ชารอนถูกไซม่อนอุ้มออกไป มันเป็นค่ำคืนที่มีลมหนาวพัดผ่าน ด้วยเหตุนั้น ชารอนจึงตัวสั่นเทาและรู้สึกหนาวเหน็บไวน์ของแซลลี่ทำให้เสื้อผ้ารอบหน้าอกของชารอนเปียกโชก ผมของชารอนเองก็เปียกไปหมดเลยเช่นกัน นอกจากนี้ เสื้อของชารอนยังเปื้อนเนยอีกด้วย เมื่อเห็นตัวเองอยู่ในสภาพเช่นนี้ ชารอนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายขึ้นมา“ขอบคุณนะคะ แต่ช่วยปล่อยฉันเดินเถอะค่ะ” เธอกล่าวเบา ๆ กับไซม่อนในตอนนั้นเอง รถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดตรงหน้าทั้งสองไซม่อนปล่อยให้เธอเดิน ทว่า ชารอนเหลือบไปเห็นว่าชุดสูททรงตะวันตกของไซม่อนในตอนนี้ก็เลอะเนยค่อนข้างเยอะเช่นกัน เธอรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้น “ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันทำเสื้อคุณเปื้อนอีกแล้ว คุณช่วยถอดเสื้อออกมาก่อนได้ไหม? เดี๋ยวฉันเอาไปซักให้”ไซม่อนยังคงยืนนิ่งและมองชารอน ในตอนแรก ไซม่อนเพียงแค่สงสัยเท่านั้นว่าทำไมเธอถึงยืนกรานที่จะเป็นคู่ควงของตนก่อนเข้าไปในโรงแรม ไซม่อนคิดว่าเธอมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา ถึงกระนั้น ดูจากสถานการ์ในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าชารอนคงตั้งใจจะมาทำลายงานเลี้ยงจริง ๆ แต่ท้ายที่สุด ชารอนก็ต้องมารู้สึกอับอายด้วยเช่นกัน ไซม่อนไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เขา
แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์น่าตกใจตรงหน้า แต่สีหน้าของไซม่อนก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย เขาเดินเอ้อระเหยตรงไปข้างหน้า “ผมกลับบ้านแล้วครับ คุณพ่อ” ไซม่อนกล่าวทักทายดักลาสซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ หลังจากนั้น ไซม่อนก็หันไปมองอีกคนข้างกาย “พี่สะใภ้ก็มาด้วยเหรอ?”ฟิโอน่าเป็นพี่สะใภ้ของไซม่อน เมื่อห้าปีที่แล้ว พี่ชายของไซม่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดังนั้น เขาจึงต้องกลับไปรับช่วงต่อจากตระกูลแซคคารี่หลังจากพี่ชายของไซม่อนเสียชีวิต ฟิโอน่าและโฮเวิร์ดได้ย้ายออกไป ทั้งสองทำเช่นนั้นเพราะไม่อยากอยู่ในบ้านหลังนี้ พวกเขาต่างก็ต้องเห็นสิ่งของหลายอย่างซึ่งเป็นเหมือนตัวกระตุ้นความทรงจำของคนที่เสียไปดักลาสมองดูไซม่อนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาถามขึ้นด้วยเสียงเข้ม “ลูกไปไหนมา? ทำไมเพิ่งกลับมาถึงบ้านเอาป่านนี้ล่ะ?”ไซม่อนเลิกคิ้วและรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าตลก “พ่อครับ ผมโตแล้วนะ กลับบ้านช้าไม่เห็นเป็นอะไรเลย”อันที่จริง ไซม่อนรู้ดีว่าพ่อของตนถามแบบนั้นเพราะต้องการที่จะรู้ว่าเขาได้อยู่กับชารอนหรือไม่ดักลาสพ่นลมหายใจเสียงดัง “ผู้หญิงที่ชื่อว่าชารอนอยู่ไหนกันล่ะ? เธอเข้ามาทำลายงานเลี้ยงไ
