Ep.2
100+ Million ฿
“คุณคือใครกัน และมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในบ้านฉัน” ฉันถามเขาด้วยเสียงสั่น ๆ และถอยหลังอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เช็กของมีค่าทั้งหมดแล้วครับนาย ทรัพย์สินในบ้านรวมได้เกือบห้าล้านบาท ไม่รวมตัวบ้าน ไม่รวมที่ดิน และก็รถครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาโค้งให้ผู้ชายคนนี้ ก่อนจะอ่านสมุดโน้ตในมือของตัวเอง
“หนี้มันตั้งร้อยกว่าล้าน แค่ทรัพย์สินโง่ ๆ ห้าล้านถึงสิบล้าน มันคงไม่พอกับที่บริษัทของฉันเสียไปหรอก!!!” ผู้ชายตรงหน้าพูดด้วยแววตาเหยียด ๆ และใบหน้าที่นิ่งแข็งราวรูปปั้น
“นี่พวกคุณทำอะไรกันอะ ...มีสิทธิ์อะไรเข้ามาที่บ้านฉัน และยัง...” ฉันมองไปรอบ ๆ อย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาเดินชนไหล่ของฉันออกไปอย่างไม่คิดจะแนะนำตัว หรือบอกอะไรเลย
“เดี๋ยวสิ นี่มันอะไรกันอะ อย่างน้อยคุณควรอธิบายให้ฉันรับรู้ และพ่อฉันไปทำอะไรให้” ฉันหันไปขึ้นเสียงถามคนตรงหน้าอย่างหมดความอดทน เพราะว่าอย่างน้อยเขาควรจะบอกอะไรกับฉันบ้าง เขาหันหน้ามามองฉันอย่างนิ่ง ๆ
“ข้อแรกก็คือ ที่นี่ไม่ใช่บ้านของเธออีกต่อไป” เขาตอบอย่างปัด ๆ
ฉันแต่ได้ยืนมองหน้าของหมอนั่นอย่างช็อก ๆ และไม่เข้าใจ
“ข้อสอง พ่อเธอโกงบริษัทของฉัน ยักยอกเงิน เปิดเผยความลับของบริษัท รวม ๆ แล้ว เงินที่เขาต้องจ่ายคืนก็แค่ร้อยล้านกว่าบาทเท่านั้นเอง” เขาตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่เรียบนิ่ง
“ร้อยล้าน????” ฉันแทบทรุดเมื่อรู้ถึงจำนวนเงินนั่น
ฟุบบบ
หมอนั่นโยนเอกสารฟ้องร้องและหมายศาลต่าง ๆ ลงกับพื้นอย่างไร้มารยาทที่สุด
“สาบาน ว่าเธอไม่รู้เรื่องนี้” เขาเลิกคิ้วถามฉัน ก่อนจะพ่นลมหายใจ
ฉันส่ายหน้าและหยิบเอกสารทั้งหมดขึ้นมาอ่านทีละใบ ด้วยจิตใจที่แทบแหลกสลาย
“ส่งลูกสาวคนโตเรียนต่างประเทศ ลูกคนเล็กเรียนอินเตอร์ ขับรถโก้หรู บ้านราคายี่สิบล้าน รถ
ของใช้ดี ๆ แพง ๆ เงินทั้งหมดก็คือเงินที่พ่อเธอ ตั้งใจโกงฉันมาไง?? ไม่รู้เลยสักนิดเหรอ???” เขาพูดเน้นย้ำและกดเสียงแข็ง แววตานั่นจ้องมาที่ฉันอย่างเกลียดชัง
“มันไม่จริง พ่อฉันไม่ได้ทำแบบนั้น” ฉันส่ายหน้าและมองเอกสารเหล่านั้นอย่างไม่มั่นใจ
“มันไม่จริงอะ” ฉันพูดกับตัวเองอย่างรับไม่ได้
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อถามว่าจริงหรือไม่จริง แต่ฉันมาที่นี่เพื่อทวงหนี้ หนี้ที่สูงถึงหนึ่งร้อยกว่าล้าน ที่พ่อเธอโกงฉันไป” เขาก้มหน้าลงมาใกล้ ๆ และพูดเน้นย้ำกับฉัน
ฉันเงยหน้าสบตาคนตรงหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ฉันต้องการมันคืน ทั้งหมด ทุกบาท ทุกสตางค์” เขาเอื้อมมือมาบีบที่ไหล่ของฉันและจ้องตาของฉันจนเป็นฉันเองที่หลบสายตาคู่นั้น
“นายครับ เราเจอตัวภรรยากับลูกสาวคนเล็กของไอ้พสุธแล้วครับ” หนึ่งในลูกน้องอีกคนของผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาบอกเขาทันที
“จับตัวมา ทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ” เขาตอบกลับไปนิ่ง ๆ
“นายจะทำอะไรพวกเขาอะ ฉันจะแจ้งตำรวจว่านาย...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบประโยค...
