ภายใต้แสงสลัวและดนตรีเร้าใจ ร่างงามโยกขยับไปตามจังหวะอย่างเย้ายวน ไฟหลากสีวิบวับกะพริบถี่ชวนเวียนหัว ทำให้คนที่เอาแต่กระดกเครื่องดื่มดีกรีแรงลงคอแก้วแล้วแก้วเล่าเริ่มทรงตัวไม่อยู่
“ของขวัญ แกไหวหรือเปล่า”
คนตัวบางไม่ต่างกันถลามาประคองสาวงามสมกับชื่อเล่นน่ารักว่า “ของขวัญ” ที่บุพการีตั้งให้เปรียบเธอเป็นตัวแทนของขวัญจากพระเจ้าซึ่งประทานมาให้คู่สามีภรรยาที่รักกันปานจะกลืนกิน
หึ ไม่ผิดหรอก ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นตัวแทนความรักของพ่อกับแม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ้าชู้ของพ่อเริ่มทำงาน ความอดทนของแม่ก็ต่ำลงทุกวัน สุดท้ายเธอจึงกลายเป็นของขวัญถูกทิ้ง เมื่อท่านทั้งสองตัดสินใจแยกทางกันตั้งแต่เธอเริ่มแตกเนื้อสาว
เธอใช้ชีวิตอยู่ในความดูแลของพ่อ ไม่นานแม่ก็แต่งงานใหม่และย้ายไปอยู่เมืองนอก มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารักอีกสองคน ในขณะที่เธอต้องทนเหงาเดียวดายอยู่แต่บ้านเมื่อพ่อเอาแต่ทำงาน และมีผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย แทบไม่เคยเจียดเวลามาเหลียวแลเธอบ้างเลย
ที่จริงเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายนักหรอก เธอมีคฤหาสน์หลังใหญ่โตให้ซุกหัวนอน มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน มีเงินในบัญชีหลายสิบล้าน มีอิสระเต็มที่ มีเด็กรับใช้คอยปรนนิบัติเต็มบ้าน และเธอยังคงได้รับความรักจากพ่อและแม่อย่างเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม แม้พวกเขาแทบจะไม่มีเวลาให้เธอเลยก็ตาม
ไม่ว่าคุณหนูของขวัญอยากจะได้อะไร แพงแสนแพงหรือหายากเย็นแค่ไหน พ่อของเธอจะพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาของสิ่งนั้นมาประเคนให้เธอได้เสมอ เห็นไหมล่ะ เธอยังคงได้รับความรักอย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ แต่แค่ไม่ได้รับการเอาใจใส่เลย..ก็แค่นั้น
แล้ววันนี้เธอมากระดกเหล้าราวกับคนมีเรื่องทุกข์ร้อนใจทำไมน่ะเหรอ
ก็เพราะว่าชีวิตอันสงบเงียบที่เธอเริ่มชินชา มันได้เปลี่ยนไปอีกแล้วน่ะสิ
เมื่อพ่อของเธอแต่งงานใหม่กับแม่หม้ายลูกติดที่ยังสวยสะพรั่งราวกับสาวแรกรุ่น ผู้หญิงคนนั้นมีลูกชายซึ่งแก่กว่าเธอหลายปีและลูกสาวรุ่นเดียวกับเธอ แถมยังเรียนที่เดียวกันอีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อว่าโลกมันจะกลมอย่างนี้
ใช่ว่าพอพ่อแต่งงานใหม่ แล้วเธอที่อายุถึงเกณฑ์เข้าสถานบันเทิงได้แล้วจะต้องออกมาทำตัวเหลวแหลกเรียกร้องความสนใจจากพ่อหรอกนะ เธอไม่สนใจและไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ
แต่ที่เธอต้องมากรอกเหล้าเข้าปากเหมือนกินน้ำอิตาเลียนโซดาแก้วโปรด ก็เพราะว่าลูกชายของแม่เลี้ยงมักจะชอบทำท่าทีคุกคามและจ้องจะลวนลามเธอเสมอ แต่เมื่อเธอบอกพ่อ กลับได้รับสายตาตำหนิจากพ่อของตัวเอง ราวกับเธอเป็นเด็กบ้านแตกขี้โกหก เพราะผู้ชายเสแสร้งคนนั้นวางตัวเป็นผู้ใหญ่ แถมยังมีมาดผู้บริหารที่นิ่งขรึม ซึ่งเขาดูมีภาษีดีกว่าเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอร้อยเท่าพันเท่า
ในเมื่อพ่อคิดว่าเธอใส่ร้ายลูกของผู้หญิงที่พ่อรักเพราะความริษยา เธอก็จะไม่สนใจเขาอีก ให้มันรู้ไป ว่าเขาจะรักคนอื่นมากกว่าเธอที่เป็นลูกในไส้
“อือ ไหว..”
