตักโจ๊กเข้าปาก
“เพราะพ่อจะหยุดงานและอยู่ดูแลใบตองไงล่ะคะ”
“ปกติพ่อทำงานมากหนักเลยเหรอ”
“ค่ะ พ่อทำงานบริษัทและจะฝากใบตองให้กับป้าข้างบ้านเลี้ยง แต่พอใบตองป่วยพ่อก็จะลางานและดูแลใบตอง”
“ใบตองคงสนิทกับพ่อมาก”
“ค่ะ เรามีกันสองคนพ่อลูก แต่นั่นก็ตอนเด็กๆ นะคะ พอโตขึ้นพ่อก็มีเมียใหม่”
“หมายถึงคนที่จะขายใบตองน่ะเหรอ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คนก่อนหน้านี้ค่ะ ส่วนคนที่พี่ภูเห็นเขาเพิ่งมาอยู่กับเราไม่นานค่ะ”
“พี่ขอถามอะไรได้ไหม แต่มันอาจทำให้ใบตองเศร้า”
“ได้ค่ะ ใบตองไม่คิดอะไรมากแล้ว”
“พี่ได้ยินแต่ใบตองพูดถึงพ่อ แล้วแม่ของใบตองไปไหนล่ะ”
“แม้เสียไปตั้งแต่ใบตองสามขวบค่ะ”
“พี่เสียใจด้วยนะ” แม้เขาจะไม่ได้อยู่กับครอบครัวแต่ความทรงจำของเขากับมารดาก็ยังมากกว่ากัญญ์วรากับมารดาของเธอ
“ใบตองยังเด็กมากจำหน้าแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ไม่มีรูปเลยเหรอ”
“เคยมีค่ะ แต่มันหายไปตอนที่เราย้ายบ้าน พี่ภูไม่ต้องทำหน้าสงสารใบตองแบบนั้นหรอกค่ะ เพราะพ่อบอกว่าใบตองเหมือนแม่มาก ถ้าคิดถึงแม่ก็แค่มองกระจก”
กัญญ์วราเล่าไปด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าตอนเด็กจะไม่เข้าใจว่าทำไม่มารดาจะต้องจากไป แต่พอโตขึ้นก็เริ่มเข้าใจและยิ้มให้กับตัวเองในกระจกทุกครั้งที่คิดถึงท่าน
“ใบตองเป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก”
“ชีวิตเราก็เครียดมากพอแล้วมากพอแล้วจะเก็บเอาเรื่องในอดีตมาเป็นความทุกข์อีกทำไมล่ะคะ ถึงยังไงคนเราก็หนีไม่พ้นความตาย”
“อายุยังไม่เท่าไหร่เริ่มปลงแล้วเหรอ”
“ใบตองอยากทำทุกวันให้มีความสุขค่ะ เรื่องอะไรที่ปล่อยผ่านได้ ก็ปล่อยผ่าน ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ หาความสุขใส่ตัวดีกว่า บางคนก็ทำงานเก็บเงินมาตลอดแต่ไม่เคยได้ชีวิตให้มีความสุข สุดท้ายเงินทองพวกนั้นก็เอาติดตัวไปไม่ได้” กัญญ์วราพูดไปตามที่ได้ยินมา
“นี่แอบว่าพี่หรือเปล่า”
“เปล่านะคะใครจะว่าพี่ภูกันล่ะ”
“บางทีพี่ก็คิดนะว่าจะทำงานเก็บเงินไว้ทำไม่เยอะ ในเมื่อที่มีอยู่ก็มากพอแล้ว”
“แต่พี่ภูเป็นผู้ชายก็คงอยากสร้างเนื้อสร้างตัวให้มั่นคงก่อนจะเริ่มสร้างครอบครัว”
“พี่ยังไม่คิดสร้างครอบครัวหรอก ขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดีกว่า”
“ใบตองเข้าใจค่ะ หล่อ รวยอย่างพี่ภูอยากมีแฟนเมื่อไหร่สาวๆ ก็คงวิ่งเข้าหา”
“มันไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะใบตองแค่หล่อรวยมันไม่พอ”
“ต้องรักกันด้วยใช่ไหมคะ”
“มันก็ใช่”
“ใบตองของถามอะไรได้ไหม”
“ถามมาสิ”
“พี่ภูมีแฟนหรือยังคะ”
