All Chapters of ข้านี่แหละจอมมาร (yaoi): Chapter 21 - Chapter 30

34 Chapters

บทที่ 20 กำเนิดมาร

วันเวลาผ่านไปราวสองขวบปี หลังจากที่จางเสี่ยวหมิงทำลายแปลงสมุนไพร ของหวงเจียฉีอย่างไม่ได้ตั้งใจ เขาก็ถูกถีบส่งกลับมายังสำนักเทียนหรานในอีกครึ่งเดือนให้หลัง ทิ้งให้เหว๋ยอู๋ศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่สำนักหวงอีเซิงเพียงลำพังแม้จะกลับมาอยู่ที่สำนักเทียนหราน แต่กระนั้นชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ ในเรื่องการเป็นตัวแสบอันดับหนึ่งในใต้หล้านั้น ก็มีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อนจางเสี่ยวหมิงจึงถูกหยางหมิงเซ่อผู้ที่ตนเองตีตราว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมา คอยจับตามองเสียทุกครั้ง จะย่างเท้าไปหนทางใด ก็มักจะเจอกับบุรุษผู้นี้อยู่ร่ำไปจนตนเองถึงกับต้องกู่ตะโกนขึ้นฟ้าเสมอมาว่าเหตุใดนั้น จึงมิอาจหนีพ้นคนผู้นี้เลยสักครา ซ้ำหยางหมิงเซ่อผู้นี้ยังชอบขัดแข้งขัดขา เวลาต้องไปกำราบเหล่าปีศาจที่เที่ยวระรานผู้คน ด้วยความที่หยางหมิงเซ่อมักจะชอบเข้าแทรกมือมายุ่ง ตัดหน้าเอางานสำคัญของเขาไปเสียทุกครั้ง พอจะย่างเท้าไปกำราบปีศาจหนทางใด เมื่อไปถึงเหล่าปีศาจที่เที่ยวออกอาละวาด ล้วนถูกเก็บกวาดจนเหี้ยน ด้วยฝีมือบุรุษผู้นี้อยู่ร่ำไป จางเสี่ยวหมิงจึงทำได้เพียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน จ้องหน้าสาปส่งเสียทุกครั้งยามพบเจอแต่แล้วในขณะที่ความเป็นอยู่ในใต้หล
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 21 ส่งข่าว

หลังจากที่ถูกนำตัวกลับมารักษาอาการบาดเจ็บที่สำนักหยางเจียน หยางหมิงเซ่อก็พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะลงไปนำร่างของจางเสี่ยวหมิง ขึ้นมาบนผืนดินนี้หลายต่อหลายครา ทว่าแม้จะกระทำเช่นไรเขาก็มิอาจลงไปจนสุดของหุบเหวนี้ได้เลยสักหนลงไปได้เพียงครึ่งทางไม่ใครก็ใครต้องถูกพิษหยินพุ่งเข้าทำร้าย แม้หยางหมิงเซ่อจะมิได้ระคายกับไอพิษเหล่านี้ ทว่ากลับถูกอาคมของจ้าวฉานเหริญที่ร่ายไว้ในอดีต พุ่งเข้าทำร้ายเสียทุกครั้งไป อาคมที่มีเพียงเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาผ่านเข้าไปได้จนกระทั่งห้าปีพ้นผ่าน ทิวาและราตรีมิอาจเปลี่ยนผัน ยังคงดำเนินวันและคืนเฉกเช่นทุกวัน จางเสี่ยวหมิงที่ร่วงลงไปในหุบเหว และถูกผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นบิดาของตนกลืนกินจิตวิญญาณไปเสียครึ่งหนึ่ง แลกกับความเจ็บปวดราวกับร่างจะแยกออกเป็นสองซีกอย่างทุกทรมานมาหลายขวบปี เดือนและตะวันมิอาจได้เห็นว่าเป็นเช่นไร ก่อนจะถูกเติมเต็มด้วยจิตวิญญาณของจ้าวฉานเหริญเข้ามาแทนที่เมื่อทุกอย่างจบสิ้นลง กระบี่สีดำเล่มหนึ่งก็พุ่งมาปักอยู่ข้างๆ กาย ก่อนมโนสำนึกจะแว่วเสียงของจ้าวฉานเหริญออกมา “มันเป็นของเจ้าแล้วใช้มันให้ดี” จากนั้นจางเสี่ยวหมิงก็หยัดกายยืนขึ้นอย่างอ่อนล้า ร่า
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 22 เข้าช่วยสกุลหลิว