ขวัญชนก หรือ ของขวัญ นักศึกษาสาวคณะบริหารธุรกิจภาคอินเตอร์ชั้นปีที่สองของมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเพื่อนรัก แม้จะเซเล็กน้อย แต่ก็ยังเกาะโต๊ะไว้ได้ทัน
ดวงตาที่เคยกลมโตบัดนี้ปรือปรอยแทบลืมไม่ขึ้น แต่ก็ยังฝืนสังขารยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอีกครั้ง หมดมาดคุณหนูไฮโซที่ใช้แต่ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“เฮ้ย พอแล้ว แกเป็นอะไรของแกวะวันนี้ กินเหล้าอย่างกับน้ำเปล่า ทะเลาะกับพ่อมาอีกแล้วหรือไง”
เกรซ เกศริน ดึงมือของเพื่อนรักออกห่างริมฝีปาก ไม่ให้กระดกเหล้าเข้มข้นแก้วนั้นได้อีก
คนโดนขัดใจ ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด แม้ไม่อยากจะบอกถึงสาเหตุที่ต้องโทรชวนเพื่อนรักให้มากินเหล้ากันกลางดึกในวันหยุด แต่ก็ต้องยอมรับความจริง
“อือ ไอ้ชั่วนั่นมันจะจูบฉัน แต่พ่อไม่เชื่อที่ฉันพูด”
“เฮ้ย นี่มันถึงกับจะจูบแกแล้วเหรอ แกอยู่ที่นั่นไม่ได้แล้ว มาอยู่กับฉันไหม”
สุดท้ายสองสาวก็ทิ้งตัวลงนั่งพูดคุยถึงปัญหาหนักอก แม้ต้องตะโกนคุยกันแข่งกับเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่มในช่วงเวลาไคลแม็กซ์ที่นักเที่ยวกำลังเมามายโยกย้ายกันอย่างสนุกสนานก็ตาม
“ฉันออกมาอยู่ที่คอนโดแล้ว วันนี้เอง ถ้าพ่อไม่เชื่อลูกในไส้อย่างฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอยู่บ้านหลังนั้นอีก”
“มันก็ดีตรงที่แกจะปลอดภัย แต่ถ้าพวกนั้นฮุบสมบัติของแกล่ะ”
“ฉันมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทอยู่เกือบครึ่ง พ่อเพิ่งโอนให้ก่อนจะแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนั้น คงกลัวว่าฉันจะคิดมากมั้ง ถ้าพ่อหลงผู้หญิงคนนั้นถึงขนาดจะยกทุกอย่างให้ ก็แล้วแต่พ่อเลย ฉันเองก็จะไม่แคร์พ่อแล้วเหมือนกัน”
แม้ปากจะพูดไปแบบนั้น แต่เอาเข้าจริงก็ทั้งรัก ทั้งเป็นห่วง แถมยังน้อยใจคนเป็นพ่อเอามากๆ ที่เชื่อคนอื่นมากกว่าลูกในไส้อย่างเธอ
“แล้วพ่อแกรู้หรือยัง ว่าแกออกมาอยู่ที่คอนโด”
“ไม่รู้ ไม่ได้บอก”
เธอกระดกเหล้าเข้าปากอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คอนโดมิเนียมหรูหราราคาแพง แถมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยของเธอห้องนี้ คุณตาซื้อให้เธอเป็นของขวัญที่เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของประเทศได้ แม้จะเรียนในคณะที่ใครๆ เหยียดหยามว่าแค่มีเงินก็สามารถเข้าเรียนได้ก็ตาม แต่ถ้ามีเงินแล้วไม่สามารถสื่อสารและอ่านตำราเป็นภาษาอังกฤษได้ทุกตัวอักษร ก็ไม่สามารถเรียนคณะนี้ได้เช่นกัน
