แฟนวรรณกรรมเก่าๆ อย่างฉันมักจะกลับไปหาเรื่องของผู้เขียนที่เปลี่ยนแปลงทิศทางนิยายวิทยาศาสตร์ และ H. G. Wells คือชื่อแรกๆ ที่ผุดขึ้นเสมอ ชื่อเต็มคือ Herbert George Wells เกิดเมื่อปี 1866 ในเมืองบรมลีย์ (Bromley) ประเทศอังกฤษ เขามาจากครอบครัวชนชั้นกลางที่มีความลำบากด้านการเงินในวัยเด็ก แต่ความอยากรู้อยากเห็นและโอกาสทางการศึกษาเปิดทางให้เขาได้เรียนวิทยาศาสตร์ที่ Royal College of Science ซึ่งได้รับอิทธิพลจากนักชีววิทยาชื่อดังอย่าง T. H. Huxley งานศึกษาด้านวิทยาศาสตร์นี่เองที่ทำให้ข้อความทางนิยายของเขามีพื้นฐานความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ แม้จะผสมกับจินตนาการอย่างหนักหน่วงก็ตาม
ผลงานที่ทำให้ชื่อของ Wells ติดตรึงในประวัติศาสตร์วรรณกรรมได้แก่ 'The Time Machine' (ตีพิมพ์ 1895) ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องเดินทางข้ามเวลา แต่ยังเป็นการสะท้อนปัญหาแบ่งชนชั้นผ่านภาพของ Eloi และ Morlocks ตามมาด้วยนิยายเด่นอื่นๆ ที่กลายเป็นคลาสสิกอย่าง 'The Island of Doctor Moreau' (1896), 'The Invisible Man' (1897), และ 'The War of the Worlds' (1898) แต่ผลงานของเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงนิยายแนวล้ำหน้าเท่านั้น ในบรรดางานเขียนยังมีนิยายวิทยาศาสตร์เชิงความคิดอย่าง 'A Modern
utopia' รวมถึงงานสารคดีและประวัติศาสตร์อย่าง 'The Outline of History' (1920) และ 'A Short History of the World' (1922) ที่แสดงถึงมุมมองกว้างไกลของเขาต่อสังคมและมนุษยชาติ
มุมมองทางการเมืองและสังคมเป็นแกนสำคัญในงานของ Wells เขามีแนวคิดสังคมนิยมและมักใช้นิยายเป็นเวทีวิพากษ์ระบบสังคม ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงผลกระทบของเทคโนโลยีต่อชีวิตมนุษย์ เหตุนี้งานของเขาจึงมีความหลากหลายทั้งในเชิงบันเทิงและเชิงความคิด นอกจากนี้ Wells ยังเขียนเรื่องสั้น บทความ และบทละครอีกจำนวนมาก ทำให้เขาเป็นนักเขียนที่อุดมไปด้วยผลงานทั่วทั้ง
ศตวรรษที่ 19-20 ผลงานหลายชิ้นถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ละคร และสื่ออื่นๆ ส่งอิทธิพลต่อผู้สร้างสรรค์ยุคหลังมากมาย ทั้งนักเขียนและผู้กำกับที่ยกย่องเขาเป็นบรรพบุรุษนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์เชิงสังคม
ส่วนตัวแล้วการอ่าน 'The Time Machine' และผลงานอื่นๆ ของ Wells ทำให้ฉันหลงใหลในวิธีที่เขาเอานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์มาสร้างเป็นกรณีศึกษาทางศีลธรรมและสังคม เรื่องราวของเขาไม่เคยล้าสมัยเพราะยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคต ความไม่เท่าเทียม และการใช้วิทยาศาสตร์เพื่อมนุษยธรรม เมื่อคิดถึงการวางโครงเรื่องที่เรียบง่ายแต่หนักแน่นด้วยความหมาย ก็ต้องยอมรับว่า Wells มีความสามารถพิเศษในการทำให้ไอเดียใหญ่กลายเป็นเรื่องที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ — นี่แหละเหตุผลว่าทำไมชื่อของเขายังไม่จางหายไปจากชั้นวรรณกรรมของฉัน