หลังจากที่หม่านอิ่งอู๋ได้นำกระบี่กลับไป วันเวลาก็ล่วงเลยพ้นผ่าน พิธีเปิดญาณทิพย์จึงเสร็จสิ้นลง เจ้าสำนักและเหล่าผู้เกี่ยวข้อง ต่างพาก็กันเดินทางกลับไปยังสำนักของตน จะเหลือก็เพียงจ้าวเสี่ยวหมิงที่ยังพำนักอยู่ในสกุลหยาง ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าสำนักหยางเจียน หยางซิวอวี่ ได้ขอร้องไว้ ให้อยู่ช่วยกำราบปีศาจในคืนเดือนดับนี้อีกหนแม้ตนจะเอ่ยคัดค้านไปแล้วเดินทางกลับสกุลหลิว ก็ต้องไปเผชิญหน้ากับชูเจียหงในยามนี้ จ้าวเสี่ยวหมิงจึงคิดทวนอยู่หลายตลบว่าหากตนเองกลับไปยังสกุลหลิวแล้วเกิดอดรนทนไม่ไหว จนเผลอพลั้งมือทำสิ่งใดลงไป ตัวตนก็จะถูกล่วงรู้ในเร็ววัน และครานั้นก็อาจทำให้คนที่รายล้อมอยู่รอบข้าต้องลำบาก เรื่องที่จะต้องกลับสกุลหลิวในครานี้จึงหาใช่เรื่องที่ควรกระทำไม่จ้าวเสี่ยวหมิงจึงต้องตอบรับคำขอของหยางซิวอวี่ไม่บิดพลิ้ว และเมื่อถึงคราวเดือนดับในฤดูหมางจ้ง[1] มาเยือน จ้าวเสี่ยวหมิงและหยางหยุนเหลียงรวมไปถึงนักพรตอีกหลายชีวิต จำต้องเดินทางไปที่เมืองเสียนหยาง เพื่อไปยังหมู่บ้านพันโถวอีกหนแม้จะยังขัดข้องใจเรื่องในเรือนนอนนั่นอยู่ ทว่าจ้าวเสี่ยวหมิงเองก็ไม่อยากจะสืบความยาวสาวความยืดต่อ จึงได้ร่วมเดินทางไป
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 23 ชูเจียงหงสิ้นชีพ

ฤดูเซี่ยจือ[1] กำลังผ่านพ้นไป ภายในสำนักหลิวสุ่ยเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง เนื่องจากได้เหล่านักพรตทางสำนักหยางเจียนส่งมาช่วยเหลือ การฟื้นฟูภายในสำนักแห่งนี้จึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แม้จะยังอยู่ในช่วงฟื้นฟูสกุลเป็นเหตุให้มิได้หยุดพัก วันคืนล้วนต้องผลัดกันซ่อมแซมอาคารและดูแลเหล่าศิษย์ในสำนักที่ได้รับบาดเจ็บมา ทว่าเหล่านักพรตเหล่านั้นก็มิมีผู้ใดปริปากบ่นแม้เพียงครึ่งคำส่วนทางด้านหลิวซูหยวนอาการบาดเจ็บเริ่มดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังมิอาจฟื้นคืนสติกลับมา หลิวหลี่เฉวียนจึงมอบหน้าที่รักษาการณ์ให้หลิวห้าวเหลียงดูแลสำนักหลิวสุ่ยทางฝั่งตะวันตกแห่งนี้แทน และจะกลับไปหารือกับเหล่าผู้อาวุโสเรื่องการรวมสำนักหลิวสุ่ยทั้งสองฝั่งให้เป็นสำนักเดียวกันเสียด้วยเหตุที่ว่าหลิวหลี่เฉวียนมิอยากให้บุตรและหลานในไส้ของตน ต้องมาเผชิญกับเหล่าปีศาจเพียงลำพัง ยามตนได้ตรองอย่างถ้วนถี่ดูแล้ว ว่าการแยกสำนักวิชาเช่นนี้ ก็รังแต่จะให้คนดูแลสำนักมีเพียงหลิวซูหยวน ให้รับภาระหนักเพียงผู้เดียวซ้ำสำนักหลิวสุ่ยฝั่งตะวันตกแห่งนี้ ฝึกฝนเพียงนักพรตตบะฌานสูงสุดเพียงแค่ระดับสาม ส่วนผู้ที่ฝึกตบะฌานแก่กล้ากว่าล้วนถูกส่งมายังสำนักใหญ่ท
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 24 นั่นมันร่างของข้า