ชารอนตื่นแต่เช้าเพราะเธอต้องทำอาหาร หลังจากรับประทานอาหารกับลูกชายและไรลีย์เสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็ลงไปข้างล่างตามปกติแล้ว ไรลีย์จะต้องส่งเซบาสเตียนไปโรงเรียน จากนั้น เธอก็จะต้องส่งชารอนไปที่บริษัท พร้อมกับขับรถไปทำงานทั้งสามคนเดินออกจากคอนโด ทว่า ระหว่างที่ไรลีย์กำลังสตาร์ทรถ เหตุการณ์บางอย่างก็เกิดขึ้นประตูของรถเก๋งสีดำที่จอดอยู่ข้างรถของไรลีย์พลันเปิดออก มันเป็นรถหรูราคาแพง ทว่า คนที่ลงมาจากรถคือฟิโอน่า “ชารอน” ฟีโอน่ากล่าวคำพูดอย่างเย็นชาชารอนเงยหน้าขึ้นทันทีที่ได้ยิน ชารอนประหลาดใจกับการปรากฏตัวของฟิโอน่าที่หน้าคอนโดไม่น้อย เพราะมันยังเช้าอยู่ทันทีที่พิจารณาจากบุคลิกอันก้าวร้าวของฟิโอน่า ดูเหมือนว่าเรื่องเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นทว่า ชารอนไม่ต้องการให้ฟิโอน่ารู้เรื่องลูกชายของตนเลย ดังนั้น ไรลีย์จึงรีบพาเซบาสเตียนไปที่รถในระหว่างที่ชารอนยืนรอฟิโอน่า ชารอนพลันบอกไรลีย์ว่าเดี๋ยวเธอตามไปไรลีย์รู้สึกกังวล “ไม่ต้องไปยุ่งกับเธอหรอก”“ไม่ต้องกังวล เธออุตส่าห์มาถึงที่นี่ทั้งที ถ้าครั้งนี้ฉันหลบเธอ เธออาจจะไปหาฉันที่ทำงานก็ได้” ชารอนตบไหล่ไรลี่ย์เบา ๆ เพื่อบอกใบ้ว่าไม่ต้องเป็นห่
เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในเช้าวันนี้เกือบทำให้ชารอนไปทำงานสาย ทันทีที่ถึงบริษัท ชารอนได้รับแจ้งว่าท่านประธานได้เรียกเธออีกแล้วไซม่อนได้มอบหมายให้ชารอนรับผิดชอบโครงการเม้าเท่น ลิงกวิสติค ของบริษัท บางที ไซม่อนอาจต้องการสอบถามความคืบหน้าในการทำงานของชารอนก็ได้ชารอนมาถึงห้องทำงานของท่านประธาน ไซม่อนนั่งอยู่บนเก้าอี้หมุนพร้อมกับกำลังจัดการเอกสารอยู่ เขาสวมสูทเย็บมือพอดีตัว มันทำให้ไซม่อนดูดีไม่น้อย“ท่านประธานแซคคารี่คะ” ชารอนเดินไปยังหน้าโต๊ะทำงานไซม่อนเงยหน้าขึ้นมองชารอนและหรี่ตา “หน้าคุณเป็นอะไรน่ะ?”ชารอนตกใจเล็กน้อย อันที่จริง เธอทายามาบ้างแล้ว แต่อาการบวมก็ชัดเจนขึ้นมากเช่นกันชารอนไม่อยากบอกให้ไซม่อนรู้ว่ามันเป็นฝีมือของฟิโอน่า เพราะไซม่อนเคยพูดว่าเขาไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างตัวชารอนเองและโฮเวิร์ดดังนั้น เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโกหก "วันนี้ฉันบังเอิญสะดุดล้มน่ะค่ะ"ดวงตาของไซม่อนหรี่ลง ถึงจะรู้ว่าชารอนกำลังโกหก แต่ไซม่อนก็ไม่อยากพูดอะไรที่ทำให้เธอเสียหน้าออกมา เพราะไม่ว่าชารอนจะต้องการบอกความจริงหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอเ
