"หากอยากมีชีวิตใหม่ข้าจะให้เจ้า พร้อมของวิเศษหนึ่งอย่าง" นั้นคือพรที่ได้รับจากชายชราก่อนจะถูกส่งดวงวิญญาณมาอยู่ในร่างเกอน้อยนามว่า ซีเจียง ในยุคจีนโบราณ
View More' นับแต่นี้ไปเจ้าคือซีเจียงเกอน้อยวัยสิบหกปีมีน้องชายและน้องสาวฝาแฝดที่ต้องเลี้ยงดู พ่อแม่เสียไปเมื่อสามเดือนก่อน จำไว้หากอยากมีชีวิตต่อไปเจ้าต้องสู้ชีวิต ขอให้โชคดี '
นั้นคือคำพูดของชายชราก่อนที่มือเหี่ยวย่นจะผลักดวงวิญญาณเขาเข้ามาในร่างของเกอน้อยซีเจียงที่เพิ่งหมดลมหายใจไปได้ไม่นานจากอาการตรอมใจและป่วยตาย
หลังลืมตาตื่นขึ้นมาเขาจึงตระหนักได้ว่านอกจากความทรงจำของร่างนี้เขายังมีความทรงจำเก่าในชีวิตก่อนตายกลับมาอีกด้วย ทั้งที่ตอนเป็นวิญญาณอยู่นานหลายปีเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใครมีชื่อว่าอะไร แต่ตอนนี้เขากลับจำได้แทบทุกอย่าง
ก่อนตายเขามีชื่อว่า เจียง เป็นพ่อครัวของร้านอาหารร้านหนึ่ง สาเหตุการตายหน้ามืดในขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านเช่า ทำให้รถพุ่งชนเสาไฟฟ้าและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุทันที ตายตอนอายุสามสิบปีคงเพราะทำงานกลับดึกติดต่อกันหลายวัน
ซีเจียงถอนหายใจอย่างปลดปลง นั่นคือชีวิตก่อนจะตายแม้เสียดายแค่ไหนก็ย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว ชีวิตใหม่นี้ต่างหากที่เขาจะต้องกลับมาให้ความสนใจอย่างจริงจัง
ซีเจียง เกอน้อยวัยสิบหกปี มีน้องชายหนึ่งคนน้องสาวหนึ่งคนเป็นฝาแฝดกันอายุสิบปี บิดามารดาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสามเดือนก่อนในขณะที่ครอบครัวพวกเขากำลังเดินทางย้ายถิ่นฐานเพื่อมาอาศัยกับครอบครัวฝั่งบิดาที่หมู่บ้านเล็กๆ ต่างเมือง
ระหว่างทางมีโจรป่าเข้ามาชิงปล้นสะดมบิดากับมารดาจึงถูกฆ่าตายแต่โชคดีที่พวกเขาสามคนพี่น้องหนีรอดมาได้
แม้ซีเจียงจะดิ้นรนพาน้องสองคนมาจนถึงหมู่บ้านซูไฉของเมืองซานหวนที่ท่านปู่ท่านย่าอาศัยอยู่ได้ แต่เพราะความเสียใจที่ไม่สามารถช่วยชีวิตบิดาและมารดาจึงทำให้เจ้าตัวตรอมใจหนักจนจับไข้ได้ป่วยมาตลอดระยะเวลาสามเดือนและเพิ่งมาหมดลมหายใจเมื่อครู่นี้ก่อนแสงแรกของเช้าวันใหม่จะมาเยือน หลังจากนั้นเขาก็ถูกชายชราผมขาวผลักเข้ามาอยู่ในร่างเล็กๆ นี้แทนเจ้าของตัวจริง
ซีเจียงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มองบรรยากาศภายในห้องนอนเล็กๆ ที่ฝาผนังกั้นด้วยไม้ไผ่ แม้พวกเขาสามพี่น้องจะได้พบหน้าท่านปู่ท่านย่าแล้วก็จริง แต่เพราะบ้านใหญ่นอกจากมีท่านปู่ท่านย่าอาศัยอยู่แล้วก็ยังมีท่านลุงและป้าสะใภ้พร้อมบุตรของพวกท่านรวมอยู่ด้วยอีกทั้งหมดห้าคน