เพล้งงงง…
คนตรงหน้าก็ปัดแจกันของเก่าโบราณที่มีราคาของบ้านฉันลงกับพื้นทันที
“หุบปาก ฉันรำคาญ!!” เขาพูดนิ่ง ๆ แค่นั้น
แต่ฉันกลับไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรต่ออีกเลย แม้แต่คำเดียว ทำได้แค่ยืนหลบสายตาคู่นั้น
หลังจากที่ฉันเข้ามาในบ้านหลังนี้ ฉันก็ไม่สามารถออกไปไหนได้อีกเลย… หน้าบ้านมีบอดี้การ์ดคุ้มกัน ของใช้ในบ้านถูกรื้อกระจัดกระจาย เพื่อตรวจสอบทรัพย์สินมีค่าในบ้าน
เราโดนยึดทุกสิ่งทุกอย่าง ไปทั้งหมด… ในชั่วพริบตาเดียว
คนที่ฉันเป็นห่วงที่สุดก็คือพ่อ… รองมาก็คือน้าผึ้งกับแพรวดาว ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน...
ของมีค่า โฉนดที่ดิน บ้าน หรือไร่ที่ต่างจังหวัด รวมไปถึงทะเบียนรถ กุญแจ และทองคำที่พ่อกับน้าผึ้งใส่เอาไว้ในเซฟ ถูกเอามาเรียงเอาไว้ในห้องรับแขกทั้งหมด รวมถึงฉันที่ถูกคุ้มคุมตัวมานั่งรอในห้องรับแขกบ้านของตัวเองราวกับเป็นนักโทษ
“ปล่อยลูกสาวฉันไปเถอะจับฉันคนเดียวได้ไหม??” เสียงของน้าผึ้งที่พูดด้วยความสั่นเครือ และทั้งคู่ก็กำลังถูกคุมตัวมารวมกับฉัน
“พริบพราว??”
น้าผึ้งแอบตกใจเหมือนเห็นหน้าของฉัน ซึ่งฉันก็รีบลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาทุกคน ถึงแม้ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้จับตัว หรือกระชาก แต่การเดินคุมตัวมาแบบนี้ก็สร้างความกลัวให้พวกเราไม่น้อยเลย
“พี่พราว” ยัยแพรวดาวเดินเข้ามากอดฉันตัวสั่น ๆ
“น้าโทร. หาหนูไม่ติดเลย ส่งข้อความไปบอกแล้วหนูไม่ได้รับเหรอลูก?” น้าผึ้งถามด้วยใบหน้าที่กังวล
“แบตหนูหมดน่ะค่ะ และที่ไม่ได้รับ คงเป็นตอนขับรถมาพอดี” ฉันตอบและกอดตอบยัยแพรวดาวที่ยังตัวสั่น ๆ
“แต่ดีแล้ว ยังไงเรื่องนี้เราควรเผชิญมันด้วยกัน” ฉันหันไปพยักหน้าตอบรับกับน้าผึ้งไป
“ตามตัวมาได้ครบแล้วครับ นาย” เสียงของผู้ชายที่ยืนด้านหลังตะโกนบอกเจ้านายของเขาที่ยืนกอดอกมองเรามาจากด้านบนบ้าน
“คุณบลูไนท์” เสียงของน้าผึ้งเรียกชื่อผู้ชายคนนั้นอย่างสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
คุณบลูไนท์งั้นเหรอ?? ฉันได้แต่ทวนชื่อนั้นภายในใจ
ขณะที่เจ้าตัวก้าวลงบันไดทีละขั้นมาด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ แววตาที่ไร้ความรู้สึกและเย็นชา
“เชิญนั่งสิ ทำตัวตามสบายนะคิดซะว่ายังเป็นบ้านของตัวเอง” เขาพูดขึ้นก่อนจะผายมือไปที่โซฟาชุดหรูของบ้านเราใจกลางห้องรับแขก
ฉันหันไปมองหน้าน้าผึ้งซึ่งน้าผึ้งเองก็พยักหน้าเบา ๆ ให้ฉันทำตามที่เขาต้องการไป
“เธอจะไปเก็บพวกตุ๊กตา หรืออุปกรณ์การเรียนของตัวเองก่อนก็ได้นะ” เขาหันไปพูดกับยัยแพรวดาวที่จับแขนของฉันไม่ปล่อย
“งั้นแพรวดาวไปกับพี่พริบพราวก่อนเถอะลูก เดี๋ยวแม่อยู่คุยกับคุณบลูไนท์เอง” น้าผึ้งหันมาพูดด้วยเสียงที่ปกติเพื่อไม่ทำให้แพรวดาวรู้สึกกลัวไปมากกว่านี้
“พราวไปส่งน้องเก็บของก่อนนะ” น้าผึ้งพูดกับฉันเบา ๆ
แต่ในจังหวะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้น
“แต่ผมว่าเธอโตมากพอที่จะรับรู้เรื่องเลว ๆ ของพ่อตัวเองแล้วนะ” บลูไนท์ตวัดสายตามองมาที่ฉันนิ่ง ๆ
“ถ้าจะยังจะเอาหนังสือเรียนและของใช้ เธอก็เดินขึ้นไปคนเดียว!!!” บลูไนท์พูดเสียงแข็งกับยัยแพรวดาวที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา
ฟุบบบ!!