ชารอนไม่สนอาการบาดเจ็บบริเวณขาของเธออีกต่อไปแล้ว เพราะเธอรีบไปโรงเรียนของลูกชาย ครูประจำชั้นเพิ่งโทรมาและแจ้งว่าเซบาสเตียนทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนเมื่อเห็นว่าชารอนวิตกกังวลขนาดไหน อีกทั้ง มันยังเป็นเรื่องยากถ้าจะปล่อยให้เธอไปที่นั่นคนเดียว ด้วยเหตุนั้น ไซม่อนจึงเสนอว่าเขาจะพาเธอไปโรงเรียนเองแม้ว่าอาการบาดเจ็บที่ขาของชารอนจะไม่รุนแรงนัก แต่เธอก็ยังเดินเองไม่ได้ เมื่อมาถึงโรงเรียน ชารอนลังเลว่าจะลงจากรถยังไงดีไซม่อนเดินไปยังประตูฝั่งชารอนโดยไม่พูดอะไรสักคำ จากนั้น เขาก็ยื่นมือออกไป “ลงมาสิ เดี๋ยวผมพยุงคุณเข้าไปข้างในเอง”ชารอนมองดูมือที่ใหญ่และเรียวยาวของไซม่อนตรงหน้า ลึกลงไปในจิตใจ เธอรู้สึกกังวลเรื่องลูกชายไม่น้อย ด้วยเหตุนั้น เธอจึงไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเลย ชารอนรีบเอื้อมไปจับมือของไซม่อนทันทีไซม่อนพยุงเธอไปยังห้องพักครู ทันทีที่ทั้งสองเข้าไป เธอเห็นเซบาสเตียนยืนอยู่กับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งเสื้อของเด็กน้อยสกปรกและขาดวิ่น อีกทั้ง เขายังมีรอยฟกช้ำที่มุมปาก พร้อมกับแขนที่เปื้อนเลือดอีกด้วย ดูเหมือนว่าเซบาสเตียนคงจะทะเลาะกับเด็กชายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มา ชารอนรู้สึกราวกับหัวใจตก
บรรยากาศภายในห้องทำงานพลันเงียบกริบ โดยเฉพาะบรรยากาศระหว่างเซบาสเตียนกับไซม่อน ทั้งหมดเป็นเพราะคำพูดของคุณครูสวิฟต์ใจของชารอนเต้นแรงทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น อันที่จริง ระหว่างมองไปที่ไซม่อน ชารอนเองก็รู้สึกว่าเขาหน้าคล้ายเซบาสเตียนเช่นกัน เธอเคยสงสัยในเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ชารอนเองก็ไม่กล้าคิดไปไกลขนาดนั้นชารอนเผยเสียงหัวเราะอันแผ่วเบาเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น “คุณครูสวิฟต์คะ ฉันว่าคงจะเป็นความเข้าใจผิดกันระหว่างนักเรียนแหละค่ะ ก็เลยทำให้พวกเขาทะเลาะกัน อย่าไปคิดมากเลยคะ”อันที่จริง คุณครูสวิฟต์เคยเห็นเด็กนักเรียนทะเลาะกันมานับไม่ถ้วนแล้ว "ครูแค่อยากแจ้งพวกคุณในฐานะพ่อแม่ เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าใจเหตุการณ์ได้มากขึ้น แต่แน่นอน มันต้องดีกว่าเดิมแน่ถ้าต่างฝ่ายสงบศึกกันได้อย่างสงบสุขน่ะค่ะ”คุณครูสวิฟต์มองไปที่ลีวายด้วยท่าทางเคร่งขรึม “เธอเห็นพ่อของเซบาสเตียนแล้วนะ ต่อจากนี้ไป เธออย่าพูดจาว่าร้ายใส่เขาอีกล่ะ เข้าใจที่ครูพูดไหม?"ทว่า ลีวายยังคงรู้สึกไม่พอใจอยู่เล็กน้อย ถึงกระนั้น เขาก็ก้มศีรษะลงและกล่าวคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เข้าใจแล้วครับ”“งั้นพวกเธอทั้งคู่ก็ควรขอโทษ
