ฉันมองการเปลี่ยนแปลงของ '
นิราชาบู' เป็นการเดินทางที่ค่อยๆ เปิดเปลือกความเป็นคนออกมาทีละชั้น โดยเริ่มจากความมั่นใจปนเย็นชาที่เหมือนเป็นเกราะป้องกันตัวเอง
ช่วงแรกเขาดูเหมือนมีเป้าหมายชัดเจนและไม่ยอมให้ความอ่อนแอรบกวนการตัดสินใจ แต่เมื่อเรื่องราวลึกขึ้น เหตุการณ์สะเทือนใจและการสูญเสียทำให้เกราะนั้นร้าว—ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอ แต่เพราะโลกบังคับให้เขาต้องเลือกระหว่างอำนาจกับความสัมพันธ์ที่สำคัญ
เสน่ห์ของพัฒนาการคือตรงที่มันไม่ใช่การเปลี่ยนจากคนร้ายเป็นคนดีอย่างฉาบฉวย แต่เป็นการไล่เรียงความเข้าใจในตัวเอง เขาเรียนรู้ว่าการยอมรับความผิดพลาดและการขอความช่วยเหลือเป็นการแสดงความเข้มแข็งรูปแบบหนึ่ง ฉากที่เขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่เคยไว้ใจแล้วพบกับการทรยศ เป็นจุดที่เราเห็นทั้งความโกรธ ความเจ็บปวด และการตัดสินใจจะไม่ปล่อยให้แผลนั้นนิยามตัวตนทั้งหมดของเขา
ถ้าเปรียบกับงานแนวเดียวกัน เช่น 'Fullmetal Alchemist' ที่ตัวเอกได้เรียนรู้ราคาของการละเล่นกับกฎของโลก 'นิราชาบู' ก็เดินเส้นทางคล้ายกันแต่เน้นเรื่องความสัมพันธ์เชิงสังคมและการไถ่ถอนในระดับจิตใจ ผลลัพธ์คือบุคลิกที่ซับซ้อนขึ้น—ไม่เรียบง่าย แต่น่าเชื่อถือและยังคงมีความเปราะบางที่ทำให้เราเอาใจช่วยได้จนจบเรื่อง