“บ้าไปแล้ว นังเสิ่นเหยียนจอมหยิ่งนั่นจะมาร่วมงานแต่งด้วยเหรอ? จริงหรือเปล่าเนี่ย?”
“ตอนนั้นเธอสวมรวยเป็นซ่งเจินเจิน บอกว่าพ่อตัวเองเป็นคนบริจาคเงินสร้างอาคารเรียนของโรงเรียน แล้วยังบอกว่าตัวเองเป็นลูกสาวเศรษฐีอันดับต้นๆ อีก ทุกคนลืมแล้วหรือไง คนแบบนี้ยังกล้าเสนอหน้ามาเจอพวกเราอีก?”
“ใช่ๆ! ตอนนั้นซ่งเจินเจินใจดีมีเมตตาก็เลยไม่เอาเรื่อง ถ้าเป็นฉันล่ะก็ ต้องให้เธอคุกเข่าขอขมาแล้วย้ายโรงเรียนแน่!”
......
หลังจากฉันบอกว่าจะไปร่วมงานแต่ง คนในแชทกลุ่มก็พากันวิจารณ์เสียใหญ่โต
ทุกคนต่างพุ่งเป้ามาที่ฉัน เหมือนกับตอนสมัยมัธยมที่ทุกคนเชื่อว่าฉันเป็นเด็กบ้านนอกที่โกหกว่าบ้านรวย ส่วนซ่งเจินเจินเป็นลูกสาวเศรษฐีตัวจริง
ตอนนั้นฉันไม่อยากทำตัวเด่น ใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทให้กับการเรียน ไม่แต่งตัวแล้วก็ไม่เข้าหาเพื่อน ดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนกับเด็กบ้านนอกคนหนึ่งจริงๆ นั่นแหละ
ส่วนซ่งเจินเจินมักจะแต่งตัวสวยสดใส แล้วยังรู้เรื่องในวงสังคมไฮโซเป็นอย่างดี ทุกคนเลยเชื่อว่าเธอเป็นลูกสาวเศรษฐีตัวจริง
ดังนั้นฉันก็เลยโดนดูถูกเหยียดหยามสารพัด เหมือนกับที่คนในแชทกลุ่มทำตอนนี้
แต่ไม่รู้ว่าพอพรุ่งนี้มาถึงแล้ว พวกเขาจะยังรักษาความมั่นหน้าเอาไว้ได้หรือเปล่า
พอคิดแบบนี้ฉันก็อดขำไม่ได้
วันต่อมา ณ คฤหาสน์ตากอากาศ
วันนี้เป็นงานแต่งของซ่งเจินเจิน เพื่อแสดงออกถึงฐานะของตัวเอง เธอจึงจัดงานอย่างยิ่งใหญ่
คฤหาสน์ที่เดิมว่างเปล่า ตอนนี้กลับถูกตกแต่งจนงดงามตระการตา
พอเห็นคฤหาสน์ที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฉันก็เตรียมจะโทรหาพ่อบ้านว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ดันเห็นพวกลูกกระจ๊อกสมัยเรียนล้อมวงซ่งเจินเจินอยู่กลางห้องโถงใหญ่ ประจบประแจงเธอยกใหญ่
“งานแต่งของเจินเจินอลังการมากเลย คฤหาสน์ก็หลังใหญ่มาก! ชุดแต่งงานของเธอก็น่าจะแพงไม่น้อยเลย สามีของเธอต้องรวยมากแน่ๆ เลยใช่ไหม?”
“ต้องเป็นงั้นอยู่แล้ว สามีของเจินเจินน่ะเป็นถึงประธานของเซิ่งหาวกรุ๊ปเลยนะ! เขาเป็นคนใหญ่คนโต รายได้ต่อปีตั้งหลายสิบล้าน หล่อรวยครบสูตรเลยล่ะ!”
“เจินเจินก็เป็นองค์หญิงน้อยมาตั้งแต่เด็กแล้ว โตขึ้นมาก็ต้องหาสามีที่คู่ควรแบบนี้แหละ พวกเราที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นอิจฉาจนตาร้อนแล้ว!”
พวกลูกกระจ๊อกแข่งกันประจบประแจง ซ่งเจินเจินก็ยิ่งได้หน้าจนยิ้มปากจะฉีกถึงหูแล้ว
แต่ฉันไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเซิ่งหาวกรุ๊ปของสามีฉัน เปลี่ยนไปใช้แซ่ลู่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ฉันได้ยินแบบนั้นก็อดยิ้มเย้ยหยันไม่ได้
“ในเมื่อสามีเธอรวยมากขนาดนั้น ทำไมต้องมาจัดงานแต่งที่คฤหาสน์ของคนอื่นด้วยล่ะ?”
