นี่คือรายชื่อทีมหลักของ 'Mission: Impossible 7' ที่ฉันอยากเล่าให้ฟังแบบชัดๆ ก่อนอื่นต้องบอกว่าภาคนี้เขารวมเอานักแสดงชุดเดิมที่แฟนๆ คุ้นเคยกับ
สมาชิกใหม่ที่เพิ่มความเข้มข้นให้โลกของอีธาน ฮันท์ รายชื่อหลักที่โดดเด่นได้แก่ Tom Cruise รับบท Ethan Hunt, Hayley Atwell รับบท Grace, Ving Rhames ในบท Luther Stickell, Simon Pegg เป็น Benji Dunn, Rebecca Ferguson กลับมาในบท Ilsa Faust, Vanessa Kirby ในบท Alanna Mitsopolis หรือที่รู้จักกันในชื่อ The White Widow, Henry Czerny กลับมาเป็น Eugene Kittridge และ Esai Morales ในบทตัวร้าย
คนสำคัญของเรื่อง นี่คือแกนหลักที่ผลักดันเรื่องราวให้ตื่นเต้นและผสมทั้งความดราม่า แอ็กชัน และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครได้ลงตัว
การเห็นนักแสดงหน้าเก่าอย่าง Ving Rhames และ Simon Pegg กลับมาให้ความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคง เพราะทั้งคู่เป็นเหมือนแกนที่คอยบาลานซ์ความบ้าพลังของ Tom Cruise ส่วน Rebecca Ferguson ยังคงให้ความลึกลับและมิติที่ซับซ้อนกับการ์เดียนสไตล์ปฏิบัติการ ทางฝั่ง Hayley Atwell ในบท Grace ถูกวางให้เป็นตัวละครสำคัญที่มีบทบาททั้งเชิงปฏิบัติการและความสัมพันธ์กับฮีโร่ ส่วน Vanessa Kirby เป็นเสมือนแม่เหล็กที่ดึงความสนใจในทุกฉากที่ปรากฏ Henry Czerny นำเสนอบทละครเก่าแก่ของซีรีส์แบบมีชั้นเชิง ทำให้แฟนเก่าได้สัมผัสความต่อเนื่องของจักรวาลนี้ ขณะที่ Esai Morales เติมความคมเข้มให้กับตัวร้าย ซึ่งทำให้เกมทางจิตและการตามล่าในเรื่องมีความตึงเครียดยิ่งขึ้น
นอกจากตัวละครหลักแล้ว ภาคนี้ยังมีนักแสดงสมทบและการปรากฏตัวของผู้ร่วมทีมหลายคนที่ช่วยขยายจักรวาลของ 'Mission: Impossible' ให้กว้างขึ้น แม้ฉากแอ็กชันของ Tom จะเป็นจุดขายที่ชัดเจน แต่การที่ทีมงานนักแสดงสามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์ ความไว้ใจ และความขัดแย้งระหว่างตัวละครได้ดี ทำให้ฉากนอกเหนือจากการไล่ล่าหรือสตันต์มีความหมายมากขึ้น ฉันชอบที่หนังยังคงรักษาโทนของซีรีส์ไว้อย่างสมดุล ไม่ทิ้งมุกเบาๆ ของ Benji และไม่ละทิ้งความดราม่าลึกซึ้งของ Dannic ในบางฉาก (ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเวทีของอีธาน) ซึ่งช่วยให้การดูทั้งเรื่องมีมิติและอารมณ์หลากหลาย
รวมความแล้ว ทีมนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความคลาสสิกและการเติมคนใหม่เพื่อขับเคลื่อนเรื่องไปข้างหน้า ฉันตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้เห็นว่าแต่ละคนจะถูกใช้ประโยชน์อย่างไรทั้งในแง่บทและฉากแอ็กชัน และรู้สึกว่าการมีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ในทีมทำให้ 'Mission: Impossible 7' มีทั้งความคุ้นเคยและความสดใหม่พร้อมกัน ซึ่งมันทำให้การนั่งชมเต็มไปด้วยความคาดหวังและความพอใจในเวลาเดียวกัน