ท่ามกลางความโกลาหลเชี่ยวกราก มีเพียงแขนใหญ่ยักษ์ของปีศาจคิวที่คอยฉุดรั้งมนุษย์หนุ่ม ไม่ให้โดนกระแสพิษสวาทพัดพาจนหลุดไกล
ดันเต้โอบกอดยึดโยงมิวเอาไว้จากทางด้านหลัง ลมหายใจติดขัดจากอาการเหนื่อยหอบ ใบหน้าแดงฉานราวดวงตะวันใกล้ตกดิน
ท่อนล่างชุ่มโชกไปด้วยของเหลวหลากหลายชนิด รวมไปถึงโซฟาเลอะเป็นคราบจนทั่ว คาดว่าการทำความสะอาดคงไม่ง่าย
ร่างเล็กในวงแขนดิ้นกระสับกระส่ายด้วยจิตใจไม่มั่นคง ถึงภารกิจจะลุล่วงไปด้วยดี ทว่าก็ยังเหลือช่องว่างรอการเติมเต็ม
นัยน์ตาของอมนุษย์ในร่างชายหนุ่มเรืองรองเป็นสีทอง แม้พลังจะกลับคืนมาไม่เต็มร้อย แต่ก็มากพอจะพาเขาและมนุษย์นอ้อมกอดหลบลี้หนีข้ามไปยังอีกดินแดน
เพียงฝ่ามือหนาใหญ่กางออกทาบทับเข้ากับใบหน้าหื่นกระหาย มนุษย์หนุ่มก็ผล็อยหลับโดยไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกทุกอย่างมลายหายพร้อมกับสติ ราวกับทุกอย่างกำลังเริ่มต้นใหม่…
เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ เปลวไฟแผดเผาตามร่างกายมอดดับลง มิวรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก แม้จะมีเศษเสี้ยวบางอย่างคุกรุ่นอยู่ในช่องท้อง
ทั้งห้องสาดส่องด้วยแสงจากธรรมชาติ มันไม่ได้มาจากหลอดไฟระคายตา ทว่านวลตากว่ามาก…
ปีศาจผิวเข้มลดฝ่ามือลง เพื่อให้ใบหน้าของมนุษย์ผู้งุนงงทำความเข้าใจกับภาพตรงหน้าให้เต็มสองตา ก้อนหมอกขมุกขมัวปะทะผิวหนังนำพาความเย็นชื้นหอบมาพร้อมกัน
เพียงการสะบัดมือหนาใหญ่อย่างแผ่วเบา วิสัยทัศน์คับแคบก็ค่อยๆกระจ่างขึ้น มิวส่ายหน้าไปมาเพื่อสำรวจที่ทางของตัวเอง
ดวงตาสดใสมองภาพทุกอย่างชัดเจนกว่าเมื่อนาทีก่อนมาก แม้ควันสีข้าวจะห้อมล้อมอยู่ห่างไปไม่ถึงเมตร
‘ห้องนอนของฉันเหรอ?’ มนุษย์หนุ่มขยี้ตาพลางหันมองรอบตัว ม่านหมอกค่อยถอยร่น
นิ้วมือเรียวยาวไล้ลู่ตามผ้าปูลายคุ้นตา ความอ่อนนุ่มที่สัมผัสได้ไม่ต่างจากของจริง เว้นเพียงแต่ภาพขมุกขมัวเบื้องหน้าทำให้มิวรู้ว่านี่คือความฝัน
“ตัวของนายยังร้อนอยู่เลย” ดันเต้กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
เสียงทุ้มนุ่มลึกทำให้มิวรู้สึกถึงตัวตนของอีกคนด้านหลัง สติบางส่วนจึงพอค้นพบทางกลับคืนมาบ้าง
ไม่สามารถปฏิเสธได้จนเต็มปากว่าเมื่อกี้ไม่ใช่ตัวเขา ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มรับรู้ถึงทุกการกระทำของตัวเอง เพียงแต่หน้ามืดตามัวไปกับแรงผลักดันรุนแรงในกายอันรุ่งโรจน์ และไม่อาจกักเก็บความหิวโหยตามที่ควรจะเป็นได้
เมื่อคิดถึงเรื่องน่าอายที่พึ่งทำลงไป มิวก็อยากม้วนตัวหนีหายไปในม่านหมอก
“เป็นอะไรไป? ทำไมถึงเงียบนัก” ดันเต้ขยี้จุดละอาย “ตะกี้ยังลามกอยู่เลยนี่”
“พูดมากน่า”
“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้”
“อือ” มิวรวบรวมสมาธิได้ยากเมื่อด้านหลังถูกดุนดันด้วยเนื้อท่อนใหญ่
“นายดีขึ้นหรือยัง?”