"เอ่อ ท่านประธานแซคคารี่คะ ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่ แต่เซบาสเตียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโฮเวิร์ดแน่นอนค่ะ" ชารอนกล่าวครั้งอดีต ชารอนคิดว่าชายในโรงแรมคืนนั้นคือโฮเวิร์ด แต่ทว่า เธอเพิ่งมารู้ทีหลังว่ามันเป็นฉากที่แซลลี่จัดเอาไว้โฮเวิร์ดไม่ใช่คนที่ทำให้เธอเสียความบริสุทธิ์เลย นอกจากนี้ เธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่าชายคนนั้นเป็นใครอันที่จริง ทันทีที่รู้ความจริงเรื่องนี้ในระหว่างงานวิวาห์ ชารอนก็แทบทรุดเลยด้วยซ้ำแต่ทว่า เธอเองก็ไม่คาดคิดเลยว่าตัวเองจะ 'โชคดี' ขนาดนี้ เพราะอะไรกัน? เพราะเธอสามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนับตั้งแต่เริ่มคบกัน ชารอนและโฮเวิร์ดไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งต่อกันเลย เพราะฉะนั้น เซบาสเตียนจะเป็นลูกของโฮเวิร์ดได้อย่างไร?ระหว่างที่ชารอนมองไปยังไซม่อน ดูเหมือนว่าเขาเองก็ยังไม่ได้รู้สึกมั่นใจขนาดนั้นเธอหายใจเข้าเฮือกใหญ่และตอบกลับ "อันที่จริง ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าพ่อเด็กเป็นใคร..." 'แต่ยังไงเสีย มันไม่ใช่โฮเวิร์ดแน่นอน'ไซม่อนรู้สึกแปลกใจและตกใจไม่น้อย 'เธอเป็นถึงแม่ของเด็ก แต่กลับไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อเนี่ยนะ?'เธอต
หลังจากชารอนเห็นไซม่อนออกไปแล้ว เธอเหลือบมองไปยังขวดน้ำหอมที่วางอยู่บนโต๊ะ ชารอนรู้สึกว่าไซม่อนดูจะสนใจน้ำหอมของเธอมากเป็นพิเศษบางที มันอาจเพราะน้ำหอมที่คุณพ่อทำนั้นมีกลิ่นหอมพิเศษเกินไป มันอาจเป็นกลิ่นหอมที่สามารถสะกดคนอื่นได้เลยในระหว่างที่ชารอนกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้น เซบาสเตียนก็วิ่งเข้ามาหาเธอและคว้าแขนเอาไว้ “แม่ครับ ผมหน้าเหมือนลุงใจยักษ์ขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”ชารอนก้มศีรษะลงมองเด็กน้อย เธออยากยอมรับว่าใบหน้าของเซบาสเตียนคล้ายกับไซม่อนมาก ยิ่งมองใกล้เท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนมากเท่านั้น'เป็นไปได้ไหมนะว่าเขาเป็นพ่อของลูกชายเรา?'ความคิดเช่นนั้นแวบเข้ามาในหัวของชารอน และมันทำให้เธอตกใจไม่น้อยชารอนพลันกล่าวคำพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว "จะเหมือนได้ยังไงกันล่ะจ้ะ? ลูกไม่เห็นเหมือนคุณลุงเลย" เธอกล่าวคำพูดที่ขัดกับความคิดของตัวเองออกมา“แม่กำลังโกหกอยู่แน่เลย!” เด็กน้อยมองตาชารอนแล้วตะโกน“ตอนไหน... แม่โกหกลูกตอนไหน?” ชารอนไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอไม่กล้าสบตาลูกชายของตัวเองเซบาสเตียนมองชารอนโดยไม่กระพริบตาเลยด้วยซ้ำ “ทุกครั้งที่แม่โกหก แม่จะไม่มองหน้าผม แต่แม่จะกระพริบตาแทน”ชารอนจ้องไปย