ในบ้านจึงมีห้องไม่พอให้พวกเขาสามพี่น้องอาศัยด้วย ท่านลุงจึงได้มาสร้างบ้านไม้ไผ่หลังเล็กๆ ให้พวกเขาอยู่ด้านหลังไกลจากบ้านใหญ่พอสมควรซึ่งติดกับลำธารสายเล็กๆ ซึ่งเป็นเขตที่ดินของสกุลซีนั่นเอง
ตลอดสามเดือนมานี้ตัวซีเจียงที่เป็นพี่คนโตแทบไม่ได้ช่วยน้องๆ ทำมาหากินอะไรเลย แทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าน้องฝาแฝดจะอยู่จะกินกันอย่างไร วันๆ ได้แต่นอนหมดอาลัยตายอยาก ข้าวต้มที่น้องสาวนำมาป้อนให้เพียงวันละมื้อก็แทบจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย และแล้วร่างกายที่ไม่สบายมานานแถมขาดสารอาหารก็ตายไปในที่สุด
หลังจากนั่งทบทวนจนรู้แจ้งแก่ใจซีเจียงเจ้าของร่างคนใหม่ก็ค่อยๆ พาร่างกายที่แสนอ่อนแรงลุกขึ้นยืนจนสำเร็จ
" บ้าจริง "
เมื่อร่างกายซวนเซจวนจะล้มลง มือเรียวผอมรีบคว้าพยุงตัวกับขอบประตูห้องนอนพร้อมคำสบถออกมาทันที ดูท่างานนี้เขาต้องทำให้ตัวเองแข็งแรงเสียก่อนแล้วค่อยมาคิดกันใหม่ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตนี้ดี
คงเพราะร่างกายขาดสารอาหารจึงทำให้ทรุดโทรมอ่อนแรงมากขนาดนี้ หลังจากหายอาการหน้ามืดแล้วซีเจียงจึงเปิดประตูห้องออกมาก็เจอเข้ากับชานหน้าบ้านเล็กๆ เขาจึงเดินออกมานั่งลงแล้วพยายามมองหาน้องฝาแฝดทั้งสองคน
จากความทรงจำซีเจียงรับรู้เพียงว่าช่วงกลางวันน้องๆ จะหายไปเกือบทั้งวัน แล้วจะกลับมาอีกทีตอนท้องฟ้าใกล้มืดเต็มทีพร้อมข้าวต้นที่น้องสาวนำมาป้อนให้วันละหนึ่งมื้อเท่านั้น
คิดมาถึงตรงนี้ก็เกิดความสงสัยว่าเด็กสองคนนั้นหายไปไหนและไปทำอะไรกันทั้งวัน
หลังจากนั่งจนรู้สึกมีแรงขึ้นมาเล็กน้อย ร่างผอมบางจึงเดินไปทางหลังบ้านที่มีลำธารน้ำใสไหลผ่าน ฝ่ามือผอมกอบน้ำขึ้นมาดื่มดับกระหายแล้วกวักขึ้นล้างหน้าล้างตาให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้เล็กน้อย
พอได้ดื่นน้ำร่างกายที่อ่อนแรงก็ดีขึ้นมาซีเจียงลุกขึ้นหันมองบ้านไม้ไผ่อีกครั้ง ดูอย่างไรมันก็กระต๊อบปลายนาดีๆ นี่เอง พวกเขาสามพี่น้องนอนห้องเดียวกัน หน้าบ้านมีชานบ้านเล็กๆ ให้นั่งกันนิดหน่อย ไม่มีครัว ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีอะไรเลยที่จะเรียกว่าบ้านเต็มปากเต็มคำ
สามเดือนมานี้เด็กๆ อยู่กันได้อย่างไรนะ ซีเจียงอดคิดอย่างเวทนาไม่ได้ นึกถึงข้าวต้มเปล่าๆ ที่น้องสาวนำมาป้อนให้คนป่วยกินยิ่งพาลให้หัวใจเขาหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
การใช้ชีวิตในโลกจีนโบราณแห่งนี้เขาคงต้องสู้ชีวิตสินะ
แต่ไม่เป็นไรหรอกตอนนี้เขาได้กลับมามีลมหายใจอีกครั้งแล้ว และเขาจะไม่ยอมตายอีกเด็ดขาด คนอย่างเขาสู้ชีวิตมาตลอดตั้งแต่ก่อนตาย ต่อให้ชีวิตใหม่นี้จะดูยากลำบากกว่าขนาดไหนเขาก็ไม่ย่อท้ออยู่ดี