“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ข้างในเหมือนมีแก๊สร้อนๆอัดอยู่เต็มตัว” มิววางท้ายทอยลงบนแผงอกแข็งแรงของดันเต้ “แน่นไปหมด”
“ที่นี่คงช่วยบรรเทาแต่คงไม่ได้ทำให้นายหายดี พวกเราคงต้องอยู่ในนี้อีกสักพัก” ดันเต้กัดฟันกรอด “เจ้าเทพหมานั่นมีพลังเยอะขนาดนั้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัวได้ยังไงกัน”
ดูเหมือนว่าความเย็นสบายของสายหมอกไม่อาจช่วยระงับเวทมนตร์แปลกปลอมได้นานนัก ความร้อนจากหน้าท้องของมิวค่อยลามไปตามเส้นเลือด เด็กหนุ่มขดเกร็งร่างกายเพื่อบรรเทาความแสบ
“ไม่รู้สิ! แต่นายช่วยทำอะไรสักอย่างได้ไหม” มิวออดอ้อน “ร่างกายของฉันเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ”
สายตาของดันเต้หลุบต่ำลงมองไปยังเป้าที่นูนกลมของมิว “ฉันน่าจะใช้วิธีเดียวกับที่นายทำได้ ขอแค่ระบายเวทมนตร์ที่นายรับเข้าไปออกมา”
มิวเอียงคอยั่วยวน “งั้นช่วยฉันหน่อย”
ถึงจะรู้ว่ามนุษย์ในอ้อมแขนถูกใช้เป็นเครื่องมือหลายครั้งหลายหน ดันเต้ก็ไม่อาจหักห้ามตามสัญชาตญาณ เมื่ออาหารอันโอชะจ่อปากขนาดนี้ หากไม่ลิ้มลองก็คงโดนเพื่อนปีศาจล้อไปชั่วกัปชั่วกัลป์
กลิ่นของมิวแผ่ซ่านจากร่างกาย มันแตกต่างและไม่เหมือนเดิม พีชหอมหวานซ่อนเปรี้ยวเหม็นคละคลุ้งด้วยกลิ่นฉุนของวานิลลา แม้นไม่ใช่สิ่งอันพึงประสงค์ของดันเต้ แต่เขาก็ตระหนักดี… เป็นเพราะมนุษย์ของเขาถูกสิ่งแปลกปลอมเจือปน
การชำระล้างจากความฝันเท่านั้นถึงจะช่วยมิวได้…
ดันเต้โน้มตัวเข้าหาใบหน้าของมิวในขณะที่ดวงตาจับจ้องอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ลมหายใจพันเกี่ยวขดกันเป็นวงในอากาศ
เปลือกตาปิดสนิทพร้อมรอบจูบแห่งปีศาจ ดันเต้ละเลียดชิมริมฝีปากนุ่มสีระเรื่อนั้นอย่างละเมียดละไม อีกฝ่ายตอบสนองกลับในแบบเดียวกัน
ในความคิดหนึ่ง… ดันเต้ไม่แน่ใจว่าน้ำลายของเขาจะเป็นพิษต่อมิวเพิ่มหรือไม่ แต่คงไม่เป็นอะไรมากหากทั้งคู่ยังอยู่อาณาเขตของดันเต้ ดินแดนที่พลังของเขาสูงสุดเหนือทุกดินแดน
ความอุ่นร้อนของมิวถ่ายเทเข้าไปยังร่างของปีศาจคิวบัส อ้อมกอดที่เคยมัดพันธนาการเอาไว้คลายออกอย่างหลวมๆ เมื่อทุกอย่างเข้าสู่สถานการณ์ที่ควบคุมไหว