“แต่ถ้าจะไม่เอา ก็นั่งลง” เขาพูดก่อนจะหยิบปึกเอกสารกองโตขึ้นมาวางลงบนโต๊ะแรง ๆ
“รีบไปสิลูก” น้าผึ้งรีบบอกกับแพรวดาว ซึ่งน้องเองก็รีบเดินออกไปเช่นกัน
“นั่นคืออะไรเหรอคะ?” น้าผึ้งถามคุณบลูไนท์ด้วยใบหน้าที่งง ๆ
“เอกสารหลักฐานที่รวบรวมการโกงเงินบริษัทของสามีคุณไงล่ะ” เขาปัดกองกระดาษนั่นส่งมาให้น้าผึ้ง
ซึ่งฉันรู้ว่าน้าผึ้งคงอ่านไม่เข้าใจแน่ ๆ ฉันก็รับมันมาตรวจสอบดูเอง
เท่าที่ฉันรู้คือพ่อทำงานให้บริษัทนี้มาตั้งแต่ก่อนที่ฉันจะเกิดด้วยซ้ำ
“พ่อเธอเป็นคนฉลาด และเก่งรอบด้าน เป็นคนที่ทางบริษัทไว้ใจ และให้ค่าตอบแทนที่สูงมาก มากจนไม่คิดว่ายังจะกล้าทรยศกัน” บลูไนท์พูดขึ้นพลางกดโทรศัพท์ไปด้วย
“ยักยอกเงินบริษัทมาเกือบห้าปี ได้ไปราว ๆ ร้อยกว่าล้าน นี่ไม่นับกับที่เอาความลับของบริษัทเราไปขายให้กับคู่แข่งอีกนะ” เขาเงยหน้าจากโทรศัพท์และมองฉันสลับกับน้าผึ้ง
“ไม่จริงอะ สามีของฉันไม่ใช่คนไม่ดี” น้าผึ้งดูเอกสารนั้นทั้งน้ำตาคลอ
ฟุบบบบ... มือถือของเขาวางลงบนโต๊ะ
ก่อนจะเปิดคลิปที่พ่อของฉันถูกตำรวจจับกุมตัว พร้อมทั้งเสียงไล่โห่ และปาข้าวของ ปาเศษขยะใส่หน้าอย่างไร้ศักดิ์ศรี
“พ่อ…” ฉันแทบช็อกเมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ ทำกับพ่อฉันต่ำตมแค่ไหน
“นี่คุณสั่งให้ลูกน้องของคุณทำแบบนี้กับพ่อของฉันได้ยังไง มันไม่เกินไปเหรอ??” ฉันถามด้วยเสียงสั่น ๆ ที่เต็มไปด้วยความโกรธ
In video clip
“ออกไปเลยไอ้ขี้โกง ไอ้โกง ไอ้เลว” เสียงพนักงานคนอื่น ๆ ตะโกนดังลั่น ไล่พ่อของฉันออกจากบริษัทโดยมีตำรวจกำลังจับกุม
“แกต้องรับผิดชอบเงินที่โกงไปทั้งหมด แกต้องรับผิดชอบ” เสียงคนอื่น ๆ ยังคงฮึกเหิม
“ใช่ หน้าด้านมาก ขอให้เจอแต่ความวิบัติฉิบหาย” คนมากมายรวมตัวกันสาปแช่ง
“กูก็ว่า บริษัทเราโตขึ้น ๆ แต่เงินเดือนกูกลับเท่าเดิม ที่แท้มีคนสาระเลวแบบมึงเป็นหัวหน้านี่เอง” ทุกคนด่าทอพ่อฉันอย่างเจ็บใจและปาข้าวของใส่อย่างไร้ซึ่งความยำเกรง
“หยุด ๆ ให้มันเป็นหน้าที่ตำรวจ!! กลับไปทำงานซะ” เสียงของใครบางคนพูดขึ้น และเดินมาห้ามปรามทุกคนในห้อง
“ส่วนเงินเดือนที่หายไปฉันจะจ่ายคืนให้ทุกคน” เสียงนั้นทำให้หลาย ๆ คนยอมสงบลงได้
“ฉันจะทวงหนี้ของบริษัทและของทุกคนให้เองจนครบทุกบาท” เสียงที่คุ้น ๆ นั่นก็คือเสียงของคนตรงหน้าของฉันเอง
ฟุบบ
ยังไม่ทันที่ฉันจะดูได้จบดี เขาก็กระชากโทรศัพท์คืนไปทันที
“ดิฉันกับเด็ก ๆ เราไม่รู้เรื่องนี้เลยจริง ๆ นะคะ คุณบลูไนท์โปรดเห็นใจด้วย”
น้าผึ้งพูดและแทบจะยกมือไหว้เขา
“พวกลูก ๆ ของคนอื่นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ได้รับผลกระทบ” เขาตอบเสียงแข็ง ก่อนจะกวักมือเรียกให้หนึ่งในลูกน้องเดินเข้ามาหา
“ตอนนี้นับรวมสินทรัพทย์ทั้งหมด ทั้งบ้าน รถ ที่ดิน และทองคำที่เก็บเอาไว้ ตีต่ำ ๆ ได้ราว ๆ 25 ล้านบาทครับ” ลูกน้องของเขาเอ่ยตอบอย่างหนักแน่น
“ดี ยึดให้หมด และขายทอดตลาดได้เลย ฉันจะเอาเงินไปคืนพวกพนักงานในบริษัท” เขาพูดก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา เขาหันมามองหน้าฉันเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