ซีเจียงเดินกลับไปสำรวจกระต๊อบไม้ไผ่อีกครั้ง เปิดประตูเข้าไปก็มีเพียงหมอนสามใบ ผ้าห่มบางๆ สามผืน มุมห้องมีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุดพับเรียงกันอยู่มองดูก็รู้ว่าทั้งสามคนมีชุดให้ใส่แค่คนละสามชุดเท่านั้น มีของใช้อีกนิดหน่อย มีกาต้มน้ำหนึ่งกาเล็กๆ เด็กๆ คงเอาน้ำจากในลำธารมาต้มดื่มเป็นแน่ และดูจากก้อนหินสามก้อนตรงพื้นข้างบ้านที่มีร่องรอยการก่อไฟและหม้อใบเล็กแขวนอยู่ใกล้ๆ กัน เด็กๆ คงใช้ตรงนี้ต้มน้ำและต้มข้าวต้ม ยิ่งคิดยิ่งทำให้ซีเจียงสงสารเด็กฝาแฝดสองคนนั้นเข้าไปอีกเป็นเท่าตัว
ซีเจียงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อยากรู้ว่าตอนนี้น้องๆ หายไปไหน อยากเดินตามหาแต่ร่างกายเขาก็ไม่ได้มีแรงเยอะขนาดนั้น ก่อนจะออกตามหาน้องๆ เขาต้องทำให้ร่างกายนี้มีแรงเสียก่อนเป็นดีที่สุด
มือเรียวผอมคว้ามีดพร้าที่เหน็บอยู่ข้างบ้านมาถือไว้ เดินไปตัดต้นไผ่ต้นเล็กๆ มาเหลาจนปลายมันแหลมคม เขาจะนำไม้ไผ่มาแทงปลาในลำธาร
ปลาในลำธารเยอะนักแถมตัวใหญ่มาก หากใช้วิธีนี้จะทำให้การจับปลามาทำเป็นอาหารง่ายขึ้น
เมื่อเหลาไม้ไผ่เสร็จแล้วซีเจียงก็เดินย่องลงไปยืนนิ่งๆ อยู่กลางลำธารที่ความลึกของน้ำอยู่เพียงสะโพกเขาเท่านั้น
นัยน์ตากลมโตจ้องมองตัวปลาผ่านน้ำใส่กระจ่าง มือที่ถือไม้ไผ่ยกขึ้นตั้งท่าเมื่อได้จังหวะก็จัดการแทงปลาตัวใหญ่ทันที
" เยส! "
เสียงดีใจดังออกมาเมื่อได้ปลาอย่างที่หวัง ซีเจียงถอดปลาตัวใหญ่ออกจากไม้ไผ่แหลมคมโยนมันขึ้นไปบนฝั่งก่อนที่เขาจะหันมาจัดการแทงปลาตัวใหญ่ๆ ได้อีกสองตัว
เมื่อได้วัตถุดิบทำอาหารแล้ว ซีเจียงจึงถือโอกาสอาบน้ำอาบท่าเสียเลย ใช้เวลาล้างตัวอยู่ครู่หนึ่งก็ขึ้นจากลำธารแล้วไปเด็ดใบไม้ใบใหญ่มาทำเป็นที่รองปลาแทนกะละมัง จัดการเอาเครื่องในปลาออกมาจนหมดทั้งสามตัวแต่ไม่ได้ขดเกล็ดปลาแต่อย่างใดเพราะเขาตั้งใจจะย่างปลาทานนั่นเอง
หลังล้างปลาจนสะอาดแล้วซีเจียงเหลาไม้ไผ่เพื่อนำมาเสียบปลาทั้งสามตัว เมื่อเสียบปลาเสร็จแล้วก็มาจัดการก่อไฟโดยข้างเตามีถ่านหินก้อนเล็กๆ สองก้อน มันต้องเคาะเสียดสีกันไฟถึงจะติด หาไม้มีง้ามมาทำเป็นที่วางย่างปลาไว้เขาจะได้ไม่ต้องเมื่อยมือถือปลาให้เหนื่อย เขี่ยไฟให้มันกระจายตัวปลาที่ย่างไว้จะได้ไม่ไหม้ ซีเจียงจึงละไปจัดการตัวเองในบ้าน เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จก็นำผ้าที่เปียกไปซักน้ำเปล่าในลำธารอีกครั้งก่อนจะนำชุดไปตากไว้ที่ราวตากผ้า
แม้ชุดที่ใส่จะดูรุ่มร่ามแตกต่างจากเสื้อผ้าในชีวิตก่อนมากแต่เขาก็เข้าใจได้การแต่งกายของคนในยุคนี้ไม่ต่างอะไรกับหนังจีนที่เคยดูในทีวีเลย
เงยหน้ามองพระอาทิตย์ตอนนี้ก็คงใกล้เที่ยงเต็มที ไม่รู้ฝาแฝดทำอะไรอยู่กันแน่ อดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้