“จะมีเรื่องวุ่นวายหรือเปล่า”
ของขวัญเหยียดยิ้มหยันตัวเอง พร้อมทั้งยื่นโทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดให้เพื่อนรักดู ว่าหน้าจอมันว่างเปล่า ไม่มีแม้ข้อความของพ่อเธอเลยด้วยซ้ำ แปลว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ หรือรู้แล้วแต่ไม่ได้สนใจก็เป็นได้
“หึ ไม่มีสักข้อความ พรุ่งนี้พ่อก็ไปต่างจังหวัด คงไม่มีทางรู้หรอก ว่าฉันหนีออกจากบ้าน”
“ของขวัญ แกอย่าคิดมากนะ คืนนี้ฉันว่าแกไปนอนกับฉันก่อนดีกว่า จอดรถไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับกัน ฉันก็เมาแล้วว่ะ”
“อืม ก็ได้ แต่ขอเมาให้สุดๆ ไปเลยนะ ไหนๆ พรุ่งนี้ก็ไม่มีเรียน”
“ได้ งั้นแกนั่งอยู่ที่นี่ก่อน ฉันไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว อย่าเดินไปไหนคนเดียวนะ”
“อืม ไม่ต้องห่วง ฉันโตแล้วนะ”
“ก็เพราะโตนี่แหละฉันถึงต้องเป็นห่วง สวยๆ แบบนี้ เกิดมีใครมาลากแกไปจะว่ายังไง”
“เว่อร์ละ รีบไปรีบมา”
ห้องน้ำที่แออัดทำให้เพื่อนรักของเธอหายไปนาน และในตอนนี้ เธอที่สาดเหล้าลงคอติดๆ กันหลายแก้วก็มองภาพตรงหน้าอย่างพร่าเบลอ ก่อนจะค่อยๆ ดับวูบลงพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ขาดหายไปในตอนนั้น
“อุบ..แหวะ”อัคราสะดุ้งตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ในวันหยุดเพราะภรรยาคนสวยวิ่งพรวดพราดเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำอย่างเอาเป็นเอาตาย“ขวัญครับ ไหวไหม”เขารีบวิ่งมาลูบหลังให้ภรรยาที่อาเจียนจนเหลือแต่น้ำย่อย ก่อนจะส่งแปรงสีฟันให้เธอเพื่อดับกลิ่นน่าเวียนหัวในปากและลำคอ“แปรงฟันก่อนครับ”เธอรับแปรงสีฟันมาแปรง ก่อนจะรีบบ้วนปาก เพราะน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมันตีวนขึ้นมาจุกที่คอหอยจนอยากอาเจียนอีกแล้ว“ไม่ไหวแล้ว ขวัญจะอ้วก”“ไปหาหมอไหม อยู่ๆ ก็อ้วก อาหารเป็นพิษหรือเปล่า”“แต่ขวัญไม่ได้ท้องเสีย”“ขวัญยังให้นมลูกอยู่ ถ้าเป็นอะไรเดี๋ยวลูกจะป่วยไปด้วย เราไปหาหมอกันเถอะ”“แต่ขวัญเป็นห่วงลูก”“ที่รักครับ เรามีพี่เลี้ยงมาช่วยดูแลเด็กๆ แล้วนะ แล้วลูกเราก็ห้าเดือนแล้ว พวกแกเก่งและเข้ากับคนง่ายจะตาย”ที่เขาและเธอต้องหาพี่เลี้ยงเด็ก