“ส่วนหนี้อีกร้อยล้านที่เหลือ ถ้าภายในสามวันนี้หามาคืนไม่ได้ พ่อเธอก็แค่แก่ตายในคุก ส่วนเธอกับแม่และน้องก็ต้องรับกรรมชดใช้หนี้ไปจนหมด ทุกบาททุกสตางค์” เขาตอบอย่างหนักแน่น
“นั่นมันหนี้ของคนเป็นพ่อ พวกลูกจะไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ” น้าผึ้งพยายามพูดออกมาอย่างทักท้วง
ส่วนฉันที่รู้เรื่องกฎหมายดีก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับฟังอย่างเจ็บปวด น้าผึ้งเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนฉันกับยัยแพรวดาว ก็นับเป็นผู้สืบสันดานโดยตรง
ตามหลักของกฎหมาย เราคงหลีกเลี่ยงเรื่องหนี้น้ันไม่ได้
“ไปศึกษากฎหมายมาก่อน ฉันไม่เสียเวลาพูดกับคนที่... ไม่มีความรู้” นั่นคือคำพูดดูถูกจากเขาคำสุดท้ายที่ฉันทำได้เพียงกำหมัดแน่น
“แต่เราไม่สามารถหาเงินขนาดนั้นได้ภายในหนึ่งวันหรือสามวันหรอกนะคุณ” ฉันพูดไปอย่างหมดทางเลือก
“นั่นไม่ใช่ปัญหาของฉัน” เขาตอบแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจใด ๆ
เหลือเพียงแค่เหล่าลูกน้องของเขาที่เก็บข้าวของมีค่าในบ้านออกไปจนหมด
แพรวดาวเดินลงมาพร้อมกับหนังสือและกระเป๋าของตัวเองด้วยใบหน้าที่เศร้า ๆ ทั้งน้ำตาคลอ
“เดี๋ยวผมขอเชิญทุกคนออกจากบ้านหลังนี้ด้วยนะครับ เพราะเราจะทำการล็อกและเตรียมขายทอดตลาดวันพรุ่งนี้” ลูกน้องของเขาพูดกับฉันอย่างสุภาพและทำตามหน้าที่ของตัวเอง
“แต่เราไม่มีที่อยู่อื่นแล้วจริง ๆ ขอเราอยู่ที่นี่สักคืนจะได้ไหม?” น้าผึ้งพยายามจะต่อรอง
“ไม่ได้ครับ ผมต้องรีบจัดเตรียมบ้านหลังนี้เพื่อขายให้ไวที่สุด” เขาตอบออกมาตามตรง
ฉันกับน้าผึ้งทำได้แค่มองหน้ากันอย่างหมดหนทาง
ลูกน้องคนนั้นถอนหายใจใส่เราอย่างเหนื่อยที่จะอธิบาย แต่เขาก็พยายามเก็บอาการนั่น และพูดต่อด้วยความสุภาพ
“สามีคุณ มีความผิดหลายคดีด้วยกัน ทั้งฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ และข้อหาอื่น ๆ ที่ทางทนายกำลังเอาผิดและรอขึ้นศาลพิจารณาอยู่”
ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นเริ่มอธิบายให้เราฟัง ในสิ่งที่เขาไม่อธิบายเรื่องของพ่อ
“ท่านสร้างบัญชีตัวเองขึ้นมาแปดธนาคาร และสร้างชื่อพนักงานปลอม เอกสารปลอม เพื่อให้ระบบของบริษัทโอนเงินเข้าบัญชีทั้งแปดนั่นทุกเดือน เดือนละหนึ่งแสนบาท โกงแบบนี้มาเกือบห้าปี”
เขาอธิบายและเปิดเอกสารนั้นว่าต่ออย่างละเอียดยิบ ฉันทำได้แค่มองเอกสารนั้นอย่างผิดหวัง และท้อใจ
“ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องนี้เลย เพราะพ่อของคุณทำงานกับบริษัทมานาน เกือบสามสิบปี และตำแหน่งของท่านเองก็สูงเทียบเท่าผู้บริหารเลยด้วยซ้ำ ท่านประธานใหญ่เองก็เชื่อใจมาตลอด” เขาพูดเชิงตัดพ้อเรื่องที่พ่อของฉันทำ
“และการฉ้อโกงในรูปแบบต่าง ๆ ถูกจับได้หลังจากที่คุณบลูไนท์เข้ามารับช่วงต่อ ยอด revenue บริษัทสูงมาก แต่เงินที่โชว์เข้ามากลับไม่ตรง และรายได้พนักงานกลับเท่าเดิม และโบนัสที่ต่ำ จนทำให้เราเสียพนักงานมือดี ๆ หลายคนให้บริษัทคู่แข่งของเราเอง” ลูกน้องคนนั้นพูดต่อพลางเปิดเอกสารประกอบไปด้วย
