ตัวละคร '
ซูซี' ในซีรีส์ล่าสุดปรากฏตัวเป็นคนที่โลกภายนอกมองว่าเป็นแค่ 'คนธรรมดา' แต่ฉันกลับมองเธอเป็นแกนกลางของเรื่องราวทั้งมวล เธอมีภูมิหลังเป็นคนที่เคยผ่านความสูญเสียหนัก ๆ มาก่อน ทำให้พฤติกรรมของเธอทั้งนุ่มนวลและแข็งกร้าวในเวลาเดียวกัน ฉากที่เธอนั่งคุยกับตัวเอกในคาเฟ่กลางเรื่องคือช็อตที่ทำให้ฉันหยุดดูแล้วคิดตามนาน ๆ — ไม่ใช่เพราะบทพูดเรียบ ๆ แต่เพราะการแสดงออกทางสายตาและจังหวะการหายใจที่สื่อความยืดเยื้อของอดีต
ฉันชอบว่าวิถีการทำงานของเธอไม่ได้อยู่ในกรอบฮีโร่หรือวายร้าย เธอทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างตัวละครหลักสองฝั่ง: คอยประสานข้อมูล ซักถามความจริง และบางครั้งก็ดันคนอื่นให้ออกจากมุมที่ติดอยู่ การตัดสินใจที่เธอทำมักจะมาจากความเห็นอกเห็นใจและความระมัดระวัง ซึ่งช่วยสร้างความตึงเครียดแบบละเอียดอ่อน มากกว่าฉากแอ็กชันมาเต็มแบบที่เห็นในซีรีส์อย่าง 'Breaking Bad' ฉากที่เธอเลือกที่จะไม่บอกความจริงเต็ม ๆ กลับเป็นช่วงเวลาที่แสดงให้เห็นความซับซ้อนด้านศีลธรรมได้ดี
ท้ายสุดแล้วบทบาทของเธอทำหน้าที่เหมือนเข็มทิศจริยธรรมที่ค่อย ๆ หมุนเปลี่ยนทิศทางเรื่องราว ถ้าจะเปรียบเทียบสั้น ๆ ความเป็นมนุษย์ที่แฝงอยู่ในตัวเธอทำให้ฉันรู้สึกว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบที่ชัดเจนเสมอไป แต่มากกว่าจะเชิญชวนให้คนดูมานั่งคิดกับเธอไปด้วยกัน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนสุดท้ายที่เกี่ยวกับ 'ซูซี' ถึงทิ้งร่องรอยอารมณ์ไว้กับฉันนานพอสมควร