“เคยมีแต่เขาทิ้งไปแล้ว”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ใครกันบังอาจมาทิ้งพี่ภูได้ ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังขยันทำงานแบบนี้หาได้ที่ไหนกัน”
“บางทีแค่นั้นมันก็ไม่พอ”
“ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวก็มีคนอื่นเข้ามาเองแหละ”
“พี่ยังไม่อยากมีใครหรอกนะ”
“พี่ภูอย่าปิดกั้นตัวเองแบบนั้นสิคะ”
“พี่ไม่ได้ปิดกั้นนะ แต่ไม่อยากเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว”
“ใบตองไม่รู้ว่าพี่เจอความรักแบบไหนมากถึงได้เข็ดกับความรักแบบนี้ แต่คนเราไม่เหมือนหรอกกันนะคะ อย่าเอามาเปรียบเทียบกัน”
“พี่ขอถามใบตองบ้างนะ”
“ค่ะ ถามมาเลย”
“ใบตองเคยมีแฟนไหม”
“สวยๆ อย่างใบตองก็ต้องมีสิคะ”
“แล้วยังคบกันอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ อย่าบอกว่าถูกทิ้งนะ”
“ใบตองทิ้งเขาต่างหากล่ะคะ”
“เพราะอะไร”
“เพราะเขาไม่เหมือนวันแรกที่คบกับ”
กัญญ์วราเล่าเรื่องแฟนเก่าของตนเองให้กับภูเมฆาฟัง เธอกับแฟนเก่าคบกันตอนเรียนชั้นปี 1 แต่คบได้ไม่นานก็ต้องเลิกกันเพราะเขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จัก เขาติดต่อยากขึ้น เจอกันน้อยลงและในขณะที่เธอมีปัญหาต้องการใครสักคนอยู่ใกล้ๆ เขากลับไม่เคยอยู่ใกล้ๆ เลย เธอจึงตัดสินใจบอกเลิกเขา
“แสดงว่าเป็นคนติดแฟนใช่ไหม”
“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ใบตองก็แค่คิดว่าคนเราถ้าเป็นแฟนกันก็ต้องติดต่อกันได้ตลอด มีเรื่องไรก็ปรึกษาพูดคุยกันได้ ไม่ใช่ปล่อยให้อีกคนเหงาอยู่ตามลำพัง”
“มันก็จริงนะ”
“พี่ภูล่ะคะ ทำไมถึงเลิกกันแฟนล่ะ ใบตองว่าผู้ใหญ่คงคบกันด้วยเหตุผลมากกว่าอารมณ์นะคะ”
“พี่ขอถามใบตองบ้างนะ ถ้าจะมีแฟนอยากได้แฟนแบบไหนล่ะ”
“ตอบแบบโลกสวยเลยนะคะ ขอแค่คนที่รักและเข้าใจเราก็พอค่ะ แต่ในความเป็นจริงมันก็มีมากกว่านั้นค่ะ บางครั้งตอนที่ใบตองเหนื่อยๆ ก็อยากได้แฟนรวยๆ แต่พอเดินผ่านคนหล่อก็อยากแฟนหล่อ แต่พออยู่คนเดียวเหงาๆ ก็อยากแฟนที่มีเวลาให้แต่ไม่มีใครเพอร์เฟกต์แบบนั้นหรอกใช่ไหมคะ”
“แล้วถ้า เขาหล่อรวย มีเวลาให้และตามใจทุกอย่างเพียงแต่เขาไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียงล่ะ”
“สำหรับคนอื่นใบตองไม่รู้ แต่สำหรับคนที่เหลือตัวคนเดียวอย่างใบตอง เรื่องชาติตระกูลพวกนั้นไม่ได้อยู่ในหัวเลยค่ะ”
“อือ แต่บางคนไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”
“เขาเลิกกับพี่ภูเพราะเรื่องครอบครัวเหรอคะ”
“ก็ประมาณนั้น”
“มันไม่ยุติธรรมเลยสักนิด คนเราเลือกเกิดได้ที่ไหนกันล่ะ ถ้าคนคิดแบบนั้นกันหมดคนไม่มีครอบครัวไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างใบตองคงได้อยู่คนเดียวจนแก่แน่ๆ”