“คุณภูผา”
ฉันเรียกชื่อนั้นเบา ๆ ฉันมองไปที่ภาพพ่อกำลังนั่งจับมืออยู่กับคุณภูผา คนที่เราเพิ่งเจอเมื่อวานนี้เอง
“ข้อมูลลับของบริษัทรั่วไหลออกไปยังบริษัทคู่แข่ง ที่ทั้งดึงคนงานฝีมือดี ดึงลูกค้ารายใหญ่ ๆ ดึงรายได้ของเราไป ทั้งหมดเกิดขึ้นจากฝีมือของพ่อคุณเอง” เขาพูดอย่างสุภาพ แต่คำพูดนั้นทำเอาฉันกับน้าผึ้งพูดอะไรไม่ออกเลย
“พ่อฉัน ทำได้ขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?” ฉันพูดอย่างรู้สึกหน้าชา เพราะไม่คิดว่าพ่อของฉันจะมีด้านมืด และมืดมิดได้มากขนาดนี้
“ผมยอมรับในความรู้ความสามารถของคุณพ่อคุณนะ แต่คุณต้องเข้าใจ ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน”
เขามองไปรอบ ๆ ตัวบ้านที่ใหญ่และหรูหราของฉัน
แต่ละคำของพวกเขา เหมือนฉันกับน้าผึ้งโดนตบหน้าไปหลาย ๆ รอบ
“ผมรู้ว่าพวกคุณเองก็กำลังจะเผชิญความลำบาก แต่ผมจำเป็นต้องทำตามคำสั่งคุณบลูไนท์จริง ๆ และอีกอย่างก็คือ คนอื่น ๆ ก็ลำบากเพราะการกระทำของพ่อคุณเหมือนกัน” เขาพูดก่อนจะเริ่มเดินทยอยปิดไฟไล่พวกเราออกจากบ้าน
ซึ่งฉันเองก็หมดทางเลือกจริง ๆ จึงต้องเก็บของใช้ส่วนตัวที่แทบไม่มีค่าใด ๆ เดินออกมาจากบ้านกันทั้งสามคน...
พวกลูกน้องขับรถหรูของพวกเราไปทีละคัน ทีละคัน...
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ยึดโทรศัพท์และกระเป๋าเงินของเรา น้าผึ้งจึงติดต่อขอไปอยู่กับญาติห่าง ๆ ของเธอเพื่อขออาศัยพักคืนนี้
บนรถแท็กซี่ทุกคนต่างเงียบกันมาตลอด จนฉันรู้สึกว่า ในเมื่อตอนนี้พ่อไม่ได้อยู่ช่วยเหลือพวกเราแล้ว ฉันก็ควรจะเป็นหลักให้คนในบ้านให้ได้
ฉันเหลือบไปมองน้าผึ้งที่นั่งน้ำตาซึมมาตลอดทาง
เพราะว่า ครอบครัวของเราไม่เคยตกต่ำได้เท่านี้มาก่อนเลยจริง ๆ ไม่แปลกที่ทุกคนจะช็อกและรับไม่ได้กับเรื่องนี้
“คืนนี้มีการบ้านเยอะไหม?” ฉันเริ่มต้นคุยกับยัยแพรวดาวที่นั่งก้มหน้ามาตลอดทาง...
“หนูยังไปเรียนต่อได้อีกเหรอคะ?” แพรวดาวพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ทั้งน้ำตาคลอ
“เรียนได้สิ และก็ต้องเรียนให้ดีด้วย เพราะพ่อจ่ายค่าเทอมเราไปแล้ว เรื่องเรียนของหนูไม่ใช่ปัญหาอะไร แค่ไปเรียนตามปกตินั่นแหละ”
ฉันลูบหัวน้องสาวตัวเองอย่างอ่อนโยน และพยายามบอกให้เธอเข้มแข็งทั้งที่แม้แต่ตัวฉันเองยังเสียงสั่นไม่หาย...
รถแท็กซี่ขับมาจอดเทียบที่หน้าบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังขนาดกลาง ๆ ซึ่งเป็นบ้านญาติห่าง ๆ ของน้าผึ้งในกรุงเทพฯ
“เดี๋ยวน้าผึ้งส่งแพรวดาวเข้านอนเลยนะ น้องง่วงแล้ว พรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีก” ฉันเดินไปพูดกับน้าผึ้งและยิ้มเพื่อสร้างกำลังใจให้กันและกัน
“แล้วพริบพราวจะไปไหนลูก?” น้าผึ้งถามด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวพราวจะรีบกลับค่ะ” ฉันตอบไปแค่นั้น ก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูรถ หลังจากที่ทั้งน้าผึ้งและแพรวดาวลงไป...