เพราะในวันหยุด เขาและเธอต้องไปเรียนต่อในระดับปริญญาโทแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ให้แม่ของเขาและแม่บ้านเก่าแก่ของเธอมาช่วยดูแลให้เป็นครั้งคราวในเวลาที่เธอกับเขาไปเรียน“งั้นก็ได้ค่ะ”“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้วค่ะ”ขวัญชนกชะงักไปเพราะกำลังช็อก แต่อีกคนกลับยิ้มกว้างอย่างยินดี“ขอบค
“ขวัญครับ ผมกลับมาแล้ว”ว่าที่คุณพ่อมือใหม่เลิกงานแล้วก็ตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของบางอย่างที่เพื่อนแนะนำ“วันนี้ทำไมกลับสายคะ งานเยอะเหรอ”ว่าที่คุณแม่ที่ท้องใหญ่ด้วยอายุครรภ์ห้าเดือนกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่ที่พรมขนสัตว์นุ่มฟูที่ห้องนั่งเล่นเพื่อเตรียมตัวสอบเข้าเรียนในระดับปริญญาโท ไม่รู้ว่าปีนี้จะพร้อมจริงๆ หรือเปล่า แต่เธอก็จะลองดู“เยอะเหมือนเดิมครับ ดีนะที่พ่อเห็นใจผมให้มาเรียนรู้งานบริหารแล้ว พ่อบอกจะได้ไม่เหนื่อยมาก เพราะอีกเดี๋ยวขวัญคลอดลูกมาแล้วเราสองคนจะยิ่งเหนื่อย”เพราะเธอกับเขาซื้อบ้านแยกตัวออกมาสร้างครอบครัวกันเองสองคนสามีภรรยา ด้วยอยากใช้ชีวิตแบบไม่ต้องมีใครวุ่นวายหรือต้องเกรงใจใคร โดยเฉพาะการเลี้ยงลูก ซึ่งพ่อแม่มือใหม่อย่างพวกเธอต้องการอิสระและไร้ความกดดัน“ดีจังเลยค่ะ ขวัญดีใจกับฟืนด้วยนะคะ”“อีกอย่าง ผมแวะห้างไปซื้อไอ้นี่มา”ว่าที่คุณพ่อขี้เห่อที่จะต้องมีของติดไม้ติดมือมาแทบทุกวัน ทั้งสั่งออนไลน์และไปเลือกซื้อหามาด้วยตัวเอง และวันนี้ มีของเล่นใหม่มานำเสนอว่าที่คุณแม่วัยใสอีกแล้ว“อะไรอีกแล้วคะ ของเล่นเหรอ ลูกเราเพิ่งห้าเดือนเองนะคะ อีกนานกว่าจะคลอด”“ไม่ใช่ของเ
“ที่รัก ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ ตอนนี้เราทั้งคู่เรียนจบแล้ว ผมมีงานทำและขวัญก็มีงานรออยู่ เรากำลังจะเรียนโทต่อเพื่ออนาคตของเรา เรียนโทขวัญท้องได้และมีลูกได้ ไม่ได้เป็นปัญหาเลยครับ อีกอย่างผมอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หนีไปไหน ผมพร้อมรับผิดชอบขวัญและลูก เราแต่งงานกันนะที่รัก”อัคราดึงขวัญชนกเข้าสู่อ้อมกอด ทั้งยังลูบหลังเพื่อปลอบใจให้เธอคลายความกังวล ดวงตาสับสนวุ่นวายใจคู่นั้นทำเอาเขารู้สึกสงสาร แต่เขาอยากมีลูกและสร้างครอบครัวกับเธอจริงๆ ถึงได้ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป“ฟืนพร้อมแล้วจริงๆ หรือคะ ถ้าฟืนยังไม่พร้อม..ขวัญจะ..”