เพลงที่แฟนๆ มักจะนึกถึงเป็นอันดับแรกคือเพลงเปิดของอนิเมะ นั่นคือ 'Kaikai Kitan' ของ Eve ซึ่งติดหูและกลายเป็นหนึ่งในซาวด์แทร็กที่คนเชื่อมโยงกับภาพลักษณ์ของ '
มหาเวทย์ผนึกมาร' มากที่สุด อยู่ในความทรงจำของคนดูเพราะเมโลดี้และจังหวะที่พุ่งขึ้นมาให้ความรู้สึกตื่นเต้น เหมาะกับฉากเปิดตัวตัวละครหรือช่วงที่บรรยากาศกลายเป็นการปะทะสุดเดือด นอกจากนั้นเพลงปิดอย่าง 'Lost in Paradise' ของ ALI feat. AKLO ก็มีบทบาทสำคัญในการถ่วงจังหวะความรู้สึกหลังจากฉากหนักๆ ทำให้ตอนหนึ่งๆ ลงท้ายอย่างค้างคาและมีอารมณ์คงอยู่ในใจคนดูไปอีกนาน
นอกเหนือจากเพลงเปิดและปิดแล้ว ฉากสำคัญภายในตอนมักถูกยกระดับด้วยเพลงประกอบฉบับออริจินัล (OST) ที่แต่งขึ้นสำหรับซีรีส์ เพลงพวกนี้ไม่ได้โดดเด่นเหมือนเพลงเปิด แต่ทำหน้าที่เสริมอารมณ์อย่างหนัก เช่นธีมที่ดุดันและใช้เครื่องดนตรีบาดลึกเมื่อเป็นฉากต่อสู้ หรือธีมที่เงียบ ซับซ้อน พร้อมซินธ์หรือไวโอลินเบาๆ ในฉากที่ต้องการความเศร้าและการสะท้อน พวกนี้แหละที่ทำให้ฉากจุดไคลแม็กซ์หลายฉากมีพลังขึ้น ไม่ใช่แค่ภาพแอ็คชัน แต่รวมทั้งการเล่าเรื่องผ่านดนตรีที่เชื่อมโยงกับความทรงจำของตัวละคร
มุมมองของฉันคือความยอดเยี่ยมของเพลงใน 'มหาเวทย์ผนึกมาร' อยู่ตรงการผสมผสานระหว่างเพลงป๊อปและเพลงประกอบแบบออเคสตราอย่างลงตัว ทำให้ฉากที่จำเป็นต้องให้คนดูรู้สึกว่ามัน 'ใหญ่มาก' หรือ 'หนักมาก' ทำได้อย่างน่าเชื่อถือ ตัวอย่างเช่นฉากโชว์พลังของตัวละครหลัก เมื่อจังหวะและคอร์ดเปลี่ยนไป เพลงประกอบจะทำหน้าที่เหมือนตัวนำทางความรู้สึก ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น กลัว หรือเศร้าไปพร้อมๆ กัน นั่นสื่อว่าผู้สร้างตั้งใจใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือเล่าเรื่องไม่ได้แค่ฉาบฉวย
โดยรวมแล้วคำตอบสั้นๆ ก็คือเพลงเปิด 'Kaikai Kitan' และเพลงปิด 'Lost in Paradise' คือสองเพลงที่คนมักนึกถึงเมื่อพูดถึงฉากสำคัญของเรื่อง แต่ถาจะพูดถึงความทรงพลังเชิงอารมณ์จริงๆ ต้องให้เครดิตกับ OST ภายในตอนที่ถูกออกแบบมาเพื่อฉากนั้นๆ โดยเฉพาะ ฉันยังรู้สึกว่าดนตรีของซีรีส์ช่วยเชื่อมโยงเราเข้ากับตัวละครได้ลึก และบางทีก็ทำให้ฉากหนึ่งฉากกลายเป็นโมเมนต์ที่ไม่มีวันลืม