ยิ่งพอเปิดหน้าแรกของ '
ดิน แดน ไร้เสียง วันที่หนึ่ง' ผมรู้สึกว่าตัวละครถูกวางไว้เป็นแกนกลางของโลกใบเงียบนี้อย่างตั้งใจมาก
ลิน คือจุดศูนย์กลางของเรื่อง หญิงสาวอายุราวยี่สิบที่ตื่นขึ้นมาในดินแดนซึ่งไม่มีเสียง เป็นคนที่นิ่งแต่สายตาพูดแทนคำพูดได้ เธอมีความอยากรู้อยากเห็นและความกล้าในการเสาะหาต้นตอของความเงียบในพื้นที่รอบตัว
ยอร์ เพื่อนร่วมทางของลิน เป็นชาย
แกร่งผู้มีอดีตเป็นปริศนา เขาพูดน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่การกระทำของเขาชัดเจนและปกป้องลินอย่างไม่ต้องอ้อนวอน บนหน้าแรกเขาปรากฏตัวมาในฉากที่ช่วยลิน
พ้นจากกับดักเงียบ ซึ่งทำให้เรารู้สึกถึงพันธะที่กำลังก่อตัว
ผู้เฒ่าอาราห์ ปราชญ์ท้องถิ่น ผู้ที่บอกเล่าความเชื่อต่อดินแดนนี้และเผยเบาะแสเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของ 'ดิน แดน ไร้เสียง' บทบาทของเขาคือสะพานเชื่อมระหว่างอดีตและปัจจุบัน ทำให้เรื่องมีมิติด้านความเชื่อและความหวัง
นอกจากนี้ยังมีตัวละครรองที่ส่งผลต่อทางอารมณ์ เช่น เด็กน้อยฮารู ผู้ที่แฝงความใสบริสุทธิ์
ท่ามกลางความเงียบ และเงาสีเงิน ตัวแทนของภัยคุกคามที่ไม่ต้องการคำพูดจึงแผ่ความน่ากลัวผ่านรูปลักษณ์และการเคลื่อนไหว ที่ชอบมากคือการใช้ภาพและท่าทางเป็นภาษาสื่อสารแทนบทสนทนา ทำให้นึกถึงความเงียบที่ล้อมรอบตัวละครในบางฉากของ 'Mushishi' แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเข้มข้นเป็นของตัวเอง
ฉากเปิดตอน 'วันที่หนึ่ง' จึงไม่ได้แค่แนะนำชื่อคน แต่แสดงให้เห็นลักษณะนิสัย ความสัมพันธ์ตั้งต้น และแรงขับเคลื่อนของพวกเขาไปพร้อมกัน ตอนที่ลินกับยอร์ยืนเผชิญเงาสีเงินนั้น เป็นโมเมนต์ที่ทำให้เข้าใจทันทีว่านี่ไม่ใช่แค่การผจญภัยธรรมดา แต่เป็นการต่อสู้เพื่อเรียกคืนบางสิ่งที่หายไปจากโลก เมื่อลงลึก ผมยิ่งชื่นชมการเขียนตัวละครที่ใช้การกระทำและสายตาเป็นหลัก มากกว่าบทพูด ซึ่งทำให้การอ่านมีทั้งความหวาดระแวง โรแมนซ์เล็ก ๆ และความลี้ลับผสมกันอย่างลงตัว