ลิ้นของปีศาจและมนุษย์ต่อสู้ดิ้นรนอยู่ในโพรงปากอุ่นชื้น มือก็แยกย้ายทำหน้าที่เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือปลุกเร้าราคะในร่างของอีกคน
มิวเหยียดแขนข้างหนึ่งอ้อมไปยังท้ายทอยของดันเต้ ถูไถผมแต่ละเส้นอย่างทะนุถนอม มืออีกข้างก็สะกิดต้นขาหนาแกร่งของปีศาจ
สะโพกที่ถูกดุนดันจากแก่นเนื้อที่ยังแข็งอยู่โยกย้ายปลุกเร้าอย่างช่ำชอง มีเพียงแผ่นผ้าบางๆกั้นความอบอุ่นนี้เพียงเท่านั้น
“แน่ใจนะว่านายเคยมีอะไรแค่กับแฟนเก่าคนเดียว” ดันเต้ถอนรอยจูบ พยายามหาจังหวะพักชั่วคราวจากความเร่าร้อน
“อือ… ทำไม?” มิวกัดริมฝีปากจนแดง
“ร่างกายทุกส่วนของนายมันตอบสนองอย่างดี เหมือนคนที่ผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะ”
“คงเพราะฉันดูหนังโป๊มาเยอะ ตอนพยายามทำให้ไอ้นั่นแข็ง” จู่ๆมิวก็รู้สึกเขินเมื่อต้องเผยสิ่งที่ปกติไม่พูดให้คนอื่นฟัง อย่างไรเสียดันเต้ก็คงอ่านใจเขาได้อยู่ดี การพูดตรงๆอาจอึดอัดนิดหน่อยในช่วงแรก “ร่างกายคงจดจำอะไรพวกนั้นมา”
“ไม่เลว” ดันเต้ยกมุมปากสูงอย่างตื่นเต้น “ร่างกายของนายดูท่าจะยืดหยุ่นได้ดีเสียด้วย ฉันชักอยากจะลองจับขาเล็กๆของนายพาดบนบ่าเสียแล้วสิ”
“ดะ… เดี๋ยว ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายรับมาก่อน”
“แล้วนายจะติดใจ” พูดพลางมือซุกซนของดันเต้ก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของมิวทีละเม็ด
ดันเต้โน้มตัวซุกไซร้หลังใบหูของมิวจนชายหนุ่มขนลุกชูชัน ลมหายใจอุ่นร้อนพวยพุ่งสัมผัสจุดบอบบางจนมนุษย์ผู้อ่อนระทวยครางระงม “อ๊ะ… ”
หน้าอกเต่งตึงสีขาวเนียนถูกเปิดออกกว้าง จนยอดสีชมพูสดแย้มออกมารับอากาศสดชื่น ส่วนหัวแข็งชูชันและไวต่อสัมผัสมากขึ้นกว่าเดิม
มือหนาใหญ่เลื่อนต่ำลงไปยังเอวคอดของมิว ก่อนค่อยๆปลดเข็มขัดออกอย่างเชื่องช้า หัวใจสองดวงสั่นระรัวจากความตื่นเต้น
ชายหนุ่มเกร็งตึงไปทั่วทั้งตัว ใบหน้าบิดเบี้ยวจากความเสียวกระสันที่ถาโถมจากข้างบนและล่าง สะโพกบิดแอ่นหนีแท่งไฟข้างหลัง
ซิปกางเกงถูกรูดลงจนสุด คลายความรัดแน่นเพื่อเผยให้เห็นบางส่วนที่อึดอัดหลบซ่อนอยู่ในเนื้อผ้า มันสั่นผงกทักทาย
“ดูเหมือนว่าเจ้าหนูของนายคงชอบความฝันของฉัน” พูดจบดันเต้ก็สอดนิ้วมือข้อหนาเข้าไปใต้กางเกงในสีขาวที่ยุ่งเหยิงด้วยคราบเปียกชื้น “อยู่ในนี้นายคงใช้งานได้ตามใจชอบ”