หลังจากค่ำคืนนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น หลิวเยี่ยเฟย ชูหลินเฝ่ยและไป๋หลิวก็อันตรธานหายไปจากสำนัก แม้ว่าหลิวห้าวเหลียงจะส่งคนไปค้นหาอย่างหนัก ทว่ากลับไร้ร่องรอยของพี่น้องร่วมบิดาตนในใจจึงอดคิดเป็นห่วงไม่ได้ว่าหลิวเยี่ยเฟยจะหลงเชื่อคำลวงของนางปีศาจจำแลงกาย แล้วไปสวามิภักดิ์ให้กับคนผู้นั้นอย่างโง่งม สามวันผ่านไปแล้ว แม้จะกระจายออกตามหา ถามไถ่คนเป็นแลคนตายก็ยังมิได้ข่าวคราว หลิวห้าวเหลียงจึงเลือกที่จะเข้าไปปรึกษาผู้เป็นอาจารย์ของตนถึงที่พำนัก เพื่อหารือว่าจะทำเช่นไรต่อไปทว่าในขณะที่กำลังหารือกันสองคนอยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย อยู่ด้านนอก หลิวห้าวเหลียงจึงหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วออกไปดูแต่ในขณะที่กำลังก้าวขาออกไป ไท่จูก็วิ่งสวนเข้ามา ใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือดฝาดเฉกเช่นทุกครั้ง ก่อนจะละล่ำละลักออกมาแทบไม่เป็นคำ “ยะ…แย่…ละ…แล้วขอรับ” ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกระหืดกระหอบถูกพ่นออกมา จากนั้นจึงเอ่ยต่อว่า “จอมมารฝูหมิงนำปีศาจจากวังมารบุกเข้ามาออกกันเต็มรอบสำนัก กำลังทำลายข่ายอาคมคุ้มภัยเข้ามาแล้วขอรับ”เป็นเหตุให้จ้าวเสี่ยวหมิง หยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วกำลังจะย่างเท้าออกไป ด้วยเหตุที่ว่าค่ายกลคุ้มภ
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 25 มิอาจปล่อยมือ

เสียงสะอื้นร่ำไห้เรียกให้หยางหยุนเหลียงต้องผินใบหน้าหันไปมอง ก็เห็นเพียงแต่ร่างของดรุณน้อยผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่เพียงลำพังท่ามกลางแสงจากดวงตะวันคล้อยต่ำลงมาของยามโหย่ว[1]หากได้มองดูดีๆ ก็พบว่าดรุณน้อยผู้นั้นคือตนเอง เมื่อตอนมีอายุย่างเข้าสิบสามขวบปี กำลังนั่งเหม่อมองท้องนภา แล้วบ่นพึมพำออกมาว่า “อยู่ตรงนั้นท่านจะเห็นท้องนภาแบบข้าบ้างหรือไม่” เอ่ยได้เพียงแค่นั้น ก็มีหยาดน้ำใสๆ ค่อยๆ ร่วงผล็อยลงมา เขาก้มมองฝ่ามือของตน ที่ประเดี๋ยวกำประเดี๋ยวคลาย แล้วจึงพึมพำเบาๆ ว่า “ที่ตรงนั้นจะหนาวไหม ท่านจะหาสิ่งใดมาห่มกาย” จากนั้นคำพูดต่างๆ ก็ถูกกลืนหายไปในลำคอได้เห็นเช่นนั้นหยางหยุนเหลียงก็พึงตระหนักได้ว่า ตนเองได้หลงเข้ามาในห้วงฝันเมื่อครั้งวัยเยาว์เข้าเสียแล้ว เขาจึงยืนมองภาพความฝันนี้อย่างเงียบเชียบ และปล่อยให้มันดำเนินไปหยางหยุนเหลียงในยามนี้ กำลังหวนคิดถึงใบหน้าของบุรุษหนุ่มผู้เป็นที่รักและนับถือสุดหัวใจ หลายปีมาแล้วที่จางเสี่ยวหมิงได้ร่วงหล่นลงไปในหุบมรณะ และไม่มีท่าทีเลยสักนิดว่าจะกู้ซากร่างไร้วิญญาณนั้นขึ้นมาได้ แม้หยางหมิงเซ่อผู้เป็นบิดาจะทำทุกวิถีทาง ก็มิอาจลงไปถึงก้นขอบได้แม้เพียงครั้ง
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 26 สวามิภัคดิ์