เมื่อปลาตัวแรกสุกดีแล้ว ซีเจียงก็จัดการนำปลาตัวต่อไปย่างต่อทันที มือเรียวหยิบฟืนมาใส่ไฟแล้วหันมาจัดการทานเนื้อปลาเพิ่มพลังงานให้ร่างกายเร็วๆ เขาจะได้เดินไปดูน้องอีกสองคนว่าทำอะไรอยู่ถึงหายไปทั้งวันแบบนี้
กว่าจะทานปลาหมด ปลาตัวที่สามก็ย่างสุกพอดี ซีเจียงจัดการห่อปลาทั้งสองตัวไว้ให้น้องแล้วนำไปไว้ในบ้าน เขาดื่มน้ำจากในกาเสร็จก็เดินออกมาปิดประตูบ้านแล้วเดินมุ่งหน้าตรงไปทางบ้านใหญ่จากความทรงจำ
ระหว่างทางมือเรียวก็ยกขึ้นจัดการม้วนผมยาวๆ ของตัวเอง คว้ากิ่งไม้ข้างทางมาปักผมแทนปิ่นไว้อย่างแน่นหนา สายตามองสอดส่องไปทั่วบริเวณอย่างคนช่างสังเกตเห็นอะไรที่สามารถทานได้ก็หมายตาเอาไว้ ตอนเดินกลับจะได้แวะเอาไปทำของกินกัน
เดินมาสักพักเขาก็เห็นหลังบ้านที่สร้างด้วยอิฐอยู่ไม่ไกล แต่พอยิ่งเดินเข้าไปใกล้คิ้วเรียวก็ต้องขมวดเข้าหากันยุ่ง
" เลี้ยงเสียข้าวสุก! เจ้าสองคนพี่น้องตั้งใจจะถ่วงเวลาใช่หรือไม่ "
หากจำไม่ผิดผู้หญิงที่ยืนเท้าสะเอวค้ำหัวเด็กๆ อยู่นั้นมันป้าสะใภ้ของซีเจียงภรรยาท่านลุงซีถ่งชื่อว่านางลั่วหลัน
" ขอโทษเจ้าค่ะ/พวกข้าจะรีบซักให้เสร็จขอรับ "
และเด็กสองคนนั้นที่กำลังซักผ้ากองใหญ่อยู่มันน้องสาวและน้องชายฝาแฝดของซีเจียงหนิ
" รีบซักผ้าให้เสร็จแล้วตักน้ำให้เต็มโอ่งไม่เช่นนั้นพวกเจ้าอดได้ข้าวสารกลับไปทานแน่ "
ซีเจียงทนไม่ไหวเมื่อเห็นว่าป้าสะใภ้กำลังจะเดินเข้าบ้านไปเขารีบรั้งไว้ทันที
" หมายความเช่นไรที่ท่านกล่าวว่าจะไม่ให้ข้าวสารน้องข้ากลับไปทาน "
ลั่วหลันหันขวับมามองซีเจียงอย่างตกใจ ไม่ใช่แค่ป้าสะใภ้ที่ตกใจแต่น้องฝาแฝดทั้งสองก็ตกใจไม่แพ้กัน แตกต่างกันตรงที่เด็กๆ ดีใจที่พี่ชายหายจากอาการป่วยแล้ว ส่วนป้าสะใภ้กลับตกใจที่ซีเจียงมาได้ยินสิ่งที่นางกล่าวกับเด็กๆ สองคนนี้
" ว่าอย่างไรเล่าป้าสะใภ้ "
ซีเจียงรีบคว้าร่างน้องๆ สองคนมากอดไว้ก่อนจะเงยหน้ามองป้าสะใภ้อีกครั้งอย่างไม่พอใจกับการกระทำของนาง อย่าบอกนะที่น้องๆ หายไปทั้งวันเพราะต้องมาทำงานบ้านแทนป้าสะใภ้แลกข้าวสารเพียงวันละหนึ่งมื้อ
และใช่ สามีเขาดูแลดีชนิดที่ว่าตัวเขาแทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลยแม้แต่อาหารที่ต้องทำขายนอกจากนั่งชิมรสชาติอาหารทั้งสามเมนูที่สามีเป็นคนลงมีทำเองตั้งแต่ต้นจนจบเท่านั้นจื่อหย่งเป็นคนช่างสังเกตและเรียนรู้เร็ว ที่สำคัญทำอาหารได้เร็วกว่าเขาอีกต่างหากด้วยนี่สิ ส่วนเรื่องรสชาติแค่มีเครื่องปรุงครบทุกอย่างก็อร่อยได้ไม่ยากเลยตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ว่าเขาท้อง ทั้งสามีทั้งน้องๆไม่ยอมให้เขาช่วยหยิบช่วยจับอะไรสักอย่าง ประคบประหงมเสียจนเขาแอบอ่อนใจ เขาแค่ท้องไงไม่ได้ป่วยหนักเสียหน่อยส่วนเรื่องจ้างคนเก็บผักเขาก็ตกลงรับเด็กๆบ้านสกุลหานทำงานเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันและจ่ายให้เท่าๆกันทุกคนด้วยแรงงานรายวันในเมืองซานหวนค่าแรงอยู่ที่วันละสามร้อยอีแปะเท่านั้น