แท่งเนื้อเนียนนุ่มขยายใหญ่อยู่ภายใต้ร่มผ้า เพียงแค่สัมผัสกับมือของดันเต้มันก็คายของเหลวแห่งความเสียวซ่านออกมา
มือของดันเต้นวดคลึงง่ามขาขาวเนียนละเอียดของมิว มนุษย์หนุ่มหนีบมันด้วยความกระสันสั่น ทั้งร่างกระตุกเร่าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฉันรู้แล้วว่าจะเล่นสนุกอะไรกับด้านล่างของนายดี”
“เล่นสนุกเหรอ?” มิวกัดกรามแน่น “ฉันนึกว่านายกำลังจะช่วยฉัน”
“เราทำสองอย่างนี้พร้อมกันได้” ดันเต้หัวเราะในลำคอ “ถอดกางเกงออกสิ”
“ไม่นะ… นี่นาย… ฉันไม่ยอมให้นายเอาไอ้นั่นใส่เข้ามาในตัวฉัน” มิวตกใจสุดขีด เนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ไม่ไหวหรอก”
มิวตระหนักรู้ดีว่าความฝันที่ดันเต้สร้างสรรค์นั้นไม่เหมือนกับความฝันทั่วไป ทุกความรู้สึกนั้นสมจริงราวกับเป็นมิติคู่ขนานกับโลกแห่งความเป็นจริง ฉะนั้นหากเขาโดนกระบองยักษ์ของดันเต้ตอกผ่านช่องเล็กจ้อยของตัวเอง มีหวังร่างของแยกเป็นสองซีก
“ฉันรู้ว่าตอนนี้นายยังไม่พร้อม ฉันไม่ทำอะไรรุนแรงแบบนั้นหรอกน่า… เชื่อใจฉัน”
ถึงจะกล้าๆกลัวๆ กระนั้นมิวก็ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี ณ ตอนนี้การไว้ใจปีศาจอย่างดันเต้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าใดนัก ออกจะเริ่มสนุกมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ
ไม่นานท่อนล่างของมิวก็เปลือยเปล่าโดยสมบูรณ์ เขาใช้มือปิดแท่งเอ็นที่พองตัวของตัวเองด้วยความเขินอาย จิตใจภายในยังต่อสู้กับความร้อนที่จวนเจียนระเบิด
ดันเต้วางคางไว้บนไหล่ของมิวพลางเลียนิ้วกลางของตัวเองจนชุ่ม
“นายจะทำอะไร?” มิวหวาดผวา… จากการดูหนังโป๊บ่อย เขาพอจินตนาการได้ว่าฉากต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น “ไหนนายบอกจะไม่แหย่มันเข้ามา”
“ชู่ว” ดันเต้ส่งสัญญาณเตือน “ฉันรับปากแล้วว่าจะไม่ใส่ไอ้จ้อนของฉันเข้าไปในตัวนาย แต่ฉันก็ยังอยากให้นายคุ้นชินกับอะไรก็ตามที่กำลังจะเข้าไป”
ปีศาจผู้มีดวงตาเรืองรองจับขาของของชายหนุ่มฉีกออกจนกว้าง ก่อนช้อนจะช้อนมันเอาไว้ในท่อนแขน จนรูสวาทสีชมพูหวานแสนคับแคบถูกบังคับให้เปิดเผย
หัวเข่าของชายหนุ่มถูกยกขึ้นสูงจนเกือบชนหน้าอก โชคดีที่ร่างกายของมิวยืดหยุ่นตามดันเต้พูด เลยทำให้ท่าทางยุ่งยากเหล่านี้ไม่ทำให้เขาเจ็บปวด
