แผลเป็นของซาเนมิมีที่มาจากเหตุการณ์เมื่อเขายังเป็นเด็ก — เป็นภาพที่ติดตาและถูกเล่าเป็นแฟลชแบ็กใน 'ดาบพิฆาตอสูร' ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครอบครัวของเขาถูก
ปีศาจโจมตีจนแทบสูญสิ้น ช่วงนั้นไม่ได้เป็นแค่เหตุการณ์เดียวที่ทิ้งร่องรอยทางกาย แต่ยังทิ้งบาดแผลทางใจที่แปรออกมาเป็นความก้าวร้าวและอคติที่เขาพกติดตัวไปตลอดชีวิต ประสบการณ์เด็กคนนั้นอธิบายได้ดีว่าทำไมซาเนมิถึงมีรอยแผลเป็นทั่วร่างและแผลเด่นที่ทำให้ใบหน้าและลำตัวของเขาดูดุดันขึ้น — รอยแผลเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ริบหรี่ แต่เป็นผลมาจากการเอาตัวรอดและการต่อสู้ที่หนีไม่
พ้นในวัยรุ่น
ในมุมมองของคนที่ติดตามเรื่องราวนี้มาตั้งแต่ต้น รอยแผลของซาเนมิยังสะท้อนการเป็นนักรบที่ถูกศึกหล่อหลอม หลายครั้งมันถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ว่าชีวิตเขาถูกฉีกขาดและเย็บกลับเข้ามาใหม่ด้วยวิธีที่ไม่อ่อนโยน บทแฟลชแบ็กที่เล่าเหตุการณ์โจมตีบ้านเกิดของเขาทำให้เข้าใจได้ว่าแผลเป็นบางส่วนมาจากการถูกปีศาจกรีดทำร้ายโดยตรง ส่วนแผลอื่นๆสะสมมาจากการฝึกและการออกปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจล่าอสูร ซึ่งแต่ละแผลมักมีเรื่องเล่าเฉพาะตัว และเมื่อมองรวมกันมันกลายเป็นพจนานุกรมของชีวิตที่เขาไม่เคยเลือก
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนใจคือการที่แผลเป็นกลายเป็นเครื่องหมายของทั้งความสูญเสียและความเข้มแข็ง ตอนดูฉากแฟลชแบ็กแล้วรู้สึกว่ามันไม่ได้แค่แสดงความโหดร้าย แต่ยังให้เหตุผลกับท่าทีเย็นชาของซาเนมิต่อคนอื่น ๆ — แม้เขาจะดูแข็งกร้าว แต่ร่องรอยเหล่านั้นบอกเล่าอดีตที่บังคับให้เขาเป็นอย่างที่เห็น เราจึงเห็นแผลเป็นเป็นทั้งเครื่องเตือนและเป็นตราสัญลักษณ์ของการไม่
ยอมแพ้ ซึ่งด้วยเหตุนี้รอยแผลของเขาจึงมีความหมายมากกว่าระหว่างที่มันปรากฏบนหน้าจอหรือกระดาษ