แต่เขาจ้างเด็กๆวันละห้าร้อยอีแปะและมีอาหารให้ทานครบสามมื้อ เริ่มงานวันแรกคือวันนี้ หลังจากเตรียมของทุกอย่างเสร็จพวกเขาก็พากันออกมาจากมิติ เข้าออกมิติถึงสามรอบกว่าจะนำของออกมาครบทุกอย่าง และพอเปิดประตูบ้านเด็กๆสกุลหานก็นั่งรออยู่หน้าร้านเรียบร้อยแล้วเด็กๆสกุลหานช่างรู้งานนักเมื่อเห็นจื่อหย่งยกของออกมาวางหน้าร้านพวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยยกของกันใ
ผลปรากฏว่าหิมะตกปีนี้ลากยาวไปถึงสองเดือนเต็มทีเดียวตลอดสองเดือนมานี้พวกเขาสี่คนช่วยกันขายอาหารทุกวัน ตอนนี้เมนูที่ขายนั้นนอกจากขนมจีนเส้นสด โจ๊กสาหร่ายแล้ว ยังมีเมนูขนมหวานอีกหนึ่งเมนูด้วยคือบัวลอยน้ำขิง เป็นสามเมนูที่ขายดิบขายดีทำเพิ่มเท่าไหร่ก็ขายหมดไม่มีเหลือตอนนี้พวกเขาเก็บเงินได้หลายแสนตำลึงทองแล้ว หากไม่นับเงินค่าสินสอดของสามีอะนะตั้งใจเอาไว้ว่าหิมะหยุดตกเมื่อไหร่ก็จะเริ่มขยับขยายที่อยู่อาศัยทันทีคืนนี้ซีเจียงจึงทำการวาดแปลนบ้านเพื่อจะให้สามีนำไปให้ช่างรับจ้างทำบ้านในวันพรุ่งนี้ ส่วนบ้านเช่าตรงนี้เขาจะปรับเปลี่ยนเป็นร้านขายอาหารเล็กๆเพราะในอนาคตเขาจะขายทั้งอาหารและผักไปพร้อมกันเลย" เจ้าจะเก่งเกินไปแล้วภรรยาข้า "จื่อหย่งที่เห็นซีเจียงวาดแปลนบ้านอดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ คนอะไรจะเก่งไปเสียทุกเรื่องเช่นนี้ ซีเจียงยิ้มกว้างเอียงแก้มให้สามีหอมอย่างรู้งานเมื่ออีกคนโน้มหน้าลงมาใกล้ ก่อนจะเอ่ยเล่าให้ฟังว่าตรงไหนเป็นอะไรบ้าง" เรือนใหญ่จะเป็นที่พักของเราสองคนนะขอรับ ส่วนเรืองเล็กด้านซ้ายและด้านขวาจะเป็นที่พักส่วนตัวของอาหลงและหลินเอ๋อร์ พี่จื่อหย่งอยากได้เรือนอะไรเพิ่มอีกไหมขอรับข้าจะได
ผ่านพ้นวันแต่งงานพวกเขาสองคนไปเพียงหนึ่งอาทิตย์หิมะแรกของปีก็ตกลงมาจริงๆตามที่ชาวบ้านชาวเมืองคาดไว้ไม่มีผิดเพราะอากาศปีนี้หนาวเร็วกว่าทุกปีโชคดีที่พวกเขาสี่คนเข้ามาอยู่ในมิติตอนกลางคืนที่ภายนอกหิมะตกหนักพอดิบพอดี ถึงตอนกลางวันจะต้องออกไปใช้ชีวิตด้านนอกอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ความหนาวก็ยังน้อยกว่าตอนกลางคืนมากนักแม้มันจะหนาวมากๆก็ตามในความรู้สึกของซีเจียงในมิติแห่งนี้อากาศไม่ได้เหมือนกันกับโลกภายนอกพวกเขาจึงอยู่กันได้สบายโดยที่ไม่ต้องใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ให้รู้สึกอึดอัด" หิมะลงเช่นนี้เราคงต้องพักการปลูกผักไปก่อน "ซีเจียงกล่าวขึ้นในระหว่างนั่งทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน" พี่เห็นด้วยกับเจ้า "เกอน้อยยิ้มกว้างเมื่อสามีเห็นดีเห็นงามกับเขาทุกเรื่องไม่เคยเอ่ยปากขัดใจเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันจนกระทั่งแต่งงานแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน" แล้วเราจะทำอะไรกันดีเจ้าคะหรือจะหยุดพักการขายของไปก่อนเลย "" หิมะตกเป็นเดือนๆหากเราไม่ขายของรายได้เราก็จะหายหมดพี่ว่าจะขายอาหารเพิ่ม อากาศหนาวๆเช่นนี้ เช้าๆต้องทานโจ๊กร้อนๆถึงจะคลายหนาวได้ดี "" ทำโจ๊กอะไรดีขอรับ "ซีหลงเอ่ยถามอีกคน" โจ๊กสาหร่ายทะเล พี่จะใ
กว่าจะถึงบ้านเช่าก็เข้ายามเว่ย(13.00-14.59)พอดีตอนนี้ซีเจียงยังทำอะไรไม่ได้นักเพราะยังอยู่ในชุดแต่งงานที่สำคัญมีผ้าปิดหน้าที่ยังถอดออกไม่ได้จื่อหย่งและน้องๆจึงช่วยกันขนสินสอดและสินเดิมเข้าไปเก็บไว้ในบ้านเช่า เมื่อขนทุกอย่างลงจากเกวียนจนหมดจื่อหย่งจึงถอดเกวียนไปเก็บก่อนจะพาม้าหนุ่มไปผูกไว้กับรั้วข้างบ้านแล้วเดินเข้ามานั่งในบ้านข้างๆภรรยา" พี่จื่อหย่งขอรับ "ซีเจียงได้ปรึกษากับน้องๆแล้วว่าหาเขากับจื่อหย่งแต่งงานกันเขาจะบอกเรื่องมิติวิเศษให้อีกฝ่ายรับทราบเพราะการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งสิบสองชั่วยามเขาไม่สามารถปิดบังคนรักได้เพราะถึงอย่างไรตอนกลางคืนพวกเขาก็จะเข้าไปนอนในมิติอยู่ดี สู้บอกกล่าวเสียตั้งแต่วันแรกที่ใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันเลยจะดีกว่า" ว่าอย่างไรหรือ "" คือข้า มีความลับจะบอกท่าน "จื่อหย่งมองสีหน้าจริงจังของสามพี่น้องก็ทำเอาเขาต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจังไปด้วยไม่ได้" ว่าอย่างไรเล่า "" คือข้ามี มิติวิเศษขอรับ "" เจ้าก็มีแหวนมิติเช่นกันหรือ "จื่อหย่งเลิกคิ้วถามอย่างตื่นเต้นระคนยินดีนัก" ไม่ใช่แหวนขอรับ แต่เป็นกำไลมิติ "ซีเจียงยกมือข้างที่สวมกำไลให้สามีดู แล้วก็ต้อ
การแต่งงานครานี้ซีเจียงอยากให้จัดแบบเล็กๆไม่ต้องมีขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้เปลืองเงินเปลืองทอง สินสอดก็ไม่ต้องมากมายอะไร จัดเพียงพิธีกราบไหว้ฟ้าดินและลงลายมือชื่อเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมืองก็พอแล้วแต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจขนาดนั้น แม้ซีเจียงจะไม่มีบิดามารดาแต่ยังมีท่านปู่ท่านย่า อย่างไรการจัดงานแต่งงานเขาก็ต้องไปจัดที่บ้านใหญ่สกุลซีอยู่ดี เรื่องนี้ท่านลุงซีถ่งมารับพวกเขาสามคนพี่น้องกลับไปคุยกันที่บ้านใหญ่สกุลซีทีเดียวนี่จึงถือเป็นการปิดร้านครั้งแรกที่ทำการค้าขายมาเลยก็ว่าได้" พี่จื่อหย่งและข้าต่างก็ไม่มีบิดามารดา ข้าไม่อยากจัดงานแต่งให้มันยุ่งยากขอรับท่านปู่ท่านย่า "ซีเจียงกล่าวความคิดของตัวเองออกมาตามตรง " เช่นนั้นเอาตามที่เจ้าว่าปู่กับย่าตามใจเจ้า "" ขอบคุณมากขอรับ "ซีเจียงขอบคุณท่านปู่ท่านย่าจริงๆที่ไม่บังคับอะไรเขาเลย" เรื่องสินสอดเจ้าก็ไม่ต้องแบ่งให้บ้านใหญ่ เก็บไว้เป็นทุนในอนาคต "จบคำแม่สามีลั่วหลันอยากกรีดร้องออกมาใจแทบขาด เท่ากับบ้านใหญ่สกุลซีจัดงานแต่งให้มันฟรีๆเช่นนั้นหรือ ซีเจียงเห็นกิริยาป้าสะใภ้ทุกอย่างแต่เลือกที่จะไม่พูดอะไร นางคงไม่พอใจ