“ช่วยขับวนไปสถานีตำรวจทองหล่อค่ะ” ฉันหันไปบอกพี่แท็กซี่ที่กำลังจะกดหยุดมิเตอร์พอดี ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับ
ฉันมาถึงสถานีตำรวจ ด้วยคำถามมากมายที่อยากจะถามพ่อว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเรา
พ่อทำมันจริง ๆ ใช่ไหม พ่อทำแบบนั้นทำไม...ทำไมเราต้องละโมบโลภมากขนาดนั้น... ทำไมกัน
แต่เชื่อไหมว่าคำถามนั้นหมดไปทันที ที่ฉันเห็นสภาพของพ่อตัวเองที่มีรอยช้ำเต็มใบหน้าจากการถูกปาข้าวของใส่ เหมือนในคลิปที่หมอนั่นเปิดขึ้นมา
พ่อของฉัน มองเล็ดลอดผ่านกรงเหล็กนั่นมาทั้งน้ำตาคลอ
“พ่อขอโทษนะลูก...” ท่านพูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งจนแทบจะไม่ได้ยินอะไร น้ำตาไหลอาบลงสองแก้ม
ฉันอยากจะเดินเข้าไปกอดและปลอบท่านเหลือเกิน แต่ทำได้แค่เกาะขอบกรงขังที่แน่นหนานั่นอย่างแทบใจสลาย
“คดีฉ้อโกง ยักยอก และอีกหลาย ๆ คดีรวมกัน อย่างต่ำก็คงสิบปีถึงจะได้ออก แต่ถ้าอย่างมากก็ยี่สิบ สามสิบปี”
ตำรวจผู้คุมเห็นว่าฉันมองเข้าไปในห้องขัง ท่านก็เลยเลือกที่จะอธิบาย ก่อนจะเดินออกไปเพื่อทิ้งให้เราสองพ่อลูกได้คุยกัน
ฉันเอื้อมมือสอดเข้าไปในกรงเล็กแคบ ๆ เพื่อจับกับมือหนา ๆ ของพ่อ ทั้งน้ำตา
“หนูจะทำทุกอย่างให้พ่อออกมาให้ได้... หนูจะไม่ทิ้งพ่ออยู่ในนั้นแน่ ๆ” ฉันเอ่ยคำมั่นสัญญาออกไปอย่างจริงจัง
พ่อของฉันทำได้แค่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา... แววตาของพ่อดูหมดแล้วซึ่งแสงเแห่งความหวังใด ๆ
“หนูก็จะหาเงินมาใช้แทนหนี้นั้น ไม่ว่ามันจะกี่สิบ กี่ร้อยล้าน หนูก็จะหามาให้ได้...” ฉันพูดกับพ่อด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะสงสารท่านสุดหัวใจ
"ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม..." ฉันพูดทั้งน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง...
และนั่น... คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวระหว่างฉัน... กับเขา...
...ผู้ชายที่ใจร้าย และเย็นชาคนนั้น... คุณบลูไนท์...
Ep.49HAPPY WIFE HAPPY LIFE (END)“แล้วถ้าคืนนี้ หนูยอมคุณ...คุณจะ....” ร่างของสาวน้อยวัยเจริญพันธุ์ที่ค่อย ๆ เอาทรวงอกโตของเธอถูไถเข้ากับท่อนแขน ของผมอย่างจงใจยั่วยวนให้ผมฟุ๊บบบบ ผมจับแขนของเธอ ก่อนจะดึงออกจากร่างกายของผม และดันท่อนแขนที่บอบบางนั้น ไปด้านหลังของเธอราวกับตำรวจที่จับผู้ร้าย.. ผมกดใบหน้าลงต่ำจากลำตัว...“คุณบลูไนท์...” เธอเรียกชื่อของผมด้วยเสียงใสซื่อ ฟุ๊บบบบ ผมดึงตัวของเด็กน้อยที่หน้าใสคนนี้ออกมาจากห้องทำงาน“เออ...” เธอยังคงทำตัวอ่อนระทวยกับสัมผัสที่รุนแรงของผม“คุณบลู..” เธอทำเสียงเล็กเสียงน้อยราวกับกำลังเขินกับการกระทำของผม ผมยังคงแสยะยิ้ม และลากเธอเดินตามออกมาอย่างดุดันตั่บบ...เจ้าตัวสะดุดขาของตัวเองและล้มลงกลางห้องรับแขก ซึ่งทำให้ผมสะดุดตามไปด้วย จนใบหน้าแทบจะชนกัน...ลมหายใจของเธอพ่นใส่ใบหน้าของผม ใบหน้าและแววตาที่วิงวอน..“มารยา” ผมพ่นคำนั้นออกมาก่อนจะ จับที่คอเสื้อของผู้หญิงคนนั้นและ....ฟุ๊บบบบบ ลากคอของเธอออกมาจากบ้านตัวเองดวงไฟในบ้านสว่างจ้าขึ้นทุกดวง ด้วยระบบเซนเซอร์“โอ้ยย...คุณบลูไนท์หนูเจ็บค่ะ” ยัยนั่นร้องขึ้นอย่างตกใจที่ถูกผมลากคอออกมาจากถึง“หนูเ