“เรื่องมันนานมาแล้วใบตองไม่ต้องอินขนาดนั้นก็ได้นะ”
“ก็มันน่าโมโหนี่คะ” กัญญ์วรารู้สึกโกรธแทนเขาที่ถูกทิ้งเพราะเรื่องนี้
“พี่ว่าตอนนี้ใบตองกำลังโมโหจนลืมอะไรไปหรือเปล่า”
“จริงสิ สายแล้วใบตองขอไปทำงานก่อนนะคะ กลัวว่าไปสายเดี๋ยวเจ้าของบริษัทจะไม่ผ่าน” พูดจบหญิงสาวก็รีบออกไปจากห้องนอนของภูเมฆาอย่างรวดเร็ว
ภูเมฆากึ่งหลับกึ่งตื่นเมื่อหลานสาวเจ้าสัวมาเรียกให้เขาไปทานอาหารเย็น “ใบตอง” ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนเองกำลังฝัน ผู้หญิงคนที่เขาตามหามาตลอดยืนอยู่ตรงหน้าและเธอกำลังยิ้มให้เขา ภูเมฆาสลัดศีรษะไปมาและตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติของตนกลับมา “ตบตัวเองแบบนั้นไม่เจ็บเหรอคะ” “ใบตอง นี่ใบตองจริงๆ ใช่ไหม พี่ไม่ได้ฝันใช่ไหม” ภูเมฆารีบลุกขึ้นแล้วดึงตัวหญิงสาวเข้ามากอดด้วยความรักและความคิดถึง “เบาๆ สิคะกอดแบบนี้หนูก็หายใจไม่ออกกันพอดี” “พี่ดีใจที่เจอหนู หนูไปอยู่ไหนมา สบายดีไหม แพ้ท้องหรือเปล่า หนูลำบากไหม แล้วมาที่นี่ได้ยังไง” “ใจเย็นๆ สิคะ ถามรัวแบบนั้นหนูคิดคำตอบไม่ทัน” “ใบตองหนูจะไม่ทิ้งพี่ไปอีกแล้วใช่ไหม พี่รักหนูนะ รักลูกของเราด้วย พี่ขอโทษที่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ขอโทษที่บอกหนูช้าไปหนูให้อภัยพี่ได้ไหมคะ” “หนูก็ต้องขอโทษพี่ภูด้วยที่ใจร้อนและหนีมา” “ไม่เลยหนูไม่ผิดอะไรเรื่องนี้พี่ผิดคนเดียว พี่สัญญาจะไม่ทำให้หนูต้องน้อยใจอีก เรากลับมาอยู่กันเหมือนเดิมนะคะ”“ไปอยู่ที่คอนโดเหรอคะหรือที่บ้านหลังใหม่ล่ะคะ
ผ่านอีกเดือนที่ภูเมฆาต้องอยู่คนเดียวในคอนโด เขารอเธอกลับมาแม้ว่าความหวังจะค่อนข้างจะริบหรี่ลงไปทีละนิด “กูว่ามึงเลิกรอเหอะภู” “นั่นสิ นี่มันสองเดือนแล้วนะ ภูกูว่ามึงทำใจเถอะ” เมคินก็เห็นด้วยกับคำพูดของธนสิทธิ์ “ลูกกับเมียกูนะเว้ย นานแค่ไหนกูก็จะรอ” “แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ มึงจะจมอยู่กับความทุกข์แบบนี้ตลอดเหรอ” เมคินเห็นใจเพื่อนที่ดูไม่มีความสุขเลย “พวกมึงว่ากูประกาศตามหาดีไหมหรือไม่แจ้งความคนหาย” “มึงอย่าเชียวนะไอ้ภู แบบนั้นเขาจะยิ่งโกรธไปอีก” ธนสิทธิ์รีบห้ามเพื่อน “กูหมดหนทางแล้วจริงๆ” ภูเมฆาถอนหายใจยาว “เอาน่า กูว่าถ้าเขารักมึงยังไงวันหนึ่งเขาก็ต้องกลับมา” เมคินได้แต่ให้กำลังใจเพื่อนไปแบบนั้นทั้งที่เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าเธอคนนั้นของภูเมฆาจะกลับมาหรือเปล่า ภูเมฆาดื่มกับเพื่อนจนถึงเวลาร้านปิดก็กลับมานั่งดื่มต่อที่คอนโดต่อเพราะอยากให้ตัวเองเมาและจะได้ลืมเรื่องที่กำลังทุกข์ใจอยู่แม้จะรู้ว่าตื่นมาเรื่องทุกอย่างก็ยังคงเหมือนก็ตาม เพราะเมื่อกว่าจะนอนก็เกือบจะเช้า วันนี้ภูเมฆาเ
การมีชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใครมันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ ไม่ว่าจะมองไปทางในเขาก็เห็นแต่เงาของกัญญ์วราอยู่เต็มห้องไปหมด และพอหลับตาภาพความทรงจำก็แจ่มชัดขึ้น “เฮ้อ หนูหายไปไหนพี่จะต้องแจ้งความไหมว่าเมียหาย” เขาบ่นไปเรื่อยเปื่อย เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาแต่ก็ยังมีวี่แววของเธอเลย เขาโทรไปที่โมเดลลิ่งแต่ทางนั้นบอกว่าหญิงสาวไม่ได้รับงานที่นี่แล้วและเพื่อสนิทของเธอทั้งสองคนก็ยังไม่มีใครติดต่อกับกัญญ์วราได้เลย ชายหนุ่ม พยายามข่มตานอนเพราะพรุ่งนี้เป็นวันพฤหัสบดีซึ่งตรงกับวันที่เธอไปตรวจที่โรงพยาบาลครั้งสุดท้ายและมันก็ครบหนึ่งเดือนพอดี เขาหวังว่าเธอจะมาตรวจตามที่ได้สอบถามจากพยาบาลว่าหญิงตั้งครรภ์ไตรมาสแรกจะต้องมาตรวจทุกเดือน ภูเมฆามาดักรอที่หน้าห้องตรวจตั้งแต่เช้าและหวังว่าจะเจอกับกัญญ์วราแต่รอจนกระทั่งหมดเวลาตรวจของแผนกผู้ป่วยนอกแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเธอเลย ที่นี่คือความหวังสุดท้ายที่เขาคิดว่าจะเจอเธอแต่ตอนนี้ความหวังของเขามันไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว เขาเดินคอตกออกมาจากโรงพยาบาลก่อนจะขับรถกลับไปยังคอนโดซึ่งครั้งหนึ่งมันเต็มไปด้ว
ภูเมฆากลับเข้ามาที่คอนโดในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม เขาเดินหากัญญ์วราไปทั่วห้องแต่ก็เหมือนว่าเธอจะไม่อยู่ และน่าแปลกใจที่เธอไม่ได้เตรียมอาหารเย็นไว้รอ เขานึกถึงคำพูดของเธอที่บอกว่าไม่สบายก็รู้สึกเป็นห่วงจึงรีบโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด ถ้างานไม่เร่งเขาคงมีเวลาพาเธอไปหาหมอและให้เวลากับเธอได้มากกว่านี้ แต่ภูเมฆาเชื่อว่าเชื่อว่ากัญญ์วราจะเข้าใจถึงเหตุผลที่เขาทำลงไป ชายหนุ่มทั้งโทรหาและทิ้งข้อความให้โทรกลับแต่ผ่านไปเกือบชั่วโมงทุกอย่างก็ยังเงียบสนิท เขาเริ่มกังวลมากขึ้นครั้นจะโทรถามเพื่อนของเธอก็ไม่มีเบอร์ติดต่อใครเลย ถ้าหากยังติดต่อไม่ได้จริงๆ ก็คงจะต้องโทรไปถามฝ่ายบุคคลซึ่งน่าจะมีข้อมูลติดต่อเพื่อนของเธอบ้าง แต่ถ้าโทรไปเวลานี้คงไม่ได้เรื่องเนื่องจากเป็นวันหยุด เขาเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนั้นขณะที่มือก็กดโทรออกอย่างไม่พัก แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิมเขาเดินเข้ามายังห้องนอนจากนั้นก็โทรหาเธออีกครั้งแล้วสายตาของเขาก็สะดุดดับกระดาษแผ่นเล็กและแหวนเพชรที่เขาซื้อให้เธอซึ่งวางทับกันอยู่ ภูเมฆารีบหยิบขึ้นมาแล้วก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลยเมื่ออ่านข้อค