ท่ามกลางเมฆหมอกกรุยกราย บนยอดเขาหวงซานซึ่งเป็นที่ตั้งของวังมาร ชวนให้บรรยากาศในช่วงยามเฉิน[1] ดูคล้ายจะมืดครึ้ม ความมืดแผ่ปกคลุมทุกหย่อมหญ้ารวมไปถึงภายในอาคารสีขาวที่ตั้งตระหง่าน ดูคล้ายกำลังเดียวดาย ไร้สุ้มเสียงใดๆ ของผู้คน ไอหมอกขมุกขมัวแผ่ปกคลุมอยู่ทั่วไป จนแสงจากดวงตะวันมิอาจส่องถึง ชวนให้ผู้ที่พำนักล้วนรู้สึกอึดอัดเป็นทบทวี ราวกับอยู่ในห้วงนรกอเวจี ไร้ทางออกโดยสิ้นเชิงด้วยเหตุที่ว่าเหล่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในวังมารแห่งนี้ ต่างพากันถอยลี้หนีหาย มิกล้าแม้แต่จะย่างเท้าไปทางใด บ่าวรับใช้ต่างพากันหวาดผวาผู้เป็นนายจนมิกล้าแม้แต่จะสบตาเพราะตั้งแต่จอมมารฝูหมิงบุกไปโจมตีสกุลหลิวเมื่อหลายวันก่อน แล้วมิอาจชนะการสัประยุทธ์ในครานี้ จนต้องล่าถอยกลับมาตั้งหลักที่วังมารนี้อีกหนจอมมารฝูหมิงก็มีอารมณ์ฉุนเฉียว เที่ยวไล่สังหารบ่าวรับใช้ทุกครั้งเมื่อถูกขัดใจไม่ต่างกับเอานิ้วมือขยี้มดปลวกที่เดินเรียงแถวให้ตายอย่างอนาถแม้จะเกรงกลัว แต่หน้าที่ก็ต้องทำ บ่าวรับใช้หลายคนจึงมายืนหน้าประตูโถงใหญ่ มิกล้าแม้แต่จะแง้มบานประตูบัดนี้บริเวณบนโต๊ะไม้ภายในโถงใหญ่ ปรากฏร่างของบุรุษวัยกลางคน กำลังนั่งมองถ้วยชาบนโต๊
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 27 ชิดใกล้

หลังจากที่ตนวางเยวี่ยกวงเอาไว้ ก็ย่างเท้าออกจากเรือน ก่อนจะเดินโต๋เต๋ออกมาเยี่ยมชมเวิ้งฟ้ายามราตรีอีกหน ทว่าย่างเท้าออกมาได้ไม่ทันไร จ้าวเสี่ยวหมิงก็เห็นหลิวห้าวเหลียงกำลังเยื้องย่างเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดอยู่หลายส่วน เรียวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ในครานั้นเขาจึงผินใบหน้าหันไปมอง ผู้เป็นศิษย์ตน ก่อนจะเอ่ยออกมา “มีเหตุอันใดอีกรึอาเหลียง ถึงได้มาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้”หลิวห้าวเหลียงจึงเอ่ยตอบกลับไปว่า “ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับท่านน่ะขอรับ เรื่องของเจ้ารอง”ได้ยินเช่นนั้นจ้าวเสี่ยวหมิง จึงเหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างระวัง เขากวาดตามองไปมาเมื่อเห็นว่ามิมีผู้ใดอยู่ในละแวกใกล้ จากนั้นค่อยเอ่ยต่อ “คุยตรงนี้ข้าว่าคงไม่เหมาะ เราเข้าไปคุยกันด้านในเถิด” เอ่ยเพียงแค่นั้นจ้าวเสี่ยวหมิงก็เยื้องย่างกลับเข้าไปในเรือนตน กลิ่นเชื้อราในเรือนโทรมๆ ตีขึ้นจมูกเป็นระลอก จนต้องยกมือขึ้นมาถูปลายจมูกไปมา จ้าวเสี่ยวหมิงเยื้องย่างไปที่ตั่งไม้เก่าๆ แล้วยอบกายนั่งลงอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “เจ้ามีเรื่องกระไรจะหารือกับข้า”ยามได้ยินคำเอ่ยของผู้เป็นอาจารย์ตน หลิวห้าวเหลียงที่กำลังยกกาน้ำชา รินลงจอกถ้วยชาต
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 28 ปะทะ