นิ้วที่ชุ่มโชกลื่นไถลไปตามรอยพับของกล้ามเนื้อ มิวอ่อนระทวยราวกับถูกดูดพลังงานทั้งหมดออกจากร่าง
มือของดันเต้อีกข้างก็จับประคองแท่งเนื้อสีสว่างเอาไว้ในมือ มิวเผลอจิกเล็บสั้นกุดลงบนท่อนแขนของดันเต้โดยไม่ตั้งใจ
ปลายนิ้วของดันเต้กดลงไปยังรอยจีบเนียนสะอาดอย่างแผ่วเบาจนมันยุบบุ๋มลงไป หากออกแรงอีกนิดเพียงเดียวมันก็จะถูกดูดเข้าไปยังหลุมสวาทได้อย่างง่ายดาย
มิวครางกระเส่าปลดปล่อยเมือกขาวโปร่งแสงออกมา ยังเหลือความอึดอัดอยู่ในภายในอีกมากที่ยังโหยหาช่องทางออก
“นายอยากให้ฉันใส่มันเข้าไปไหม?” ดันเต้เอ่ยถามอย่างสุภาพ แก้มและใบหูสีเข้มจากการสูบฉีดของเส้นเลือด “ถ้าฉันไม่รีบห้ามตัวเองตอนนี้ นิ้วของฉันคงโดนนายดูดเข้าไปจนหมด”
“หยุด… ก่อน” มิวใช้พลังงานมากโขในการห้ามตัวเอง ก่อนทุกอย่างจะเตลิดไปไกล “ฉันรู้สึกแปลกๆเหมือนหายใจไม่ออก”
ลมหายใจของมิวขาดห้วงเมื่อต่อสู้กับความไม่สบายตัวจากด้านล่าง เขาอยากให้ดันเต้ลองยัดนิ้วข้อใหญ่เหล่านั้นเข้าไปจนสุด ทว่าความกล้ายังไม่มากพอ
“ก็ได้! ฉันจะอดทนรอจนกว่านายจะคุ้นชิน” ดันเต้ดึงปลายนิ้วออกห่างจากหลุมดูดสีชมพูหวานแหวว ก่อนจะวางริมฝีปากทับแก้มเนียนนุ่มของมิว
ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีแต่มิวไม่รู้ว่าควรรับมือกับการเป็นฝ่ายรับอย่างไร เขาไม่อยากให้ท่าทางของเขาออกมาแย่หรือเก้กังจนชวนขัน
ชายหนุ่มคิดทดในใจเอาไว้ว่าหากกลับจากความฝัน จะลองหาข้อมูลหรืองานวิจัย ไม่คงหาหนังโป๊เฉพาะทางเป็นการเตรียมตัว เผื่อครั้งหน้าตัวเองอาจรู้สึกพร้อมมากกว่านี้
“งั้นวันนี้ฉันจะช่วยเตรียมช่วงล่างของนายให้คุ้นเคยอีกสักหน่อยแล้วกัน”
“เอ๊ะ!?”
โดยไม่ทันตั้งตัวดันเต้จับร่างเล็กกว่านอนตะแคงลงบนเตียง โดยมีเข้าโอบกอดจากทางด้านหลังเอาไว้ “ผ่อนคลายแล้วปล่อยให้ฉันนำทาง”
“ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”
ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ
เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน
ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั
เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ
การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด