จังหวะของประโยคเปรียบเสมือนดนตรีที่ฉันแต่งเองได้
ฉันมักเริ่มจากการฟังจังหวะก่อนจะเขียน — อ่านประโยคออกเสียงในใจเพื่อจับจังหวะลมหายใจและการหยุดพัก แล้วปรับความยาวประโยคให้สอดคล้องกับอารมณ์ที่ต้องการสื่อ ยกตัวอย่างฉากหนึ่งที่ทำให้ฉันเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจนคือฉากการเขียนจดหมายใน 'Violet Evergarden' ที่คำสั้นๆ บางคำถูกวางให้
เปล่งเสียงเหมือนการถอนหายใจ ขณะที่ประโยคยาวๆ จะค่อยๆ คลี่ไปเหมือนกระแสน้ำ การผสมประโยคสั้นและยาวทำให้จังหวะไม่แข็งกระด้างและไม่เรียบจนหลับ อ่านแล้วรู้สึกมีการเคลื่อนไหว
เทคนิคที่ใช้ได้จริงคือการเล่นกับเครื่องหมายวรรคตอน การใส่วรรคเล็กๆ หรือวงเล็บช่วยให้ผู้อ่านมีเวลาหยุดคิด เช่น การใช้เว้นวรรคแทนลูกน้ำในบางจังหวะ หรือใช้ข้อกั้นอย่างยาวในบางครั้งเพื่อสร้างความหนักแน่น อีกอย่างที่ฉันใส่ใจคือคำกริยาที่กระชับและภาพพจน์ที่ชัด เจาะจงคำคุณศัพท์ที่คัดแล้วคัดอีกเพราะคำฟุ่มเฟือยมักทำให้จังหวะสะดุด
สุดท้ายแล้วฉันมักอ่านออกเสียงซ้ำหลายครั้งหรือขีดเส้นใต้ประโยคที่รู้สึกว่า 'สะดุด' จังหวะของประโยคดีๆ ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าข้อความหายใจได้ และนั่นแหละคือความพอใจเล็กๆ ของฉันเวลาที่บทบรรยายไหลลื่นจนแทบไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังอ่าน