นางลั่วหลันออกมาดักรอพรานหนุ่มอยู่หลายวันก็ไม่เจอ นางจึงเดินไปท้ายหมู่บ้านถามไถ่คนบ้านใกล้เรือนเคียงจึงได้ทราบว่าเจ้าพรานกำพร้านั่นจะออกไปเมืองซานหวนตั้งแต่รุ่งสางและกลับเข้าบ้านในตอนตะวันตกดินไปแล้วทุกวัน ที่สำคัญเจ้าจื่อหย่งก็ไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานสามเดือนกว่าแล้วด้วยเป็นแบบนี้ชัดเลย ไอ้เด็กเกอนั้นต้องเลี้ยงดูบุรุษเป็นแน่ ช่างน่าอับอายยิ่งนักลั่วหลันคิดในใจอย่างนึกรังเกียจเดียดฉันผ่านไปอีกสองสามวันในที่สุดนางลั่วหลันก็ดักเจอจื่อหย่งจนได้ในตอนที่ชายหนุ่มขับเกวียนเข้าหมู่บ้านผ่านหน้าบ้านสกุลซีพอดี" หยุดก่อน "จื่อหย่งหยุดเกวียนมองนางลั่วหลันนิ่งก่อนเอ่ยถาม" มีอะไรกับข้าหรือขอรับ "" ข้าน่ะไม่มี แต่พ่อแม่สามีข้าต้องการคุยกับเจ้า "พูดจบทำหน้าสะใจมองเด็กรุ่นลูกด้วยแววตาสมน้ำหน้าอยู่ในที ตอนนี้สามีนางก็รู้เรื่องแล้วแม้จะไม่พูดอะไรแต่ดูจากแววตาซีถ่งก็คงไม่สบายใจในเรื่องนี้นัก เพราะการอยู่กินก่อนแต่งงานเป็นการทำให้ชื่อเสียงของสกุลเสียหายส่วนเรื่องที่นางได้เงินค่าเช่าบ้านจากเด็กๆกลับคืนมานางเลือกที่จะไม่บอกสามี นางจะเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่นางอยากได้แทน ก็ซีถ่งยึดค่าใช้จ่ายในบ้
ตอนนี้เรื่องที่หลานๆบ้านสกุลซีเปิดร้านขายผักขายอาหารเป็นที่พูดถึงไปทั่วแม่แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านซูไฉเองก็ด้วยเพราะมีชาวบ้านในหมู่บ้านเข้าเมืองซานหวนแล้วได้ซื้อผักที่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์มาทำอาหารทานหลายคนพากันติดใจในรสชาติของผักที่กรอบอร่อยไม่เหมือนผักตามท้องตลาดเลยแม้แต่น้อย บางคนที่ได้ซื้ออาหารมาทานก็พากันชมไม่หยุดปาก จนเรื่องทุกอย่างเข้าหูนางลั่วหลันในวันหนึ่งเพราะสามีนางได้จ่ายค่าเช่าบ้านให้เด็กเหล่านั้นล่วงหน้าไปแล้วถึงสามเดือน ตลอดสามเดือนมานี้ซีถ่งเอาแต่ทำนาทุกวันและไม่เคยไปเยี่ยมหลานเลยสักครั้งจึงยังไม่ทราบข่าวว่าหลานเปิดร้านขายของและจากที่ได้ยินมาของที่ขายช่างขายดีเสียด้วยนี่สินางลั่วหลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว ในเมื่อเป็นลูกหลานสกุลซีมีรายได้ดีเช่นนี้ก็ต้องตอบแทนบุญคุณกันบ้าง รายได้พวกนั้นควรจะแบ่งให้บ้านใหญ่ครึ่งต่อครึ่งถึงจะเรียกว่ากตัญญูเช้าวันต่อมานางลั่วหลันออกอุบายกับสามีว่านางจะไปซื้อของใช้ในเมือง และเพราะทราบอยู่แล้วว่าช่วงนี้สามีไม่ว่างเพราะต้องเก็บเกี่ยวข้าวให้เร็วที่สุดก่อนหิมะจะลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ไม่ใช่แค่สามีนางที่รีบเกี่ยวข้าวแต่ชาวบ้านที่ทำนาต่างพา