เธอขยับตัวออกจากอ้อมกอด พูดจาลนลานสับสน มือเย็นเยียบกำแน่นด้วยความกดดัน“อย่าแม้แต่จะคิดนะ เขาเป็นลูกของผม ผมตั้งใจทำให้เขาเกิดมา นอกจากขวัญแล้ว ลูกก็เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผม อย่าเอาเขาไปจากผมเลยนะที่รัก”ทั้งคำพูด น้ำเสียง และแววตาจริงจัง ติดจะดูเศร้าด้วยซ้ำเมื่อเธอคิดจะทำลายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันทำให้เธอเสียใจและรู้สึกผิดมากที่คิดอะไรเอาแต่ได้ชั่ววูบ จนต้องนึกขอโทษลูกในใจ“ฟืนอยากมีลูกจริงๆ เหรอคะ”“อยากมีสิ คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าการที่ผมแตกในใส่ขวัญทุกครั้งมันจะไม
บนโต๊ะดินเนอร์ที่ตกแต่งด้วยเชิงเทียนและดอกกุหลาบสีขาวนำเข้าช่อโตส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ขวดไวน์แดงแช่อยู่ในถังที่มีน้ำแข็งอัดจนเต็ม สเต๊กเนื้อวากิว A5 จานใหญ่ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนน้ำลายสอ แต่น่าแปลกที่วันนี้มันกลับทำให้คนตัวบางรู้สึกพะอืดพะอมจนต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนที่ชักโครกเอาอาหารมื้อก่อนหน้านี้ออกมาจนหมดกระเพาะ“ของขวัญ..เป็นอะไรครับ”อัครารีบวิ่งตามแฟนสาวมาลูบหลังให้ด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ช่วงที่เธออ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบปลายภาคครั้งสุดท้ายของชีวิตนักศึกษา เธอเคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า จนทำให้เธอกลายเป็นโรคกระเพาะอาหารแบบนี้“ขวัญคลื่นไส้ค่ะ มันเหม็น”“เหม็นอะไรครับ ดอกไม้เหรอ มันมียาฆ่าแมลงหรือเปล่า เดี๋ยวผมเอาไปทิ้งให้นะ”“ไม่ได้เหม็นดอกไม้ค่ะ เหม็นสเต๊ก ขวัญว่ามันบูด”อัคราเลิกคิ้วสูงสเต๊กเนื้อวากิว A5 ของโปรดของเธอ มันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนออกปานนั้น จะเสียได้อย่างไร อีกอย่างเขาเลือกมาเปิดห้องพักสุดหรูของโรงแรมชื่อดังและให้ทางโรงแรมจัดโต๊ะดินเนอร์ส่วนตัวให้ในห้อง อาหารจานนั้นราคาเหยียบหมื่น ทางโรงแรมไม่มีทางนำเนื้อวัวเสียมาทำอาหารให้กับลูกค้าระดับนี้แน่ๆ“เนื้อไม่บูดหรอกครับขวั