เวลาในแต่ละวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว กัญญ์วราเรียนจบและเริ่มทำงานได้เกือบหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวได้ทำงานในบริษัทเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากคอนโด พอเริ่มทำงานชีวิตก็เปลี่ยนไป เพราะในแต่ละวันเธอต้องทำงานอย่างหนักและพอกลับถึงบ้านก็เหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาให้กับภูเมฆา ทางด้านชายหนุ่มก็ไม่ต่างกันช่วงนี้เขามีงานด่วนเข้ามาทำให้ในแต่ละวันจะกลับค่อนข้างดึก พอมาถึงคอนโดก็รีบอาบน้ำเข้านอน พอเข้าเดือนที่สองงานของกัญญ์วราก็เริ่มลงตัวมากขึ้นแต่ดูเหมือนว่างานของภูเมฆานั้นจะยังคงยุ่งอยู่จนเธออดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่มีเวลาให้ “พี่ภูคะ วันหยุดนี้เราไปเที่ยวกันดีไหมคะ” “พี่ไม่ว่างเลยน่ะสิ” “แล้วอาทิตย์หน้าล่ะคะ ว่างไหม” “ต้องรอดูอีกทีนะ พี่ขอโทษนะที่ไม่มีเวลาให้หนูเลย” “หนูเข้าใจค่ะ” กัญญ์วราได้แต่ฝืนยิ้มให้กับสิ่งที่เขากำลังโกหก วันนี้หญิงสาวบังเอิญเจอกับเลขาของแฟนหนุ่มจึงถามว่างานยุ่งไหม แต่คำตอบที่ได้คือไม่มีงานยุ่งหรืองานเร่งอะไรและยังบอกเธอว่ารู้สึกอิจฉาที่ภูเมฆารีบกลับก่อนเวลาทุกวัน ซึ่งมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่เธอรู้จากภูเมฆา
ความกังวลของกัญญ์วราหมดไปพร้อมกับการฝึกงานที่จบลง เธอบอกความจริงกับหัวหน้าแผนกในวันสุดท้ายที่ทำงานด้วยกัน และพรกมลก็ไม่ได้โกรธหรือไม่พอใจแต่กลับชื่นชมที่หญิงสาวไม่อ้างตัวว่าตนเองเป็นใครอีกทั้งยังตั้งใจฝึกงานอย่างเต็มที่ “พี่ภูคะ พรุ่งนี้ใบตองจะเข้าไปมหาวิทยาลัยนะคะ” “พี่นึกว่าฝึกงานเสร็จแล้วจะจบเลย นี่ยังต้องไปเรียนอีกเหรอ” “ยังต้องเรียนเพิ่มอีกนิดหน่อย แต่ไม่ได้เรียนทั้งวันค่ะ” “ส่งตารางเรียนให้พี่ด้วยนะ” กัญญ์วราส่งตารางเรียนให้กับภูเมฆาเพราะจะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในแต่ละวันเธอต้องไปเรียนและเลิกเรียนเวลาไหน “พรุ่งนี้พี่ไปส่งนะ” “ไม่ต้องหรอกค่ะ ทางไปมหาวิทยาลัยกับทางไปบริษัทคนละทางกันเลยนะคะ หนูไม่อยากให้พี่เสียเวลา” “พี่ไปดูไซต์งานของเจ้าสัว มันผ่านทางนั้นพอดี” “อ้อ” กัญญวราเคยไปที่นั่นมาแล้วหนึ่งเธอจึงไม่ปฏิเสธที่เขาจะไปส่ง “แต่ตอนเย็นไปรับไม่ได้ เดี๋ยวพี่ให้คนขับรถไปรับนะคะ” “ไม่เป็นไรค่ะหนูคิดว่าเลิกเรียนแล้วจะไปเดินเที่ยวห้างแล้วก็หาอะไรกินกับเพื่อนค่ะ”