พอฉันพูดออกไปแบบนั้น
พวกลูกกระจ๊อกของซ่งเจินเจินรวมถึงตัวเธอและคนแทบทั้งหมดในห้องโถง ก็หันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
พอคนพวกนั้นเห็นฉันก็หน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะกอดอกเยาะเย้ยว่า “เสิ่นเหยียน! เธอยังมีหน้ามาร่วมงานแต่งอีกเหรอ? หน้าไม่อายจริงๆ นะ!”
“อีกอย่าง คฤหาสน์หลังนี้ก็เป็นของสามีซ่งเจินเจิน เธอจะพูดจาประชดประชันแบบนั้นทำไม? คงอิจฉาริษยาจนทนไม่ได้ล่ะสิ?”
“ยัยปลอมเปลือก! เอากระเป๋าแอร์เมสก๊อปเกรดเอมาจากที่ไหนเนี่ย? ดูโลโก้ก็รู้แล้วว่าปลอม สันดานชอบแอบอ้างเป็นคนรวยตั้งแต่เด็ก จนป่านนี้ก็ยังแก้ไม่หายอีกเหรอ!”
คำด่ายังเหมือนเดิมเป๊ะ คนพวกนี้ยังนิสัยใจคอเหมือนแต่ก่อนไม่มีเปลี่ยน
ฉันยิ้มเยาะในใจ ตอนนั้นพ่อฉันบริจาคเงินสร้างอาคารเรียนตั้งหลายหลัง
เพราะอาจารย์เห็นแก่ความสัมพันธ์เหล่านี้ ประกอบกับผลการเรียนของฉันยอดเยี่ยม ก็เลยการันตีโควต้าเข้ามหาวิทยาลัยชิงหัวและปักกิ่งให้ฉัน
แต่ซ่งเจินเจินกลับออกมาใส่ร้ายว่าฉันสวมรอยเป็นเธอ
เธอร้องไห้คร่ำครวญขณะโชว์รูปคฤหาสน์ของฉัน สระว่ายน้ำ โรงภาพยนต์ส่วนตัวและรถสปอร์ตสิบกว่าคันในโรงจอดรถของพ่อฉัน
แล้วยังมีรูปถ่ายคู่กับพ่อฉันมายืนยันอีก
พอคนเห็นรูปพวกนั้น ฉันก็เลยถูกคนทั้งโรงเรียนด่าว่าเป็นพวกหิวแสง กล้าสวมรอยแม้กระทั่งลูกสาวเศรษฐีอันดับหนึ่ง
โควตาไปมหาวิทยาลัยชิงหัวกับปักกิ่งของฉันถูกยกเลิก
ฉันคิดจะโทรหาพ่อให้แวะมาที่โรงเรียนสักรอบ แต่พ่อของฉันกลับโรคหัวใจกำเริบต้องเข้ารับการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน
เพราะไม่อยากให้กระทบจิตใจพ่อ ฉันก็เลยไม่บอกเรื่องในโรงเรียนให้พ่อฟัง
หลังจากการผ่าตัดของพ่อเสร็จสิ้นด้วยดี ฉันก็ได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของต่างประเทศพอดี
ตอนที่ไปเรียนอยู่เมืองนอก ฉันบังเอิญพบกับฮั่วเจิ้นเยี่ยนสามีคนปัจจุบันที่นั่น
หลังจากแต่งงานกัน ฉันกลับสามีก็บินกลับประเทศพร้อมกัน
แต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างที่ฉันเรียนอยู่ต่างประเทศแค่ไม่กี่ปี ซ่งเจินเจินจะยังไม่หยุดเล่นละครตบตาคน แล้วยังบุกมาก่อเรื่องถึงบ้านฉันอีก!
ฉันกำลังจะเปิดโปงว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นของฉัน แต่ยังไม่ทันจะได้พูดออกไป ซ่งเจินเจินก็พุ่งเข้ามาแล้วเงื้อมือตบหน้าฉันอย่างแรง
“เสิ่นเหยียน ตบนี้เธอเคยติดค้างฉันไว้เมื่อสิบปีก่อน! ตอนนี้ฉันจะคืนให้เธอ!”
Expand