สามเดือนหลังจากนั้นบ้านเช่าของสามพี่น้องก็ยังมีอดีตนายพรานหนุ่มสุดหล่อมาช่วยงานตั้งแต่รุ่งสางทุกวันไม่เคยขาดที่เรียกว่าอดีตนายพรานเพราะจื่อหย่งไม่ได้เข้าป่าล่าสัตว์มานานถึงสามเดือนแล้ว ชายหนุ่มเลือกที่จะมาช่วยงานคนรักแทน แต่เจ้าตัวก็ยังนำเนื้อสัตว์มาฝากทุกๆสองวันบอกว่าซื้อมาจากสหายอีกทีหนึ่งแม้พี่จื่อหย่งไม่ได้เข้าป่าแล้ว แต่พวกเขาก็ยังมีเนื้อสัตว์ไว้ทำอาหารทานทุกมื้ออยู่ดี สามเดือนมานี้ซีเจียงไม่เคยนำเนื้อสดจากมิติมาทำอาหารเลยจริงๆ เพราะเนื้อสัตว์ที่พี่จื่อหย่งนำมาฝากแต่ละครั้งมากมายนักแถมยังเป็นเนื้อสัตว์หลายชนิด ที่สำคัญชายหนุ่มคนรักชำแหละมาให้เสร็จเรียบร้อยสะอาดสะอ้านทุกครั้งด้วยและเรื่องการคบหาดูใจของพ่อค้าเกอคนงามกับนายพรานหนุ่มพวกลูกค้าที่มาซื้อผักและซื้ออาหารต่างก็ทราบกันดี และเรื่องนี้ก็ทำให้คนที่หมายตาพรานหนุ่มไว้ไม่พอใจมากทีเดียวโดยเฉพาะบุตรสาวเจ้าของร้านอาหารที่จื่อหย่งนำสัตว์ไปขายประจำหลายปีอย่าง แม่นางไป๋ ไป๋ฮวาหลีวันนี้นางจึงเดินมายังร้านท้ายตลาดพร้อมกับสาวใช้คนสนิทอีกหนึ่งคน" คนต่อแถวยาวเลยเจ้าค่ะคุณหนู "จูจู กล่าวขึ้นมาแผ่วเบาฮวาหลี ขมวดคิ้วไม่พอใจที่เห็นหน้าร้
สามวันต่อมาชาวบ้านที่ทราบข่าวก็พากันมาต่อแถวซื้อผักกันตั้งแต่ยามเฉิน(07.00-08.59)โชคดีที่มีพี่จื่อหย่งมาช่วยเก็บผักตั้งแต่ยามอิ๋น(03.00-04.59)จึงทำให้พวกเขามีผักไว้วางขายทันแม้จะยังเก็บผักกันไม่หมดก็ตามทีตอนมาถึงอีกฝ่ายมีท่าทางอึ้งไม่น้อยที่ผักโตเร็วมากแต่กลับไม่เอ่ยถามสักคำมีแต่จะช่วยเก็บผักและนำผักไปล้างอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนผักจำพวกพริกเมื่อรดน้ำจากสระมรกตก็กลับมาให้ดอกออกผลทุกวันและเขาก็ต้องเก็บไว้ทุกวันเช่นกัน จนวันนี้ร้านเรามีพริกทั้งสี่ชนิดมากพอสำหรักการขายอย่างแน่นอนซีเจียงจึงมีหน้าที่ขายผักเพียงอย่างเดียวในวันนี้ ส่วนอีกสามคนก็ทำหน้าที่เก็บผักล้างผักกันไปเรื่อยๆ เสร็จจากผักที่ต้องถอนก็ไปเด็ดพริกทั้งสี่ชนิดกันต่อ การขายผักวันนี้จึงใช้เวลาไปตลอดช่วงเช้าทีเดียวกว่าจะขายหมด ไม่ใช่ไม่มีลูกค้านะ แต่เพราะลูกค้าต้องรอพริกที่เก็บจากต้นมันจึงใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะนำมาขายหน้าร้านได้นับวันยิ่งมีลูกค้าเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าเสียดายที่เขาสามารถปลูกผักได้เพียงเท่านี้เพราะไม่มีที่ดินสำหรับทำแปลงผักแล้วจริงๆ ตอนนี้รอบบ้านเช่าเต็มไปด้วยแปลงผักขยับขยายไม่ได้แล้วเมื่อเก็บร้านเสร็จ
Comments