พูดตามตรง การที่พระเอกในนิยายรักออดอ้อนคนอ่านมันไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่มาจากความตั้งใจของผู้เขียนและกลไกทางอารมณ์ที่ทำงานร่วมกันได้ดีมาก โน้มน้าวให้เรารู้สึกว่าตัวละครกำลังสื่อสารกับเราโดยตรง ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความใกล้ชิดอย่างแรง ไม่มีอะไรเทียบกับการถูกมองเห็นและยืนยันความรู้สึกจากตัวละครที่เราหลงรัก ฉันมักคิดว่าพระเอกที่พูดจาอ่อนโยน อ่อนโยนจนเกินจริง หรือแสดงความห่วงใยแบบเกินหน้าเกินตา มันเป็นเหมือนการมอบความอบอุ่นแบบทันทีให้ผู้อ่าน — เป็นการเติมเต็มความต้องการด้านอารมณ์แบบรวดเร็วและชัดเจน
หนึ่งในเหตุผลเชิงโครงสร้างก็คือการสร้างจุดยึดให้เรื่องราว มีการแบ่งมุมมองเพื่อให้ผู้อ่านรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความสัมพันธ์ การพูดจาออดอ้อนสามารถทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตัวละครกับผู้อ่านได้โดยตรง ตัวอย่างที่เด่นชัดคือในนิยายรักแนวโรมานซ์สมัยใหม่และเกมรัก (otome) ที่ตัวเอกฝ่ายชายมักถูกเขียนให้มีบทสนทนาโดยตรงหรือมีมุมมองบุคคลที่หนึ่ง ทำให้ผู้เล่น/ผู้อ่านรู้สึกว่าเขากำลังคุยกับเรา คนเขียนใช้เทคนิคนี้เพื่อกระตุ้นความผูกพันและทำให้ผู้อ่านลงทุนทางอารมณ์ได้เร็วขึ้น
อีกมุมหนึ่งเป็นเรื่องของจินตนาการและการเติมเต็มความฝัน หลายคนอ่านนิยายรักเพื่อหนีจากความจริงหรือหา 'ความปลอดภัย' ทางอารมณ์ พระเอกที่ออดอ้อนจึงเป็นตัวแทนของความสัมพันธ์ในฝัน — เขาอาจเป็นแบบปกป้อง อ่อนโยน เอาใจ หรือแม้แต่มีความลึกลับ
เร้าใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงกับรูปแบบความต้องการของผู้อ่านได้มากกว่าคนจริง ๆ ที่มีข้อจำกัด ทำให้การออดอ้อนนั้นกลายเป็นเครื่องมือในการขายความเป็นไปได้และความสบายใจมากกว่าความสมจริงเสมอไป ฉันชอบสังเกตว่าผลงานที่สร้างตัวละครแบบนี้มักจะทำให้ผู้อ่านกลับมาอ่านซ้ำ เพราะความรู้สึก 'ถูกรัก' นั้นติดตรึง
ท้ายที่สุด การออดอ้อนยังสะท้อนถึงบริบททางวัฒนธรรมและรสนิยมของกลุ่มผู้อ่านด้วย บางสังคมชอบฉากความหวานแบบหวือหวา บางที่ชอบความเงียบขรึมแต่แฝงด้วยความเอาใจใส่ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็เป็นภาษาหนึ่งของความรักที่ใช้กระตุ้นอารมณ์และสร้างความผูกพันให้คนอ่านรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษเสมอ ฉันเองมักยอมแพ้ให้กับสายตาและคำพูดเรียบง่ายที่ดูเจ็บปวดแต่นุ่มลึก — น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมยังเก็บหนังสือหรือฉากที่พระเอกออดอ้อนเอาไว้เสมอ มันอบอุ่นดีในแบบที่ไม่อาจหาได้จากชีวิตจริงเสมอ