แฟนทฤษฎีเกี่ยวกับ My S-Class Hunters มีข้อไหนน่าติดตาม?

ตื่นเต้นกับทฤษฎีแฟนๆ รอบ 'my s-class hunters' มากเพราะมันเต็มไปด้วยปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คนอ่านชอบขุดกันจนเป็นลูกโซ่

ฉันมองว่าทฤษฎีที่น่าติดตามที่สุดคือไอเดียที่ว่าเบื้องหลังความสามารถของตัวเอกมีที่มาจากองค์กรหรือสิ่งมีชีวิตระดับโบราณมากกว่าการฝึกฝนธรรมดา — ทฤษฎีนี้เติมช่องว่างของฉากแปลก ๆ ที่บางครั้งปรากฏขึ้นแบบไม่อธิบาย ทำให้การกระทำบางอย่างของตัวละครดูมีน้ำหนักขึ้น เพราะมันเชื่อมกับเครือข่ายข้อมูลลับหรือพลังพิเศษที่ถูกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะช่วงที่มีการเปิดเผยสกิลใหม่แล้วไม่มีต้นตอชัดเจน ทำให้นึกถึงการเปิดเผยพลังแบบทำให้คนอ่านต้องย้อนกลับไปอ่านซ้ำเหมือนใน 'Solo Leveling' แต่ในแง่นี้ 'my s-class hunters' เล่นกับความลึกลับได้ละเอียดกว่า

มุมมองที่สองที่ชอบเป็นการผสมปริศนานี้เข้ากับการเมืองของกลุ่มนักล่า — ทฤษฎีว่าเผ่าพันธุ์หรือองค์กรต่าง ๆ กำลังคุมข้อมูลไว้เพื่อรักษาสมดุลของอำนาจ ถ้าทฤษฎีนี้เป็นจริงฉากการนอกแถลงการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเป็นอาวุธหลักในการเล่าเรื่อง ทำให้ทุกบทสนทนาที่ดูธรรมดาซ่อนความหมายเชิงกลยุทธ์ไว้มากมาย เท่าที่เห็น แฟน ๆ พากันสังเกตสัญญาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบทบรรยายและใช้มันประกอบทฤษฎี จนบางครั้งการอ่านทฤษฎีแฟนๆ ดึงมิติใหม่ ๆ ของเรื่องออกมาได้จนอยากอ่านซ้ำอีกหลายรอบ

ความคิดที่เล็กแต่ชวนติดตามอีกอย่างคือความเป็นไปได้ที่ฉากต่อสู้บางฉากมีผลพ่วงในระดับจักรวาลมากกว่าที่เห็นครั้งแรก

ผมชอบทฤษฎีที่บอกว่าเหตุการณ์เล็ก ๆ เช่นการใช้สกิลสุดท้ายหรือการแลกเปลี่ยนคำพูดสำคัญ ได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างในโลก ทำให้เกิดผลลัพธ์ตามมาทีละน้อย ๆ — ทฤษฎีแบบนี้ช่วยเติมพลังให้ฉากที่ดูเหมือนจบไปแล้วกลับมามีความหมายใหม่ เพราะมันเชื่อมกับเหตุการณ์ในอนาคต เช่นเดียวกับการเล่าเรื่องชั้นเชิงใน 'Tower of God' ที่บางครั้งการกระทำของตัวละครหนึ่งคนส่งผลต่อระดับและโครงสร้างของโลกโดยรวม

ชอบที่ทฤษฎีนี้กระตุ้นให้มองซ้ำทุกการกระทำและคำพูด แม้บางทฤษฎีจะดูห่างไกล แต่การจับจุดเล็ก ๆ แล้วขยายความทำให้การอ่านสนุกขึ้นและรู้สึกว่าทุกบรรทัดมีคุณค่า — นั่นแหละคือเหตุผลที่ยังคอยติดตามว่าทฤษฎีไหนจะกลายเป็นจริง และทฤษฎีไหนจะทำให้เราเปลี่ยนมุมมองเรื่องราวไปเลย

พอจะพูดตรง ๆ ว่าทฤษฎีที่ชวนให้ตามต่ออีกแบบคือการคาดเดาอนาคตของตัวละครรองหลายคน ซึ่งสะท้อนถึงวิธีเล่าเรื่องที่ไม่ยึดติดกับตัวเอกคนเดียว

เราเห็นแฟน ๆ เสนอว่าเส้นเรื่องรองบางเส้นจะกลายเป็นแกนหลักในภายหลัง เพราะผู้แต่งเตรียมเมล็ดเรื่องไว้ตั้งแต่ต้น ทฤษฎีนี้น่าสนใจเพราะเปลี่ยนการอ่านจากการหาเบาะแสเป็นการจับสัญญาณอารมณ์และการเปลี่ยนแปลงของตัวละครรอง เช่น บทพูดสั้น ๆ หรือการตัดฉากที่ดูขัดแย้ง จะกลายเป็นฟุตเทจสำคัญของการเติบโตในอนาคต

สิ่งที่ทำให้ทฤษฎีนี้สมเหตุสมผลคือวิธีที่เรื่องสอดแทรกรายละเอียดเล็ก ๆ ลงไป คล้าย ๆ กับการวางปมในงานนิยายแฟนตาซีแนวการเติบโตอย่าง 'omniscient reader' ซึ่งมักใช้ตัวละครรองเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดการพลิกผัน นั่นทำให้การเดาทางและการจับคู่เบาะแสเป็นกิจกรรมที่สนุก — แม้บางทฤษฎีจะไม่เป็นไปตามที่คาด แต่กระบวนการถกเถียงและเชื่อมโยงกันเองนั้นทำให้ชุมชนคนอ่านคึกคักและเปิดมุมมองใหม่ ๆ เสมอ