Ep.48แบบทดสอบรักPibPreaw’s part“สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณแม่” ฉันยกมือขึ้นไหว้ต่อหน้าโกศอัฐิของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง ในวัดที่เงียบสงบ และแทบจะไม่ต้องสืบเลยว่าฉันเป็นอะไรกับพวกท่าน เพราะว่าแค่เพียงรูปถ่ายก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่า ใบหน้าของฉันละหม้ายคล้ายกับพ่อแท้ ๆ ของตัวเองมากแค่ไหน และแม้แต่เจ้าตัวเล็กอย่างเดย์ดรีม ก็เหมือนคุณตาเอามาก ๆ จน บลูไนท์ยังทักขึ้นส่วนรอยยิ้มฉันก็เหมือนจะได้จากแม่มาเต็ม ๆ“หนู..พริบพราวลูกสาวของพ่อกับแม่นะคะ” ฉันเริ่มแนะนำตัวเองก่อนหันไปทางบลูไนท์“และคนนี้ก็บลูไนท์ สามีของหนูเองค่ะ” ฉันเอ่ยแนะนำกับรูปภาพของท่านทั้งสองที่ยิ้มแย้ม แม้จะเป็นภาพขาวดำก็ตาม“ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ มีหลานถึงสองคนแล้วนะคะ” ฉันเริ่มที่จะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเอง ให้พวกท่านได้ฟัง แม้จะรู้ว่าพวกท่านไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วก็ตามแต่อย่างน้อยก็มีคุณสามีที่น่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและไม่มีขัดเลยสักคำตั้งแต่ต้นจนจบ... “สบายแล้วเนาะ ได้รู้ความจริงสักที” บลูไนท์นวดที่ไหล่ของฉันเบา ๆ ขณะที่เราสองคนเดินออกมาจากวัด หลังจากทำบุญและก็เยี่ยมโกศของพ่อแม่แท้ของฉันในวันนี้“ฉันคงไม่มีทางรู้เกี่ยวกั
Ep.47You are my Prisonerฉันก้มลงมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ร่วงไปกองที่พื้น ด้วยฝีมือของจอมหื่นกามอย่าง..ฟู๊บบบ....บลูไนท์ช้อนอุ้มตัวของฉันลอยจากพื้น และตรงดิ่งไปที่เตียง 12 ฟุตที่ตรงอยู่กลางห้อง ท่ามกลางวิวทะเลกินพื้นที่ของห้องไปครึ่งหนึ่ง“บลู...” ฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อบลูไนท์อุ้มฉันมาวางลงที่เตียงตรงกับภาพวิวทะเล และเสียงของคลื่นทะเล ที่ดังเข้าผ่านใน...“ฉันคงไม่ต้องบอกนะว่าเธอมีหน้าที่อะไร?” บลูไนท์ตีหน้าเคร่งขรึมใส่ฉัน“หื้ม?? กล้าหรอ!!” ฉันหลุดอมยิ้มออกมาเล็กน้อยกับท่าทีที่ดูโหด ๆ ของเขา ที่ไม่ได้เจอะเจอมานานแล้วบลูไนท์ส่ายหน้าเบา ๆ และยิ้มมุมปากออกมาด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์“หน้าที่ของภรรยาไง...” บลูไนท์พูดด้วยเสียงที่เซ็กซี่ชวนสยิว..มือของบลูไนท์ค่อย ๆ ลูบไล้เรือนร่างของฉัน ที่มีเพียงเกาะอกบาง ๆ กับกางเกงลูกไม้สีขาวตัวจิ๋วจุ๊บส์!! เขาค่อย ๆ จูบลงที่หัวเข่าด้านซ้ายอย่าวแผ่วเบา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เลื่อนริมฝีปากลงไป ที่โคนขาอ่อน และยังพรมจูบต้นขาของฉันอย่างหื่นกระหาย“บลูไนท์” ฉันรู้สึกหวิว ๆ จนอยากจะขยับขาหนีแต่บลูไนท์ก็ค่อย ๆ จับขาทั้งสองข้างแยกถ่างออกจากกัน“รู้ไหมว่าฉันต้องทนท
Ep.46ยอมโง่“เมีย..ที่แกซื้อมาด้วยเงินร้อยกว่าล้านนะหรอ?” พ่อของบลูไนท์ถามขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย ก่อนที่ท่าจะเดินไปนั่งอยู่มุมโซฟาภายในห้อง“ใช่” บลูไนท์แสยะยิ้มตอบกลับไปตามความจริงที่มันเคยเป็นก่อนที่มือของเขาจะจับมือของฉันเอาไว้แน่น“แต่แกปกป้องผู้หญิงที่ไร้ค่าคนนี้ ด้วยชีวิตของแกงั้นหรอบลูไนท์!” พ่อของบลูไนท์ขึ้นเสียงแข็งกร้าว ออกมา และเหลือบมองฉันด้วยแววตาที่ไม่พอใจ“ถ้าพ่อบอกว่า ชีวิตของพราวไร้ค่า งั้นชีวิตของผมที่ยอมตายแทนเธอ...มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรหรอก” บลูไนท์พูดกึ่งประชดไปที่พ่อของเขา“บลูไนท์พอเถอะ” ฉันบีบมือและพูดกับบลูไนท์อย่างแผ่วเบา“ฉันเคยคิดว่าแกฉลาดกว่าทุก ๆ คน” พ่อของบลูไนท์ส่ายหน้าและมองเขาอย่างผิดหวัง“ถ้าการเรียนรู้ที่จะรักใคร และปกป้องครอบครัวตัวเองเรียกว่าโง่ ..” บลูไนท์สวนกลับไปทันที“ผมก็ยอมโง่!” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม“และที่ผมไม่เหนี่ยวไกปืนฆ่าไอ้บราวน์ทั้งที่ผมมีโอกาส ...ก็เพราะว่าผมมันโง่ด้วยงั้นใช่ไหม” เขาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ และสู้สายตากับผู้เป็นพ่ออย่างไม่ลดละพ่อของบลูไนท์เงียบไปชั่วขณะ........“ถ้าแกคิดว่าจะเอาลูกในท้องของผู้หญิงคนนี้ ที่อดีตเป็นแค่นางบำเร
Ep.45เมียกู“ไอ้บลูนะมันถึกจะตายไป....ไม่ต้องห่วงหรอก” จีซัสพูดด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจกับฉันฉันฝืนยิ้มจาง ๆ รับคำให้กำลังใจของเขาไป เพราะว่าในความจริง ทุกคนรู้ดีว่า..ไม่มีใครที่ไหนจะถึกและอึดจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับกระสุนปืน ที่ยิงปะทะร่างกายได้...บลูไนท์คง.....เจ็บมากแน่ ๆ..ฉันมองผ่านกระจกห้องไอซียูที่ประตูยังคงปิดสนิทจู่ ๆ น้ำตาล้นเอ่อออกมาอย่างที่ไม่อาจจะฝืนมันได้จริง ๆ น้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความอ่อนแอของฉันฉันเข็มแข็งและต่อสู้กับอะไรไม่ได้เลย ..ถ้าฉัน...ไม่มีบลูไนท์อยู่ข้าง ๆ แบบในตอนนี้...ฉันเพิ่งรู้ว่าไม่ใช่แค่เขาที่ขาดฉันไม่ได้ แต่เป็นฉันนี่แหละ ที่คงอยู่ไม่ได้ถ้าขาดหัวหน้าครอบครัวอย่างเขา..จีซัสหันมามองทางฉันทันที แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะปลอบแต่อย่างใดฉันค่อย ๆ ปาดน้ำตาและลูบที่ท้องของตัวเองเบาใจหนึ่งก็ห่วงลูก อีกใจก็พะวงถึง...เขา.................................“ให้ฉันพาเธอไปพักก่อนเถอะนะ เธอเองก็เจ็บมาเหมือนกัน” จีซัสเหมือนพยายามอยากจะพูดเตือนให้ฉัน นึกถึงตัวเองและลูกให้มากขึ้นเพราะสภาพของฉันก็แย่ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แขนด้านซ้ายที่รับน้ำหนักตัวตอนที่ล้มก็หักจนต้องเข้าเ
Ep.44เธอจะปลอดภัยเสมอ“กลับมา..ฉันเป็นห่วงนาย” ฉันตะโกนออกไปทั้งที่รู้ว่ารถคันนั้นนะ มันแล่นออกไปไกลสุดตาในเวลาดึกและฝนตกขนาดนี้...เขาจะออกไปทำไมกันนะฉันยังคงยืนตากฝนอย่างคิดและกังวลถึงแต่บลูไนท์คนเมาซะขนาดนั้นขับรถออกไปท่ามกลางฝนแบบนี้...“ฉันจะทำยังไงดี...” ฉันคิดไม่ตกเลยจริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อดีแต่แล้วเพียงไม่นาน...ฟู๊บบบบ...แสงไฟจ้าจากรถยนต์คันหนึ่งก็สาดไฟสูงตรงเข้ามาทางฉัน“บลูไนท์... นายกลับมา?” ฉันยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามีรถกำลังขับเข้าตรงมาทางฉันท่ามกลางสายฝน ที่โปรยปรายในยามวิกาลแบบนี้.. แต่หน้าแปลกใจที่...บรื้นนนนนน บรื้นนนนน เสียงเร่งเครื่องยนต์ของรถคันนั้นขับพุ่งตรงเข้ามาทางฉันเสียงคำรามของเครื่องยนต์รถดังพอ ๆ กับเสียงของท้องฟ้าที่ร้องคำรามราวกับพายุกำลังเข้า“นั้นไม่ใช่บลูไนท์” ฉันแทบก้าวขาไม่ออกเมื่อพบว่ารถคันนั้นเป็นสีดำสนิทและมันกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหาฉันแบบไม่มีทีท่าว่าหักหลบไปทางอื่น..“กรี้ดดดดดดดดดด.....” ฉันร้องกรี้ดลั่นอย่างตกใจภายในเสี้ยววินาทีชีวิต ฉันตั้งสติครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวเท้าวิ่งสุดชีวิตกลับเข้าไปในบ้าน แต่ด้วยความเร็ว ของรถที่พุ่งตรงเข้ามา