หลังจากวันนั้นผ่านไปเพียงแค่สองวันหลิวเยี่ยเฟยก็มาขอเดินทางกลับไปยังสำนักหลิว เมื่อเห็นว่ามิมีส่วนใดเสียหาย หยางซิวอวี่ที่เพิ่งเดินทางกลับมา จึงอนุญาตให้กลับไปอย่างไร้ข้อกังขาใดๆ ด้วยความที่ว่าการบุกเข้ามาช่วงชิงกระบี่เยวี่ยกวงในวันนั้น มิมีผู้ใดปริปากบอกเจ้าสำนักหยางสักครึ่งคำ เมื่อหลิวเยี่ยเฟยเดินทางกลับไป วันเวลาก็ยังดำเนินต่อไปไม่มีหยุดพัก จากวันคือเปลี่ยนผันเป็นเดือน จากเดือนล่วงเลยเป็นแรมปี จ้าวเสี่ยวหมิงยังคงพำนักอยู่ที่สำนักหยางเจียนแห่งนี้ แม้จะมีผู้คนลอบเข้ามาแย่งชิงกระบี่ ก็จะถูกหยางซิวอวี่หรือหยางหยุนเหลียงไล่กลับไป โดยที่จ้าวเสี่ยวหมิงมิได้ออกแรงเสียเท่าไรจนกระทั่งสามปีพ้นผ่านไป ไร้ซึ่งผู้รุกรานใดๆ ย่างกรายเข้ามา แม้กระทั่งจอมมารฝูหมิงก็ยังมิยื่นมือเข้ามาช่วงชิงกระบี่คืนกลับไป ความสัมพันธ์ฉันท์สหายของหลิวมู่เหยียนและหยางหยุนเหลียงนั้นก็ยังคงดำเนินไปอย่างมิเป็นระเบียบ ดูคลายลิ้นกับฟันที่จะบังเอิญกระทบกันยามใด ย่อมมิอาจเลี่ยงการปะทะคารมเป็นครั้งคราวผ่านมาสามขวบปี ตบะฌานของหยางหยุนเหลียงก็ก้าวกระโดดไปไกลถึงระดับเจ็ด ไร้ซึ่งผู้ใดยากจะต่อกร ส่วนทางด้านจ้าวเสี่ยวหมิงนั้น ด
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more

บทที่ 29 หยินหยางประสานกาย

หยางหยุนเหลียงเหยียบเวหาก้าวทะยานไปยังทิศทางที่จ้าวเสี่ยวหมิงหนีไป นัยน์ตาสีดำสนิทกวาดมองไปมาจนทั่ว ภาพที่สะท้อนให้เห็นมีเพียงยอดไม้นานาพรรณ แผ่กิ่งก้านออกมาปกคลุมทั่วทั้งผืนป่าทว่าหากได้เพ่งมองดูอย่างถ้วนถี่ลึกลงไปถึงผืนแผ่นดิน ก็จะเห็นซากศพของนักพรตที่เพิ่งจะฝึกฝนระดับขั้นต้น ต้องมาสังเวยชีวิตให้กับเหล่าปีศาจจากวังมาร ทุกๆ ร่างต่างนอนแน่นิ่งไม่ไหวติ่งอย่างเดียวดาย มีเพียงผู้เหลือรอดค่อยๆ ออกตามหาร่างไร้ชีวิตของสหายตนเมื่อพบหนึ่งศพหยางหยุนเหลียงก็จุดพลุไฟบอกตำแหน่งเสียหนึ่งลูก ก่อนจะก้าวทะยานตามหาหลิวมู่เหยียนต่อไป เขาค้นหาทั้งผืนป่ากว้างใหญ่จนทั่ว แต่ก็ยังไม่เจอแม้เพียงเศษเส้นผมผ่านนานจนดวงตะวันคล้ายจะลาลับขอบฟ้า หิมะจึงค่อยๆ โปรยปรายลงมาอย่างบางเบา ในครานั้นเองสายตาของหยางหยุนเหลียงก็ไปสะดุดอยู่ตรงผาน้ำตก ที่มีไอเย็นแผ่ปกคลุมออกมา ด้วยเหตุที่เขาจำได้ว่าในยามเช้าตอนตนผ่านหนทางเส้นนี้มา น้ำตกสายนี้ยังไหลอย่างเอื่อยเฉื่อย มีไอความอบอุ่นคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา แม้จะเป็นยามช่วงต้นเหมันต์ฤดู ที่มีหิมะโปรยปรายลงมาปกคลุม ยังมิอาจแช่แข็งน้ำตกสายนี้ได้ทว่าในยามนี้กลับมีไอเย็นจัดแผ่ปกคลุมอยู่
last updateLast Updated : 2025-08-31
Read more
PREV
1234
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status