“ทำศพค่ะ ขวัญจะเป็นเจ้าภาพข้าวต้มคืนแรกให้”“โห ที่รักใจร้ายจัง”เขาก้มหน้าลงมาหาเธอที่เงยหน้าขึ้นมองเขาพอดิบพอดี จึงจูบหน้าผากมนอย่างแผ่วเบาครั้งหนึ่ง“ก็ฟืนเป็นของขวัญ ขวัญหวง”เธออมยิ้มแล้วยกตัวขึ้นจูบปลายคางเขาอย่างออดอ้อน การกระทำที่แสนน่ารักของเธอทำเอาหัวใจแกร่งอุ่นวาบไปทั้งดวง“ผมก็หวงขวัญเหมือนกัน ทั้งรักทั้งหวงเลยรู้ไหม”“รู้สิคะ วันนี้ขอบคุณฟืนมากจริงๆ นะ ที่เอะใจเรื่องนี้จนตามไปช่วยขวัญไว้ได้ทัน ตอนนั้นขวัญกลัวมาก ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าโดนมันปล้ำจริงๆ แล้วขวัญจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง ตอนนั้นขยะแขยงแทบอ้วก”“ขวัญอย่าคิดแบบนี้รู้ไหม ต่อให้ผมตามไปช่วยขวัญไม่ทันแล้วขวัญต้องโดนมันทำอะไรจริงๆ ผมก็ไม่อยากให้ขวัญคิดว่าตัวเองสกปรกไม่มีค่า เพราะขวัญมีค่าสำหรับผมเสมอ และผมไม่ได้สนใจเรื่องนี้ ผมยังรักขวัญเหมือนเดิมและรับได้ทุกอย่าง”“ขวัญโชคดีจังที่คืนนั้นห้าวไปแย่งเหล้าของฟืนมากิน ไม่อย่างนั้นเราก็คงไม่มีวันนี้”“ฮ่าๆๆ ต่อให้คืนนั้นขวัญไม่โดนมอมยา ยังไงเราก็ต้องได้คบกันแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำไมล่ะ คืนนั้นฟืนตั้งใจจะปล้ำขวัญอยู่แล้วหรือ”“เปล่าซะหน่อย ถ้าขวัญไม่ยอม ผมก็ไม่ทำหรอก ขวัญก็รู้
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้งอัคราก็พาขวัญชนกกลับคอนโดมิเนียม เกศรินและอัคคีรอคนทั้งคู่อยู่แล้วที่ห้องชุดของฝาแฝด เขาจึงพาเธอมาหาเพื่อนก่อน“ยัยขวัญ เป็นไงบ้าง ฉันเป็นห่วงแกแทบแย่ เจ็บตรงไหนไหม”เกศรินตรงเข้ามากอดแล้วสำรวจร่างกายบอบบางเพื่อหาร่องรอยการถูกทำร้าย เมื่อเห็นมุมปากแตกยับเริ่มมีสีม่วงช้ำก็รู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ไม่ต่างจากอัคคีเลย“นี่มันตบแกเหรอ ไอ้ชลัชมันชั่วจริงๆ”“ใจเย็นเกรซ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว โชคดีมากที่ฟืนไหวตัวทันโทรหาพ่อ เลยรู้ว่าฉันโดนหลอก ไม่อย่างนั้นฉันต้องตกเป็นเมียของไอ้ชลัชมันแน่ๆ”“ไอ้เลว โดนฟืนยำตีนมันยังน้อยไป แล้วทำไมแกไม่ลากคอมันเข้าคุกไปซะ จะปล่อยให้มันลอยนวลทำไม”“ฉันไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย เกิดถึงหูนักข่าวขึ้นมาก็มีแต่เสียกับเสีย ทั้งบ้านฉันบ้านฟืน ไหนจะคุณตาอีก”“แล้วพ่อแกว่ายังไง”“หย่ากับยัยนั่นแล้ว ตอนนี้พวกนั้นก็กำลังเก็บของออกจากบ้านของฉันอยู่”“ยังดีนะที่คราวนี้พ่อเลือกแก”“ก็หลักฐานมันเห็นคาตาขนาดนั้น ถ้าพ่อยังไม่เชื่อฉันกับฟืนอีกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ที่จริงถ้ายัยชนิสากับลูกๆ ไม่เป็นคนแบบนี้ ฉันก็คงปล่อยให้อยู่กับพ่อต่อไ