มู่หรงฉิงเทียนเห็นนางถลกแขนเสื้อขึ้นมา เผยแขนให้คนมากมายเห็นเช่นนั้น ใบหน้าจึงมีความอึมครึมชั้นหนึ่งปกคลุม เขาถลึงตาใส่อาเสอแรง ๆ จนนางตกใจสะดุ้ง รีบเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของจ่านเหยียนลง “ไทเฮาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้เพคะ ใต้เท้าทุกท่านล้วนเป็นผู้มีเหตุผล มองปราดเดียวก็ทราบว่าพระองค์ถูกปรักปรำ”
เป็นบรรยากาศเงียบสงัดราวกับความตาย ฮองเฮาที่โอหังมาตลอด เวลานี้ก็หมดคำพูดด้วยเช่นกัน
หมัวมัวที่อยู่ข้างตัวจงเสี้ยนกระซิบข้างหูนาง “ไทฮองไทเฮา เกรงว่าแต้มพรหมจรรย์จะเป็นของปลอมเพคะ ตอนที่นางเข้าวังมิได้มีแต้มพรหมจรรย์”
จงเสี้ยนตาโตและเอ่ยเสียงเย็น “น่ากลัวว่าแต้มพรหมจรรย์นี้จะเป็นของปลอม เด็ก ๆ เชิญหมอหลวง”
จ่านเหยียนชายตาขึ้นมองจงเสี้ยน “ไทฮองไทเฮา หรือว่าพระองค์ทรงอยากเห็นหม่อมฉันทรยศอดีตฮ่องเต้ให้ได้จึงจะสมพระทัย?”
“ในสายตาของข้าจะมีเม็ดกรวดไม่ได้แม้แต่น้อย หากเจ้ามิได้ทรยศอดีตฮ่องเต้ ข้าย่อมไม่เอาผิดเจ้า แต่หากทำ เช่นนั้นจะไม่ละเว้นเด็ดขาด”
จงเสี้ยนกล่าวจบก็มองหลงฉางเทียน “แม่ทัพหลง พวกท่านเคยแต้มแต้มพรหมจรรย์ให้นางหรือไม่?”
หลงฉางเทียนส่ายหน้า “ทูลไทฮองไทเฮา เนื่องจากมารดาของนางด่วนจากไ